ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 500 ทางเลือก (ต้น)

ตอนที่ 500 ทางเลือก (ต้น)

​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไป​ที่​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​สีหน้า​ของ​เขา​นั้น​ไร้อารมณ์​ ​มอง​ไม่​ออก​ว่า​เขา​รู้สึก​อย่างไร

​หยาง​อี๋​เหนียง​แอบ​ดีใจ

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​บ่าว​รับใช้​คน​นั้น​เข้ามา​ขัดจังหวะ​ ​เกรง​ว่า​สถานการณ์​ตอนนี้​คงจะ​รับมือ​ยาก

ช่วง​ชี้​เป็น​ชี้​ตาย​ ​แค่​ชั่วพริบตา​เดียว​ก็​เพียงพอ

​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​!​”​ ​นาง​สงบ​ลง​สติอารมณ์​ได้​แล้ว​ ​ทุกคน​ล้วน​มี​ความชอบ​ส่วนตัว​ ​ในเมื่อ​ท่าที​สุขุม​สามารถ​ทำให้​เขา​ประทับใจ​ ​นาง​ก็​ไม่มีทาง​ทำท่า​ทาง​เจ้าเล่ห์​เช่นนั้น​อีก​ ​ไม่​เพียง​เท่านั้น​ ​แล้วยัง​ต้อง​มีท​่า​ที​ยืนหยัด​อีกด้วย​ ​ยิ่ง​สุขุม​มาก​เท่าไร​ ​ก็​ยิ่ง​สามารถ​ปกปิด​พฤติกรรม​เจ้าเล่ห์​เมื่อ​ครู่​ได้มาก​เท่านั้น​ ​ทำให้​เขา​คิด​ว่าที่​นาง​ทำ​เช่นนั้น​เพราะว่า​ใจร้อน​ ​“​ถึงแม้ว่า​ข้า​จะ​เป็น​คนโง่​เขลา​ ​แต่​ข้า​ก็​รู้​หลักการ​ของ​ความถูกต้อง​ ​ท่าน​โหว​ลำบากใจ​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่สบายใจ​ ​แต่​ใน​ฐานะ​บุตรสาว​ ​ต้อง​เชื่อฟัง​คำสั่งสอน​และ​รัก​พี่​รัก​น้อง​ ​ข้า​…​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​สะอื้น​ไห้​ ​แต่กลับ​หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​กะพริบตา​ให้​น้ำตา​ค่อยๆ​ ​ซึม​เข้าไป​ใน​เบ้าตา​ ​“​หาก​ครอบครัว​ของ​ข้า​โชคดี​ ​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​จาก​ท่าน​โหว​…​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​และ​แน่วแน่​ ​“​ข้า​ยินดี​ที่จะ​บำเพ็ญ​เพียร​ ​ชดใช้​ให้ท่า​นพ​่อ​ของ​ข้า​ ​อธิษฐาน​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ ​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​และ​คุณชาย​น้อย​คุณหนู​ทุกคน​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​วางมือ​เอาไว้​ที่​หน้าผาก​แล้ว​ก้มหัว​ลง​บน​พื้น​อิฐ​สีฟ้า

​แต่​ใน​ใจ​กลับ​รู้สึก​กระวนกระวาย​

หาก​เป็นตัว​เอง​ ​ก็​คง​ไม่เชื่อ​ใช่​หรือไม่

ก่อนหน้านี้​พยายาม​ขอร้อง​ให้​เขา​ช่วย​ ​แต่​ใน​ชั่วพริบตา​ถัดมา​กลับ​บอกว่า​ยินดี​บำเพ็ญ​เพียร​…​ ​แต่​บางครั้ง​ ​ก็​ต้อง​ตัดสินใจ​ให้​เด็ดขาด​ ​สกุล​หยาง​ถูก​กวาดล้าง​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​ถัง​ถูก​ส่ง​ไปรั​กษา​ตัว​ที่​วัด​เพราะว่า​ป่วย​…​หาก​นาง​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​วัด​อีก​ ​คนอื่น​จะ​พูด​เช่นไร​ ​สกุล​สวี​พึ่ง​จะ​เสีย​อี๋​เหนียง​ไป​สอง​คน​ ​พวกเขา​จะ​ใช้​อะไร​เป็น​ข้ออ้าง​?

นอกจาก​วิธี​นี้​ ​ตน​คิด​วิธี​ที่​ดีกว่า​นี้​ไม่​ออก​อีกแล้ว​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่มีทาง​เชื่อ​

​“​บำเพ็ญ​เพียร​!​”​ ​​​​​เขามอ​งดู​สตรีที​่​คุกเข่า​อยู่​ใต้เท้า​ตัวเอง​ ​เผย​ยิ้ม​มุม​ปาก​ด้วย​สีหน้า​ที่​ไม่พอใจ​

ใน​บรรดา​สตรี​ ​นาง​ถือว่า​เป็น​คน​มี​ความสามารถ

แค่​เวลา​เพียง​ไม่นาน​ ​ก็​คิด​แผน​เอาตัวรอด​ออก

​ทันใดนั้น​เอง​ ​ภาพ​ที่​สือ​อี​เหนียง​นั่ง​จัด​ดอกไม้​ต้นไม้​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​มา​ใน​หัว​ของ​เขา​

โชคดี​ที่​ตอนนั้น​ตน​ไม่​ให้​สือ​อี​เหนียง​รับ​ถ้วย​ชาคา​รวะ​นาง​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น

​คิดได้​เช่นนี้​ ​ก็​พลัน​นึกถึง​ทางเดิน​ที่​ใช้​มายัง​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ที่​มีต​้น​ไม้​หนาม​ขึ้น​รก​เต็ม​ทางเดิน

มี​โคมไฟ​แค่​ดวง​เดียว​ ​ไม่รู้​ว่านาง​จะ​เห็น​ทางเดิน​หรือไม่​ ​หาก​ถูก​หนาม​ทิ่ม​เข้า​มัน​คง​ไม่ดี​…

ไม่รู้​ว่านา​งมี​เรื่องสำคัญ​อัน​ใด​กับ​ตน​?

จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​สอง​สาม​วันนี้​เขา​นอน​อยู่​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ตลอด​…​พูดคุย​กับ​นาง​ทุกวัน​ ​จู่ๆ​ ​ก็​ไม่มี​นาง​ ​ตอนที่​อยู่​คนเดียว​เขา​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​มัน​เงียบ​เกินไป​…

​คิด​เช่นนี้​ ​หัวใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เต้น​แรง

หรือว่า​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไม่​คุ้นชิน​เหมือนกัน​…

​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​อยาก​เจอ​สือ​อี​เหนียง​ ​อยากรู้​ว่านา​งมา​หา​เขา​ทำไม

​แต่​หยาง​อี๋​เหนียง​กลับ​ไม่สบายใจ​

​นาง​สังเกต​การเคลื่อนไหว​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ตลอด​ ​ความ​เย้ยหยัน​ที่​ออกมา​จาก​น้ำเสียง​ของ​เขา​ ​นาง​จะ​ไม่รู้​สึก​ได้​อย่างไร

เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​นาง​ทำได้​แค่​ทำให้​เขา​เชื่อ​ใน​ความจริงใจ​ของ​ตัวเอง​เท่านั้น

​หยาง​อี๋​เหนียง​กัดฟัน​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​ ​ข้า​เกิด​ที่​ชนบท​ ​ไม่มีความรู้​ ​พูดจา​ไม่​เป็น​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​จังหวะ​ที่​ช้า​ลง​ ​จึง​ทำให้​ฟัง​ดู​เคร่งขรึม​ ​“​แต่ว่า​ข้า​โตมา​กับ​ท่าน​ย่า​ ​ได้รับ​คำสั่งสอน​จาก​นาง​ ​ข้า​รู้​ว่า​จะ​พูดจา​เหลวไหล​ต่อหน้า​พระโพธิสัตว์​ไม่ได้​ ​ขอร้อง​ให้ท่าน​โหว​เห็นแก่​ความจริงใจ​ของ​ข้า​ ​อนุญาต​ให้​ข้า​ไป​บำเพ็ญ​เพียร​ที่​วัด​ด้วย​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ก้มตัว​ลง​ด้วย​ท่าที​ที่จริง​ใจอ่อนน้อม​ถ่อมตน

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้สติ​กลับมา​ ​สายตา​ของ​เขา​มี​ความ​เย้ยหยัน​ ​เขา​เลิก​คิ้ว​ ​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​หลิน​ปัว​ก็​เข้ามา​พอดี

​“​ท่าน​โหว​ขอรับ​!​”​ ​เขา​กระซิบ​ข้าง​หู​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“ฮู​หยิน​กลับ​ไป​แล้ว​ขอรับ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​“​รู้​หรือไม่​ว่า​ทำไม​”

​“​ไม่รู้​ขอรับ​”​ ​หลิน​ปัว​เหลือบมอง​หยาง​อี๋​เหนียง​ที่​กำลัง​เอียงหู​แอบ​ฟัง​ ​เขา​จึง​พูดเสี​ยง​เบา​ลง​ ​“ฮู​หยิน​ยืน​อยู่​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​ทาง​เดิม​ขอรับ​!​”

กลาง​ค่ำ​กลางคืน​ ​เดิน​มาถึง​ครึ่งทาง​แล้วก็​กลับ​ไป

เช่นนั้น​ไม่ใช่​เรื่องสำคัญ​แน่นอน​!

​คิด​เช่นนี้​ ​หัวใจ​ของ​เขา​ก็​เดือด​พล่าน​ราวกับ​น้ำ​เดือด

หรือว่า​ ​เป็น​เหมือน​ที่​ตัวเอง​คาดเดา​ ​สือ​อี​เหนียง​แค่​มาหา​เขา​…

​ทันใดนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​รู้สึก​หมด​ความอดทน

ในเมื่อ​เขา​ไม่ยอมรับ​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​ต้อง​คิด​วิธี​จัดการ​หยาง​อี๋​เหนียง​เอาไว้​อยู่​แล้ว

หาก​นาง​ยอม​อยู่​ที่​จวน​สกุล​สวี​ ​ก็​ส่ง​นาง​ไป​อยู่​ที่​เรือน​นอก​ ​หาก​นาง​อยาก​ออก​ไป​ ​คงจะ​ออก​ไป​อย่างเปิดเผย​ไม่ได้​ ​เพราะ​นาง​คือ​อนุภรรยา​ของ​เขา​ ​แล้วยัง​หน้าตา​สะสวย​งดงาม​ ​อาจจะ​ถูก​คนอื่น​จับตามอง​ได้​ ​หาก​นาง​เป็น​อะไร​ไป​ ​เขา​ก็​จะ​เสียหน้า​ ​แต่​มัน​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​ยาก​ที่จะ​ช่วย​นาง​เปลี่ยน​ชื่อ​เปลี่ยน​แซ่​แล้วแต่​งงา​นอ​อก​ไป​จาก​เยี​่​ยน​จิง​!

แต่ว่า​ก่อนหน้านี้​มีเรื่อง​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​ต่อมา​สือ​อี​เหนียง​ก็​คลอด​ยาก​ ​แล้ว​ช่วง​ไว้ทุกข์​ของ​ไท่​เฮา​ก็​ยัง​ไม่​สิ้นสุด​…​เรื่อง​นี้​จึง​ล่าช้า​!

ตอนที่​หลิน​ปัว​บอกว่า​หยาง​อี๋​เหนียง​มาหา​เขา​เพียงลำพัง​ ​เขา​คิด​ว่านา​งมา​เพราะ​เรื่อง​ของ​บิดา​ของ​นาง​ ​เขา​กะ​จะ​ถือโอกาส​นี้​พูด​กับ​นาง​ให้​ชัดเจน​ ​ให้​นาง​เป็น​คน​ตัดสินใจ​ด้วยตัวเอง​…

แต่​ตอนนี้​ดูเหมือนว่า​ ​รู้​คน​ ​รู้​หน้า​ ​แต่​ไม่รู้​ใจ

สตรี​คน​นี้​จะ​เก็บ​เอาไว้​ต่อไป​ไม่ได้​แล้ว​!

​เขา​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็​ยืน​ขึ้น

​“​ในเมื่อ​เจ้า​พูด​เช่นนี้​ ​ข้า​ไป​บอกฮู​หยิน​ก่อน​ ​อีก​สอง​วัน​ค่อย​ส่ง​เจ้า​ไป​บำเพ็ญ​เพียร​ที่​วัด​!​”

​“​ท่าน​โหว​เจ้า​คะ​!​”​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​มอง​นาง​ลงมา​จาก​ด้านบน​ ​ยืน​ตัวตรง​แล้ว​เอา​มือ​ไขว้หลัง​ ​มอง​นาง​ด้วย​สายตา​ที่​เย็นชา​และ​สีหน้า​เคร่งขรึม​ท่าทาง​ดู​สูงส่ง

ทันใดนั้น​ ​นาง​ก็​ตระหนัก​ขึ้น​มา​ได้​ว่า​ ​ตัวเอง​แสดง​ความ​โง่เขลา​ออกมา​แล้ว​!

สวี​ลิ่ง​อี๋​ดูเหมือน​จะ​อ่อนโยน​กับ​นาง​ ​แต่​เขา​มี​จิตใจ​ที่​เข้มแข็ง

เขา​หวงแหน​ชื่อเสียง​ของ​จวน​สกุล​สวี​ ​แต่​เขา​ไม่มีทาง​ยอม​ทน​ต่อ​ความอับ​อาย​เพียง​เพราะ​กลัว​ว่า​จะ​ถูก​ผู้คน​วิพากษ์วิจารณ์

​ทันใดนั้น​ ​จิตใจ​ของอ​ยาง​อี๋​เหนียง​ก็​สับสน​อลหม่าน​ไป​หมด​ ​นาง​ตัวสั่น​ขึ้น​มา

​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​เกียจคร้าน​ที่จะ​มอง​นาง​อีก

​เขา​ถอด​เสื้อคลุม​ที่​เปื้อน​น้ำตา​ของ​นาง​ออก​แล้ว​โยน​ลง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ ​จากนั้น​ก็​บอก​หลิน​ปัว​ ​“​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​ข้า​ ​ข้า​จะ​ออก​ไปดู​!​”

​หลิน​ปัว​รีบ​รับใช้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าไป​ยัง​ห้อง​ด้านใน

​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​เงียบสงัด​ ​มี​แค่​หยาง​อี๋​เหนียง​ที่​คุกเข่า​อยู่​บน​พื้นเพี​ยง​ลำพัง​ ​มี​เพียง​โคมไฟ​และ​เสื้อคลุม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่อยู่​เป็นเพื่อน

​*****

​สือ​อี​เหนียง​สระผม​ ​เปลี่ยนเป็น​สวม​ชุด​อ่าว​สีแดง​ฐาน​สีทอง​ตัวใหม่​แล้วไป​ยัง​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ

​จิ​่น​เกอ​ราวกับ​กบ​ตัว​น้อย​ ​นอนหงาย​อยู่​บน​เตียง​เตา​คนเดียว​ด้วย​สีหน้า​ที่​สบายใจ

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​จับมือ​เล็ก​ๆ​ ​ของ​เขา​มาซุก​ไว้​ใต้​ผ้าห่ม​ ​เข้า​เบ้​ปาก​แล้ว​ยกมือ​ขึ้น​มา​ไว้​ข้าง​หัว​ตัวเอง​อีกครั้ง

​แม่นม​กู้​อธิบาย​อยู่​ข้างๆ​ ​“​เด็กเล็ก​ก็​เป็น​เช่นนี้​แหละ​เจ้าค่ะ​ ​โต​ขึ้น​อีก​สักหน่อย​ ​เขา​ก็​จะ​เปลี่ยน​ท่านอน​เอง​”

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​กลัว​จะ​ทำให้​ลูก​ตื่น​ ​นาง​จึง​เดิน​ไป​นั่ง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ข้างๆ​ ​แล้ว​ถาม​แม่นม​กู้​ที่​เดินตาม​มา​อย่าง​เงียบๆ​ ​“​ยามดึก​หนาว​หรือไม่​”

​ช่วง​สอง​เดือน​มานี​้​ ​จิ​่น​เกอ​อ่อนไหว​มาก​ ​หาก​มี​คนพูด​หรือ​พลิกตัว​ข้างๆ​ ​เขา​จะ​หลับตา​ร้องไห้​อยู่นาน​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่มีทาง​เลือก​ ​จึง​ต้อง​ให้​เขา​มานอ​นที​่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​นอน​อยู่​บน​เตียง​เตา​ใน​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​คนเดียว​ ​วาง​เก้าอี้​กุ้ย​เฟย​ไว้​ข้าง​เตียง​เตา​สอง​ตัว​ ​ให้​แม่นม​กู้​และ​สาวใช้​ที่​เฝ้ายาม​นอน​บน​เก้าอี้​กุ้ย​เฟย​ ​จิ​่น​เกอ​จึง​นอนหลับ​จนถึง​เช้า​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​แม่นม​กู้​จะ​ไม่​ชิน

​“​ไม่​หนาว​เจ้าค่ะ​”​ ​แม่นม​กู้​รีบ​ตอบ​ ​“​ใน​ห้อง​จุด​สมุนไพร​ ​แม่นาง​จู๋​เซียง​ก็​ปูที่นอน​ใหม่​ให้​บ่าว​ตั้ง​สอง​ผืน​ ​แล้วยัง​มี​เสื้อคลุม​หนัง​กระรอก​อีก​ตัว​หนึ่ง​ ​ตอนกลางคืน​ก็​นำมา​สวม​ได้​เจ้าค่ะ​ ​ปกติ​นอน​อยู่​ใต้​ห่ม​ผ้า​ไม่​หนาว​เลย​สักนิด​ ​ขยับตัว​ไปมา​บางที​ยัง​รู้สึก​ร้อน​เลย​เจ้าค่ะ​”

​หง​เหวิ​นที​่​เป็น​คน​เฝ้ายาม​วันนี้​ ​นาง​เห็น​ว่า​ผม​ของ​สือ​อี​เหนียง​ยัง​เปียก​อยู่​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​บ่าว​ช่วย​ท่าน​เป่า​ผม​ดีกว่า​เจ้าค่ะ​”

​“​ไม่เป็นไร​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​“​เจ้า​ดูแล​จิ​่น​เกอ​เถิด​!​”

​พวก​นาง​สอง​คน​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​หง​เหวิน​เฝ้า​อยู่​ข้าง​เตียง​เตา​ ​ส่วน​แม่นม​กู้​ไป​ส่ง​สือ​อี​เหนียง​ออกจาก​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ

​จู๋​เซียง​เตรียม​ถาด​ไฟ​เอาไว้​แล้ว

​ถ่าน​อิ​๋น​ซวง​ที่​ไร้​กลิ่น​ไร้ค​วัน​บวก​กับ​เปลือก​ส้ม​และ​สมุนไพร​ต้นสน​ ​หลังจาก​เป่า​ผม​แห้ง​แล้ว​จะ​ไม่มี​กลิ่น​ ​แล้วยัง​มีกลิ่น​ส้ม​และ​สมุนไพร​ต้นสน​อ่อน​ๆ​ ​อีกด้วย

​สือ​อี​เหนียง​สระผม​ทุก​สอง​สาม​วัน​ ​บรรดา​สาวใช้​จึง​ช่วย​นาง​เป่า​ผม​อย่าง​ชำนาญ​ ​เมื่อ​ผม​แห้ง​ครึ่งหนึ่ง​แล้ว​ ​จู๋​เซียง​ก็​บอก​ให้​สาวใช้​ที่​รับใช้​อยู่​ใน​ห้อง​ไป​หยิบ​หวี​ไม้​หวง​หยาง​มา​หวี​ผม​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้ว​พูดคุย​กับ​นาง​

​“​ผม​ของฮู​หยิน​ช่าง​สวย​จัง​เลย​เจ้าค่ะ​ ​ทั้ง​ดำ​ทั้ง​ดก​”​ ​น้ำเสียง​ของ​นาง​ไม่​คมชัด​เหมือน​หู่​พั่ว​ ​แต่กลับ​มี​ความนุ่มนวล​ ​“​ผม​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​ของ​เรา​ก็​เหมือนฮู​หยิน​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​คุณชาย​น้อย​หก​ของ​เรา​ดวงตา​กลม​โต​เหมือน​คุณชาย​น้อย​สอง​และ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​แล้วยัง​มี​ผม​ดก​ดำ​เหมือน​คุณชาย​น้อง​สี่​และ​คุณชาย​น้อย​ห้า​…​คิดดู​แล้ว​ ​คุณชาย​น้อย​หก​คล้ายคลึง​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้ามา​กก​ว่า​เจ้าค่ะ​…​เหมือนกับ​คำพูด​ที่ว่า​ ​ใคร​เลี้ยง​ก็​หน้า​เหมือน​คน​นั้น​จริงๆ​ ​เจ้าค่ะ​!​”

นาง​กำลัง​บอก​ตน​ว่า​ ​หาก​ไร้ค​วาม​โปรดปราน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​ก็​ยัง​มีบุ​ตร​ชาย​อีก​สอง​คน​ใช่​หรือไม่

​สือ​อี​เหนียง​พลัน​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​

จู๋​เซียง​พาตัว​เอง​ไป​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ ​เพราะ​นาง​ดูออก​ใช่​หรือไม่

​แต่​รอยยิ้ม​ของ​จู๋​เซียง​กลับ​ค่อยๆ​ ​จางหาย​ไป​ ​นาง​คุกเข่า​ลง​บน​พื้น​แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​บน​เข่า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​ ​ลูก​แกะ​คุกเข่า​ทาน​นม​แม่​แกะ​ ​ลูก​อีกา​ยัง​รู้จัก​กตัญญู​ต่อ​แม่​มัน​เอง​ ​เรา​ดี​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​เหมือน​คุณชาย​น้อย​หก​ ​หาก​คุณชาย​น้อย​ห้า​โต​ขึ้น​ก็​คงจะ​สนิทสนม​กับ​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้าค่ะ​”

นาง​อยาก​ช่วย​จิ​่น​เกอ​ตีสนิท​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอย​่าง​นั้น​หรือ​!

​สือ​อี​เหนียง​ลูบ​ผม​จู๋​เซียง​เบา​ๆ​ ​“​มีพ​วก​เจ้า​คอย​อยู่​ข้างๆ​ ​ข้า​จะ​กังวล​อะไร​!​”

​จู๋​เซียง​เงยหน้า​ขึ้น​ ​ฉับพลัน​น้ำตา​ก็​คลอ​เบ้า​ ​ไม่รู้​จะ​ตอบ​อะไร

​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ตกใจ

เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เป็น​เหมือน​ค่ายทหาร​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ไม่ว่า​มัน​จะ​ดู​เรียบง่าย​แค่ไหน​แต่​ก็​เป็น​เพียง​เปลือกนอก​เท่านั้น​ ​เขา​กลับมา​ตอนนี้​ ​คงจะ​รู้​แล้ว​ว่านาง​ไปหา​เขา​มา​…

​จู๋​เซียง​รีบ​หยิบ​กล่อง​เครื่องประดับ​ออกมา

คงจะ​หวี​ผม​ไม่ทัน​แล้ว​ ​แต่​สวม​ต่างหู​หน่อย​ก็ดี​!

​“​ไม่จำเป็น​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ม้วน​ผม​ง่ายๆ​ ​“​ถึง​เวลาพักผ่อน​แล้ว​!​”

​มือ​ของ​จู๋​เซียง​หยุดชะงัก​ ​สายตา​ของ​นาง​มี​รอยยิ้ม​ ​ยังคง​พูด​โน้มน้าว​ให้​สือ​อี​เหนียง​สวม​ต่างหู​ดอก​ติง​เซียง​คู่​เล็ก​ๆ

ถึงแม้ว่าฮู​หยิน​จะ​ผ่ายผอม​ ​แต่​ระดู​ของ​นาง​ก็​มาตรง​เวลา​…

​นาง​รีบ​เดิน​ไป​เปิดม่าน​ ​จากนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​เข้ามา

​จู๋​เซียง​ยก​ชา​เข้ามา​ก่อน​จะ​เดิน​ออก​ไป​แล้ว​ปิดประตู​อย่างเบามือ​เบา​เท้า

​*****

​“​ท่าน​โหว​ทำ​ธุระ​เสร็จ​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ตรงข้าม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เหมือนปกติ​ ​“​ทานข้าว​เย็น​แล้ว​หรือยัง​ ​เรียก​สาวใช้​เข้ามา​รับใช้​ท่าน​อาบน้ำ​ดี​หรือไม่​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ที่​มีท​่า​ทีนิ​่ง​สงบ​ ​นึกถึง​นิสัย​ของ​นาง​ ​เขา​ก็​เข้าใจ​ในทันที​ ​เขา​พูด​ ​“​ข้า​ได้ยิน​หลิน​ปัว​บอกว่า​ ​เมื่อ​ครู่​เจ้า​ไป​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​ ​กลาง​ค่ำ​กลางคืน​เช่นนี้​ ​เจ้า​ไป​ทำ​อะไร​ที่​ศาลา​ชุน​เหยี​่​ยน​”

เขา​รู้​ว่า​เป้าหมาย​ของ​นาง​คือ​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​จึง​ถาม​เช่นนี้​?​ ​หรือว่า​เป็น​เหมือน​ที่​เขา​พูด​จริงๆ​ ​แค่​สนใจ​ใน​ความ​แปลก​ไป​ของ​นาง​?

แต่​ไม่ว่า​อย่างไร​ ​หาก​จะ​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​ยอมรับ​ความ​ตื่นตระหนก​ของ​ตัวเอง​ ​นาง​ไม่มีทาง​พูด​ออกมา​อย่างแน่นอน​

​ดังนั้น​ ​นาง​จึง​คิด​คำตอบ​เอาไว้​ตั้ง​นาน​แล้ว

​“​เดิมที​อยาก​ไปหา​ท่าน​โหว​ ​แต่​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​หยาง​อี๋​เหนียง​อยู่​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​จึง​กลับมา​ก่อน​เจ้าค่ะ​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท