ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 481 พี่น้อง(กลาง)

ตอนที่ 481 พี่น้อง(กลาง)

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เห็น​ดังนั้น​ก็​ลุกขึ้น​กล่าว​ลา​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​อ่อนโยน​กับ​บุตรสาว​มาก​ ​กำชับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ด้านนอก​มี​ลม​พัดมา​จาก​ทางเหนือ​ ​เจ้า​ไปหา​เสื้อคลุม​มาค​ลุม​ให้​นาง​เถิด​”

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ประหลาดใจ

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​รับคำ​ ​จูงมือ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​ที่​ห้อง​ด้านใน

​“​เสื้อคลุม​ตัว​นี้​เป็น​อย่างไรบ้าง​”​ ​มอง​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ที่​กำลัง​เหม่อลอย​ ​นาง​สวม​เสื้อคลุม​ผ้าไหม​สีแดง​บุ​หนัง​กระรอก​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​“​เข้ากัน​กับ​เสื้อแขนยาว​ผ้าไหม​สีน้ำเงิน​ของ​เจ้าตัว​นี้​พอดี​”

​รู้สึก​ถึง​น้ำหนัก​ของ​เสื้อคลุม​ที่​คลุม​อยู่​บน​ร่างกาย​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จึง​ได้สติ​กลับมา​ ​นาง​จับมือ​สือ​อี​เหนียง​ ​มุม​ปาก​ขยับ​เล็กน้อย​แต่กลับ​ไม่มี​เสียงพูด​ออกมา​แม้แต่​ประโยค​เดียว​ ​หาง​ตากลับ​มี​หยดน้ำ​ใส​ๆ​ ​ไหล​ออกมา

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​นาง​ ​ตบ​ที่​หลัง​มือ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​เป็น​บุตรสาว​ควร​ได้รับ​การ​ดูแล​จาก​แม่​ ​เพราะ​แม้ว่า​พ่อ​ของ​เจ้า​จะ​รัก​และ​เอ็นดู​เจ้า​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ต้อง​ทำ​อย่างไร​!​”

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​พยักหน้า​ ​หลั่ง​น้ำตา​พลาง​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข

​สือ​อี​เหนียง​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​มาซั​บน​้ำ​ตา​ให้​นาง​ ​พูด​หยอกล้อ​ว่า​ ​“​เจ้า​เลิก​ร้อง​ได้​แล้ว​ ​หาก​พ่อ​ของ​เจ้า​มา​เห็น​เข้า​ ​จะ​คิด​ว่า​ข้า​รังแก​เจ้า​ ​เช่นนั้น​ข้า​ก็​ต้อง​มารับ​ผล​ใน​สิ่ง​ที่​ข้า​ไม่ได้​ทำ​!​”

​“​ไม่​หรอก​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กอด​แขน​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​พ่อ​ให้​ความเคารพ​ท่าน​แม่​ ​มัน​จะ​ไม่​เกิดขึ้น​อย่างแน่นอน​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ยัด​ผ้าเช็ดหน้า​ใส่​มือ​นาง​ ​“​เช่นนั้น​เจ้า​ก็​รีบ​เช็ดน้ำ​ตา​ให้​แห้ง​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​วันนี้​พี่​สอง​ของ​เจ้า​กลับมา​ ​พ่อ​ของ​เจ้า​อยาก​จะ​จัดงาน​เลี้ยง​ต้อนรับ​เขา​ ​เจ้า​กลับ​ไป​ล้างหน้า​แต่งตัว​ใหม่​แล้ว​ค่อย​ไป​ทานอาหาร​เย็น​ที่​เรือน​ท่าน​ย่า​ ​แต่งกาย​ให้​สุภาพ​เรียบร้อย​และ​ดูดี​ ​ถือเป็น​การ​ให้​ความเคารพ​ต่อ​ผู้อื่น​”

​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​พยักหน้า​ ​สวม​เสื้อคลุม​ที่​สือ​อี​เหนียง​ให้​ไป​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​มี​เสี่ยว​หลี​เป็น​คน​ปรนนิบัติ​พานา​งก​ลับ​เรือน

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​เรื่อง​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​สกุล​เซ่า​ได้มา​เร่งเร้า​เรื่อง​งานแต่ง​อีก​หรือไม่​ ​การ​ที่​พวกเรา​ไม่​ให้​คำตอบ​เช่นนี้​ ​สกุล​เซ่า​จะ​คิด​ว่า​พวกเรา​เล่นตัว​หรือไม่​ ​ต่อไป​พวกเขา​อาจจะ​ดูแล​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไม่ดี​เท่าที่ควร​!​”​ ​ท่าทาง​กังวล​เป็นอย่างมาก

​“​ได้​ตกลง​กัน​ไว้​ตั้งแต่​ก่อน​ตอบรับ​การ​หมั้น​หมาย​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​การ​ที่​สกุล​เซ่า​ทำ​เช่นนี้​ก็​เป็นการ​เคารพ​สกุล​สวี​และ​ให้เกียรติ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​ทำให้​คนอื่น​คิด​ว่าการ​จะ​ได้​ลูกสะใภ้​คน​นี้​มานั​้น​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​กังวล​ ​หาก​มี​อะไร​เปลี่ยนแปลง​ ​ก็​คงจะ​ทำ​เหมือน​สกุล​หวัง​ที่​เชิญ​คนกลาง​มาช​่ว​ยอ​ธิ​บาย​ให้​พวกเรา​ฟัง​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ว่านี​่​เป็น​เหมือน​การ​ทำ​เรื่อง​ง่าย​ให้​ซับซ้อน​ขึ้น​โดยสิ้นเชิง​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ผู้หญิง​อย่าง​พวก​เจ้า​ ​ไม่ว่า​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​ทำเอา​ซับซ้อน​ไป​หมด​ ​ในเมื่อ​เจ้า​รู้​เหตุผล​นี้​ ​เรื่อง​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​ต้อง​ใส่ใจ​ให้​มาก​!​ ​อย่า​ให้​เรื่องเล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​มาทำ​ให้​ทุกคน​ไม่พอใจ​ ​อย่างไร​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​ต้อง​แต่ง​ไป​เรือน​อื่น​ ​คนใน​จวน​เดียวกัน​ก็​ต้อง​เจอกัน​ทุกวัน​ ​ต่อให้​พวกเรา​จะ​แข็งแกร่ง​แค่ไหน​ ​แต่​ก็​ไม่​สามารถ​ออกหน้า​ให้​นาง​ได้​ทุก​เรื่อง​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ก็​รู้สึก​ทอดถอนใจ

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ

ก็​เหมือนกับ​ที่​พ่อ​กับ​แม่​ฝ่าย​หญิง​พยายาม​ทำดี​กับ​บุตร​เขยก​็​แค่​ต้องการ​ให้​บุตร​เขย​ปฏิบัติ​ดี​ต่อ​บุตรสาว​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี

​อย่างไรก็ตาม​นาง​ยังคง​รู้สึก​ว่าวั​นนี​้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดูเหมือน​จะ​อารมณ์​อ่อนไหว​เล็กน้อย

​สือ​อี​เหนียง​ยก​ชาร้อน​มา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​นั่งลง​ตรงข้าม​เขา​ ​โน้มตัว​ไปหา​เขา​เล็กน้อย​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​หรือว่า​มีเรื่อง​อัน​ใด​เกิดขึ้น​เจ้า​คะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​สายตา​ที่​เป็นห่วง​ของ​สือ​อี​เหนียง

​“​ไม่มี​อะไร​!​”​ ​เขา​ตอบ​ตามปกติ​ ​แต่​พอ​พูด​ออกมา​กลับ​รู้สึก​ว่า​พูด​เหมือน​ขอไปที​ ​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​“​แค่นึก​ถึง​จุน​เกอ​ขึ้น​มา​!​”

​จุน​เกอ​?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​อย่าง​สงสัย​ว่า​ ​“​จุน​เกอ​ทำไม​หรือ​ ​ข้า​เห็น​ว่า​หลาย​วัน​มานี​้​เขา​ก็​สบายดี​ ​ตั้งใจ​ทำการบ้าน​ที่​อาจารย์​จ้าว​ให้​ ​โดย​ไม่มี​ความ​สะเพร่า​ ​ยัง​รู้จัก​พา​เจี​้ย​เกอ​ไป​เล่น​ ​แล้วก็​ช่วยดูแล​จิ​่น​เกอ​…​หรือว่า​ยัง​มีเรื่อง​อัน​ใด​ที่​ข้า​ไม่รู้​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่ายหน้า​ ​“​ผ่าน​ตรุษจีน​ไป​เขา​ก็​จะ​อายุ​สิบ​ปี​แล้ว​ ​ตาม​กฎ​ใน​จวน​ควรจะ​แยกเรือน​แล้ว​ ​แต่​เขา​ยัง​เอาแต่​เล่น​กับ​น้องชาย​ทุกวัน​ ​เป่าขลุ่ย​ ​ทำ​โคมไฟ​ ​แล้ว​เมื่อใด​จะ​โตสัก​ที​”​ ​น้ำเสียง​ราวกับว่า​กำลัง​ขอ​คำปรึกษา​ ​“​ข้า​หมายความว่า​ปีหน้า​พอ​เปิดเรียน​อยาก​จะ​พูดคุย​กับ​อาจารย์​จ้าว​ว่า​จะ​สามารถ​เพิ่ม​บทเรียน​เรื่อง​มารยาท​และ​เรื่อง​หน้าที่​ข้าราชการ​ขุนนาง​ได้​หรือไม่​ ​จุน​เกอ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เป็น​เหมือน​เด็ก​ที่​ยัง​ไม่​โตสัก​ที​ ​วัน​ๆ​ ​รู้จัก​แต่​เล่น​”

การบ้าน​ของ​อาจารย์​จ้าว​เริ่ม​จาก​การ​เล่น​!

อย่างไร​เสีย​เขา​ก็​เป็น​อาจารย์​ของ​จุน​เกอ​ ​จะ​ต้อง​เข้าใจ​สถานการณ์​เกี่ยวกับ​การเรียน​ของ​จุน​เกอ​เป็น​ที่สุด​อย่างแน่นอน​ ​อีกทั้ง​เขา​ยัง​มี​ความสามารถ​ใน​การสอน​ตาม​ความถนัด​ ​คงจะ​มี​การ​เตรียมการ​และ​การวางแผน​ต่อ​อนาคต​ของ​จุน​เกอ​อยู่​แล้ว​ ​แต่​การ​ที่​ต้อง​มา​เผชิญหน้า​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​คุ้นเคย​กับ​การออกคำสั่ง​ ​หาก​จะ​ปฏิเสธ​โดยตรง​เห็นได้ชัด​ว่า​เป็นการ​กระทำ​ที่​ไม่​ฉลาด​เอา​เสีย​เลย

​“​ที่​ท่าน​โหว​พูด​ก็​มีเหตุผล​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เรื่อง​นี้​จะ​ต้อง​ปรึกษา​กับ​อาจารย์​จ้าว​จึง​จะ​ถูก​”​ ​พอ​พูด​จบ​น้ำเสียง​ก็​เปลี่ยนไป​ ​“​เพียงแต่ว่า​อาจารย์​จ้าว​เป็น​ผู้​มีวิชา​ความรู้​ ​เวลา​ท่าน​โหว​พูด​อะไร​ก็​ควรจะ​คิด​ให้​รอบคอบ​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​ทำ​เพื่อ​จุน​เกอ​ ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เกิด​ช่องว่าง​ระหว่าง​กัน​เพราะเหตุนี้​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​รอดู​สถานการณ์​ก่อน​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เขา​เห็นด้วย​กับ​นาง​ ​และ​ตอนนี้​เวลา​ก็​ล่วงเลย​มามาก​แล้ว​ ​จึง​เรียก​สาวใช้​น้อย​เข้ามา​ปรนนิบัติ​ล้างหน้าล้างตา​ ​จากนั้น​ก็​เปลี่ยนเป็น​ใส่​เสื้อแขนยาว​สีแดง​องุ่น​แล้ว​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ด้านใน​ ​“​ด้านนอก​ลมแรง​ ​ให้​จิ​่น​เกอ​อยู่​ใน​ห้อง​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่านาง​ร่างกาย​ผอมบาง​ ​แต่​ผิว​กลับ​เนียน​ละเอียด​ ​พอสวม​เสื้อแขนยาว​สีแดง​องุ่น​แล้ว​ปักปิ่น​ปัก​ผม​สีทอง​สอง​อัน​บน​ผม​สีดำ​ขลับ​ของ​นาง​ ​ไม่​เพียง​ไม่​ดู​เปราะบาง​ ​ซ้ำ​ยัง​ให้ความรู้​สึก​สง่างาม

​“​อืม​!​”​ ​เขา​ยิ้ม​พลาง​ลุกขึ้น​ ​“​หาก​เป็นหวัด​ขึ้น​มา​จะ​แย่​เอา​ได้​”​ ​พูด​พลาง​เดิน​มา​อยู่​ข้างหน้า​แล้ว​โอบ​เอว​นาง​เบา​ๆ​ ​“​แต่งตัว​เสร็จ​แล้ว​ใช่​หรือไม่​!​”

​สือ​อี​เหนียง​มอง​สาวใช้​ทั้ง​ห้อง​ที่​พากั​นก​้​มห​น้า​ ​ใบหน้า​แดง​ระเรื่อ​ ​“​แต่งตัว​เสร็จ​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

​แต่​ไม่ได้ผลัก​ไส​เขา​เหมือน​เมื่อก่อน

​******

​เมื่อ​เห็น​ว่า​ใน​ห้อง​เต็มไปด้วย​เด็ก​ๆ​ ​หาง​ตาของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​เก็บ​รอยยิ้ม​เอาไว้​ไม่อยู่

​“​หาก​เป็น​อย่างที่​เจ้า​พูด​ ​แสดงว่า​ปลายเดือน​สอง​ก็​มาถึง​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​”

​“​ท่าน​พ่อ​บอกว่า​จะ​ออกเดินทาง​หลังจาก​เทศกาล​โคมไฟ​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​พึ่ง​ได้รับ​จดหมาย​จาก​บิดา​ ​กำลัง​รายงาน​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ฟัง​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ลอง​นับวัน​ดูแล​้ว​ ​เดือน​สอง​ก็​น่าจะ​มาถึง​”

​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นพูด​เสริม​ขึ้น​มา​หนึ่ง​ประโยค​ ​“​ใน​จดหมาย​ท่าน​พ่อ​ยัง​บอกอี​กว่า​ได้​นำผล​ผลิต​ท้องถิ่น​มา​ฝาก​ทุกคน​ด้วย​”

​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ยิ้ม​ ​“​ส่าน​ซี​มีผล​ผลิต​อะไร​กัน​ ​ก็​มี​เพียงแค่​พุทรา​เท่านั้น​แหละ​!​”

​สวี​ซื่อ​ฉิน​หัวเราะ​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นก​ลับ​วิ่ง​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​ ​“​ท่าน​ย่า​ ​ไม่​เพียงแค่​มีพุ​ทรา​เท่านั้น​ ​ทั้ง​ยัง​มีส​มุน​ไพร​จำพวก​ขิง​ ​อู่​เว​่ย​จื่อ​[1]​ ​เหลี่ยง​เคี้ยว​[2]​ ​สายน้ำผึ้ง​[3]​ ​เง็ก​เต็ก​ ​และ​โต​๋ว​ต๋ง​[4]​”

​ไท่ฮู​หยิน​หัวเราะ​ ​จับมือ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​“​นับว่า​ข้า​ได้ความ​รู้​ใหม่​”​ ​แต่​ใน​ใจ​กลับ​คิด​ว่า​แม้ว่า​จะ​มีส​มุน​ไพร​เหล่านี้​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ผลผลิต​ท้องถิ่น​ที่​ลูกสะใภ้​สาม​นำมา​เกรง​ว่า​คงจะ​มี​แค่​พุทรา​จีน​ ​เมื่อ​ความคิด​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​รอยยิ้ม​ก็​กว้าง​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ ​นาง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​กำชับ​ป้า​ตู้​ว่า​ ​“​จำไว้​ว่า​เมื่อถึง​เวลา​ให้​ส่ง​คน​ไป​ทำความสะอาด​เรือน​ที่​เจ้า​สาม​พัก​ด้วย​”

​ป้า​ตู้​ยิ้ม​พลาง​ขานรับ

​สายตา​ของ​ไท่ฮู​หยิน​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ที่พึ่ง​ก้าว​เข้ามา​ ​“​พวก​เจ้า​มา​แล้ว​ทำไม​ไม่​พา​จิ​่น​เกอ​มาด​้วย​เล่า​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้างนอก​ลมแรง​ ​กลัว​ว่า​เขา​จะ​เป็นหวัด​ ​ดังนั้น​จึง​ให้​เขา​อยู่​ที่​เรือน​ขอรับ​”

​ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​หันไป​พูด​หยอกล้อ​กับฮู​หยิน​สอง​ที่นั่ง​อยู่​ข้าง​นาง​ว่า​ ​“​พี่น้อง​จาก​ทางไกล​ต่าง​ก็​มากั​นพร​้​อม​หน้า​พร้อม​ตากัน​แล้ว​ ​กลับ​ขาด​คนใน​เรือน​ไป​เสีย​ได้​!​”​ ​รอยยิ้ม​จางหาย​ไป​เล็กน้อย

ฮู​หยิน​สอง​เม้มปาก​พลาง​เงยหน้า​มอง​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ส่งสายตา

ได้​อุ้ม​เด็ก​มาด​้วย​หรือไม่

​ขณะที่​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ลังเล​ ​ก็ได้​ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​…​เรื่อง​นี้​เจ้า​จะ​ต้อง​ตัดสินใจ​เอง​ ​หาก​อยู่​ใน​กองทัพ​ทหาร​อวี​้​หลิน​แน่นอน​ว่าย​่​อม​มี​เวลาว่าง​มาก​ ​แต่​เมื่อ​ไป​อยู่​กอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​ย่อม​มีเรื่อง​เยอะแยะ​มากมาย​ ​ไม่ว่า​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​ต้อง​ดูแล​ทุกอย่าง​ ​ไม่ได้​มีส​ถานะ​สูงส่ง​เหมือน​ตอน​อยู่​ใน​กองทัพ​ทหาร​อวี​้​หลิน​!​”

​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​หันไป​มอง​น้องชาย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”​ ​สีหน้า​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ดู​เป็นกังวล

​“​ไม่มี​อะไร​ขอรับ​!​”​ ​สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ฉายแวว​ประหลาดใจ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​เขา​คิดไม่ถึง​ว่า​พี่ชาย​จะ​หารือ​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ใน​บรรยากาศ​เช่นนี้​ ​“​ไม่​กี่​วันที่​ผ่าน​มา​ผู้บัญชาการ​กอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​บอก​ผู้บัญชาการ​ของ​พวกเรา​ว่า​อยาก​จะ​ได้​คน​จาก​ฝั่ง​เรา​ไป​สอง​สาม​คน​ ​บังเอิญ​ข้า​อยู่​ที่นั่น​พอดี​ ​ผู้บัญชาการ​จึง​ถาม​ข้าว​่า​อยาก​ไป​หรือไม่​”​ ​พูด​พลาง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​หาก​ไป​ก็​จะ​ได้​เป็น​ผู้บัญชาการ​ทหาร​ ​ข้า​จึง​กลับมา​ปรึกษา​กับ​พี่​สี่​ ​แต่​พี่​สี่​ให้​ข้า​ตัดสินใจ​ด้วยตัวเอง​”

​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ฟัง​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​นาง​ครุ่นคิด​อยู่​เงียบๆ​

​เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​อนาคต​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​ทุกคน​ใน​ห้อง​ต่าง​หันไป​มอง​ไท่ฮู​หยิน​อย่าง​เงียบๆ​

ฮู​หยิน​สอง​เหลือบมอง​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​กระซิบ​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้าว​่า​เรื่อง​นี้​ก็ช่าง​มัน​เถิด​!​ ​สถานการณ์​ตอนนี้​ผันผวน​มาก​ ​ยิ่ง​มีเรื่อง​น้อย​ก็​ยิ่ง​ดี​ ​อีก​อย่าง​ผู้คน​ที่​มี​ความสัมพันธ์​กับ​กอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​นั้น​ค่อนข้าง​ซับซ้อน​ ​ ​หาก​ไม่ทัน​ระวัง​อาจ​ถูก​ดึง​เข้าไป​เกี​่ย​ข้อง​ ​หาก​เพียงแค่​อยาก​จะ​ได้​ตำแหน่ง​ผู้บัญชาการ​ทหาร​ขุนนาง​ระดับ​สาม​ ​ ​ข้าว​่า​รอ​ให้​ผ่าน​ไป​หลาย​วันก่อน​แล้ว​ค่อย​ไปหา​ตำแหน่ง​ผู้บัญชาการ​ที่​จิง​เว​่​ยก​็​ได้​เช่นกัน​ ​เป็น​อย่างที่​ท่าน​โหว​บอก​ ​สถานะ​ก็​จะ​ได้​สูง​ขึ้น​มา​หน่อย​ ​แล้ว​เหตุใด​ต้อง​ไปมาหาสู่​กับ​บรรดา​คน​ขาย​ผัก​ขาย​ปลา​เหล่านั้น​ทุกวัน​ด้วย​เล่า​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​ถามฮู​หยิน​ห้า​ที่นั่ง​ถัดจาก​ตัวเอง​ ​“​เจ้า​คิด​อย่างไร​”

ฮู​หยิน​ห้า​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​แน่นอน​ว่า​ข้า​ฟัง​ท่าน​แม่​และ​พี่สะใภ้​สอง​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​ควน​ว่า​ ​“​ใน​เรือน​ก็​ไม่ได้​ขาดแคลน​อะไร​ ​ท่าน​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​สถานที่​เช่นนั้น​ ​ข้า​ได้ยิน​คนพูด​มา​ว่า​คน​ของกอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​มักจะ​ใช้อำนาจ​ข่มขู่​ประชาชน​ที่​ทำมาค้าขาย​ ​ท่าน​พี่​ ​ท่าน​เป็น​คน​สกุล​สูงศักดิ์​ ​จะ​ไป​ทำ​เรื่อง​เช่นนั้น​ได้​อย่างไร​ ​ถ้าหาก​ไม่​ทำ​ก็​จะ​ทำให้เกิด​การ​แบ่งแยก​กับ​สหาย​ร่วมงาน​ ​ข้าว​่า​อยู่​เฝ้า​ค่าย​จะ​ดีกว่า​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​รู้สึก​ท้อแท้​เล็กน้อย​ ​“​แต่ว่า​หาก​ไป​อยู่​กอง​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​จะ​ได้​เลื่อนตำแหน่ง​เร็ว​ขึ้น​…​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​“​ก็​เป็น​เพียงแค่​ผู้บัญชาการ​ทหาร​ขุนนาง​ระดับ​สาม​เท่านั้น​”​ ฮู​หยิน​ห้า​ยิ้ม​พลาง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ครอบครัว​เรา​ก็​ไม่ได้​ขาด​สิ่ง​นี้​เสียหน่อย​!​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ทันใดนั้น​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​ ​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​“​เป็น​เพราะ​ข้า​สะเพร่า​เอง​ ​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​กลับ​ไป​ให้​คำตอบ​ผู้บัญชาการ​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​อย่าง​พอใจ​ ​มองฮู​หยิน​ห้า​ด้วย​สีหน้า​ชื่นชม​ ​กำชับ​สวี​ลิ่ง​ควน​ด้วย​น้ำเสียง​จริงจัง​ ​“​มี​ภรรยา​ดีนับ​เป็น​วาสนา​ ​เจ้า​เป็น​คน​มี​วาสนา​ ​จะ​ต้อง​รู้จัก​รักษา​ไว้​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​รับคำ​ ​“​ขอรับ​”​ ​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​เงยหน้า​มอง​ตาน​หยาง​แล้ว​ยิ้ม​เจื่อน​ๆ

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ไท่ฮู​หยิน​มีความสุข​มาก​ ​ขยับตัว​จะ​ลง​จาก​เตียง​นั่ง​ ​“​เอาล่ะ​ ​เอาล่ะ​ ​นี่​ก็​ดึก​มาก​แล้ว​ ​อากาศ​ก็​เย็น​ ​ทานข้าว​เสร็จ​แล้ว​พวก​เจ้า​ก็​แยกย้าย​กัน​เถิด​”

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ฮู​หยิน​สอง​รีบ​ลุกขึ้น​ไป​พยุง​ไท่ฮู​หยิน​ ​อวี​้​ป่าน​และ​คนอื่นๆ​ ​นั่งลง​ปรนนิบัติ​ไท่ฮู​หยิน​สวม​รองเท้า​ ​บุตรชาย​ ​ลูกสะใภ้​ ​หลานชาย​ ​หลานสาว​ ​และ​บ่าว​รับใช้​เดิน​ห้อมล้อม​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ไม่มีใคร​ถามถึง​เรื่อง​จิ​่น​เกอ​อีก​เลย

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ท่าทาง​แข็งทื่อ​เล็กน้อย

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​สือ​อี​เหนียง​ที่​เดิน​อยู่​ข้างหลัง​สุด​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​มีสี​หน้า​เคร่งขรึม

​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ดวงตา​กลม​โตสุก​ใส​ ​สายตา​ที่​มอง​มา​แฝง​ไว้​ด้วย​เสน่ห์​ ​ทำเอา​หัวใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เต้น​แรง​อยู่นาน​กว่า​จะ​สงบ​ลง

————————————————————————————–

[1]​อู่​เว​่ย​จื่อ​ ​หรือ​ซิ​แซน​ดร​้า​เบอร์​รี่ ​จัดเป็น​หนึ่ง​ใน​สมุนไพร​พื้นฐาน​ ​50​ ​ชนิด​ตาม​ทฤษฎี​การแพทย์​แผน​จีน​ ​ที่​ใช้​เข้า​ตำรับ​ยาบำรุง​ ​และ​ฟื้น​คืน​สภาพ​ ​เป็น​ยาป​รับสภาพ​ร่างกาย​โดยรวม​ ​และ​มีคุณ​สมบัติ​โดดเด่น​คือ​ ​เป็น​ยาป​กป​้​อง​ตับ​และ​ปรับ​ระบบ​ภูมิคุ้มกัน​ที่​ดี

[2]​เหลี่ยง​เคี้ยว​ เป็น​พืช​มีด​อก​ที่​เป็น​พืช​พื้นเมือง​ใน​เอเชีย​ ​และ​เป็น​สมุนไพร​ที่​ใช้​ใน​ตำรา​ยาจีน​ ​มีสา​รอ​อก​ฤทธิ์​ที่​สำคัญ​คือ​ใช้​เป็น​ยา​ขับ​ร้อน​ ​แก้​บวม​ ​ขับ​ปัสสาวะ​

[3]​สายน้ำผึ้ง​ เป็น​สมุนไพร​ที่​มีสร​รพ​คุณ​มากมาย​ ​ใช้​เป็น​ยา​ขับ​พิษ​ร้อน​ถอนพิษ​ไข้​ ​แก้​อาการ​ร้อนใน​ ​เป็นต้น

[4]​โต​๋ว​ต๋ง ​สมุนไพร​แก้​ปวดหลัง​ ​ลด​ความดันโลหิต

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท