ดอกไม้ยกไว้ด้านหน้าเหมือนเป็นเกราะป้องกัน
เมื่อเห็นท่าทางของจางเหยา เฉินตันจูก็ทำหน้าบึ้งทันที “อย่างไร ข้ายิ้มให้เจ้า เจ้าจะตีข้าหรือ”
เอาจากที่ใดมาพูดกัน! จางเหยาตะโกนอยู่ภายในใจ ก่อนจะรีบยื่นดอกไม้ไปด้านหน้า “ไม่ใช่ๆ มอบให้ท่านต่างหาก”
เฉินตันจูมองดอกไม้ที่ยื่นมาตรงหน้า นางยื่นสองนิ้วออกไปลูบไล้ดอกไม้อย่างแผ่วเบา พลันลากเสียงยาว “มีแค่ก้านเดียวหรือ ให้ข้าเพียงคนเดียวหรือ มันคงไม่ดีนัก”
ไม่ดีอย่างไรกัน
จางเหยากะพริบตา พลางพูด “องค์หญิงจินเหยาก็มีอีกก้าน”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ “ยิ่งไม่อาจให้ข้าได้ พวกท่านกว่าจะเด็ดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย คนละก้านเหมาะสมแล้ว”
มันก็ไม่ได้เด็ดยากนัก จางเหยาครุ่นคิด เพียงแค่ชุดที่คุณหนูตันจูท่านสวมใส่ไม่สะดวกเท่านั้น
“พวกเราล้วนเด็ดให้ท่าน” เขารีบอธิบายอีกครั้ง
เฉินตันจูเหมือนต้องการพูดบางสิ่ง แต่นางหันไปเห็นองค์หญิงจินเหยาวิ่งกลับมาแล้ว ในมือว่างเปล่า ไร้ซึ่งวี่แววดอกเหมยก้านนั้น
เฉินตันจูและจางเหยารีบเดินเข้าไป
“ข้ามอบให้พี่สามแล้ว” องค์หญิงจินเหยาพูด บนใบหน้ามีรอยยิ้ม “พี่สามจะออกเดินทางไปร่ำเรียน ข้าดีใจแทนเขาเสียจริง”
เฉินตันจูพยักหน้า จางเหยาก็โล่งใจเพราะเห็นสีหน้าของเฉินตันจูปกติแล้ว…เพราะองค์ชายสามหรือ ระหว่างเฉินตันจูกับองค์ชายสามมีความสัมพันธ์อันซับซ้อน เวลานี้เห็นองค์ชายสามตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อารมณ์ของนางคงจะซับซ้อนอย่างมาก
“คุณหนูตันจู” เขาพูดอย่างดีใจ ก่อนจะยื่นดอกเหมยให้นางอีกครั้ง “ของข้าให้ท่าน”
เฉินตันจูที่สีหน้าผ่อนคลายลงแล้วส่งเสียงไม่พอใจขึ้นอีกครั้ง “ข้าไม่เอา” พูดพลางเบียดคนทั้งสอง เดินลงเขาไปอย่างตึงตัง “ข้าจะกลับเรือนแล้ว”
องค์หญิงจินเหยามองจางเหยาด้วยความสงสัย นางใช้สายตาเป็นเชิงถามว่าเกิดเรื่องใดขึ้น จางเหยาแบมือเป็นเชิงว่าตนเองก็ไม่รู้
แต่ว่าองค์หญิงจินเหยาไม่ได้พูดสิ่งใด วันนี้การพบกับฉู่ซิวหยง ทำให้นางหมดอารมณ์ที่จะชื่นชมทิวทัศน์แล้ว นางและจางเหยาเดินตามเฉินตันจูไป คนทั้งขบวนนั่งรถม้าจากไปอย่างเอิกเกริก
คราวนี้เฉินตันจูขึ้นราชรถขององค์หญิงจินเหยาโดยตรง พลันนั่งจ้ององค์หญิงจินเหยาอยู่ภายในรถ
องค์หญิงจินเหยาที่หยิบดอกเหมยขึ้นมาถูกนางมองจนหัวเราะออกมา
“เจ้าทำอันใด” นางถามกลั้วหัวเราะ “พี่สามข้าพูดเรื่องใดกับเจ้า”
เฉินตันจูพูด “ไม่ได้พูดสิ่งใด”
องค์หญิงจินเหยาเสียบดอกเหมยไว้ในรถ “พี่สามบอกว่าไม่ต้องการพวกเราพี่น้องแล้ว ดังนั้นที่เขาเดินทางมาไกลเพียงนี้ก็ไม่ใช่เพื่อพบข้า หากแต่มาเพื่อพบเจ้า” นางพูดพลางถอนหายใจ ถึงแม้จะรู้สึกผิดต่อพี่หกเล็กน้อย แต่…นางก็ถามออกมาเสียงเบา “ตันจู ตกลงว่าเจ้าชอบผู้ใด”
ตากลมของเฉินตันจูกลอกไปมา แสร้งทำท่าเขินอาย “ความจริงแล้วหม่อมฉันชอบจางเหยา”
องค์หญิงจินเหยาตะลึง พลันถลึงตา “อันใดนะ! เจ้าอย่าได้ใช้จางเหยามาล้อเล่น!”
เฉินตันจูเลิกคิ้ว พลันยื่นมือโอบไหล่ของนาง “หม่อมฉันจะใช้เขามาล้อเล่นได้อย่างไร หม่อมฉันดีกับจางเหยาเพียงใด ผู้คนต่างรู้ดี หม่อมฉันสิ้นเปลืองทั้งแรงกายแรงใจเพื่อเขา กังวลว่าเขาจะกินไม่ดี สวมใส่ไม่อุ่น กลัวเขาอาการกำเริบ กลัวเขาไม่อาจบรรลุความปรารถนาของตนเองได้ เขาเพียงแค่กระแอมไอทีเดียว หม่อมฉันก็อกสั่นขวัญแขวนตาม”
นางพูดจบพลันมองไปทางองค์หญิงจินเหยา
“องค์หญิง ท่านก็ทรงเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่”
องค์หญิงจินเหยาผงะ ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ บนใบหน้าของนางไร้วี่แววเขินอาย หากแต่ฉายแววครุ่นคิด “ข้าหรือ ข้าทั้งเหมือนทั้งไม่หมือนกับเจ้า”
เฉินตันจูสงสัยเล็กน้อย “มีสิ่งใดไม่เหมือนกัน”
“ข้าย่อมหวังว่าเขาจะได้ดี กังวลแทนเขา ดีใจแทนเขา” องค์หญิงจินเหยาพิงเบาะนุ่มพลันพูดอย่างจริงจัง “แต่ไม่ได้มากมายหรือซับซ้อนเหมือนที่เจ้าพูด สิ่งที่ข้าต้องการมากกว่าไม่ใช่เขาเป็นอย่างไร หากแต่เป็นความรู้สึกที่เขามอบให้ข้า ความรู้สึกของข้าเอง”
ความรู้สึกของตนเองหรือ เฉินตันจูยิ่งสงสัย จนนางลืมที่จะวางมาด “หมายความว่าอย่างไร”
องค์หญิงจินเหยาเม้มปากยิ้ม “ก็คือ ข้าคิดถึงเขาก็จะดีใจ ทุกเวลาคิดถึงแต่เขา เมื่อคิดถึงว่ามีคนผู้นี้อยู่ ข้ารู้สึกว่าทำสิ่งใดล้วนมีความสุข” พูดพลางหันไปมองเฉินตันจูด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดถึงเขาทุกวันหรือไม่”
เฉินตันจูฟังจนใจลอย นางพึมพำออกมา “หม่อมฉันคิดถึงเขาทุกวันทำอันใด!”
องค์หญิงจินเหยายื่นมือไปบีบจมูกของนาง “อ่อ…ไม่ได้คิดถึงเขาทุกวัน แต่เวลานี้มีความจำเป็น เจ้าจึงใช้เขาเป็นเกราะกำบังหรือ”
เฉินตันจูตั้งสติกลับมาได้ จึงร้องโอดครวญ “ไม่ใช่เสียหน่อย หม่อมฉันทำเช่นนั้นที่ไหนกัน…ผู้ใดให้พวกท่านทั้งสองต่างปิดบังหม่อมฉัน!”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดจะปิดบังเจ้า พวกข้ายังไม่ได้คิดว่าจะพูดอย่างไร พวกข้าก็เขินอายเหมือนกัน”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ มือของนางลูบปลายจมูกของตนเอง
“ดังนั้นก่อนหน้านี้เจ้าสังเกตได้แล้ว” องค์หญิงจินเหยาถามอย่างตั้งใจ “รู้สึกว่าจางเหยาไม่ชอบเจ้าแล้ว ถูกข้าแย่งไปแล้ว ดังนั้นจึงโกรธหรือ”
เฉินตันจูยื่นมือไปดึงดอกเหมยที่เสียบอยู่ในรถออกมา พลันพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ไม่ใช่เสียหน่อย เขาไม่ชอบหม่อมฉันก็ย่อมไม่มีทางเด็ดดอกเหมยให้หม่อมฉันโดยเฉพาะแล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น คราวนั้นจางเหยาเร่งเดินทางมาพบนางจนเสียงแหบก็เพราะหวังว่านางจะมีชีวิตอยู่อย่างดี…
แต่มันไม่ใช่ความชอบพอระหว่างชายหญิง
ถึงแม้นางจะรู้สึกหึงเล็กน้อย แต่ก็ยังดี…จางเหยารักใคร่ชอบพอกับองค์หญิงจินเหยา นางยังคงอดไม่ได้ที่จะดีใจแทนเขา องค์หญิงจินเหยาไม่มีทางรังแกจางเหยา อีกทั้งยังจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ชีวิตนี้จางเหยาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำได้อย่างตั้งใจ
องค์หญิงจินเหยาไม่ได้แย่งดอกเหมยกลับมา นางถามเสียงเบาด้วยความลังเล “ตันจูเจ้าเป็นอันใด เจ้าไม่ชอบเสด็จพี่หกของข้าจริงหรือ”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อคำว่าจริงนี้ลอยเข้ามาในหู หัวใจของเฉินตันจูก็ราวกับถูกทิ่มแทงไปหนึ่งที นางรีบพูด “องค์หญิงอย่าทรงพูดเช่นนี้ ไม่ใช่แบบนั้น หม่อมฉัน…” เมื่อพูดออกมานางก็รู้สึกแปลกประหลาด บอกว่าไม่ชอบจะเป็นอันใดไป…นางรีบถามเสียงเบา “ท่านอย่าพูดเช่นนี้ หากให้เสด็จพี่หกของท่านรู้เข้าจะไม่ดีใจ”
องค์หญิงจินเหยาหลุดหัวเราะออกมา “เพราะรู้ว่าเจ้าไม่ชอบเขาจริงๆ ดังนั้นเสด็จพี่หกจะไม่ดีใจอย่างนั้นหรือ”
ก็ไม่ใช่ เฉินตันจูคิดอยู่ในใจ อีกทั้งนางก็ไม่ได้ไม่ชอบเขา
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะออกมา “เจ้านะ ทั้งที่ในใจคิดถึงเขา แต่ไปคิดเรื่องอื่นทำอันใดกัน”
“หม่อมฉันไม่ได้คิดถึงเขา” เฉินตันจูรีบพูด “เขาต้องให้หม่อมฉันคิดถึงที่ใดกัน เขามีความสามารถเพียงนั้น…”
“เจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เก่งเท่าเขา ไม่คู่ควรกับเขาหรือ” องค์หญิงจินเหยาถาม พลันจับมืออีกฝ่ายยิ้มหวาน “ข้าไม่เคยคิดเช่นนี้กับจางเหยา จางเหยาก็ไม่เคยกังวลเรื่องนี้ หากชอบย่อมไม่คิดเรื่องเหล่านี้”
เฉินตันจูกลอกตา นำดอกเหมยมาปิดใบหน้าของนางเอาไว้ ภายในใจแอบถอนหายใจเบาๆ
นางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับฉู่อวี๋หยง
นางจะเป็นเหมือนที่องค์หญิงจินเหยาพูดหรือไม่ คิดถึงเขาทุกเวลา คิดถึงเขาก็…
เฉินตันจูครุ่นคิด…ในขณะที่ร่างสวมชุดเกราะเพิ่งปรากฏขึ้นมา นางก็รีบสะบัดหัวเพื่อสลัดภาพนั้นทิ้งไป
นางยังไม่รู้ว่าควรคิดถึงผู้ใดดี!
รถม้าหยุดลงอย่างกะทันหันในเวลานี้ หญิงสาวที่ต่างเหม่อลอยชนเข้าด้วยกัน พวกนางกังวลเล็กน้อย
“เกิดเรื่องใดขึ้น” องค์หญิงจินเหยาถาม
อย่างไรแล้วสงครามกับซีเหลียงก็ยังไม่สิ้นสุด
ด้านข้างมีเสียงเกือกม้าเข้าใกล้ “องค์หญิง…มีคนมาพ่ะย่ะค่ะ”
มีคนหรือ ผู้ใดบังคับให้ราชรถขององค์หญิงหยุดลงได้กัน องค์หญิงจินเหยาเปิดม่านรถขึ้น
องครักษ์ริมหน้าต่างพูดเสียงเบา “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทเสด็จมาอย่างลับๆ ไม่ให้ป่าวประกาศ”
องค์หญิงจินเหยาดีใจจนแทบชะเง้อหน้าออกจากตัวรถ เฉินตันจูก็เบียดเข้ามา
“เขามาได้อย่างไร” นางถามขึ้น
องค์หญิงจินเหยาใช้หัวชนเข้ากับหัวของหญิงสาวเบาๆ “ก็เพราะบางคนอย่างไรเล่า!”
เฉินตันจูไม่สนใจนาง หากแต่มองไปด้านหน้า คนและม้าขบวนหนึ่งเดินทางมาจากที่ไกล ไม่มีขบวนที่เอิกเกริก คนเหล่านั้นล้วนไม่ได้สวมชุดเกราะ ดูแล้วเหมือนคนที่เดินทางเพื่อเที่ยวเล่นเท่านั้น
ชายหนุ่มที่นำหน้าสวมเพียงชุดผ้าไหม แสงแดดสาดลงบนตัวเขาประกายแสงสีทอง
เขาเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ได้เข้าใกล้ตัวรถ หากแต่หยุดลงข้างทาง จากนั้นยกมือทักทายทางนี้ พลันกวักมือเรียกเบาๆ
องค์หญิงจินเหยารู้ว่ายกมือคือการทักทายนาง ส่วนกวักมือคือให้เฉินตันจูเข้าไป
“รีบไปเถิด” นางพูด “คนที่หึงควรจะเป็นข้า พี่ชายสองคนของข้าล้วนอยากเจอเจ้าที่สุด”
เฉินตันจูไม่อยากไป แต่รู้สึกว่าไม่จำเป็น นางจึงยกกระโปรงก้าวลงจากรถไป
ตอนเฉินตันจูลงจากรถ ฉู่อวี๋หยงกระโดดลงจากม้าทางนั้น เขายืนมองนางพลันไขว้มือไว้ด้านหลัง
เฉินตันจูเดินเข้าใกล้ทีละก้าว เอ่ยถาม “องค์รัชทายาทเสด็จมาได้อย่างไรเพคะ”
ฉู่อวี๋หยงไม่ตอบ เพียงแค่มองนางด้วยสายตาลุกวาว “ชุดนี้ตัดเย็บได้ดีเสียจริง ทำให้เจ้างดงามยิ่งกว่าเดิม”
เฉินตันจูก้มหน้ามองชุดของตนเอง พลันพูดกลั้วหัวเราะ “ใช่หรือไม่ วันนี้ก่อนออกจากเรือน หม่อมฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดใหม่ชุดนี้ เพราะหม่อมฉันรู้สึกว่าต้องได้พบกับแขกผู้สูงส่งอย่างองค์รัชทายาท”
จู๋หลินที่เร่งม้าเข้าใกล้เมื่อเห็นฉู่อวี๋หยงมาได้ยินประโยคนี้เกือบตกลงจากหลังม้า…คุณหนูตันจู ท่านลองคลำหัวใจตนเองดู ท่านเปลี่ยนชุดเพื่อผู้ใดกันแน่
ท่านมาหลอกลวงท่านแม่ทัพอีกแล้ว จู๋หลินระอา นอกจากนี้ท่านแม่ทัพก็ดันเชื่อคำพูดอ่อนหวานของนางเสมอ
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้น เขาก็เห็นฉู่อวี๋หยงยิ้มพลางส่ายหน้า
“ไม่เชื่อ” เขาพูด “เจ้าไม่ได้สวมใส่เพื่อพบข้า”
จู๋หลินผงะ เฉินตันจูก็ผงะ
เอ๊ะ?