เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ฉู่ซิวหยงจึงยิ้มพลันพยักหน้า “แตกต่างจากแต่ก่อน ดูแล้วเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน”
ดู คนที่มีใจพูดดีเพียงใด อีกทั้งยังสามารถชื่นชมได้หลากหลายรูปแบบ เฉินตันจูยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาเถิด ไม่ต้องชมหม่อมฉันแล้ว” นางพูด “หม่อมฉันสวมชุดใดก็งดงาม”
ฉู่ซิวหยงยิ้มพลันพยักหน้า
“ท่านเพิ่งมาถึงหรือ” เฉินตันจูรีบถาม “องค์หญิงจินเหยาอยู่ทางนั้น หม่อมฉันพาท่านไป”
ฉู่ซิวหยงส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้าไม่พบจินเหยาดีกว่า”
เฉินตันจูเก็บนิ้วที่ชี้ไปทางนั้น ไม่พบองค์หญิงจินเหยาหรือ เพราะรู้สึกละอายใจใช่หรือไม่
“ท่านอ๋องซีเหลียงคิดไม่ซื่อจึงทำให้องค์หญิงจินเหยาต้องประสบอันตราย” นางพูดเสียงเบา “แต่องค์หญิงจินเหยาไม่โทษท่าน เมื่อได้ข่าวของท่าน นางยังคงเสียใจอย่างมาก”
“ข้ารู้ จินเหยาเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจเมตตาและใจกว้าง” ฉู่ซิวหยงพูดด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าไม่ต้องพบนางเพื่อขอโทษ อีกทั้งยังต้องให้นางหันมาปลอบข้าแทน”
พูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักลง
“เอาเถิด ความจริงแล้วข้าไม่อยากซ่อมแซมความสัมพันธ์กับผู้ใดอีกแล้ว ไม่โทษข้าก็ดี โทษข้าก็ดี ข้าล้วนไม่สนใจ”
“ดังนั้น คุณหนูตันจู เจ้าดู ความจริงแล้วข้าเป็นคนที่ไร้หัวใจอย่างมาก”
เฉินตันจูครุ่นคิด “ทุกคนต่างมีทางเลือกของตนเอง ไม่พบก็ไม่พบ” ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนประเด็นถาม “ท่านมาได้อย่างไร จะพักอยู่ที่นี่หรือไม่”
อย่างไรแล้ว ซีจิงก็เป็นเมืองที่บรรดาองค์ชายเติบโตขึ้น เมื่อไม่ได้เป็นองค์ชายแล้ว ย่อมอยากกลับที่ที่ตนเองคุ้นเคย
นางพูดเชิญอย่างอารมณ์ดี “ท่านจะมาเป็นเพื่อนบ้านหม่อมฉันหรือไม่”
ฉู่ซิวหยงกล่าวขอบคุณ “ท่านแม่ข้ายังอยู่เมืองหลวง ข้าจึงฉวยโอกาสที่ร่างกายยังดีอยู่ออกมาด้านนอกเสียบ้าง ตอนเด็กข้าติดตามซินแสท่านหนึ่งร่ำเรียน ต่อมาหลังจากที่ป่วยจึงหยุดไป ซินแสท่านนี้ก็ไม่คุ้นชินกับเมืองหลวง จึงกลับชนบทไปตั้งสำนักสอน ข้าไม่ได้พบเขามานานหลายปีแล้ว เวลานี้มีเวลาว่างจึงคิดจะไปเยี่ยมเยือน”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เฉินตันจูพยักหน้า ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ให้หม่อมฉันจับชีพจรให้ท่านเถิด หม่อมฉันไม่ได้โอ้อวดตนเอง หม่อมฉันมีความสามารถในการใช้พิษอย่างมาก”
ฉู่ซิวหยงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าคุณหนูตันจูมีความสามารถ” เขายื่นมือจับไปที่ข้อมือของตนเองเบาๆ “เวลานั้นเพียงแค่จับดูก็รู้ว่าข้ากำลังหลอกลวงผู้คน”
เรื่องเวลานั้นหรือ เฉินตันจูรู้สึกซับซ้อนอย่างมาก นางยื่นมือจับแขนเสื้อของเขา “มา นั่งลง หม่อมฉันตรวจให้ท่านใหม่ คราวนั้นหม่อมฉันมองออกว่าท่านกำลังหลอกคน คราวนี้หม่อมฉันย่อมรักษาให้ท่านได้”
ฉู่ซิวหยงมองมือของหญิงสาวที่จับแขนเสื้อเอาไว้ มือข้างนี้ยังคงขาวสะอาดเหมือนแต่ก่อน วันนี้สวมชุดใหม่ อีกทั้งยังสวมกำไลใหม่ มือข้างนี้สามารถยื่นมาทางเขาได้อีกครั้งก็เพียงพอแล้ว
เขาไม่อาจยื่นมือไปจับมือของนางได้อีกแล้ว
“ไม่ต้อง” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม พลันดึงแขนเสื้อกลับมาเบาๆ “ตันจู หลายปีมานี้ ข้าเคยชินที่มีพิษอยู่ร่วมกับข้าแล้ว หากขจัดมันจริงๆ ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีก”
เฉินตันจูมองแขนเสื้อที่ถูกดึงกลับ นางแอบถอนหายใจ “แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยไม่ใช่หรือ”
ฉู่ซิวหยงพูด “สนใจ” พลันชี้ไปยังถุงที่คาดอยู่บนเอว “ในนี้มียา หนึ่งวันกินหนึ่งครั้ง” ก่อนจะมองคิ้วที่ขมวดมุ่นของหญิงสาว “เจ้าวางใจเถิด แต่ก่อนข้าเคยบอกว่ามีชีวิตอยู่มันทรมานมาก ตายไปก็ไม่เจ็บปวดแล้ว แต่ข้ายังคงยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ อีกทั้งข้าจะมีชีวิตอยู่อย่างดี”
เฉินตันจูมองใบหน้าที่ซีดเผือดยิ่งกว่าแต่ก่อนของเขา ความซีดที่ไม่อาจปิดบังความป่วยเอาไว้ได้ แต่ดวงตาของเขามีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน นางคลายคิ้วที่ขมวดเอาไว้ พลันตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ซิวหยงมองไปรอบด้าน “ซิ่วหลิ่งยังคงเหมือนแต่ก่อน ทางนี้มีที่เที่ยวเล่นมากมาย ตันจู ขอให้เจ้าเที่ยวเล่นอย่างสนุก”
เฉินตันจูพยักหน้า
“ข้าควรไปแล้ว” สายตาของฉู่ซิวหยงเบนกลับมาที่นาง พูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินตันจูผงะไป พลันเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว “เร็วเพียงนี้เชียวหรือ”
“เสี่ยวชวียังรออยู่ด้านนอก เดิมทีข้าไม่คิดจะเข้ามา” ฉู่ซิวหยงพูด “แต่บังเอิญรู้ว่าเจ้าอยู่ทางนี้จึงเข้ามาพบเจ้า ต่อจากนี้คงไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน หลังจากที่ข้าไปเยือนซินแสท่านนั้น ข้ายังคิดจะไปดูที่อื่นอีก ข้าถูกขังไว้ในวังหลวงเสมอมา คนที่พบมีอยู่เพียงไม่กี่คน จนกระทั่งข้าได้เดินทางไปแคว้นฉี ข้าถึงสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ของบ้านเมือง แต่เสียดาย เวลานั้นข้าไม่มีใจคิดเรื่องอื่น…”
ไม่มีใจชื่นชมทิวทัศน์ อีกทั้งไม่อาจแบ่งใจให้ผู้ใด
ฉู่ซิวหยงมองเฉินตันจู “แต่เวลานี้ข้าทำได้แล้ว”
เขาสามารถชื่นชมทิวทัศน์ในแผ่นดินได้อย่างสบายใจ แต่คนผู้นั้น อย่างไรเขาก็พลาดพลั้งไปแล้ว
พูดพลางโบกมือ หันหลังเดินลงเขาไป
เฉินตันจูต้องการพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องใด นางมองแผ่นหลังของฉู่ซิวหยง นึกถึงตอนที่เขาไปแคว้นฉี ตั้งใจแวะมาหานางระหว่างทาง…
เวลานั้นเขาร่วมมือกับท่านอ๋องฉี วางแผนแก้แค้น จึงไม่อยากดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเพิกเฉยต่อนาง หลีกเลี่ยงนาง แต่เมื่อเดินทางผ่านภูเขาดอกท้อ เขายังคงอดที่จะมาหานางไม่ได้
เวลานี้ก็เป็นเช่นนี้ เขาวางทุกสิ่งลงแล้ว แต่ยังคงวิ่งมาหานาง…
“ฉู่ซิวหยง” เฉินตันจูตะโกนเรียกอย่างอดไม่ได้
ฝีเท้าของฉู่ซิวหยงชะงักไป เขาหันกลับมามองนาง พลันยื่นมือจับถุงคาดเอวเอาไว้ “ความจริงตอนข้ามา ข้าอยากเก็บผลซานจามาให้เจ้า แต่เมื่อครุ่นคิด หากเจ้ากลับเมืองหลวง เจ้าย่อมสามารถกินได้ทุกเวลา ข้าจึงไม่ได้นำมาด้วย”
เฉินตันจูอ้าปาก “หม่อมฉันยังไม่กลับเมืองหลวง”
ฉู่ซิวหยงมองนาง
เฉินตันจูกำมือ เดินลงไปหนึ่งก้าว “เวลานี้หม่อมฉันไม่มีเรื่องใด ให้หม่อมฉันไปเยือนซินแสท่านนั้นกับท่านเถิด หม่อมฉันไม่เคยไปที่ใดมาก่อน อยู่แต่ในเมืองหลวงและบนภูเขาดอกท้อเสมอมา หม่อมฉันไม่เคยเห็นความกว้างใหญ่ของแผ่นดิน…”
เมื่ออดีตชาติ ในใจของนางก็มีเพียงแก้แค้น มีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวด
ฉู่ซิวหยงยิ้ม พลันพูดออกมา แต่เนื่องจากห่างกันไกล เฉินตันจูจึงไม่ได้ยิน
“ท่านพูดสิ่งใด” นางถาม พลันยกเท้ากำลังจะเดินเข้ามาต่อ
ฉู่ซิวหยงโบกมือให้นาง “ไม่ได้”
ไม่ได้? เฉินตันจูผงะ พลันชะงักฝีเท้าลง อันใดกัน จางเหยาไม่ได้ เขาก็ไม่ได้หรือ
“ตันจู” ฉู่ซิวหยงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ต้องรีบ เจ้ายังมีเวลา อยากไปที่ใดก็ไปที่นั่น แต่ข้าไม่ได้ ร่างกายของข้าไม่ดี ข้าอยากใช้เวลาศึกษากับซินแสให้มาก ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจพาเจ้าไปด้วยได้”
เฉินตันจูปล่อยมือที่กำไว้ลง นางมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนทางเดินภูเขา พลันพยักหน้า “ได้ ท่านต้องศึกษาให้มาก ไปสถานที่มากมาย”
ฉู่ซิวหยงโบกมือให้นางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องส่งข้าแล้ว เจ้าเที่ยวให้สนุกเถิด” พูดพลันหันหลังเดินจากไปอย่างเชื่องข้า
คราวนี้เขาไม่หันหน้ากลับมาอีก เฉินตันจูยืนอยู่บนทางเดินภูเขาไม่ได้เรียกเขาเอาไว้อีก มีเพียงยืนส่งอย่างตั้งใจ…
คนที่อยู่ในสายตายิ่งเดินยิ่งไกลออกไป
“ตันจู!”
เสียงขององค์หญิงจินเหยาดังขึ้นมาจากด้านบน
เฉินตันจูหันกลับมา เห็นองค์หญิงจินเหยากับจางเหยาเดินตามกันมา ในมือของคนทั้งสองต่างถือกิ่งเหมยคนละก้าน
“ตันจู เหตุใดเจ้าจึงเดินมาทางนี้” องค์หญิงจินเหยาถามด้วยความสงสัย
เฉินตันจูรีบชี้ไปยังเชิงเขา “องค์ชายสามมา”
องค์หญิงจินเหยาผงะ พลันรีบมองไปทางเชิงเขา แม้จะไกลไปบ้าง แต่นางก็จำอีกฝ่ายได้ในทันที
“เสด็จพี่สาม!” นางถือกิ่งเหมยพลันก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว “เหตุใดจึงไม่เรียกข้า”
เฉินตันจูพูด “เดิมทีหม่อมฉันจะเรียกท่าน แต่เขาบอกว่าไม่พบท่าน”
ฝีเท้าขององค์หญิงจินเหยาชะงักไป แต่นาทีถัดมานางก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “เขาไม่พบข้า แต่ข้าจะพบเขา!” จากนั้นนางจึงวิ่งลงเขาไป
จางเหยากำชับอยู่ด้านหลัง “องค์หญิงทรงช้าหน่อย”
องค์หญิงจินเหยาโบกมือเป็นเชิงบอกว่าตนเองรู้แล้ว นางวิ่งไล่ตามฉู่ซิวหยงลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทั้งสองคนต่างหายลับไปในสายตา
“ปล่อยให้พวกเขาพี่น้องได้พูดคุยกันเถิด” จางเหยาพูดกับเฉินตันจู
เฉินตันจูหันไปมองเขา แต่ไม่พูดสิ่งใด
จางเหยากะพริบตา เขารู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านแผ่นหลังมา “คุณหนูตันจู?”
เฉินตันจูบีบนิ้วมือพลันเงยหน้าจ้องมองเขา ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
จางเหยารู้สึกเส้นผมถูกลมพัดปลิวขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ยกดอกเหมยขึ้นมาไว้ตรงหน้า