หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1272 เซียนไร้พันธนาการ!

บทที่ 1272 เซียนไร้พันธนาการ!
เต๋าแจ้งเห็นความจริงเรียกว่าไร้พันธนาการได้!
ก็เหมือนกับอิสระคือร่างกาย เสรีคือวิญญาณ ร่างกายและวิญญาณเป็นอิสรเสรีก็คือไร้พันธนาการ!
ส่วนเซียน…ก็ไร้พันธนาการเช่นกัน!
สำหรับหวังเป่าเล่อ อดีตไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ อนาคตไม่อาจคาดเดาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ก็อย่ากังวลอะไรกับมันเลย!
เป็นเพราะจิตใจปล่อยวางได้จึงทำให้เขารู้แจ้งยิ่งขึ้น แปลงอดีตเป็นกฎ แปลงอนาคตเป็นข้อบังคับ ทำให้มันดำรงอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกเป็นรากฐานแห่งเต๋าของตนและเป็นชะตากรรมที่จำเป็นสำหรับการฟื้นคืนชีพของหวังอีอี
ชะตากรรมนั้นข้ามอบให้เจ้าได้
ด้วยความเต็มใจ!
ข้าขอเพียงนับจากนี้ไป คนที่จะเดินข้ามผ่านจักรวาลคนนั้นไม่ต้องการอดีต ไม่แสวงหาอนาคต อยู่กับปัจจุบันในสายตาเจ้ากับข้าและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเท่านั้น
ความคิดของหวังเป่าเล่อแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เส้นผมยาวพริ้วไหว กระแสเต๋าไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศ ขณะเดียวกันระดับการฝึกตนของเขาก็ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วเนื่องจากการรู้แจ้งดังกล่าว
จากระดับจักรพิภพชั้นกลางทะลวงไปสู่ระดับจักรพิภพชั้นปลายและยังก้าวต่อไป
สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ฝึกตนมาจนถึงระดับเขานั้นการทะลวงระดับการฝึกตนไม่ใช่การสะสมพลังของตนอีกต่อไป แต่เป็นการเข้าใจโลก เข้าใจจักรวาล เข้าใจกฎเกณฑ์ และเข้าใจตัวเอง
การบรรลุธรรมแห่งเต๋า ทันทีที่ทำได้ก็จะได้รับเต๋า!
และหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็กำลัง…ได้รับเต๋า!
อดีตที่หายไป อนาคตที่ถูกละทิ้งกลายเป็นเต๋าของเขา และส่องสว่างแก่จิตใจเขา ทำให้เขามองเห็นเส้นทางของตนและเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง
ขณะก้าวไปข้างหน้า กระแสเต๋าบนร่างของเขาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพก็เริ่มปรากฏให้เห็นราวกับจะก้าวจากกระแสเต๋าเป็นพลังปราณที่พิเศษยิ่งขึ้น
ปรมาจารย์ดาราจันทร์ที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหวังเป่าเล่อกับตากำลังตื่นตะลึงถึงขีดสุด เขาไม่เคยเห็นเซียนมาก่อน แต่ในชีวิตนี้ก็เคยสัมผัสได้ถึงสองครั้ง ครั้งแรก…จากนายท่านของเขาหรือพ่อของหวังอีอีนั่นเอง นั่นคือครึ่งเทพครึ่งเซียน บนร่างของเขามีกระแสประเภทเดียวกันนี้ครึ่งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่ง…เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินบนเส้นทางแห่งเซียนอย่างชัดเจน แต่กลับก้าวเข้าสู่เส้นทางของปีศาจ
“นี่…คือเซียนหรือ !” ปรมาจารย์ดาราจันทร์พึมพำ
“นี่คือเซียนไหมน่ะหรือ” คนที่ตอบเขาคือหวังเป่าเล่อที่กำลังก้าวไปข้างหน้า เส้นผมปลิวไสวและกระแสเต๋าทั่วทั้งร่างกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ตอบ เท้าที่กำลังยกขึ้นก็หยุดชะงักลง เขายืนหลังหลังให้ปรมาจารย์ดาราจันทร์อยู่ตรงนั้น
“ไม้คือรากฐานเต๋า”
“น้ำคือแหล่งกำเนิดเต๋า”
“ทองคือปิดทางหนีเต๋า”
“ดินคือสยบเต๋า”
“ไฟคือ…ทำลายล้างเต๋า”
“ห้าธาตุเป็นรากฐาน รู้แจ้งอดีตและอนาคต กลายเป็นเต๋าใหม่…”
“และทั้งหมดนี้…เพียงเพื่อ…ปลดพันธนาการ!” หวังเป่าเล่อยิ้มน้อยๆ ขณะที่พูด ก่อนจะก้าวเพียงก้าวเดียว ร่างของเขาก็ก้าวเข้าสู่จักรวาล กระแสเต๋าพลันเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงในวินาทีนั้นและกลายเป็น…กระแสเซียน!
และในขณะที่กระแสเซียนนี้แผ่ขยายออกไป ด้านหลังหวังเป่าเล่อก็ปรากฏ…ไม้สีดำ!
พลังปราณของไม้สีดำค่อยๆ เข้มข้นขึ้นราวกับผสานเข้ากับกระแสเซียนและค่อยๆ เป็นหนึ่งเดียวกัน
และทันทีที่กระแสนี้แผ่ออกมา จักรวาลก็ไร้สี โลกศิลาพลันสั่นสะเทือน ทุกชีวิตต่างสมองว่างเปล่าไปในฉับพลัน เด็กหนุ่มชุดแดงที่ต่อสู้กับฝ่ามือหลัวก็ตัวสั่นเทิ้มเป็นครั้งแรก ความตื่นตระหนกอันหาได้ยากยิ่งปรากฏตัวในดวงตาของเขา
ไม่ใช่แต่กระแสเซียนที่ทำให้เขาตื่นตกใจ แต่เบื้องหลังกระแสเซียนนี้เก็บซ่อน…พลังปราณอีกสายหนึ่งที่กำลังพุ่งพรวดราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
พลังปราณนั้น…มาจากไม้สีดำ!
ขณะเดียวกันที่ด้านนอกโลกศิลา ร่างที่อยู่บนเรือเดียวดายนั้นก็กำลังเพ่งมองมาเช่นกัน และในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ดวงตาเผยความคาดหวัง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“ใกล้แล้ว…ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
ท่ามกลางความสั่นสะเทือนไปทุกชีวิต ในจักรวาลนอกสำนักดาราจันทร์ เส้นผมหวังเป่าเล่อกระจัดกระจาย กระแสเซียนไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง ก่อนที่ร่างของเขาจะพร่าเบลอ ทุกที่ที่เขาก้าวผ่านก็เหมือนกับจักรวาลไร้ความเสถียร รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าเขาราวกับโลกนี้ไม่สามารถทนต่อการดำรงอยู่ของเขาได้อีกต่อไปและกำลังสั่นไหวอย่างหนัก
คนสุดท้ายที่ไปถึงระดับนี้ได้คือเฉินชิง
“ไม่ต้องกลัว” หวังเป่าเล่อยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยเบาๆ คำปลอบโยนนี้ไม่ใช่เพื่อสิ่งมีชีวิตใด แต่เพื่อ…โลกศิลา
“ข้าไม่ทำร้ายเจ้า” น้ำเสียงของหวังเป่าเล่ออบอุ่น และหลังจากพูดออกไป รอยแตกร้าวใต้เท้าของเขาก็ค่อยๆ หายเป็นปกติ แรงสั่นสะเทือนจากทั้งโลกศิลาก็บรรเทาลงไม่น้อย แต่สิ่งที่ตามมาคือรังสีแห่งความไม่ยินยอม
ความไม่ยินยอมจากจักรวาลราวกับล่วงรู้ได้ส่าเวลาที่หวังเป่าเล่อจะอยู่ที่นี่…กำลังจะหมดลงแล้ว
“ข้าจะควบคุมพลังปราณของตัวเองไม่ให้ไปถึงระดับที่เจ้ารับไม่ได้”
“จากนั้นก็รอข้าจนกว่าข้าจะผสานเต๋าธาตุทอง หลอมละลายเต๋าธาตุไฟ…ข้าจะพาเจ้าไปด้วยกัน” เสียงอันนุ่มนวลของหวังเป่าเล่อทำให้แรงสั่นสะเทือนของจักรวาลค่อยๆ หายไป ความรู้สึกสนิทสนมแผ่เข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ โอบล้อมรอบตัวหวังเป่าเล่อจนกลายเป็นชะตาและห่อหุ้มตัวเขาไว้
นี่คือชะตาของทั้งโลกศิลา ขณะที่กำลังแทรกซึมอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาราวกับมองทะลุทุกสิ่งอย่าง และเมื่อเขาเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่กำลังพันรัดฝ่ามือหลัวอยู่ที่ปลายสุดความว่างเปล่าก็สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
“อย่ารีบร้อน” ข่มกลั้นความเย็นยะเยือกในดวงตาได้แล้วสีหน้าหวังเป่าเล่อก็กลับมาเป็นปกติ แม้เขาในตอนนี้จะมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าสามารถสังหารเด็กหนุ่มชุดแดงได้ แต่หวังเป่าเล่อไม่อยากทำเช่นนั้น เขาอยากมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีทางพลาดก่อน
เพราะเต๋าของเขานั้นดูเหมือนจะสมบูรณ์ แต่ก็สมบูรณ์แค่โครงสร้างเท่านั้น ข้างในยังมีจุดสำคัญอีกหลายจุดที่ยังไม่สมบูรณ์
เต๋าธาตุทองคืออย่างที่หนึ่ง เต๋าธาตุไฟคืออย่างที่สอง และยังมี…เต๋าเซียนอีกส่วนหนึ่งด้วย
เต๋าของเซียนตามที่หวังเป่าเล่อเข้าใจคือความหมายของมัน กระแสเซียนที่อยู่นอกร่างกายในตอนนี้ก็คือการสำแดงตัวหลังจากความหมายผสานเข้ากับเต๋า แต่ในแง่หนึ่ง มันยังไม่ถือว่าสมบูรณ์อย่างแท้จริง
“หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่ศิษย์พี่ทิ้งไว้ให้ข้า…น่าจะเป็นเต๋าอีกส่วนหนึ่งของเซียน และเป็น…ทางสืบทอดไฟ”
“นั่นคงจะเป็น…เซียนแห่งไฟ”
“ไฟนี้สามารถหลอมธาตุทั้งห้าให้เป็นสิ่งถ่ายทอดวิถีเต๋าของข้าได้” หวังเป่าเล่อหลับตาลงและเปิดมันในวินาทีต่อมาพร้อมกับโบกมือ ทันใดนั้นแท่งเงินที่ปรมาจารย์ดาราจันทร์มอบให้ก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือ
เมื่อใช้ระดับการฝึกตนในปัจจุบันของหวังเป่าเล่อมองดู แท่งเงินธรรมดานี้รวบรวมพลังปราณไว้อย่างน่าอัศจรรย์ เหตุและผลของพลังปราณนี้มีที่มาเดียวกันกับขวดปรารถนาของเขา
“เหตุและผลจากคนคนเดียวหรือ” หวังเป่าเล่อพึมพำ กระแสเซียนไหลเวียน ทันใดนั้นอักขระโบราณนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ แทรกซึมไปทุกอณูของจักรวาลในสายตาเขา
อักขระโบราณเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับการหลอมเมล็ดพันธุ์เต๋า หลังจากแผ่ออกไป หวังเป่าเล่อก็ทุบกำปั้นขวาลงพื้นอย่างแรงจนกลายเป็นหลัมดำ ในพริบตาเดียวอักขระโบราณที่กระจัดกระจายไปทั่วก็แผดเสียงคำรามราวกับสายฟ้าฟาด พลิกตลบราวกับทะเล
ในชั่วพริบตาก็มารวมตัวกันในกำปั้นหวังเป่าเล่อและหลอมรวมเข้ากับ…แท่งเงินสองสามแท่งนั้น หลังจากเข้าไปทีละตัวก็ทำให้มันเปลี่ยนสภาวะไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีชะตารอบๆ ตัวเพิ่มเข้ามารวมกับระดับการฝึกตนในปัจจุบันของเขา เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุทอง…จึงใช้เวลาไม่นานเลย ทั้งหมดกินเวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น และเมื่อหวังเป่าเล่อคลายกำปั้นอีกครั้ง เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุทองก็ปรากฏ!
การปรากฏตัวของมันทำให้โลกศิลาสั่นสะเทือนอีกครั้ง ขณะนี้ดวงดาวทุกดวง อารยธรรมทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎธาตุทอง แร่ธาตุก็ดี เทพวัตถุก็ช่าง ล้วนสั่นสะท้าน!
เพราะ…ธาตุทองแห่งธาตุทั้งห้ามีแหล่งกำเนิดแล้วนับจากนี้!
ส่วนระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็ปะทุขึ้นมาในวินาทีนี้ด้วย และกำลังจะทะลวงขีดจำกัดปัจจุบัน แต่ในพริบตาที่โลกศิลาไม่สามารถทนรับได้ การปะทุนี้ก็ถูกหวังเป่าเล่อสยบกลับเข้าร่างกายไป ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย ขณะเดียวกันเขาก็เลือกที่จะหลับตาลง
ไม่อาจลืมตาได้ เพราะทันทีที่ลืมตาขึ้น…
จักรวาลจะแหลกสลาย ฟ้าดินจะถล่มทลาย โลกศิลา…จะรับไม่ไหว!
“ต่อไป ไปที่ดินแดนที่ศิษย์พี่ยกให้” หวังเป่าเล่อที่กำลังหลับตาสามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้โดยไม่ต้องใช้ดวงตา ขณะที่พึมพำก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่ร่างจะหายลับไป
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท