ภายในตำหนักราวกับโหวกเหวกแต่ก็ราวกับไร้เสียง
ฮ่องเต้จับมีดสั้นบนหน้าท้อง ทันใดนั้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ราวกับมีดสั้นเล่มนี้ไม่ได้ทิ่มแทงอยู่บนร่างกายของตนเอง
ใช่ มีดเล่มนี้ทิ่มแทงลงบนร่างกายของโจวชิง
ตรงหน้าเขาปรากฏเสียงและรอยยิ้มของโจวชิง น้ำตาทำให้ดวงตาทั้งคู่พร่ามัวอีกครั้ง
“ท่านพี่…” เขาตะโกนเรียก
โจวชิงเป็นขุนนาง แต่ก็เป็นเหมือนพี่ชาย ลับหลังเขามักจะเรียกอีกฝ่ายว่าท่านพี่อย่างไม่เหมาะสมอยู่เสมอ
ท่านพี่ ฮ่องเต้ราวกับมองเห็นโจวชิง เลือดไหลออกมาจากบนตัวของโจวชิง เปรอะเปื้อนมือของเขา
“อย่ากลัวๆ” โจวชิงจับมือของเขาเอาไว้ ถึงแม้ความเจ็บปวดจะทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว แต่สายตายังคงสุขุมเหมือนเคย เหมือนกับหลายครั้งก่อน ตอนที่ฮ่องเต้ทรงวิตกกังวล เขาคอยปลอบประโลมฮ่องเต้…ฝ่าบาท อย่าทรงกลัว เรื่องเหล่านี้จะผ่านพ้นไป ฝ่าบาทต้องทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ พวกเราย่อมสามารถบรรลุความปรารถนา เห็นการรวมเป็นหนึ่งเดียวของแผ่นดินอย่างแท้จริง
อย่ากลัวๆ น้ำตาของฮ่องเต้หลั่งไหลลงมาอีกครั้ง เรื่องที่ต้องเผชิญก็ต้องเผชิญ ภาพลวงตาตรงหน้าสลายไป ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกอีกครั้ง
บรรดาพระสนมกำลังร้องไห้ ปะปนไปด้วยเสียงของเฉินตันจู “ฝ่าบาท ทรงให้คำตอบแก่โจวเสวียนเถิดเพคะ ให้เขาได้ตายตาหลับ”
เฉินตันจูผู้นี้ ไม่มีเรื่องที่นางไม่เกี่ยวพันบ้างเลยหรือ
“มั่วหลิน พาเขาเข้ามา” ฮ่องเต้ทรงเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า
มั่วหลินน้อมรับคำสั่ง แต่มีเพียงฉู่อวี๋หยงหลบออกเขาถึงจะทำได้ ฉู่อวี๋หยงไม่พูดสิ่งใด เขาเก็บดาบและเท้าที่เหยียบโจวเสวียนเอาไว้กลับมา
มั่วหลิวหิ้วโจวเสวียนเข้ามา โจวเสวียนถูกขันทีจิ้นจงถีบออกไปก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ก่อนจะถูกฉู่อวี๋หยงใช้ดาบทุบจนขาแทบหัก
มั่วหลินกดเขาลงกับพื้น เขาไม่มองฮ่องเต้
“ตอนนั้น พี่ใหญ่ของเจ้าบอกว่า เจ้ามีความเกลียดแค้นเพราะการตายของท่านพ่อเจ้า ให้ข้าอย่าเก็บเจ้าเอาไว้ข้างกาย ยิ่งอย่าให้เจ้าเข้ากองทัพ แต่ข้าคิดว่าเจ้าแค้นใจเรื่องที่เจ้าสูญเสียบิดา มันก็เป็นเรื่องที่สมควรคับแค้นใจเมื่อสูญเสียบิดา” สีหน้าของฮ่องเต้เศร้าโศก
โจวเสวียนไม่พูด หากแต่ถ่มน้ำลาย
ฮ่องเต้ไม่สนใจการเยาะเย้ยของเขา พลันพูดต่อ “ที่แท้ที่เจ้าโกรธแค้นเพราะเห็นเรื่องวันนั้นกับตาของตนเอง ถึงแม้ตอนนั้นข้าจะรู้สึกว่าปฏิกิริยาของเจ้าแปลกประหลาด แต่ข้าไม่ได้คิดมากนัก”
โจวเสวียนยังคงไม่พูด เขาวนเวียนอยู่ข้างกายฮ่องเต้มาหลายปี พูดประโยคมากมายก็เพื่อเวลานี้ เมื่อมีดสั้นทิ่มแทงออกไปแล้ว เขาก็ไม่อยากพูดกับฮ่องเต้อีกแม้แต่ประโยคเดียว
“เพคะ ฝ่าบาท” เฉินตันจูพูดอยู่ด้านข้าง “เขาอยู่ในเหตุการณ์ ก่อนที่พระองค์ทรงเดินเข้ามากับใต้เท้าโจว เขาก็อยู่ด้านในแล้ว”
นางรู้เรื่องหรือ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองมา ฮ่องเต้ก็ทรงมองมาเช่นเดียวกัน
เรื่องลับเช่นนี้นอกจากโจวเสวียนบอกนาง มิฉะนั้นนางไม่มีทางอื่นที่จะรู้ได้…แสดงว่าเฉินตันจูรู้อยู่ก่อนแล้วว่าโจวเสวียนมีเจตนาที่จะสังหารฮ่องเต้
โจวเสวียนตะโกนด้วยความโกรธ “เฉินตันจู…อย่าใช้จินตนาการของเจ้ามาใส่ร้ายข้า!”
ถึงแม้จะเสียดายที่ฮ่องเต้ไม่ตาย แต่เขาก็ถือว่าแก้แค้นให้บิดาแล้ว เขาหมดความอาวรณ์ภายในใจ…แต่เฉินตันจูกลับพูดมากอยู่ตรงนี้ เรื่องแบบนี้ เหตุใดเจ้าจึงเกี่ยวพันเข้ามา! เพราะมีฉู่อวี๋หยงอยู่หรือ ไม่ว่าฉู่อวี๋หยงจะอาละวาดอย่างไร แต่อีกฝ่ายก็เป็นบิดาของฉู่อวี๋หยง!
สตรีผู้นี้ช่างทำให้คนเป็นห่วง ทำให้เขาโกรธจนฟื้นคืนชีพขึ้นมา
เฉินตันจูมองไปทางเขา “โจวเสวียน ท่านเข้ามาก็เพื่อหาโอกาสเข้าใกล้ตัวของฝ่าบาท แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ควรที่จะทำร้ายจนตาย เพราะเห็นข้าถูกบังคับ ดังนั้นท่านจึงลงมือก่อนกำหนดใช่หรือไม่”
โจวเสวียนหัวเราะเสียงเย็น “คิดเองเออเอง!”
เฉินตันจูไม่สนใจเขา มองไปยังฮ่องเต้ น้ำเสียงอ่อนแรง “ฝ่าบาททรงรู้แล้วว่าเหตุใดท่านอ๋องฉีจึงทรงทำเช่นนี้ อีกทั้งยังรู้…” สายตาของนางราวกับต้องการมองผู้ใด แต่สุดท้ายก็ไม่มอง “องค์ชายหก แม่ทัพหน้ากากเหล็กผู้นี้เหตุใดจึงทำเช่นนี้ สุดท้ายโจวเสวียน หม่อมฉันก็คิดว่าฝ่าบาททรงอยากรู้ และควรรู้”
เมื่อได้ยินเฉินตันจูเอ่ยขึ้นทีละคน ท่านอ๋องฉี ฉู่อวี๋หยง โจวเสวียน รวมทั้งองค์ชายห้าที่ตายไป ฉู่จิ่นหยงที่เกือบตาย เฮ้อ ฮ่องเต้อย่างเขาก็ถือว่าถูกญาติมิตรทรยศแล้ว เขามองไปทางโจวเสวียนพลันพึมพำ “ตอนนั้นเจ้าก็อยู่ในเหตุการณ์ ในใจของเจ้าเจ็บปวดเพียงใดกัน ความเจ็บปวดนี้เจ้าอดทนมานานกี่ปี อาเสวียน เจ้า ลำบากยิ่งนัก”
เด็กคนนี้ ภายนอกยิ้มกับเขา อาละวาดกับเขา แต่ภายในใจที่แท้มีแต่ความแค้นและความเจ็บปวด หลายปีมานี้ เขาผ่านมาได้อย่างไรกัน…มือของฮ่องเต้ออกแรง บาดแผลเจ็บปวดอย่างมาก น้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“ฝ่าบาท” หมอหลวงจางพูดเสียงสั่น พลันจับมือของเขาเอาไว้ “อย่าทรงขยับมีดเล่มนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หากออกแรงอีกจะดันเข้าไปลึกขึ้น อย่างนั้นคงอันตรายแล้วจริงๆ
“มีดสั้นเล่มนี้” ฮ่องเต้นอนอยู่ในอ้อมกอดของขันทีจิ้นจง เขาเงยหน้ามองไปเล็กน้อย “จิ้นจง เจ้าดู ใช่มีดเล่มนั้นหรือไม่ ข้าจำได้ว่าอาเสวียนมาขอมีดเล่มนั้นไปจากข้า…”
ขันทีจิ้นจงพยุงเขาพลันหลั่งน้ำตา “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เป็นมีดเล่มนี้” พูดพลันหันไปมองโจวเสวียนด้วยสีหน้าเจ็บปวดและเศร้าโศก “อาเสวียน เจ้าเหลวไหล เรื่องมันไม่ใช่อย่างนี้ ตอนนั้น…”
ฮ่องเต้ยกมือห้ามเขาเอาไว้ “ข้าพูดเอง” เขาจับมีดสั้นบนหน้าท้อง “ข้าจะพูดเอง”
ขันทีจิ้นจงนั่งหลั่งน้ำตา ไม่พูดสิ่งใดอีก เขาจ้องมองมือของฮ่องเต้เอาไว้ เกรงว่าเขาจะใช้แรงดันมีดสั้นเข้าร่างกายของตนเอง
“ในเมื่อเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ เรื่องก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องพูดอย่างละเอียดแล้ว ขันทีผู้นั้นพุ่งตรงมาทางข้า ท่านพี่รับแทนข้าเอาไว้”
“ข้าพยุงท่านพี่ กำลังจะตะโกนเรียกหมอหลวงมา ท่านพี่กลับจับมือของข้า บอกว่าเขาคิดเหตุผลที่จะซักโทษเหล่าท่านอ๋องได้แล้ว”
น้ำเสียงของฮ่องเต้สั่นเครือ
“เวลานั้น เรื่องจากเหล่าท่านอ๋องถือพินัยกรรมของฮ่องเต้เกาจู่เอาไว้ ขุนนางมากมายในราชสำนักก็ถูกบรรดาท่านอ๋องซื้อใจ บังคับให้ข้าเพิกถอนพระราชโองการเรียกคืนพื้นที่ศักดินา ข้าร้อนใจอย่างมาก อาละวาดกับท่านพี่ โทษที่เขาหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้”
“แต่เวลานี้ ข้าจะคิดเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าตำหนิเขา บอกเขาว่าอย่าคิดอีก อยากจะพยุงเขานอนลง แต่เขาไม่ยอม จับมีดสั้นบนตัวเอาไว้ เขาบอกว่า…”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของฮ่องเต้เผยให้เห็นความเจ็บปวด
“เขาบอกว่าเหล่าท่านอ๋องลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท โจวชิงตายเพราะช่วยปกป้องฝ่าบาท มีพยานและหลักฐาน รวมทั้งซากศพของเขาวางอยู่ต่อหน้าผู้คนทั่วแผ่นดิน ดูว่าผู้ใดจะยับยั้งฮ่องเต้ซักโทษเหล่าท่านอ๋องได้”
“ตอนนั้นข้าตกใจอย่างมาก ข้ารู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ข้าจับมือของเขาเอาไว้ ข้าไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด”
“แต่ท่านพี่มองข้า ยิ้มให้ข้า บอกว่าเขาไม่อยากรอแล้ว เขาอยากเห็นฮ่องเต้สยบเหล่าท่านอ๋องอย่างทนรอไม่ได้แล้ว เขาอยากเห็นเหล่าท่านอ๋องยอมรับผิด เห็นเหล่าท่านอ๋องล่มสลาย แผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว”
“ข้าจับมือของเขาเอาไว้ แต่มือของเขาออกแรงมาก ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงมีดสั้นถูกกดเข้าไปอย่างแรง…”
เมื่อฟังจนถึงตรงนี้ โจวเสวียนตะโกนเสียงดัง คนก็ลุกขึ้นมาจากบนพื้น “ฝ่าบาทพูดเหลวไหล! พระองค์หลอกคน! พระองค์เป็นคนทำ! พระองค์เป็นคนดันมีดสั้นเข้าไปเอง! ไม่ใช่ท่านพ่อของกระหม่อม! ถึงเวลานี้แล้ว พระองค์ยังพูดแก้ต่างให้ตัวเอง!”
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในตำหนัก เจ็บปวดใจอย่างมาก
ฮ่องเต้จ้องมองเขา ยิ้มอย่างโศกเศร้า “ใช่ ข้ากำลังแก้ต่างให้ตัวเอง ไม่ว่ามีดสั้นเล่มนั้นจะถูกผู้ใดดันเข้าไป ท่านพี่ก็ตายเพราะข้า หากข้าไม่บังคับให้เขาหาทาง หรือว่าข้า…”
เขามองมือของตนเอง
“หากตอนนั้นข้าจับมีดสั้นเอาไว้ ออกแรงจับมันเอาไว้…”
โจวชิงก็จะไม่ตาย
เวลานี้โจวชิงจะยังคงอยู่ข้างกายตนเอง
ตอนที่สูญเสียไป เขาถึงได้รู้ว่าสิ่งใดคือบนโลกนี้ไม่มีคนผู้นี้อีก เขาตื่นขึ้นมาด้วยความตระหนกในยามค่ำคืนนับไม่ถ้วน ปวดหัวอย่างหนัก เขาอ้อนวอนต่อสวรรค์นับหลายครั้ง หวังให้เหล่าท่านอ๋องเหิมเกริมอีกสิบยี่สิบปี หวังให้แผ่นดินรวมเป็นหนึ่งเดียวช้าอีกเสียสิบยี่สิบปี ขอเพียงแค่โจวชิงยังอยู่
“ฝ่าบาทโกหก! พระองค์พูดเหลวไหล! ไม่ใช่แบบนี้! พระองค์มันคนขี้ขลาด! เวลานี้ยังผลักความผิดให้ผู้อื่น!”
โจวเสวียนกำลังตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการพุ่งเข้าไปหาฮ่องเต้ แต่มั่วหลินรั้งเขาเอาไว้ กดเขากลับลงไปบนพื้น
ภายในตำหนักวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
เฉินตันจูฟังด้วยความรู้สึกซับซ้อน นางเงยหน้ามอง พลันตะโกน “ฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้จับมีดสั้นกดลงไปยังท้องของตนเอง
เสียงตะโกนของขันทีจิ้นจงและหมอหลวงจางก็ดังขึ้นตาม
“ฝ่าบาท…”