ตอนที่ 498 เวินหงเหมย
พี่ใหญ่เถายิ้มแล้วพูดว่า “อย่ารีบร้อน ค่อย ๆ ฟังฉันเล่าแล้วกัน”
เขาเล่าข่าวที่เกี่ยวข้องกับเวินหงเหมยซึ่งตัวเองไปสอบถามมาจากคนอื่น ๆ ให้ทุกคนรู้
หลังจากเวินหงเหมยหนีไปพร้อมกับลูกสาวของหล่อนและเงินของตระกูลหม่า หล่อนได้แต่หลบซ่อนตัว ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปทำงาน เพราะกลัวว่าคนจากตระกูลหม่าจะตามมาเจอ
แม่เถาตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ถ้าคนเป็นแม่ไม่ออกไปทำงาน แล้วลูกจะเอาอะไรกิน? ต่อให้อาศัยเงินที่ขโมยมาจากครอบครัวหม่าก็เถอะ คงพอกินได้ไม่เกินหนึ่งวัน“
พี่ใหญ่เถาพูดด้วยสีหน้าท่าทางเหยียดหยาม “เวินหงเหมยทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว มีค่าใช้จ่ายมากกว่าสิบหยวนต่อเดือนแค่นั้นแหละ แถมหล่อนก็ถูกเลิกจ้างไปนานแล้วด้วย คงไม่มานั่งรอแบมือขอใครหรอก ป่านนี้คงไปหาพ่อที่ให้กำเนิดลูกสาวเพื่อขอค่าเลี้ยงดูแล้วแหละ อีกอย่าง หล่อนอาจจะเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวระหว่างตัวเองกับเขาให้ภรรยาของเขารู้แล้วก็ได้”
เถาจืออวิ๋นเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจก่อนถามว่า “ลูกสาวของเวินหงเหมยไม่ใช่ลูกของหม่าเทาหรอกเหรอ? พี่ไปฟังจากไหนมา ลูกสาวของหล่อนมีพ่อผู้ให้กำเนิดอีกคนเนี่ยนะ?”
พี่สะใภ้ใหญ่เถากลอกตาแล้วพูดว่า “ลูกสาวหล่อนหน้าตาเหมือนหม่าเทาตรงไหนล่ะ? หน้าบาน จมูกเชิดรั้นขึ้นอย่างนั้น พ่อแท้ ๆ ของหล่อนต้องไม่ใช่เขาแน่!”
พี่สะใภ้รองเถาถามซุบซิบขึ้นมาว่า “แล้วตกลงใครเป็นพ่อแท้ ๆ ของลูกสาวของเวินหงเหมยล่ะ?”
พี่สะใภ้ใหญ่เถาอธิบาย “ได้ยินเวินหงเหมยบอกว่าเขาเป็นอดีตเจ้านายของตัวเอง ไม่ว่าใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น แต่ก่อนหน้านี้หล่อนเอาแต่ยืนยันว่าลูกสาวของหล่อนเป็นลูกของสัตว์ร้ายหม่า!”
ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าเวินหงเหมยเอาเด็กที่เกิดจากชายอื่นมายัดเยียดให้เป็นลูกของหม่าเทา หม่าเทากลับรู้สึกอิ่มเอมใจ เพราะคิดว่าลูกนอกสมรสคนนั้นเป็นพยานแห่งความรักที่เวินหงเหมยมีให้เขา คิดแล้วอดรู้สึกแดกดันไม่ได้
เถาจืออวิ๋นงงงวยเล็กน้อย “ในเมื่อเวินหงเหมยสามารถแบล็กเมล์พ่อที่ให้กำเนิดลูกสาวได้ ทำไมหล่อนไม่แบล็กเมล์ให้เร็วกว่านี้ แต่กลับยืนกรานที่จะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากล่ะ คนแบบหล่อนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างยากลำบากได้หรอก”
พี่ใหญ่เถาเหล่ตามองเธอ “เธอคิดว่าหล่อนไม่อยากแบล็กเมล์เขาเหรอ? แต่การแบล็กเมล์ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายต่างหากล่ะ ถ้าไม่อับจนหนทาง ใครมันจะอยากทำ? เวินหงเหมยไม่ใช่คนโง่ ถ้าหล่อนไปแบล็กเมล์พ่อแท้ ๆ ลูกสาวตัวเอง มันอาจจะเป็นการเดิมพันที่คุ้มค่าก็จริง แต่ถ้าเขาแว้งกัดหล่อนขึ้นมา ว่าหล่อนต่างหากที่เป็นคนล่อลวงเขาเสียเองล่ะ ท้ายที่สุดหล่อนนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเสื่อมเสียจนจมน้ำลายตาย”
เถาจืออวิ๋นคิดในใจ ทั้งหมดคือความจริง ปัจจุบันสังคมให้การยอมรับผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายมาก
ยกตัวอย่างเช่นการนอกใจ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนกระทำย่อมถือว่ามีความผิด แต่บ่อยครั้งผู้ชายก็ลอยตัวเหนือปัญหาได้ ในขณะที่ผู้หญิงกลับทำอย่างนั้นไม่ได้
ผู้ชายที่เป็นฝ่ายนอกใจอ้างว่าตัวเองทำแบบนั้นลงไปเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ตรงกันข้าม ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายนอกใจกลับถูกตำหนิว่าเป็นคนไร้ยางอาย
ระหว่างที่พี่ใหญ่เถากินข้าว เขาก็พูดต่อไปอย่างช้า ๆ ว่า
“นอกจากนี้ พ่อแท้ ๆ ของลูกสาวเวินหงเหมยยังเป็นถึงเจ้านายของหล่อน หล่อนไม่กล้าแบล็กเมล์เขาหรอก เพราะกลัวว่าเขาอาจจะสวมรองเท้าคู่เล็กให้ตัวเอง บางทีหล่อนอาจไม่สามารถทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวต่อไปได้”
เถาจืออวิ๋นถาม “งั้นทำไมคราวนี้หล่อนถึงกล้าทำล่ะ?”
พี่ใหญ่เถาเหลือบมองน้องสาวด้วยความจนใจ รู้สึกว่าไอคิวของหล่อนค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ในเมื่อหล่อนไม่คิดจะทำงานในโรงงานอีกต่อไปแล้ว หล่อนยังต้องกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะสวมรองเท้าคู่เล็กให้ตัวเองหรือไง? เป็นธรรมดาที่หล่อนกล้าที่จะยอมเสี่ยง!”
พี่สะใภ้รองเถาถาม “แล้วนังแพศยาเวินประสบความสำเร็จหรือเปล่า?”
พี่ใหญ่เถาชำเลืองมองดูเด็ก ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่เหมาะที่จะฟังเรื่องของผู้ใหญ่
จึงให้ภรรยาและน้องสะใภ้ช่วยกางโต๊ะพับไว้ในห้องของพ่อแม่ แล้วย้ายพวกเขาเข้าไปกินข้าวในห้องนั้นแทน ก่อนจะกลับมาเล่าต่อ
“แน่นอนว่าไม่ได้ผล ผู้ชายคนนั้นก็ร้ายเอาเรื่องเหมือนกัน เขาเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟังตามตรง พลางสาบานต่อพระเจ้าว่าในตอนนั้นเวินหงเหมยเป็นคนล่อลวงเขาโดยการมอมเหล้า เขาเลยไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ชั่วขณะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหล่อน แต่ดีที่ภรรยาของเขายกโทษให้ จากนั้นพวกเขาก็ไปหาเวินหงเหมยเพื่อคิดบัญชี พอเห็นลูกสาวของเวินหงเหมยเท่านั้นแหละก็รู้ทันทีเลยว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนเพื่อนร่วมงานของสามีคนหนึ่งมาก
ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมจบ เอาเรื่องนี้ไปเล่าต่อให้ภรรยาของเพื่อนร่วมงานสามีฟัง ภรรยาของเพื่อนร่วมงานสามีเห็นว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนสามีตัวเองจริง ๆ ด้วย ก็กลับไปซักไซ้ไล่เลียงกับสามีตัวเองที่บ้าน ปรากฏว่าทั้งเขาและเพื่อนร่วมงานคนนั้นต่างก็เคยถูกเวินหงเหมยล่อลวงจริง ๆ ด้วยคิดว่ามีของฟรีมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าบ้าน ใครบ้างจะยอมปล่อยให้เสียเปล่า ดังนั้นจึงเลยเถิดไปมีความสัมพันธ์สวาทกับเวินหงเหมย เพื่อนร่วมงานคนนั้นเสียใจในอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองแทบตาย ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้ข่าวว่าเวินหงเหมยท้อง
พอภรรยาของเพื่อนร่วมงานสามีได้ยินเรื่องนี้ ก็ออกไปทุบตีเวินหงเหมยถึงกลางถนน ด่าทอสารพัดว่าในเมื่อหล่อนร่านผู้ชายนัก ทำไมไม่ไปยืนขายตัวอยู่ข้างถนนซะเลยล่ะ จากนั้นก็ปล้ำถอดกางเกงของหล่อนออก ทำให้หล่อนต้องวิ่งเตลิดโดยที่เปลือยก้นไปตลอดทาง”
พี่สะใภ้ใหญ่เถาและพี่สะใภ้รองเถาต่างพูดด้วยความเกลียดชัง “สมควรแล้ว!”
แม้ว่าการหย่าร้างของน้องสาวสามีจะมีสาเหตุหลักมาจากสัตว์ร้ายหม่า แต่เวินหหงเหมยเองก็มีส่วนทำให้เกิดการแตกหัก พี่สะใภ้ทั้งสองจึงเกลียดชังหล่อนมากเช่นกัน
จู่ ๆ พี่ใหญ่เถาก็หัวเราะออกมาสองครั้ง แล้วกวาดสายตามองทุกคน “หลังจากชื่อเสียงของเวินหงเหมยเสื่อมเสีย ทุกคนรู้ไหมว่าหล่อนยังเคลื่อนไหวยังไงอีกบ้าง?”
ทุกคนต่างคาดเดาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หม้อแตก(1)ใช่ไหม? หรือว่าขายตัวให้ผู้ชาย?”
“ใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว(2) เพื่องัดข้อกับภรรยาของผู้ชายสองคนนั้นใช่ไหม?”
มีแค่พ่อเถาคนเดียวที่เดาว่า “หล่อนต้องย้อนกลับไปหาสัตว์ร้ายหม่าแน่ ไม่อย่างนั้นสัตว์ร้ายหม่าจะรู้สำนึกผิดชอบชั่วดีได้ยังไง?”
พี่ใหญ่เถายกนิ้วโป้งให้พ่อเถาพร้อมกับพูดเยินยอ “ขิงนี่ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อนนะเนี่ย”
จากนั้นเขาก็แซวคนอื่นที่คาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้า “ไหวพริบของพวกเธอนี่เทียบไม่ติดเลย ในช่วงที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดแบบนี้ ต่อให้หญิงแพศยาเวินจะมีความกล้าเต็มร้อย แต่หล่อนก็ไม่กล้าขายตัวโต้ง ๆ หรอก ถ้าโดนจับขึ้นมาจะโดนลงโทษฐานค้ามนุษย์เอาง่าย ๆ อีกอย่างต่อให้คนอย่างหล่อนทุ่มหมดหน้าตักก็ไม่ชนะคนอื่น ๆ อยู่ดี คิดว่าหล่อนอยากกลับไปโดนผู้หญิงสองคนนั้นประจานอยู่ข้างถนนอีกหรือไง?”
เถาจืออวิ๋นพูดประชดประชัน “เวินหงเหมยนี่จงรักภักดีต่อสัตว์ร้ายหม่าจริง ๆ สุดท้ายพอหมดหนทางก็พาลูกสาวกลับไปหาเขา”
จากนั้นก็หันกลับมาถามพ่อเถาด้วยความประหลาดใจ “พ่อคะ ทำไมถึงคาดเดาได้แม่นจัง?”
พ่อเถาอธิบาย “เวินหงเหมยไร้ยางอายขนาดนั้น หล่อนคงมั่นใจมากว่าหม่าเทายังรักตัวเองอยู่ พอหมดหนทาง ถ้าหล่อนไม่กลับไปหาสัตว์ร้ายหม่า แล้วจะให้กลับไปหาใคร?”
เถาจืออวิ๋นถามพี่ใหญ่เถาด้วยแววตาเป็นประกาย “แล้วสัตว์ร้ายหม่ายอมรับหล่อนไหม?”
เธอหวังว่าเวินหงเหมยกับหม่าเทาจะกลับมารักกันอีกครั้ง สัตว์ร้ายหม่าจะได้เลิกตามรังควานเธอสักที
พี่ใหญ่เถาส่ายหน้าด้วยความเสียดาย “ไม่ยอมรับ จากที่เพื่อนร่วมงานของสัตว์ร้ายหม่าเล่ามา เวินหงเหมยถูกครอบครัวของสัตว์ร้ายหม่าทุบตีแล้วไล่ตะเพิดออกไป”
แม่เถาเยาะเย้ย “สัตว์ร้ายหม่านั่นคงยังรักภรรยาที่มีชู้อยู่หรอก เขาหรือจะยอมเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้ของเวินหงเหมยที่ไม่มีสายเลือดตัวเองแม้แต่นิดเดียว? สวรรค์อุตส่าห์จับหญิงโสเภณีคู่กับสุนัขโสโครกทั้งที คิดว่าทำไมสัตว์ร้ายหม่าถึงไล่ตะเพิดเวินหงเหมยออกไปล่ะ? ก็เพราะเขารักหล่อนไม่มากพอน่ะสิ!”
เถาจืออวิ๋นถามประเด็นสำคัญ “วันนี้พี่ใหญ่ได้เจอสัตว์ร้ายหม่าหรือเปล่า?”
พี่ใหญ่เถาส่ายหัว “ไม่เจอ อดีตหัวหน้างานของสัตว์ร้ายหม่ากระตือรือร้นมาก ถึงกับพาฉันไปที่บ้านเช่าซึ่งพ่อหม่าและแม่หม่าอาศัยอยู่ แต่เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวหม่าทุบตีเวินหงเหมยอย่างหนัก พวกเขาก็เลยกลัวว่าเวินหงเหมยอาจไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป จึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นแล้ว ฉันไม่ได้เจอใครทั้งนั้น”
เถาจืออวิ๋นถาม “พี่ลองถามเจ้าของบ้านเช่าหรือยัง ว่าครอบครัวของสัตว์ร้ายหม่าจะกลับมาเมื่อไหร่?”
หล่อนแค่ต้องการให้พี่ชายไปข่มขู่สัตว์ร้ายหม่า เพื่อที่จากนี้ไปเขาจะได้ไม่กล้ามารังควานเธออีก
พี่ใหญ่เถาตอบ “ฉันถามเจ้าของบ้านเช่าแล้ว แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาเองก็กำลังตามหาครอบครัวหม่าอยู่เหมือนกัน”
แม่เถาถามอย่างงงงวย “เจ้าของบ้านเช่าเกี่ยวอะไรด้วย?”
พี่ใหญ่เถาตอบ “ครอบครัวของสัตว์ร้ายหม่าค้างค่าเช่าบ้านเขาไว้หลายเดือน เรื่องอะไรเขาจะนิ่งนอนใจไม่ยอมตามหาพวกเขากันล่ะ?”
จากนั้นก็เหลือบมองน้องสาว “ทันทีที่รู้ว่าตระกูลหม่ากลับมาที่บ้านเช่า ฉันจะรีบไปเตือนเขาถึงที่”
หลังมื้ออาหาร แม่เถาออกไปซื้อผลไม้ จากนั้นทุกคนในครอบครัวก็เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเข้าเยี่ยมฟางจั๋วเยวี่ยที่ได้รับบาดเจ็บ
ในเวลานั้นฟางจั๋วเยวี่ยกินอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พยาบาลเอายารักษาบาดแผลมาให้ กำชับให้เขาใช้ยาทาภายนอก
เขาใช้สำลีจุ่มไอโอดีนเพื่อทายาตรงบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยถลอก แต่ความเจ็บปวดกลับทำให้เขากัดฟันแน่น แสดงสีหน้าบิดเบี้ยว
เขาในเวลานี้แตกต่างจากภาพลักษณ์ชายแกร่งที่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเมื่อถูกมอเตอร์ไซค์ชน เพราะพยายามจะช่วยชีวิตเถาจืออวิ๋นกับลูกชายอย่างสิ้นเชิง
พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขา เถาจืออวิ๋นก็รีบพูดว่า “ฉันเอง!”
ฟางจั๋วเยวี่ยซึ่งพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจนไม่รับรู้เหตุการณ์โดยรอบไปชั่วขณะ กลับมารู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาในวอร์ด แถมพวกเขาทั้งหมดยังเดินมารวมกันอยู่รอบเตียงเขา มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
ถ้าเขาหงายหลังนอนลง ภาพที่เกิดขึ้นคงดูเหมือนพิธีอำลาศพพิลึก
ฟางจั๋วเยวี่ยรู้สึกเขินอายมาก ทักทายทุกคนอย่างงุ่มง่าม “คุณลุงเถา คุณป้าเถา พวกคุณ…มาที่นี่ทำไมครับ?”
เถาจืออวิ๋นดึงสำลีก้านชุบไอโอดีนมาจากมือเขา จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง แล้วเริ่มจัดการทายาให้เขา
“พ่อแม่ฉันรู้ว่าคุณเจ็บตัวจนต้องนอนโรงพยาบาลเพราะฉันกับฉีฉี พวกเขาก็เลยมาที่นี่เพื่อเยี่ยมคุณน่ะค่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยลูบหน้าตัวเองด้วยความเก้อเขิน “ผมไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงซะหน่อย รบกวนคุณลุงเถาและคุณป้าเถาให้เสียเวลามาเยี่ยมแล้ว ผมรู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ”
ขณะที่เขาพูดแบบนี้ เถาจืออวิ๋นก็กำลังถูไอโอดีนลงบนรอยถลอกตามฝ่ามือของเขา
รอยถลอกนั้นค่อนข้างรุนแรง ผิวหนังบริเวณฝ่ามือที่ครูดไปกับพื้นถนนถลอกเป็นบริเวณกว้าง เปิดจนเห็นเนื้อแดงด้านใน
ความจริงแล้วตอนที่ไอโอดีนสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นแผลถลอก ความแสบร้อนต้องแผ่ซ่านขึ้นมาจนแทบทนไม่ได้
แต่เมื่อคนที่ทาไอโอดีนให้ฟางจั๋วเยวี่ยเป็นเถาจืออวิ๋น ถึงแม้ตัวยาจะทำให้รู้สึกเจ็บแสบอยู่บ้าง แต่ความมือเบาของหล่อนก็ทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงไปได้มากโข
ความรู้สึกนั้นยอดเยี่ยมมาก จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรดีนะ? ฟางจั๋วเยวี่ยนึกถึงคำคำหนึ่งขึ้นมา…ความเจ็บปวดที่งดงาม
แม่เถาและคนอื่น ๆ วางผลไม้ที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะข้างเตียง
จากนั้นนางก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พวกเราอยากมาแสดงความรู้สึกผิดต่อคุณค่ะ”
ทุกคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากเถาจืออวิ๋นทาไอโอดีนรอบรอยถลอกทั้งหมดตามผิวหนังของฟางจั๋วเยวี่ยแล้ว ทั้งครอบครัวก็ขอตัวกลับ
วอร์ดผู้ป่วยในทั้งสี่เตียงต่างก็เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองทั้งนั้น
ผู้ป่วยประเภทนี้ต้องการเวลาพักฟื้นพอสมควร ถ้าพูดคุยเสียงดังนานเกินไปอาจสร้างความรำคาญให้ผู้ป่วยคนอื่น ๆ ได้
………………………………………………………………………………………………………………
หม้อแตก หมายถึง ผิดแล้วไม่แก้ไข
ใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว หมายถึง ทุ่มหมดหน้าตัก
สารจากผู้แปล
มีข้ออ้างให้ไปไล่บี้แล้ว เตรียมตัวเลยครอบครัวหม่า
ไหหม่า(海馬)