อยู่อย่างยอดคน ตายอย่างวีรบุรุษ!
นี่ก็คือเฉินชิง
ขณะนี้ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณมองจุดที่ร่างเฉินชิงสลายไปอย่างเงียบงัน ก่อนจะโค้งคำนับ ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าซับซ้อนและก้มหัวโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
ยังมีเสวียนหัวที่อยู่ในระบบสุริยะ เขาส่งร่างธรรมกายมาร่วมต่อสู้ ร่างต้นแบบอยู่บนดาวอังคาร แม้การพังทลายของร่างธรรมกายจะทำให้เขาบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ถึงชีวิต ดังนั้นตอนนี้เขาจึงก้มหัวคำนับมาทางสนามรบด้วยใบหน้าขาวซีด
คำนับ ยอดคน
คำนับ วีรบุรุษ
คำนับ เฉินชิง!
อันที่จริงในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่มีเคล็ดวิชาสุดท้ายของเฉินชิง ต่อให้พวกหวังเป่าเล่อต่อสู้ได้ก็ต้องบาดเจ็บหนักเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นยังทำให้ศัตรูที่ไม่มีทางเอาชนะได้อ่อนแอลงจนสามารถสู้ได้
แต่ตอนนี้เป็นเพราะเคล็ดวิชาของเฉินชิง ดวงจิตของมหาเทพจึงพังทลายทำให้วิกฤติครั้งนี้ได้รับการแก้ไข แม้ทั้งหวังเป่าเล่อ ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาเต๋าเจ็ดวิญญาณต่างก็สัมผัสได้ว่าความจริงแล้วมหาเทพที่แท้จริงยังอยู่ และจากนี้จะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดยิ่งกว่า แต่ถึงอย่างไร…พวกเขาก็ยังมีเวลาเตรียมการ
แม้การเตรียมการในระยะเวลาสั้นๆ นี้อาจจะไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์สุดท้าย แต่…บางทีการเตรียมการนี้อาจส่งผลต่ออนาคตก็ได้
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เวลาที่เฉินชิงมอบให้นี้ก็มีค่ายิ่งสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะ…การทำลายดวงจิตเทพบางส่วนของมหาเทพยิ่งทำให้พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายอ่อนแอลง
ซึ่งนั่นเป็นโอกาสของพวกหวังเป่าเล่อแล้ว
“ข้าต้องการเวลา!” จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็เอ่ยขึ้น
“วิธีที่ข้าฝึกตนเรียกว่าเต๋าแปดปรมัตถ์ ห้าปรมัตถ์แรกคือเคล็ดวิชาห้าธาตุ ตอนนี้เต๋าธาตุน้ำและเต๋าธาตุไม้สมบูรณ์แบบ เต๋าธาตุดินก็ใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว ยังเหลือเต๋าธาตุทองและเต๋าธาตุไฟ…”
“เมื่อทั้งห้าธาตุสมบูรณ์แบบ พลังต่อสู้จะพุ่งสู่จุดสูงสุด เกือบจะเท่ากับก่อนที่ศิษย์พี่ข้าจะจากไป…”
“แต่ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเพียงพอหรือไม่” หวังเป่าเล่อมองปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณ
“ข้ามีวิถีเต๋าชะตารวมสมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย อานุภาพนั้นเหนือกว่าตัวข้าหลายเท่านัก แต่…ต้องใช้เวลาสามปีจึงจะสำเร็จ อีกทั้งทันทีที่ใช้มัน ข้าก็จะตาย ตระกูลเซี่ยก็จะดับสิ้น” ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยเอ่ยขึ้นช้าๆ หลังจากเงียบไป
“ข้าเต๋าเจ็ดวิญญาณเก่งเรื่องวิถีแห่งอดีตชาติ รวมพลังทั้งหมดของสำนักก็สามารถระเบิดพลังต่อสู้ได้เจ็ดเท่าในพริบตา แต่จะดำรงอยู่ได้ในเวลาเจ็ดก้านธูปเท่านั้น หลังจากนั้นวิญญาณของข้าก็จะกระจายไป” ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดเสียงแหบแห้งมองไปยังหวังเป่าเล่อเช่นเดียวกับปรมาจารย์ตระกูลเซี่ย
พวกเขาทั้งสองเข้าใจดีว่าการต่อสู้ในอนาคต ตนไม่อาจกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินทุกอย่างได้ ตอนนี้บางทีความหวังเพียงหนึ่งเดียวคงอยู่ที่หวังเป่าเล่อแล้ว
แต่ราคาที่พวกเขาต้องจ่ายนั้นสูงเกินไป แม้จะเข้าใจดีว่าหากไม่ทำเช่นนี้ โลกศิลาก็ต้องพังพินาศ ทุกสำนักทุกตระกูลล้วนต้องถูกทำลาย หากลองสู้กันสักตั้งก็อาจพอมีหวังบ้าง แต่เรื่องของพวกเขาในตอนนี้ก็ยังต้องรอคำตอบจากหวังเป่าเล่ออย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย แต่จะทำให้ดีที่สุด…” หวังเป่าเล่อหลับตาครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาแล้วเอ่ยออกมา ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณมองหน้ากันและไม่พูดอะไร
แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ
“ยังมีข้าอีกคนนะ!”
“ข้ามีวิชาหนึ่งเรียกว่าคำสาปวิญญาณเพลิง สั่งสมมานานนับหมื่นปี หากระเบิดมัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะระดับการฝึกตนใดล้วนได้รับอิทธิพลจากมัน!” เสียงนั้นดังมาพร้อมกับร่างมายาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือ…ปรมาจารย์แห่งไฟ!
ร่างต้นแบบของเขาไม่ได้มา นี่เป็นเพียงร่างแยกของเขาเท่านั้น แต่ดวงตากลับฉายแววมุ่งมั่นแน่วแน่ การมาของเขาทำให้ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณเผยแสงแปลกๆ ในดวงตา
เพราะถึงแม้ปรมาจารย์แห่งไฟจะไม่ใช่ระดับจักรวาล แต่…วิถีคำสาปของเขานั้นน่าทึ่งมาก และที่สำคัญคือ…ตัวตนของเขา!
เขาคืออาจารย์ของหวังเป่าเล่อ ในเมื่อเขาเลือกที่จะต่อสู้แลกชีวิตเพื่อให้เวลาแก่หวังเป่าเล่อ เช่นนั้นการโจมตีของหวังเป่าเล่อในครั้งนี้ยิ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ เช่นนี้แล้วทางหนีก็จะยิ่งแคบลง
นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณกังวล พวกเขากังวลว่าหลังจากที่ตนตายไปแล้ว หวังเป่าเล่อจะไม่ทุ่มสุดกำลัง แต่จะใช้วิธีอื่นขัดขวางพวกเขาแล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
ดังนั้นเมื่อเห็นปรมาจารย์แห่งไฟปรากฏตัว ในใจพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจบางอย่าง และคนที่มาไม่ได้มีแค่พวกเขา แทบจะในทันทีที่ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณตัดสินใจก็มีเสียงถอนหายใจดังสะท้อนมาจากความว่างเปล่า
“เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดพินาศ เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นดับสูญ แต่ข้า…สามารถแทนที่เต๋าสวรรค์สยบบุคคลภายนอกได้ในระยะสั้นๆ แลกกับการเผาตัวเอง ถึงตอนนั้น…ข้าจะโจมตีให้สุดฝีมือ”
ในความว่างเปล่ามีแสงเล็กๆ ปรากฏขึ้น ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่งต่อหน้าทุกคน บนหนังสือมีชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ นั่นก็คือ…ผู้ศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์
ภัยร้ายนี้เป็นหายนะของทั้งโลกศิลา ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะตระกูลอะไร อารยธรรมไหน สำนักใดล้วนไม่มีความหมายแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ลองกันสักตั้งแล้วกัน หากสำเร็จ…ก็หวังว่าสหายเต๋าจะไม่ลืมชดใช้ด้วยการให้สำนักของเราอยู่ต่อไป! ”
“ปกป้องสายเลือดของข้า สายเลือดคนสุดท้าย”
หลังจากปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณเอ่ยช้าๆ ก็คำนับให้หวังเป่าเล่อแล้วหันหลังเดินจากไปเพื่อเริ่มเตรียมการในส่วนของพวกเขา ผู้ศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์มองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้ง สายตานั้นดูเหมือนจะมองหวังเป่าเล่อ แต่ก็ดูเหมือนจะมองข้างกายเขามากกว่า มองหวังอีอีที่คนนอกไม่สามารถมองเห็นได้
หลังจากคำนับให้ร่างนั้นก็หายวับไป
ในจักรวาลตอนนี้เหลือเพียงหวังเป่าเล่อกับปรมาจารย์แห่งไฟ
“อาจารย์ ท่าน…”
“ไม่ต้องพูดหรอก วิถีคำสาปของข้ายังต้องรอจนกว่าโลกศิลาจะแตกสลายถึงใช้ได้หรือไง คนอื่นแลกได้ ข้าก็ทำเพื่อศิษย์ของข้าได้เช่นกัน!” ปรมาจารย์แห่งไฟโบกมืออย่างอิสระ
“เป่าเล่อ สู้ให้ถึงที่สุดนะ!”
“สู้ให้ถึงที่สุด…” หวังเป่าเล่อพึมพำ จากนั้นไม่นานดวงตาก็เผยแสงคมกริบพร้อมคำนับปรมาจารย์แห่งไฟ ทั้งสองก้าวเดินไปยังระบบสุริยะพร้อมกันและร่างของทั้งคู่ก็ค่อยๆ หายไป บนดาวอังคารในระยบสุริยะ ร่างต้นแบบของหวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น
ดวงตายังหลงเหลือความดุร้ายของร่างธรรมกายและดูซับซ้อน
ไม่รู้ว่าตนก้าวจากศิษย์คนหนึ่งของสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกอย่างราวกับภาพฝัน มีทั้งจริงและไม่จริง
“อาจารย์ไปแล้ว ศิษย์พี่ดับสูญ สำนักแห่งความมืดพังทลาย ตระกูลไม่รู้สิ้นของที่นี่ก็แตกสลาย…ต่อไปอาจารย์เพลิงกัลป์ก็ต้องแลกตัวเองกับคำสาป คนอื่นก็ยอมแลกโดยไม่ลังเล…”
“ทุกอย่างก็เพื่อสู้กับมหาเทพ…”
“มหาเทพ…” หวังเป่าเล่อตาลุกวาวอย่างอาฆาตแค้น เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุดินตรงหน้าก็บรรจบสายใยสุดท้ายท่ามกลางความผันผวนของอารมณ์เขานั่นเอง
วินาทีต่อมาเมล็ดพันธุ์ที่แผ่พลังแห่งกฎและข้อบังคับเต๋าธาตุดินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา พร้อมแรงสั่นสะเทือนไปทั้งระบบสุริยะและเต๋าฝั่งซ้าย
เต๋าสวรรค์ไม่อยู่ ตอนนี้จึงไม่เกี่ยวกับการช่วงชิงอำนาจ แต่เป็น…หวังเป่าเล่อได้รับอำนาจใหม่ ในชั่วขณะหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ฝึกฝนเต๋าธาตุดินทั้งหมดในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายต่างตัวสั่นเทิ้ม จิตใจแห่งเต๋าสั่นคลอนและก้มหัวเพื่อบูชาไปยังทิศทางที่หวังเป่าเล่ออยู่อย่างควบคุมไม่ได้
พื้นดินสั่นสะเทือน ท่ามกลางหมู่ดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ พลังปราณที่เหนือกว่าครั้งก่อนระเบิดแผ่กระจายออกมาจากดาวอังคารราวกับสามารถสยบทั่วทั้งเต๋าฝั่งซ้าย สำแดงความยิ่งใหญ่ของมัน!
“มหาเทพ หากการต่อสู้ครั้งนี้…ข้าสังหารดวงจิตเทพของเจ้าได้ ขั้นต่อไปข้าก็จะไปสังหารร่างต้นแบบของเจ้าในโลกไม่รู้สิ้นที่แท้จริง!”
“ข้าแซ่หวังทำเรื่องใดย่อมตัดต้นไม่เว้นราก นี่คือ…คำปฏิญาณของข้า! ”
ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังพึมพำ ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าราวกับจะระเบิดจักรวาลก็ดังสนั่นไปเกือบทั้งจักรพิภพ เสียงฟ้าผ่านี้ราวกับเป็นสักขีพยานและดังไปถึงจุดสิ้นสุดความว่างเปล่า ดังไปถึงในสัมผัสสวรรค์เด็กหนุ่มชุดแดงที่ต่อสู้กับฝ่ามือหลัว
“หวังเป่าเล่อ!”
……