หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1274 รากฐานเต๋าห้าธาตุ!

บทที่ 1274 รากฐานเต๋าห้าธาตุ!
เมื่อมองไปรอบๆ จักรวาลอันไกลโพ้นของจักรพิภพสำนักเสริมแห่งนี้ที่เหมือนกับกลุ่มสะเก็ดดาวนับไม่ถ้วนที่ดำรงอยู่มาแต่โบราณ บัดนี้กำลังเรียงตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง
เทียบกับพวกมันแล้ว ร่างของหวังเป่าเล่อที่ลอยอยู่ตรงหน้าดูเล็กน้อยจนไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง แต่หากหลับตาแล้วสัมผัสกับรัศมีของร่างหวังเป่าเล่อนั้นเปล่งประกายเหนือสิ่งอื่นใดราวกับเป็นเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง กำลังโบกมือและกลุ่มสะเก็ดดาวก็เรียงเป็นแถวด้วยตัวเอง
ความผันผวนแผ่ขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพสำนักเสริมส่งผลให้ทุกขีวิตใจสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างใจสั่นไหว ขณะเดียวกันกลุ่มสะเก็ดดาวนี้…ก็ค่อยๆ เชื่อมต่อกันเป็นอักขระโบราณ!
อักขระโบราณนี้เหมือนกับลูกไฟ ไม่ว่าจะมองด้วยตาเปล่าหรือใช้ประสาทสัมผัสล้วนเป็นดั่งเปลวไฟราวกับสามารถเผาทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง ครอบทั้งจักรวาล และพลังปราณของมันก็น่าอัศจรรย์ราวกับเขย่าจักรวาลได้
ขนาดของมันก็น่าอัศจรรย์ เผยให้เห็นความเก่าแก่และความผันผวนไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมันปรากฏตัวท่ามกลางจักรวาล ความว่างเปล่าโดยรอบก็ราวกับมีกลิ่นอายของกาบเวลาซึ่งทำให้หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันรู้สึกราวกับอยู่ในแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา
“นี่คือ…อักขระโบราณที่ศิษย์พี่ทิ้งไว้ให้ข้า” แม้จะไม่ได้ลืมตา แต่หวังเป่าเล่อก็ได้รับญาณทั้งหมดที่เขาต้องการที่ จากบนอักขระโบราณตรงหน้าอย่างชัดเจน จากนั้นไม่นานเขาก็พึมพำเสียงเบา
อักขระตรงหน้ากับที่ปรากฏอยู่ในหัวเขาเหมือนกันทุกประการ!
อีกทั้งในทันทีที่มันก่อตัวขึ้น ไม่ใช่แค่จักรพิภพสำนักเสริมเท่านั้นที่ตื่นตะลึง จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายรวมถึงจักรพิภพใจกลางก็เช่นกัน ทั่วทั้งโลกศิลาต่างกำลังร้องคำราม ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตต่างก็กำลังตัวสั่นเทา
เพราะนี่คือพลังเหนือโลกศิลา!
เพราะพลังนี้เก่าแก่ถึงขีดสุด ไม่ใช่ของยุคปัจจุบัน!
เพราะนี่คือ…เซียนที่หลัวและกู่แย่งชิงกันในตอนนั้น!
วิชาสืบทอดแห่งเซียน!
สาเหตุที่เป็นรูปลูกไฟก็เพราะวิชาสืบทอดนี้…เป็นตัวแทนแห่งเปลวไฟ เปลวไฟแห่งเซียน!
บนอักขระนี้ หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณแห่งเซียนอันเข้มข้นซึ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมากราวกับเห็นเงาร่างของศิษย์พี่อยู่ในนั้น แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ
“ไฟนี้…คือเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไฟของข้า!” เมื่อสัมผัสอักขระอันใหญ่โตตรงหน้าแล้วหวังเป่าเล่อก็เอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะกวักมือเบาๆ ไปทางอักขระที่ประกอบขึ้นจากสะเก็ดดาวนับไม่ถ้วนที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกศิลา
ทันใดนั้นอักขระสะเก็ดดาวอันตระการตาก็สั่นสะเทือนและก่อตัวเป็นสะเก็ดดาวของตัวมันเอง รอยร้าวพลันปรากฏขึ้นทันทีและมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากแทรกซึมไปทั่วทั้งอักขระแล้วก็เกิดเสียงคำรามดังสนั่นแล้วกลุ่มสะเก็ดดาวก็พังทลายลง
ในพริบตาที่มันพังทลายลงด้ายสีทองก็พุ่งออกมาจากข้างในสะเก็ดดาวที่แตกกระจาย และพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ ทั้งหมดนี้ดูเหมือนยาวนาน แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นเร็วราวกับแสงฟ้าแลบ วินาทีต่อมา…เมื่อด้ายสีทองมาบรรจบกัน อักขระสีทองขนาดเท่าฝ่ามือก็ลอยอยู่บนฝ่ามือหวังเป่าเล่อ
สีทองส่องประกายอักขระดั่งไฟ
โลกศิลาสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น ไฟอักขระสีทองกำลังแกว่งไปมาราวกับปรารถนาจะผสานเข้ากับหวังเป่าเล่อ ขณะเดียวกันกระแสเซียนบนร่างหวังเป่าเล่อก็แผ่ขยายออกมาเองราวกับมันเป็นหนึ่งเดียวกับอักขระนี้อยู่แล้ว ขณะนี้พวกมันต่างกระตือรือร้นที่จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อสัมผัสได้ถึงเปลวไฟสีทองในมือ หวังเป่าเล่อก็เงียบไปครู่หนึ่ง มือขวากำเข้าหากันเล็กน้อยจนกระทั่งอักขระไฟเซียนนั่นอยู่ในมืออย่างสมบูรณ์
ทันทีที่สัมผัสกับมัน อักขระไฟเซียนนั่นก็ผสานเข้าไปในฝ่ามือหวังเป่าเล่อและแผ่ซ่านไปในร่างกายเขา ในตอนนั้นเองในหัวหวังเป่าเล่อก็ปรากฏภาพสี่ด้าน
ภาพแรกคือแสงสว่างจ้ากำลังพุ่งไปข้างหน้าในจักรวาลอันมืดมิด ด้านหลังแสงสว่างจ้านั้นมียักษ์ตัวหนึ่งที่ดูเหมือนสามารถแยกฟ้าเปิดแผ่นดินได้กำลังไล่ตามไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ในไม่ช้าด้านหน้าแสงสว่างนั้นก็ปรากฏสนามรบขึ้นซึ่งแสงสว่างนั้นก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันเร่งความเร็วพุ่งเข้าไปในสนามรบทันที และในพริบตาที่ใันเข้าไปในสนามรบแสงสว่างนั่นก็แยกเป็นสองส่วน!
ส่วนหนึ่งส่องประกายดั่งเดิม อีกส่วนหนึ่งมืดมิดยากจะหาพบ แยกออกจากกันเป็นสองทาง
ภาพแรกหายไปและในไม่ช้าภาพที่สองก็ปรากฏขึ้น
ในภาพนั้นลำแสงที่มืดมิดจนแทบมองไม่เห็นนั้นเงียบสงัดอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเริ่มมีสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นในโลกศิลา แสงนั้นก็หลอมรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตหนึ่งราวกับกลับชาติมาเกิดและเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ตั้งแต่นั้นมาลำแสงนั้นก็ได้เกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า มีทั้งคน พืช วิญญาณ…จนกระทั่งผ่านไปนานเพียงใดก็สุดรู้ ตอนจบของภาพที่สองนี้คือทารกคนหนึ่งที่เกิดในหมู่บ้านธรรมดา
ชื่อของทารกคือเฉินชิง
ดูถึงตรงนี้จิตใจหวังเป่าเล่อพลันซับซ้อนและถอนหายใจเบาๆ ก้อนจะมองดูภาพที่สามที่ผุดขึ้นในหัวต่อไป ในภาพนั้น…คือสำนักแห่งความมืดในอดีต เขาเห็นศิษย์พี่เฉินชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ วันหนึ่งจู่ๆ แสงในดวงตาก็ไม่เหมือนเดิม แสงนั้น…มืดมิดจนแทบมองไม่เห็นเหมือนกับแสงที่แยกออกมาจากลำแสงสว่างจ้านั่น
และภาพสุดท้ายคือหลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เฉินชิงกำลังยืนอยู่ด้านหลังจุดที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่ในตอนนี้และกำลังจ้องมองกลุ่มสะเก็ดดาวที่แตกกระจาย
ภาพทั้งสี่สิ้นสุดลงแค่นี้
แม้ภาพเหล่านี้จะไม่มีเสียง แต่หวังเป่าเล่อก็เข้าใจทุกอย่าง แสงสว่างกับยักษ์ในภาพแรกก็คือกู่กับหลัว
กู่เข้ามาในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น หลัวจึงปิดผนึกที่นี่ แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าหลังจากกู่เข้ามาแล้วก็แยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งสว่าง ส่วนหนึ่งมืดมิด
วิชาสืบทอดของแสงสว่างกลายเป็นนักเล่าเรื่องและได้พบกับชะตากรรมของหวังเป่าเล่อ สุดท้ายก็ถูกเขาเก็บเกี่ยวไป
ส่วนวิชาสืบทอดของความมืดมิดนั้นเวียนว่ายตายเกิดอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเมื่อได้มาอยู่กับเฉินชิงก็ได้ปลุกความทรงจำขึ้น…บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่เฉินชิงกบฏต่อสำนักแห่งความมืดในตอนนั้น ภารกิจของสำนักแห่งความมืดคือป้องกันไม่ให้เซียนจากไป แต่เมื่อถึงยุคของอาจารย์ก็ถูกอาจารย์เปลี่ยนให้กลายเป็นป้องกันทุกคน และที่สำคัญคือ…ไปตกอยู่กับตระกูลไม่รู้สิ้นซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ
“อาจารย์รับศิษย์สองคน ล้วนเป็นผู้สืบทอดเซียน…” หวังเป่าเล่อเอ่ยเบาๆ เขาเข้าใจอะไรขึ้นมากแล้ว เกรงว่า…อาจารย์คงจะเป็นคนที่รู้มากที่สุดและบางทีอาจารย์ก็อาจต้องการทำลายภารกิจของสำนักแห่งความมืด
“ดังนั้นสุดท้ายอาจารย์ถึงช่วยเติมเต็มศิษย์พี่และสุดท้ายศิษย์พี่ถึงเลือกที่จะจากไป ยินยอมทำให้ข้าสมบูรณ์แบบ…”
หวังเป่าเล่อถอนหายใจ เข้าใจทุกอย่างแล้ว แม้จะมีรายละเอียดอีกมากที่เขายังไม่รู้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญคือ…เขาเองก็เลือกที่จะจากไปเช่นกัน
เพื่อโลกศิลา เพื่ออาจารย์ เพื่อศิษย์พี่ เพื่อแม่นางน้อย เพื่อทุกคนและเพื่อตัวเอง…
“สงครามครั้งนี้ ใกล้แล้วสินะ” เจตนาอันแรงกล้าปะทุขึ้นบนร่างหวังเป่าเล่อที่กำลังหลับตา เขายกมือขวาขึ้นมา ไฟอักขระเซียนที่เขาจับไว้ในมือเปล่งแสงเล็ดลอดออกมาจากนิ้วมือแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศ
เมล็ดพันธุ์ไฟห้าธาตุเริ่มก่อตัว!
ทันทีที่มันก่อตัว พลังของหวังเป่าเล่อก็ปะทุขึ้นฟ้า เพราะว่า…เต๋าห้าธาตุของเต๋าแปดปรมัตถ์นั้นมีเมล็ดพันธุ์เต๋าเหนือกว่าผู้บุกเบิกกฎเต๋านี้มากเกินไป!
เต๋าธาตุทองของเขาเป็นสิ่งเดียวที่นอกจักรพิภพสูงสุดขาดแคลน ได้รับศรัทธาสูงสุดและอยู่ยงคงกระพัน!
เต๋าธาตุน้ำของเขาคือน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งบรรจุอารมณ์และความเพียรพยายาม ไหลผ่านคืนวันนับแต่อดีต ต้นกำเนิดลึกลับหายาก!
เต๋าธาตุดินของเขาแปลงมาจากมุมหนึ่งของโลกศิลา ในระดับหนึ่ง…หากจะพูดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหลัวก็เหมาะสมแล้ว!
เต๋าธาตุไฟของเขากำลังก่อตัวอยู่ในขณะนี้ นั่นคือวิชาสืบทอดไฟแห่งเซียนจึงย่อมเขย่าขวัญไปทั้งแผ่นดิน!
เต๋าธาตุไม้ของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าเป็นเต๋าแรกและเป็นเต๋าของชีวิตเขา หวังเป่าเล่อสันนิษฐานไว้แล้วว่าบางที…ร่างต้นแบบของเขา…เป็นต้นกำเนิดไม้แห่งธาตุทั้งห้า…นอกจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ
เป็นรากฐานเต๋าที่ไม่เคยมีมาก่อน!
……………………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท