“เกิดอะไรขึ้น” ขุนนางเหล่านั้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลังจากวิ่งไปดู ดวงตาของเด็กรับใช้คนนั้นก็เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ เขาตอบว่า ”ใต้เท้า พวกท่านรีบไปดูเร็วเข้าขอรับ ที่นั่นมีน้ำจริงๆ!”
มีน้ำหรือ!
ทุกคนรู้ดีกว่าสิ่งที่เมืองฟู่ผิงขาดแคลนมากที่สุดก็คือน้ำ
ตอนนี้ในไร่นามีน้ำอยู่หรือ
น้ำพวกนั้นมาจากไหน
ขุนนางทุกคนล้วนแต่รู้สึกสงสัย ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ เดินไปยังทิศทางที่เป็นไร่นา พวกเขาเห็นน้ำที่ไหลออกมาจากกระบอกไม้ไผ่นั้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ปลายอีกด้านหนึ่งของกระบอกไม้ไผ่นั้นเชื่อมต่ออยู่กับส่วนที่ต่ำที่สุดของแม่น้ำ!?
มันเป็นไปได้อย่างไร?!
ทุกคนประหลาดใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
ชาวนาสองสามคนที่เดินตามหลังขุนนางเหล่านั้นมาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาน้ำตาคลอด้วยความตื้นเต้น!
“นี่มัน น้ำพวกนี้มาจากไหน” ชาวบ้านรู้สึกตื้นตันด้วยความสุขจนแทบพูดไม่ออก
“ก็ที่ปรึกษาหลงที่อยู่กับใต้เท้าเว่ยน่ะสิ!” ใครบางคนตะโกนตอบ ”เขาบอกให้ชาวบ้านนำท่อไปฝังไว้ แล้วในที่สุดก็สามารถส่งน้ำมาที่ไร่นาได้สำเร็จ!”
ที่ปรึกษาหลงที่อยู่กับใต้เท้าเว่ยน่ะหรือ
ก็เท่ากับว่าเป็นเพราะใต้เท้าเว่ยเองมิใช่รึ
ทุกคนหันหน้ากลับไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย
สายตาที่มองมานั้นมีทั้งสายตาชื่นชม สายตาตกใจ แต่ที่มีมากกว่าทั้งหมดก็คือสายตาหวาดหวั่น!
เรื่องนี้สร้างความอับอายให้กับความมั่นใจของเลี่ยวจือฝู่ยิ่งนัก!
จุดประสงค์เริ่มแรกที่ทำให้เขามาที่ไร่นาแห่งนี้ก็เพื่อทำให้ใต้เท้าเว่ยต้องอับอายขายหน้า แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ!
เขากลับสร้างโอกาสให้ใต้เท้าเว่ยกลายเป็นจุดสนใจแทนเสียนี่!
กลายเป็นว่าคนที่ต้องอับอายขายหน้าก็คือเขาคนนี้!
เมื่อเขาสบเข้ากับสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมา ใต้เท้าเลี่ยวก็นึกอยากขุดหลุมฝังตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น สิ่งเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้คือการไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
แต่โชคร้ายที่ชีวิตไม่ได้ง่ายเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ชาย เจ้าคิดที่จะหนีหลังจากกล้าดีมากลั่นแกล้งคนของเขาหรือ เจ้าต้องถามเขาก่อนว่าจะยอมให้เจ้าหนีไปหรือไม่!
การโต้กลับแบบหนามหยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้คือวิธีการที่องค์ชายใช้มาโดยตลอด มันเป็นสาเหตุที่ทำให้บรรดาผู้อาวุโสในเมืองหลวงหวาดกลัวเขาเป็นที่สุด
เหล่าขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลยังไม่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย หากพวกเขารู้ พวกเขาคงไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาในเมืองฟู่ผิงอย่างแน่นอน ไม่ว่าใต้เท้าเลี่ยวจะให้ส่วนแบ่งกับพวกเขามากเพียงใดก็ตาม
“ใต้เท้า ที่นี่มีคนเยอะเกินไป รีบกลับไปก่อนที่เจ้าพวกคนเหลือขอพวกนี้จะทำให้พวกท่านบาดเจ็บดีกว่าขอรับ” เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายท่านเยี่ยนก็รีบก้าวออกมาช่วยเลี่ยวจือฝู่จากสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้น
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะทันทีที่เขาพูดเช่นนั้นออกมา สำเนียงท้องถิ่นอันดุดันของชาวบ้านคนหนึ่งก็ดังสวนขึ้นมาว่า ”พวกข้าถูกบังคับให้ต้องกลายเป็นตัวปัญหาก็เพราะเจ้า เจ้าคนหน้าด้านไร้ยางอาย!”
“เจ้า เจ้า… เจ้ามาจากไหน ข้าไม่รู้จักเจ้าเสียหน่อย เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าใส่ร้ายข้า!” นายท่านเยี่ยนตวาดกลับ
พ่อเฒ่าหลิวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาโยนจอบในมือลงกับพื้น
“เจ้าคนแซ่เยี่ยน! เจ้าร่วมมือกับเลี่ยวจือฝู่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองก่อเรื่องสกปรกโสโครกอะไรเอาไว้ลับหลังพวกเราบ้าง เจ้าปลุกระดมให้ชาวบ้านสร้างถนนเพราะเจ้าจะได้เงินจากโครงการนั้น! สามปีมานี้ถนนทุกเส้นของเมืองฟู่ผิงได้รับการซ่อมแซมปีละครั้ง แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรากลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆ! นอกจากเจ้าจะเป็นคนเดียวที่มีอำนาจในเมืองฟู่ผิงแล้ว ไม่ว่าเจ้าหมายตาเด็กสาวคนใดไว้ พวกเราก็ต้องส่งนางไปให้เจ้าที่จวน มิฉะนั้นครอบครัวของเราก็จะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข! เจ้าคิดว่าแผ่นดินนี้ไร้ฮ่องเต้แล้วหรือ”
นายท่านเยี่ยนรู้สึกอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นสายตาที่อยู่รอบตัว เขาเผลอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มือกุมพุงพลุ้ยๆ ของตัวเองเอาไว้ แล้วชี้นิ้วใส่พ่อเฒ่าหลิวพร้อมกับเตือนว่า ”ระวังคำพูดของเจ้าเอาไว้! การแต่งงานทั้งหมดของข้าล้วนแต่เกิดขึ้นด้วยความยินยอมจากทั้งสองฝ่ายทั้งสิ้น เจ้ารับเงินจากข้า แล้วกล้ากลับคำได้อย่างไร เจ้าเอาค่าสินสอดไปแล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าครอบครัวของเจ้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่าสงบสุขเพราะข้า สิ่งที่เจ้าทำนับว่าเป็นการจงใจกระทำผิดหลังจากรับเงินของข้าไปแล้วด้วยซ้ำ! ใต้เท้า ท่านต้องจัดการให้ข้านะขอรับ!”
พ่อเฒ่าหลิวไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะหน้าด้านกล้าพูดออกมาเช่นนั้น ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธทันทีที่ได้ยินคำว่า ’ค่าสินสอด’ ”พวกข้าไม่อยากได้เงินสิบตำลึงของเจ้าแม้แต่นิดเดียว! เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังซื้อปศุสัตว์อยู่หรือ”
สิบตำลึงหรือ
เขาจ่ายค่าสินสอดด้วยเงินเพียงจำนวนเท่านั้นหรือ
นี่มันไม่ให้เกียรติกันชัดๆ!
สีหน้าของขุนนางบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้เปลี่ยนไปในทันที พวกเขาคิดว่าชายแซ่เยี่ยนผู้นี้ทำเกินไป หากเขาชอบหญิงคนนั้นจริง เขาก็ควรจะมอบเงินให้นางมากกว่านี้ ทำไมเขาต้องทำให้สถานการณ์มันแย่ลงถึงเพียงนี้ด้วย!
นายท่านเยี่ยนแก้ตัวว่า ”คิดว่ามันน้อยเกินไปสินะ ไม่เป็นไร ข้าจะมอบเงินให้เจ้าเพิ่มเป็นการชดเชยเอง ทำไมเจ้าต้องใส่ความข้าเช่นนั้นด้วย ข้าจะบอกอะไรให้นะพ่อเฒ่าหลิว ข้าไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้แน่!”
“เจ้า!” ใบหน้าของพ่อเฒ่าหลิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโกรธ
นายท่านเยี่ยนยังคงแสร้งว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก เขาเอ่ยว่า ”คนบางคนก็ถูกความยากจนข้นแค้นกดทับมานาน จนคิดอยากจะฉวยโอกาสจากข้า ทั้งที่ข้าเคยยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขามาก่อน ข้ารู้อยู่แล้วแต่ก็คร้านที่จะเอามันมาใส่ใจ พ่อเฒ่าหลิว แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องรับผิดชอบที่พูดจาว่าร้ายข้าต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้…”
โครม!
ยังไม่ทันที่นายท่านเยี่ยนจะพูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยที่เงียบมาตลอดก็ยกขาขึ้นถีบเข้าที่อกของนายท่านเยี่ยน
ถีบเพียงครั้งเดียวยังไม่สาแก่ใจ ดังนั้นนางจึงถีบเขาเข้าอีกครั้ง!
นายท่านเยี่ยนที่เดิมทีเคยยืนยืดอกหลังตรงและแสร้งทำเป็นผู้ดีอยู่นั้น หลังจากถูกนางถีบเข้าก็ถึงกับตัวงอด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ไม่มีใครคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะลงมือ บรรดาขุนนางทั้งหลายโดยเฉพาะเลี่ยวจือฝู่ถึงกับตกใจกับการกระทำอย่างฉับพลันของนาง
โดยเฉพาะเลี่ยวจือฝู่ โทสะของเขาปะทุขึ้นในทันที เขาตะโกนใส่เฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านกำลังทำอะไร ท่านรู้หรือเปล่าว่าชายที่ท่านเพิ่งถีบไปเป็นใคร เขาเป็นคนที่มีความสามารถที่สุดในการทำให้เมืองฟู่ผิงรอดพ้นจากความยากจนนะ!”
“คนที่มีความสามารถที่สุดที่จะช่วยทำให้เมืองฟู่ผิงรอดพ้นจากความยากจนหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเลี่ยวจือฝู่ด้วยสายตาดูถูก แล้วค่อยๆ ยื่นมืออกไปคว้าเข้าที่คอเสื้อของนายท่านเยี่ยน ”ข้าเคยเห็นคนร้ายมาก็ตั้งมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่ต่ำช้าเช่นเขามาก่อน เขาจ่ายเงินไปแค่สิบตำลึง แต่กลับกล้าบอกว่าตัวเองจ่ายมันเป็นค่าสินสอด แล้วป่าวประกาศไปทั่วว่าเขาช่วยคนเหล่านี้ได้อย่างไร ผู้หญิงดีๆ ในเมืองฟู่ผิงล้วนต้องทุกข์ทรมานก็เพราะคนอย่างเจ้า! เจ้ามันก็แค่สัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์เท่านั้น แล้วยังกล้าเอาความสำเร็จของคนอื่นไปเป็นของตัวเองอีก! นายท่านเยี่ยน อธิบายมาซะ ทำไมเจ้าถึงได้เอาแต่รังควานตระกูลหลิวครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังจ้างชายฉกรรจ์ถึงสามคนเพื่อไปรุมรังแกผู้หญิงเพียงคนเดียวด้วย”
นายท่านเยี่ยนถึงกับพูดไม่ออกหลังจากถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยถีบเข้าสองครั้ง เขารู้สึกได้ถึงความทรมานอันรุนแรงในร่างกาย จึงหันหน้าไปมองเลี่ยวจือฝู่พร้อมกับเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก
เลี่ยวจือฝู่กำลังคิดจะช่วยเขา แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งในหมู่ชาวบ้านตะโกนขึ้นมาว่า ”ให้เจ้าคนแซ่เยี่ยนมันอธิบายให้พวกข้าฟังด้วย! มันรู้ตัวดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามันทำเรื่องชั่วอะไรลงไปบ้าง!”
นายท่านเยี่ยนรำคาญชาวบ้านที่เอาแต่สร้างความวุ่นวายพวกนั้นเสียจนไม่สามารถปิดบังธาตุแท้ของตัวเองได้อีกต่อไป เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอวดดีว่า ”ข้าจ่ายเงินเพื่อหลับนอนกับผู้หญิง แล้วทำไมข้าต้องอธิบายด้วย ข้าเกลียดพวกเจ้าทุกคน พอชีวิตของข้ามีปัญหา พวกเจ้าก็ทำมาเป็นเรื่องใหญ่ ข้าไม่ได้ฆ่าใครเสียหน่อย อีกทั้งยังไม่เคยไปเผาบ้านใครด้วย ข้าก็แค่ทำธุรกิจของข้าอย่างสุจริต และมันก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ใต้เท้าเว่ยถีบข้าแบบนี้ คิดถึงผลที่จะตามมาหลังจากนี้หรือเปล่า”
“ผลที่จะตามมาหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดยิ้มอย่างเย็นชาแล้วบอกว่า ”นายท่านเยี่ยนกำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ ใครกันที่มอบความกล้าให้ท่านถึงขั้นข่มขู่ข้าที่เป็นขุนนางในราชสำนักต่อหน้าบรรดาขุนนางที่มาจากเมืองหลวงประจำมณฑลได้”