ตอนที่ 434 เส้นทางราชันจักรพรรดิด่านที่เก้าสิบ ด่านโชคชะตาราชันจักรพรรดิ!
“พี่ฝูฮวง รีบเชิญน้องชายหนิงฝานมาพักผ่อนในจวนชั้นในเร็วเข้า!”
เวลานี้ เทียนเมี่ยวอีเตือนองค์ราชันฮวงเทียนด้วยท่าทางอ่อนโยนดั่งสายน้ำ ไหนจะเล่าความเด็ดขาดในการฆ่าฟันก่อนหน้านี้
องค์ราชันฮวงเทียนยิ้มพลางส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักการปฏิบัติของเทียนเมี่ยวอี “หนิงฝาน สงครามครั้งใหญ่นี้ลำบากเจ้าแล้ว ไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนเถอะ!”
“ได้!”
หนิงฝานพยักหน้า ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รู้สึกคัดค้านในสิ่งที่เทียนเมี่ยวอีทำ ทว่าเขายังเห็นด้วยอีกด้วย!
ตระกูลเทียนติดค้างครอบครัวองค์ราชันฮวงเทียนมากเกินไป หากเทียนเมี่ยวอีใจอ่อนปล่อยเทียนชางและคนอื่น ๆ ไป เช่นนั้นย่อมทำให้เขาผิดหวังอยู่บ้างจริง ๆ
หนิงฝานกับพรรคพวกได้รับเชิญให้เข้าไปในจวนชั้นในของตระกูลเทียน จินเลี่ยกลอกตาไปมา ก่อนจะตามพวกเขาไปทันที
ในฐานะผู้ตรวจการเสื้อทอง เขาดูเหมือนมีอำนาจมากโดยปริยายในด่านราชันจักรพรรดิด่านห้าสิบนี้ ทว่าอันที่จริง ท่ามกลางร้อยด่านราชันจักรพรรดิ เขาเป็นเพียงหัวหน้าตัวเล็ก ๆ ใต้บัลลังก์ซวินหวัง และตอนนี้เขามีโอกาสที่จะประจบหนิงฝาน ซึ่งเทียบเท่ากับการประจบซวินหวัง ดังนั้น เขาย่อมไม่ต้องการปล่อยมันไป
หนิงฝานรู้สึกประหลาดใจที่จินเลี่ยตามมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามคำถามอะไร
หลังจากพูดคุยถึงเรื่องวันเก่า ๆ กับองค์ราชันฮวงเทียนและคนอื่น ๆ ในจวนชั้นในตระกูลเทียนแล้ว หนิงฝานก็หาสถานที่ที่เงียบสงบลงชื่อเข้าใช้เพื่อฝึกตน
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ด่านที่ห้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิได้สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาราชันจักรพรรดิเทียนเหยี่ยน!]
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ด่านที่ห้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิได้สำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชาตุ้นอี!]
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ด่านที่ห้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิได้สำเร็จและได้รับหนึ่งล้านผลึกเต๋า!]
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ด่านที่ห้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิได้สำเร็จ และได้รับหนึ่งล้านผลึกเต๋า!]
[…]
เมื่อเวลาผ่านไป พลังบ่มเพาะของหนิงฝานก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้น!
สิบปีต่อมา…
บึ้ม!
หลังจากเสียงดัง หนิงฝานก็ทะลวงขั้นผ่านไปอย่างราบรื่น เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิขั้นหกได้สำเร็จ!
ส่วนเหลยเหมิง ซวีคุนและฝูเทียน พวกเขาต่างมีความก้าวหน้าอย่างมากด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเทียน
ระหว่างนี้ ร่างวิญญาณของจินเลี่ยไม่เคยจากไปไหน ราวกับตั้งใจแน่วแน่ที่จะติดตามหนิงฝาน!
เมื่อเห็นความจริงใจและความแข็งแกร่งของเขา หนิงฝานจึงยอมให้เขาอยู่ต่อ!
วันนี้ชายหนุ่มเดินออกมาจากสถานที่กักตน เรียกเหลยเหมิง ซวีคุนกับคนอื่น ๆ เข้าพบองค์ราชันฮวงเทียนกับเทียนเมี่ยวอี
“พี่ใหญ่ฝูฮวง พี่สะใภ้เมี่ยวอี ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้รบกวนพวกท่านแล้ว พวกเรากำลังจะกลับไปยังเส้นทางอีกครั้ง!” หนิงฝานเอ่ยลา
องค์ราชันฮวงเทียนไม่อาจตัดใจได้ “หนิงฝาน ด่านต่อจากนี้บนเส้นทางราชันจักรพรรดิจะยากลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเจ้าอยู่ด่านที่ห้าสิบให้นานขึ้นหน่อยเถอะ!”
“ขอบคุณพี่ใหญ่สำหรับความกรุณา แต่ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงรอช้าไม่ได้!” หนิงฝานส่ายศีรษะปฏิเสธ
องค์ราชันฮวงเทียนยังต้องการเกลี้ยกล่อมอีก ทว่าเทียนเมี่ยวอีที่อยู่ข้าง ๆ หยุดเขาไว้ “พี่ฝูฮวง น้องหนิงฝานเป็นผู้ที่มีเกล็ดสีทอง ในอนาคตจะต้องกลายเป็นมังกรอย่างแน่นอน เช่นนี้แล้ว เขาจะมาอุดอู้อยู่ในด่านที่ห้าสิบได้อย่างไร!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์ราชันฮวงเทียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้
พลันเทียนเมี่ยวอีเอ่ยต่อ “หนิงฝาน เจ้าต้องการจากไป เราสามีภรรยาไม่อาจขวางเจ้า แต่เราหวังว่าเจ้าจะพาฝูเทียน บุตรชายของพวกเราไปด้วย!”
ควับ!
สิ้นเสียง ฝูเทียนก็เดินมาอยู่ข้างกายหนิงฝาน และโค้งคำนับด้วยความเคารพ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกท่านทั้งสามคนเพิ่งได้กลับมารวมตัวกันเพียงสิบปี ตัดใจให้ฝูเทียนไปกับข้าได้ลงหรือ?”
“ไม่อาจตัดใจแล้วอย่างไร กายฝูเทียนเป็นร่างต้องห้ามโดยกำเนิด เราจำกัดการเติบโตของเขาไม่ได้!” เทียนเมี่ยวอีส่ายศีรษะ ขณะที่องค์ราชันฮวงเทียนนั้นยิ้มน้อย ๆ “น้องชาย พูดตามตรง หากข้าอายุน้อยกว่านี้สามล้านปี เกรงว่าข้าอยากจะตามเจ้าก้าวไปบนเส้นทางอีกครั้ง!”
“อืม ในเมื่อพี่ใหญ่และพี่สะใภ้เต็มใจให้ฝูเทียนติดตามข้าไป เช่นนั้นข้า หนิงฝานจะให้การรับประกันกับพวกท่าน มีข้าหนิงฝานอยู่ ฝูเทียนย่อมไม่มีทางเป็นอะไรไป!”
ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญากับองค์ราชันฮวงเทียนและเทียนเมี่ยวอี
ทั้งสองพยักหน้ารับ พวกเขารู้ว่าด้วยบุคลิกของหนิงฝาน คนผู้นี้ย่อมไม่ปฏิบัติต่อฝูเทียนอย่างขาดความยุติธรรม
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ไว้เจอกันใหม่!”
ในที่สุด หนิงฝานก็อำลาทั้งสอง นำเหลยเหมิง ซวีคุน ฝูเทียน รวมถึงร่างวิญญาณของจินเลี่ย ออกเดินทางอีกครั้ง!
เมื่อมองไปที่ร่างของหนิงฝานและพรรคพวกที่ทะยานห่างออกไป เทียนเมี่ยวอีซึ่งมีผมสีขาวพลันเอนกายพิงไหล่ของสามี “พี่ฝูฮวง ท่านคิดว่าฝูเทียน และคนอื่น ๆ จะไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางราชันจักรพรรดิได้หรือไม่?”
“ได้! มีหนิงฝานอยู่ พวกเขาจะต้องไปถึงสุดเส้นทางราชันจักรพรรดิอย่างแน่นอน!” องค์ราชันฮวงเทียนพูดอย่างหนักแน่น
“ปลายเส้นทางราชันจักรพรรดิเป็นที่ซึ่งโชคชะตาตั้งอยู่ ข้าเชื่อว่าหนิงฝานจะเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาเพียงหนึ่งเดียว และเป็นการเปิดศักราชของราชันจักรพรรดิหนึ่งเดียวอีกครั้ง!”
“ส่วนลูกของเรา…เขาจะกลายเป็นราชันที่น่ายกย่องแห่งสวรรค์และโลกในอนาคต!!”
…
ณ ความว่างเปล่าอันมืดมน หนทางยาวไกล เต็มไปด้วยความอ้างว้างชั่วนิรันดร์
หลังจากหนิงฝานและพรรคพวกออกมาจากด่านที่ห้าสิบแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังด่านราชันจักรพรรดิทันที
โชคดีที่ครั้งนี้มีจินเลี่ยเพิ่มเข้ามา แม้จินเลี่ยจะเป็นร่างวิญญาณร่างหนึ่ง แต่ในฐานะองครักษ์ชุดทองของด่านหนึ่งร้อย เขาก็เป็นผู้ถูกเลื่อนขั้นจากการเป็นองครักษ์ระดับต่ำมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุ้นเคยกับทุกด่านของเส้นทางราชันจักรพรรดิ
ด่านที่ห้าสิบเอ็ดเรียกว่า ด่านไร้ขอบเขต มันตั้งอยู่ในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่และการทดสอบของระดับนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน นั่นคือการนำผู้ทำการทดสอบ หรือก็คือบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดเนรเทศเข้าไปอยู่ในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ตราบเท่าที่ออกมาได้สำเร็จก็จะถือว่าสอบผ่าน
แน่นอนว่า การทดสอบนี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้หนิงฝานและพรรคพวกเลย พวกเขาผ่านด่านอย่างรวดเร็วและได้เป็นผู้นำ!
ถัดไปคือด่านที่ห้าสิบสอง ด่านน้ำหนักเทพ ด่านนี้เต็มไปด้วยพลังของน้ำหนักเทพ แม้ผู้ฝึกยุทธ์กึ่งราชันจักรพรรดิขั้นหกเข้าไปในด่านก้าวเดียวก็เดินลำบาก สำหรับเนื้อหาการทดสอบด่านนี้ต้องการให้ผู้ทดสอบบินได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยจั้งในเมือง จึงจะถือว่าผ่านการประเมินการทดสอบ!
ด่านที่ห้าสิบสามคือด่านหยินหยาง มีเมืองโบราณสองแห่งของหยินและหยางอยู่ในความว่างเปล่า เนื้อหาของการทดสอบคือการประลองกันของความภาคภูมิของด่านหยินหยางทั้งสอง ผู้ชนะเท่านั้นที่สามารถทำสำเร็จการทดสอบ!
ด่านที่ห้าสิบสี่ ด่านลึกลับ!
ด่านที่ห้าสิบห้า ด่านรู้แจ้ง!
ด่านที่ห้าสิบหก ด่านเทพป่าเถื่อน!
…
หนิงฝานและพรรคพวกท่องไปในความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ผ่านเมืองโบราณของด่านราชันจักรพรรดิ ด่านแล้วด่านเล่า เสร็จสิ้นการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า!
ในช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะลงชื่อเข้าใช้และได้รับผลึกเต๋ากับสมบัติมามากมาย!
ท้ายที่สุด เมื่อพวกเขาไปถึงด่านที่เก้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิ เวลาก็ได้ผ่านไปอีกสามร้อยปี
สามร้อยปีต่อมา นอกจากร่างวิญญาณจินเลี่ยที่ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว ความแข็งแกร่งของหนิงฝานและคนอื่น ๆ ล้วนได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
เหลยเหมิงกับซวีคุน ทั้งสองได้มาถึงสุดยอดขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิขั้นเจ็ด ส่วนฝูเทียนนั้นมาถึงขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว ขณะที่หนิงฝานเองก็มาถึงสุดยอดขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิขั้นหก
ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา หนิงฝานได้ใช้กงล้อแห่งโชคชะตาอีกครั้งเพื่อแบกรับพลังทั้งสามวิถี ได้แก่ วิถีทอง วิถีน้ำแข็ง วิถีสายฟ้า ทำให้ยามนี้กงล้อแห่งโชคชะตามีเก้าวิถีเต็ม ๆ!
เวลานี้ เมื่อมองไปยังเมืองโบราณของด่านโชคชะตาราชันจักรพรรดิที่อยู่ไม่ไกล จินเลี่ยก็เอ่ยแนะนำว่า “นายท่าน ข้างหน้าคือด่านที่เก้าสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิ นามว่าด่านโชคชะตาราชันจักรพรรดิ! สาเหตุที่ด่านนี้เรียกว่า ด่านโชคชะตาราชันจักรพรรดิ เนื่องจากมีโลกที่ปิดผนึกอยู่ไม่ไกลจากด่านนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโลกนี้เป็นมาอย่างไร รู้เพียงว่ามันเต็มไปด้วยโชคชะตาไม่รู้จบ กระทั่งเมื่อหลายปีก่อนมีคนได้รับโชคชะตาจากมัน และอาศัยโชคชะตานี้ทำให้คนผู้นี้โค่นล้มของทุกโลกในสถานที่สูงสุดได้อย่างฉับพลัน คว้าโชคชะตามาได้สำเร็จ และกลายเป็นราชันจักรพรรดิเซียนสูงสุด นับตั้งแต่นั้นมา ด่านแห่งนี้จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ด่านโชคชะตาราชันจักรพรรดิ!”