หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1231 ต้นกำเนิดมหาเต๋าเดียวกัน!

บทที่ 1231 ต้นกำเนิดมหาเต๋าเดียวกัน!
ศึกครานี้ใช้คำว่าปราบเทพจำกัดความก็ไม่เกินเลยไป
แม้ก่อนหน้านี้หวังเป่าเล่อจะถูกคิดว่ามีพลังต่อสู้ระดับจักรวาล แต่เป็นหลังจากที่เขาเลื่อนระดับสู่จักรพิภพสะกดหลายสำนักใหญ่รวมทั้งการศิโรราบของปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐ ทว่าเขาในตอนนี้ หากแค่คนเดียว ระดับการให้ความสำคัญของตระกูลคงกระพันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น
แม้แต่มารเต๋าแห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณก็เกรงว่าจะคิดแบบเดียวกัน ถึงอย่างไรระดับกึ่งจักรวาลแบบหวังเป่าเล่อ จะเต๋าฝั่งซ้ายก็ดี สำนักเสริมก็ดี หรือในใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นล้วนแล้วแต่มีด้วยกันทั้งนั้น
อย่างเช่นคนเต๋าหยาง ปรมาจารย์เยาถง ก็อยู่ในขั้นนี้ทั้งสิ้น
แม้จะเป็นชนชั้นสูงเช่นเดียวกัน อยู่ในสภาวะที่ใกล้ถึงขีดสุดยอด แต่…ถึงอย่างไรก็ยังไม่ใช่ระดับจักรวาล การให้ความสำคัญต่อเขาอย่างมากก็เป็นเพราะเฝ้าสังเกตเต๋าของเขาที่สมบูรณ์กว่าใครๆ นี่ถึงจะเป็นจุดที่พวกเขาให้ความสนใจ
แต่ก็เป็นแต่การให้ความสนใจเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาหวาดผวาอย่างแท้จริง อันที่จริงแล้วคือปรมาจารย์แห่งไฟกับสาขาของเขา ถึงอย่างไรระดับกึ่งจักรวาลคนหนึ่งกับระดับกึ่งจักรวาลสองคนก็แน่นอนว่าต่างกันมาก
ดังนั้นในช่วงต้น หวังเป่าเล่อได้รับความสนใจจากด้านอื่นๆ ส่วนที่ทำให้เขาโดดขึ้นมาอย่างแท้จริง ก่อความหวาดกลัวมากขึ้นให้แต่ตระกูลคงกระพันก็คือเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไม้ของเขาฉกชิงขอบเขตอำนาจเต๋าสวรรค์ตระกูลคงกระพัน ควบคุมเต๋าธาตุไม้ไว้ทั้งหมด
เรื่องนี้สั่นคลอนไปทั่วจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ชนชั้นสูงทั้งหลายราวกับเห็นเส้นทางไปต่อจากเรื่องนี้
และด้วยเหตุนี้ ในใจของผู้คนจำนวนมากสถานะของหวังเป่าเล่อจึงเหนือกว่าปรมาจารย์แห่งไฟไปแล้ว กลายเป็นคนที่น่าจับตามองที่สุดในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย หากสภาพการณ์เช่นนี้มั่นคงกว่านี้สักหน่อย ก็จะดูน่าเกรงขามมากกว่านี้แน่นอน แต่หลังจากที่หวังเป่าเล่อถือสันโดษนานปี ไม่ได้ลงมือ ดังนั้นจึงมีการคาดเดาต่างๆ นาๆ ออกมา
จากการคาดเดาที่มากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ก็มีการลองหยั่งเชิงของซวนฮว๋า
หลังจากที่หวังเป่าเล่อตระหนักได้ ก็เลือกที่จะแสดงพลังที่แท้จริง สยบอย่างเด็ดขาดไปเสียเลย
แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าการหยั่งเชิงครั้งนี้ แม้จะทำให้พวกเขาสมปรารถนาเห็นพลังที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อ แต่…พลังที่แท้จริงที่แสดงออกมานี้กลับน่าหวาดกลัวอย่างไม่มีที่เปรียบ สั่นสะเทือนไปตามๆ กัน
เหมือนกับการตกปลา ไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่ตกได้กลับเป็นฉลามตัวหนึ่ง!
จันทร์ข้างแรมเดิมก็น่ากลัวอยู่แล้ว เงาจันทร์ก็ยิ่งเขย่าขวัญ และคืนพินาศในตอนสุดท้าย…กลับทำลายล้างความเข้าใจจของทุกคนไปจนสิ้น เต๋าแสงแห่งการสังหารอันสุดยอดนั้นกลับสามารถฆ่าระดับจักรพรรดิสวรรค์ได้โดยไร้ความเสียหายอย่างคาดไม่ถึง
ต้องรู้ว่าระดับกึ่งจักรวาลคนอื่นๆ หากสู้ไม่คิดชีวิตก็มีความสามารถที่จะพินาศไปพร้อมกับจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ต้องสู้อย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น ถึงขนาดมีความเป็นไปได้สูงว่าตนเองจะตาย จักรพรรดิสวรรค์สาหัส
แต่สิ่งที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมา กลับเป็น…ฆ่าฟันโดยไร้บาดเจ็บ!
นี่หมายความว่า…ต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดที่ไม่สามารถมองหวังเป่าเล่อเป็นระดับกึ่งจักรวาลได่อีก นี่เป็นระดับจักรวาลอย่างสมบูรณ์โดยแท้จริง ถึงขนาดที่ด้านการต่อสู้สามารถสะกดชั้นต้นได้!
ดังนั้น ศึกนี้ ก็คือศึกปราบเทพอย่างแท้จริง!
หลังศึกนี้ ระดับจักรวาลทั้งหมดในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นต่างมองหวังเป่าเล่อเป็นระดับเดียวกัน ถึงขนาดที่…ความหวาดกลัวในใจยังมากกว่าจักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆ อีกด้วย
หากเรียงลำดับพลังต่อสู้ พลังที่แท้จริงที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมาในครานี้ก็นับว่าไม่มีอะไรให้ละอายที่จะลำดับไว้ในระดับจักรวาลชั้นกลาง และที่จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ผู้ที่อยู่ในระดับจักรวาลชั้นกลางตอนนี้ก็มีเพียงสองคนเท่านั้น!
จีเจียและมารเต๋า!
พวกเขาจัดอยู่ในลำดับที่สอง
คนอื่นๆ เช่น กวงหมิง ซวนฮว๋า สุสานวิญญาณ นักบุญมืดและคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ชั้นต้นเท่านั้น จัดอยู่ในลำดับสาม
ส่วนชั้นปลายและผู้ที่สูงขึ้นไปกว่านั้น…มีเพียงเว่ยยางจื่อและเฉินชิงจื่อสองคนเท่านั้นที่แสดงพลังต่อสู้ระดับชั้นปลายออกมา
ส่วนผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยไม่ใช่ชั้นปลายแต่กลับไม่แพ้กัน ดังนั้นเขาจะอยู่ลำดับที่สอง แต่ถูกจัดอยู่ในขั้นกึ่งลำดับหนึ่ง
หากมองเช่นนี้ พลังแท้จริงที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมา ก็เหนือกว่าชั้นต้น เป็นผู้ที่อยู่ลำดับที่สองอย่างแน่นอนแล้ว
พลังแท้จริงเช่นนี้ทำให้ตระกูลต่างๆ ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเกิดคลื่นลูกยักษ์ขึ้นในใจ โดยเฉพาะจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ยิ่งสำนักใหญ่ทั้งหลายที่เคยล่วงเกินสหพันธรัฐต่างก็ใจระส่ำไม่เป็นสุขตั้งนานแล้ว
และเมื่อเปรียบกับพวกเขา ในเวลานี้ผู้ที่ใจเป็นสุขที่สุดก็คือ…ซวนฮว๋า
หลังจากรับการโจมตีเต๋าธาตุไม้จากหวังเป่าเล่อคราเดียว เขาดูเหมือนปกติดี แต่ในใจทั้งประหลาดใจทั้งตกใจ ดังนั้นหลังจากที่กลับมาถึงตระกูลคงกระพัน เขาจึงเลือกถือสันโดษในทันที ปิดกั้นการรับรู้ของตนเองทั้งหมด
เพราะ…เขาพบว่าพลังปราณของตนเองใกล้จะควบคุมไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่เลื่อนขั้น แต่เป็น…ไหลออก! !
ราวกับหวังเป่าเล่อได้กลายเป็นต้นกำเนิดน้ำวน หลังจากที่เต๋าของตนได้กระทบเข้ากับเขา ก็มีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งยังยิ่งควบคุมยากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุด
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือสัมผัสสวรรค์ของตัวเองราวกับมีความคิดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ความคิดนี้คือจะศิโรราบให้แก่หวังเป่าเล่อ อยากจะใกล้ชิดเขา และก็ไม่สามารถลบออกไปได้เลย ในใจเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่งอกเติบโตขึ้นมา
“ไม่ถูกสิ! ”
“ความคิดนี้ไม่ได้เกิดหลังจากศึกนี้ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีแล้ว บางเบามากจนตัวเองก็สัมผัสไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้…ที่ข้ามีความคิดอยากจะไปหยั่งเชิงหวังเป่าเล่อถึงขนาดลงมือไป เป็นเพราะ…ความคิดนี้ก่อกวนทั้งหมด! ! ”ซวนฮว๋าหน้าซีดเผือด เมื่อฝึกมาจนถึงระดับเขาแล้ว ต่อให้สามารถปิดบังได้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ก็ไม่สามารถปิดบังได้นาน ตอนนี้เขาจะไม่รู้สาเหตุได้อย่างไร…
“ต้นกำเนิดมหาเต๋าเดียวกัน! ! ”
ซวนฮว๋าสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง เต๋าที่เขาฝึกก็คือเต๋าธาตุไม้ เดิมคิดว่าแม้หวังเป่าเล่อจะชิงอำนาจของเต๋าสวรรค์ไปได้ แต่พลังปราณของเขาไม่ใช่ระดับจักรวาล ไม่มีผลต่อตัวเอง ถึงขนาดที่ในทางตรงกันข้าม หากตนเองสามารถสะกดอีกฝ่ายได้ ไม่แน่ว่าจะแย่งมหาเต๋ามาจากเขาได้ด้วย
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าความคิดนี้ของตัวเองจะมีมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้มองดูน่าจะเป็นนาทีที่เต๋าธาตุไม้ของอีกฝ่ายกำเนิดขึ้น ตัวเองก็ได้รับผลกระทบแล้ว และตอนหลังที่ประมือกันอย่างประชิด สัมผัสถูกเต๋า ระดับผลกระทบจึงระเบิดออกมาอย่างกระทันหัน
‘’ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้! ‘’ซวนฮว๋าสีหน้าบิดเบี้ยว เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน สะกดพลังปราณของตัวเองอย่างเต็มที่ สะกดความคิดที่เกิดขึ้น สำหรับเขาแล้วก็เป็นดั่งจิตมาร!
ความจริงแล้ว ใช้จิตมารจำกัดความนับว่าเหมาะสมยิ่ง
หลังจากที่ผสานรวมเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไม้ สำหรับหวังเป่าเล่อ สรรพสิ่งที่ฝึกเต๋าของตน เดิมก็สามารถกลายเป็นจิตมารได้ และการคิดวิเคราะห์ของซวนฮว๋าก็ไม่ผิด ความคิดของเขานั่นมาจากหวังเป่าเล่อจริงๆ นาทีที่ผสานรวมเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไม้ หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงซวนฮว๋าในในกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแล้ว
เพียงแต่ซวนฮว๋าเป็นระดับจักรวาล ไม่ใช่จะถูกควบคุมได้ง่ายๆ เช่นนั้น แต่ก็เป็นเพราะเขาฝึกได้ลึกซึ้งเช่นกัน เต๋าลึกล้ำ ดังนั้น…เขาจึงหลบไม่พ้น
และก็ทำให้เกิดเรื่องการมาของเขากับการสัมผัสกับตนจากการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ในช่วงที่หวังเป่าเล่อถือสันโดษ เพียงแต่หากไม่ได้รับความร่วมมือจากเฉินชิงจื่อ หวังเป่าเล่อก็คงไม่ได้ผลประโยชน์มากเช่นนี้ การลงมือของเฉินชิงจื่อทำให้พลังอำนาจของเขาพลิกขึ้นสู่ขีดสูงสุด
กลับมาตอนนี้ วินาทีที่ย่างเข้าสู่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงการดิ้นรนของซวนฮว๋า ปรายตากลับไปมองที่ไกลๆ ก่อนยิ้มออกมาและไม่สนใจอีก นำลูกแก้วที่เหมือนลูกตาในมือกลับไปยังดาวอังคาร
หลังจากที่กลับมายังดาวอังคาร หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นโบก ปรมาจารย์เยาถงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า นัยน์ตาฉายแววกระวนกระวาย ท่าทางเปี่ยมเสน่ห์ ก้มหน้า คุกเข่าคำนับที่ด้านหน้าหวังเป่าเล่อ จงใจอวดส่วนโค้งเว้าส่วนสะโพกออกมา ราวกับสำหรับเธอแล้ว นี่เป็นปฏิกิริยาที่มีต่อชนชั้นสูงอย่างหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
“บ่าวคารวะคุณชาย! ”
“เจ้าไปตระกูลคงกระพัน เรียกหาคำอธิบายแทนข้า”
“รับบัญชา! ‘’ปรมาจารย์เยาถงตอบรับเสียงเบา ไหวร่างเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วหายไป
…………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท