“เชิญข้าไปพบรึ จากจวนเยี่ยนน่ะหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสบตากันอย่างรวดเร็ว เขายังคงเฉยชาเหมือนเคย ในขณะที่ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับปรากฏสายตาเจ้าเล่ห์ออกมา
เจ้าพนักงานคนที่นำเรื่องเข้ามาแจ้งนางพยักหน้า แล้วกล่าวว่า ”นายท่านเยี่ยนบอกว่าเขาอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านเนื่องในโอกาสที่ท่านเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนี้ขอรับ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเสียงหัวเราะออกมาขณะตอบว่า ”ข้าไม่รู้จักนายท่านเยี่ยนด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงจะจัดงานเลี้ยงให้ข้าล่ะ”
“ใต้เท้าไม่ต้องคิดมากขอรับ นายท่านเยี่ยนทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มีนายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง จากความเห็นอันต่ำต้อยของข้า นี่เป็นเรื่องปกติยิ่งนักขอรับ”
แต่เขาไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองบังเอิญเปิดเผยกลยุทธ์ของนายท่านเยี่ยนออกมาโดยไม่ตั้งใจผ่านทางคำตอบนั้น
การรับมือกับพ่อค้าที่เข้าใจเรื่องการเมืองเป็นอย่างดีนั้นยุ่งยากทีเดียว
นางคิดว่าการไปเจอคนพวกนั้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ คงจะดีกว่าไปเจอกันทีหลัง ในเมื่อจดหมายเชิญมาถึงแล้ว เช่นนั้นนางก็จะไป แม้ว่ามันจะเป็นงานเลี้ยงที่หงเหมิน ก็ตาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยพับจดหมายเชิญในมือพร้อมกับเอ่ยว่า ”ก็ได้ นำทางข้าไปสิ…”
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดของเมืองฟู่ผิงซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแผ่นดิน อาหารทุกจานที่พวกเขาสั่งมาล้วนแต่ราคาแพงหูฉี่ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะมีวันที่ได้เหยียบย่างเข้าไป
เจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากนายท่านเยี่ยนคนนั้นนั่นเอง
นายท่านเยี่ยนและบรรดาคนของเขามาถึงก่อนแล้ว ดูเหมือนเขาจะมีชีวิตหรูหราเป็นอย่างมาก แหวนทองวงใหญ่ปรากฏให้เห็นบนนิ้วมือนั้นขณะที่เขากำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจ
ที่ปรึกษาจางยืนอยู่ข้างๆ เขาพร้อมกับก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างให้เขาฟัง
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย นายท่านเยี่ยนก็หัวเราะแล้วเอ่ยว่า ”มีคำกล่าวว่าพนักงานใหม่ย่อมต้องหมั่นทำผลงาน เห็นได้ชัดว่าเขาคงกระตือรือร้นกับตำแหน่งใหม่ของตัวเองเสียเหลือเกิน เจ้าคนแซ่เว่ยคนนี้กล้าดีไม่เลว แต่ไม่ต้องห่วง ข้ายังไม่คิดจะสร้างความบาดหมางกับเขาเร็วถึงเพียงนั้นหรอก รอดูก่อนดีกว่าว่าหลังจากนี้เขาจะทำตัวเช่นใด ถ้าเขารู้สถานะของตัวเอง เช่นนั้นข้าก็จะลืมเรื่องนี้ไปเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเลี่ยวจือฝู่จะอยากคบกับเขาหรือไม่ต่างหาก ถูกหรือเปล่าขอรับเลี่ยวจือฝู่”
ที่ปรึกษาจางตกใจเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้น เลี่ยวจือฝู่เป็นผู้มีอิทธิพลและมีอำนาจในการตัดสินคดีของหลายเมือง ทำไมเขาถึงนึกสนใจในตัวใต้เท้าเว่ยที่เพิ่งถูกแต่งตั้งขึ้นมาล่ะ
เลี่ยวจือฝู่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ จากนั้นจึงเอ่ยว่า ”เมื่อสองวันก่อน ราชสำนักเพิ่งจัดสรรเงินมาให้เมืองฟู่ผิงโดยตรง แต่คนที่จัดการเงินก้อนนั้นกลับเป็นใต้เท้าเว่ย พวกเราต้องดึงเขาเข้ามาเป็นพวกให้ได้ถ้าหากอยากได้เงินพวกนั้นมาไว้ในมือ”
“จัดสรรเงินมาให้เมืองฟู่ผิงโดยตรงหรือขอรับ” นายท่านเยี่ยนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาถามด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยว่า ”ใต้เท้าเว่ยมีความสามารถขนาดไหนกันเชียว ราชสำนักถึงได้มอบหมายเงินจำนวนนั้นให้กับเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะมีผู้มีอำนาจคอยหนุนหลังอยู่”
ดวงตาของที่ปรึกษาจางเบิกกว้างขณะเอ่ยว่า ”ไม่น่าจะเป็นไปได้ขอรับ ข้าถามเขาเมื่อเช้านี้ เขาดูไม่เหมือนคนที่มีคนคอยหนุนหลังเลยขอรับ ยิ่งกว่านั้น การแต่งตัวของเขาก็ธรรมดายิ่งนัก”
“พวกเจ้าสองคนติดตามข้ามานานเกินไปจนคิดมากกันไปเองแล้ว” เลี่ยวจือฝู่ระเบิดหัวเราะร่า จากนั้นจึงกล่าวว่า ”เขาจะมีอำนาจอะไร มันก็เป็นเพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้นล่ะ ระยะนี้อดีตฮ่องเต้กำลังจับตามองมณฑลเหอเป่ยอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมืองฟู่ผิงของพวกเราก็ยังมีพุทราลูกใหญ่เป็นผลผลิตสำคัญ อีกทั้งยังขายได้ราคาดี แน่นอนว่าพวกเขาย่อมคิดที่จะตบรางวัลให้เราอยู่แล้ว”
นายท่านเยี่ยนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับพูดว่า ”เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ในเวลานี้ก็ยังพูดยากนักขอรับ ก่อนอื่นพวกเราแสร้งทำตัวดีกับเจ้าคนแซ่เว่ยคนนี้ตอนที่เขามาถึงก่อนก็แล้วกันขอรับ ตราบใดที่เขาตกลงยอมเป็นพวกเดียวกับเรา เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เงินนั้นมาไว้ในมือ”
“ถูกต้องแล้ว” เลี่ยวจือฝู่ว่า จากนั้นเขาก็หันหน้าไปสั่งที่ปรึกษาจางว่า ”เจ้าควรอยู่ใกล้เจ้าหมอนี่ไว้เพราะเขายังเป็นขุนนางหน้าใหม่อยู่ ข้าสืบเรื่องของเขามาแล้ว เขาอาจจะฉลาดรู้หนังสือ แต่เขาก็มีสหายเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เขายังไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมในเกมการเมืองเท่าใดนัก ดังนั้นเขาคงไม่รู้ว่าวิธีการที่เขาใช้อาจจะทำให้ใครหลายคนไม่พอใจเอาได้ กับคนประเภทนี้พวกเรามีโอกาสที่จะนำมาเป็นพวกได้ ถ้าพวกเราทำพลาดจนเกิดปัญหาขึ้นมา พวกเราก็ยังสามารถแก้สถานการณ์ด้วยการเล่นตามน้ำไปได้”
ที่ปรึกษาจางพยักหน้า แล้วตอบว่า ”ข้าเห็นเขาจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ และคิดว่าเขาเป็นคนใจแข็งทีเดียวขอรับ เขาไม่สนใจว่าข้าพยายามที่จะหยุดเขา แล้วสั่งให้จับกุมคนจากจวนเยี่ยนทันที ตอนนี้เมื่อลองมาคิดดูอีกที ข้าเชื่อว่าที่เป็นเช่นนั้นคงเป็นเพราะเขายังใหม่กับงานนี้อยู่ และยังไม่เคยได้รับบทเรียนจากงานนี้มาก่อนขอรับ”
อย่างไรเขาก็ยังเป็นเพียงแค่ตัวละครตัวเล็กๆ เท่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก
ขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น เสี่ยวเอ้อร์ก็ตะโกนขึ้นว่า ”ใต้เท้าเว่ยมาถึงแล้วขอรับ!”
ที่ปรึกษาจางกับนายท่านเยี่ยนสบตากัน รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวยเพื่อต้อนรับนางทันทีที่นางผลักประตูเข้ามา
“โอ้ ท่านคงเป็นใต้เท้าเว่ย ช่างสมกับเป็นวีรบุรุษจากหมู่ชายหนุ่มรุ่นใหม่จริงๆ! เลี่ยวจือฝู่ดูเขาสิขอรับ หายากทีเดียวที่เราจะได้เห็นนายอำเภออายุน้อยถึงเพียงนี้” นายท่านเยี่ยนปฏิบัติต่อเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างสุภาพนอบน้อม แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจริงใจมากน้อยเพียงใด
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบอย่างเยือกเย็นว่า ”ท่านคงจะเป็นนายท่านเยี่ยน ข้าได้ยินชื่อของท่านมามากทีเดียว”
“ไม่หรอกๆ มาสิ มาๆ เชิญท่านนั่งตรงนี้ขอรับ! พวกท่านด้วยขอรับ!” เขามองนางและเอ่ยทักทาย แต่เมื่อเขาเห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่อยู่ข้างหลังนาง เขาก็ถึงกับชะงักกับตัวตนอันไม่เหมือนใครของอีกฝ่ายไปชั่วขณะ จากนั้นเขาจึงถามว่า ”ผู้นี้คือ?”
เลี่ยวจือฝู่สังเกตเห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้วเช่นกัน แม้เขาจะเคยพบคนสำคัญมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยเห็นใครที่เป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นเขามาก่อน
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ข้างหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย พร้อมกับตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า ”คนผู้นี้คือที่ปรึกษาส่วนตัวของข้า เขาแซ่หลง”
ที่ปรึกษาหรือ ศาลาว่าการไม่ได้มีที่ปรึกษาจางอยู่แล้วรึ
เขาถึงกับพาที่ปรึกษาส่วนตัวมาทำงานด้วย การทำเช่นนี้เหมือนกับการตบหน้าที่ปรึกษาจางเข้าอย่างจังเลยมิใช่หรือ
เลี่ยวจือฝู่หรี่ตามองเขา
มุมปากของที่ปรึกษาจางแข็งค้างอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยว่า ”ใต้เท้าเว่ยพาที่ปรึกษาส่วนตัวของตัวเองมาด้วยนี่เอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเสียงอืมตอบอย่างเย็นชา แล้วกล่าวอย่างไม่แยแสว่า ”ที่ปรึกษาหลงกับข้าเข้ารับตำแหน่งพร้อมกัน ข้าคิดว่าที่ปรึกษาจางคงยังไม่ได้อ่านจดหมายจากทางการให้ดีกระมัง”
ที่ปรึกษาจางยังไม่ได้อ่านจดหมายฉบับนั้นให้ละเอียดจริงๆ เขาจำได้ว่าทันทีที่เห็นว่ามีนายอำเภอคนใหม่ถูกแต่งตั้งมาที่นี่ เขาก็รีบออกมาเตรียมตัวต้อนรับในทันที โดยที่ไม่คิดจะอ่านจดหมายฉบับนั้นให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของเขา
นายท่านเยี่ยนสังเกตเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของที่ปรึกษาจาง เขาจึงยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว และพยายามช่วยเขาออกจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นด้วยการพูดว่า ”ใต้เท้าเว่ย เชิญท่านนั่งก่อนเถิดขอรับ เอาล่ะ มานั่งคุยกันดีกว่า เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ปฏิเสธ และนั่งลงพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เขาหมุนถ้วยชาในมือช้าๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ
ในเมื่อเขาเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขามากนัก
ตอนแรกนายท่านเยี่ยนคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญ และความคิดนั้นก็แทบทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบ แต่ดูเหมือนว่าที่จริงแล้วเขาก็เป็นเพียงแค่ชายธรรมดาที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น
แต่กระนั้นที่ปรึกษาจางก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้าเล็กน้อย ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นเขาก็บ่นขึ้นมาว่า ”น้ำชารสชาติไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ข้าจะลงไปบอกให้เสี่ยวเอ้อร์เอามาเปลี่ยน”
ทุกพยางค์ที่เขาเอ่ยออกมาล้วนแต่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เลี่ยวจือฝู่ส่ายหน้าพลางมองที่ปรึกษาจางเดินออกไป จากนั้นเขาจึงยิ้มให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วบอกว่า ”ที่ปรึกษาจางเป็นคนโกรธง่าย อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองหน้าเลี่ยวจือฝู่ แล้วถามว่า ”ข้าคงต้องขอเสียมารยาท แต่ท่านคือ?”
นายท่านเยี่ยนยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า ”ใต้เท้าเว่ยคงยังใหม่กับตำแหน่งนี้อยู่จริงๆ ท่านถึงได้ยังไม่เคยพบเลี่ยวจือฝู่เลย ตามหลักการแล้ว ท่านควรจะได้พบจือฝู่ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งที่นี่ไม่ใช่หรือ”