รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 473 ซากศพอันแปลกประหลาดและน่ากลัวเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของเสี่ยวหยา?

บทที่ 473 ซากศพอันแปลกประหลาดและน่ากลัวเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของเสี่ยวหยา?

บทที่ 473 ซากศพอันแปลกประหลาดและน่ากลัวเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของเสี่ยวหยา?

ศีรษะของศพโบราณขนาดยักษ์กะพริบตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภาพดังกล่าวแปลกประหลาดและชวนน่าขนลุกเกินไป!

ไม่ว่าใครก็ตามที่มาพบเห็นฉากดังกล่าวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ล้วนต้องตกใจ!

“ฆ่า…ฆ่า…ฆ่า…”

ปากของศีรษะศพโบราณเปิดออก เผยให้เห็นฟันเก่า ๆ สีเหลืองสองแถว ภาษาโบราณบางอย่างถูกเอ่ยออกมา ทว่ากลับไร้ซึ่งอารมณ์ใดในน้ำเสียง ราวกับว่าหลงเหลือเพียงจิตสำนึกในการฆ่าฟัน

หลิงอินลงมือเรียกคันศรออกมา จากนั้นก็รั้งสายคันศรอย่างรวดเร็ว ส่งลูกศรแสงพุ่งตรงไปยังศีรษะของศพโบราณ

ทว่านางกลับต้องประหลาดใจ ศีรษะศพโบราณอ้าปากของมันรับลูกศรแสงโดยตรงก่อนจะบดขยี้จนเกิดเสียง ‘แกรก แกรก’

แข็งแกร่งมาก!

หลิงอินรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่ศีรษะศพโบราณสามารถกระแทกเรือเดินสมุทรลำนี้ให้เป็นรูขนาดใหญ่ได้ หัวของศพน่ากลัวมากจริง ๆ!

ระหว่างทางนางไม่เคยหยุดฝึกฝน ขอบเขตของนางได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ลูกศรที่หลิงอินยิงออกไป เกรงว่าแม้แต่ตี้จวินก็ไม่สามารถเมินเฉยได้ จำเป็นต้องรับมืออย่างจริงจัง

ทว่ากลับไม่อาจทำอะไรศีรษะศพโบราณได้ เพียงแค่ศีรษะศพโบราณกัดไม่กี่ครั้งก็สลายไป

“พี่หลิงอิน ข้าจะช่วยท่านเอง!”

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหยาก็ก้าวออกมา บนร่างของนางเรืองรองด้วยแสงนักบุญ นางบรรลุขอบเขตนักบุญแล้ว!

ด้านมรรคาแห่งทำนองกู่ฉินของนางน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่า พลังที่นางสามารถเรียกใช้จากฉินปี้เทียนชางไห่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

ความก้าวหน้าที่มากขึ้นเช่นนี้ หลิงอินมองแล้วถึงกับอดตกตะลึงไม่ได้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณชายกล่าวว่าเสี่ยวหยามีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก นี่ช่างน่าทึ่งอย่างถึงที่สุด

นางเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน เสี่ยวหยาก็จะสามารถไล่ตามนางทัน พรสวรรค์ของเสี่ยวหยาแข็งแกร่งเกินไป!

เสียงฉินอันไพเราะดังขึ้น มือเรียวของเสี่ยวหยาบรรเลงลงฉินปี้เทียนชางไห่ เส้นผมยาวสะบัดไหวไปตามสายลม ใบหน้าของนางงดงามเป็นอย่างยิ่ง ราวกับนางเซียนจากสวรรค์ลงมาบรรเลงฉิน

แสงนุ่มนวลสายหนึ่งกระเพื่อมออกมาจากฉินปี้เทียนชางไห่ มันสามารถเสริมความแข็งแกร่งของฝ่ายตนเองได้ทุกด้าน ขณะเดียวกันก็ลดความแข็งแกร่งทุกด้านของศัตรูลง

สามารถสังเกตได้ว่าในตอนนี้ศรแสงที่ถูกหลิงอินยิงออกไปอีกครั้งทรงพลังและน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงไร้ประโยชน์

ศีรษะของศพโบราณแข็งแกร่งเกินไป ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงฉินที่สามารถลดความแข็งแกร่งและศรแสงที่ทรงพลังมากกว่าเดิม มันยังคงอ้าปากเคี้ยวศรแสงทิ้งได้ภายในไม่กี่ครั้ง

หลินอินขมวดคิด ดูเหมือนว่านางจะไม่มีทางใช้คันศรจัดการกับศีรษะศพโบราณได้

ถึงแม้นางจะเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมาช่วย แต่ก็ยังไม่อาจทำอะไรศีรษะศพโบราณนี้ได้ ช่องว่างที่มีนั้นใหญ่เกินไป

พรึ่บ!

แสงสว่างสาดประกายเจิดจ้า นางหยิบหยกคุ้มภัยที่ห้อยไว้ตรงคอออกมา วิถีแห่งเต๋านับไม่ถ้วนรายล้อมร่างของนาง กลายเป็นเสื้อคลุมปกป้องทั่วทั้งร่างของหญิงสาว

นางหยุดยิ่งลูกศร กระโดดสูงขึ้นไปจากดาดฟ้าเรือ เหวี่ยงคันศรทุบไปยังศีระศพโบราณ

ทว่าศีรษะศพโบราณก็หายไปอย่างกะทันหันโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิด

“หืม?”

คิ้วของหลิงอินขมวดแน่น นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของศีรษะศพโบราณ ราวกับมันสูญสลายหายไป

ตู้ม!

ในตอนนั้นเอง หางเรือเดินสมุทรก็เกิดเสียงระเบิดดั่งสนัน ศีรษะของศพโบราณทำการโจมตีเรือ แม้ว่าเรือเดินสมุทรจะสามารถต้านทานการโจมตีของเทียนตี้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน กลับถูกศีรษะของศพโบราณทำลายลงอย่างสมบูรณ์ แตกออกเป็นชิ้น ๆ ทันที!

เสี่ยวหยาเองก็กระเด็นออกมา ยังดีที่มีพลังจากฉินปี้เทียนชางไห่สกัดกั้นการโจมตีให้ ไม่เช่นนั้นเสี่ยวหยาจะต้องสิ้นชีพลงภายใต้การโจมตีครั้งนี้อย่างแน่นอน!

“ฆ่า…ฆ่า…ฆ่า…”

ศีรษะศพโบราณกล่าวออกมาอีกครั้งด้วยจิตสำนึก ฟันเก่า ๆ สีเหลืองขบไปมาก่อนจะพุ่งไปทางเสี่ยวหยา

“ไปให้พ้น!”

หลิงอินลงมือหมายสังหารมันในทันที นางเหวี่ยงคันศรออกไปทุบใส่ศีรษะศพโบราณ ทว่าศีรษะศพโบราณก็หายวับไปในอากาศอีกครั้ง!

หญิงสาวไม่กล้ารีรอ กลัวว่าศีรษะศพโบราณจะโจมตีเสี่ยวหยาอีกครั้ง นางจึงรีบตรงไปด้านข้างก่อนจะพาเสี่ยวหยาออกไปจากแถวบริเวณแห่งนี้

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าศีรษะของศพโบราณไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของหยกคุ้มภัย ดังนั้นจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลิงอิน

“เกิดอะไรขึ้นกับบริเวณแถบนี้กัน!”

หลิงอินพาเสี่ยวหยาทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พวกนางยังเห็นศีรษะศพโบราณขนาดใหญ่อีกหลายหัว มีทั้งศีรษะบุรุษและสตรี

นอกจากนี้ พวกนางยังเห็นศพที่ไม่สมบูรณ์อีกจำนวนมาก บ้างไม่มีหัว บ้างไม่มีขา ทั้งหมดล้วนแต่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะพบร่างที่เหมือนเผ่ามนุษย์เท่านั้น ยังมีร่างของเผ่าต่าง ๆ อีกนับไม่ถ้วน

แปลกประหลาดและพิลึกเป็นอย่างยิ่ง!

ศพเหล่านี้มีที่มาจากไหนกัน?

“ขน…สีแดง!”

เสี่ยวหยาเบิกตากว้าง นางชี้ไปที่ศพแล้วกล่าวออกมา

นางเห็นขนสีแดงแปลกประหลาดบนร่างศพ!

“เกี่ยวข้องกับพี่ชายเจ้าหรือไม่?”

หลินอินมองตามไป นางเองก็ได้เห็นขนสีแดงแปลกประหลาดนั่น!

“ตอนที่ข้าเคยเห็นสถานการณ์ของพี่ชายผ่านทางเสียงฉิน ร่างกายของพี่ชายก็ถูกปกคลุมไปด้วยขนสีแดงแปลกประหลาด!”

เสี่ยวหยากล่าวตอบ “ที่นั้นยังมีคนที่ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพี่ชายอีกหลายคน พวกเขาเหล่านั้นต่างมีขนสีแดงแปลกประหลาดปกคลุมทั่วร่าง!”

หลิงอินขมวดคิ้ว เกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ศพไม่สมประกอบที่ล่องลอยอยู่แถวนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของเสี่ยวหยา?

“ไปกันเถอะ”

หลิงอินกล่าวกับเสี่ยวหยา ก่อนจะไปจากบริเวณนี้

ศพไม่สมประกอบเหล่านี้สูญเสียสตินึกคิด ไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ แทนที่พวกนางจะมาพัวพันอยู่ที่นี่ สู้ไปตามหาพี่ชายของเสี่ยวหยาให้เร็วที่สุดจะดีกว่า

น่าเสียดายที่เรือโบราณถูกทำลายลงไปแล้ว แม้พวกนางจะอยู่ไม่ไกลจากที่อยู่ของพี่ชายเสี่ยวหยา แต่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสามารถเดินทางไปถึง

ภายในจักรวาลหมื่นดารา แม้ว่าจะใกล้แค่ไหนก็ยังห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางในห้วงอวกาศได้ พวงนางก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะถึงสถานที่แห่งนั้นเมื่อใด

“ไปกันเถอะ ลองไปดูยังอาณาจักรใกล้ ๆ”

หลิงอินพาเสี่ยวหยาไปยังอาณาจักรที่ใกล้ที่สุด หวังจะลองดูว่าพวกเขาจะสามารถหาศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางผ่านจักรวาลได้หรือไม่ พวกนางไม่สามารถเดินทางไปเช่นนี้ได้ เนื่องจากมันจะใช้เวลานานเกินไป

โชคดีที่หลิงอินและเสี่ยวหยาต่างก็มีสมบัติที่คุณชายมอบให้อยู่กับตัว ไม่เช่นนั้นพวกนางคงไม่สามารถเดินทางไปในอวกาศได้

ไม่ต้องพูดถึงหลิงอินที่มีสมบัติอยู่มากมาย แม้แต่เสี่ยวหยาที่มีเพียงฉินปี้เทียนชางไห่ก็สามารถระงับแรงกดดันของจักรวาลหมื่นดาราได้

พวกนางเดินทางบนจักรวาลหมื่นดาราราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นดิน ความเร็วของพวกนางไม่นับว่าช้าเกินไปนัก

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเรือโบราณที่พวกนางนั่งมาก่อนหน้า ก็ถือว่าช้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่น้อย

หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ทั้งสองมาถึงยังดวงดาวที่อยู่ใกล้เคียง มันเป็นดวงดาวที่พังทลาย สถานการณ์ด้านในน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง มีซากศพและโลหิตไหลรินไปทั่วทุกหนแห่ง

หลิงอินถอนหายใจ สภาพอันน่าสังเวชของดาราดวงนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับซากศพแปลกประหลาดเหล่านั้น

นางรู้สึกอับจนหนทาง มีเพียงดาวดวงนี้เท่านั้น ไม่มีดาวดวงอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อคิดดูอีกทีแล้วดาวดวงอื่นก็อาจถูกซากศพแปลกประหลาดเหล่านั้นทำลายไปแล้ว

“หวังว่าจะหาศาสตราวิเศษที่สามารถเดินทางไปในจักรวาลได้!”

หลิงอินและเสี่ยวหยาต่างพากันค้นหาดาวที่พังทลายดวงนี้ หวังว่าจะพบศาสตราวิเศษดังกล่าว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท