เนื่องจากการแจกลายเซ็นในฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส บนโลกออนไลน์มีผู้คนจำนวนมากพูดคุยกันว่าลายมือของฉู่ขวงสวยงามขนาดไหน รวมไปถึงพฤติกรรมครั้งก่อนที่ฉู่ขวงจงใจเซ็นให้ลายมือขยุกขยุยเหมือนนักเรียนประถมนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดไหน
เมื่อการถกเถียงร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก็มีผู้อ่านที่สะสมหนังสือเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์พร้อมลายเซ็นบางคนรู้สึกทนไม่ได้
ชาวเน็ตซึ่งใช้ชื่อ [ต้าตั้น] ก็โพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต เพื่อตั้งคำถามว่าการกระทำของฉู่ขวงนั้นยุติธรรมต่อผู้อ่านซึ่งได้รับลายเซ็นรูปแบบแรกหรือไม่
เขาบ่นด้วยความเดือดดาล
‘ลายเซ็นที่ฉู่ขวงเซ็นให้คนอ่านกลุ่มแรกน่าเกลียดเหลือเกิน แต่ลายเซ็นที่ฉู่ขวงเซ็นให้คนอ่านกลุ่มที่สองดูดีมาก ต่อไปผมคงรู้สึกละอายใจที่จะบอกว่าผมเคยได้ลายเซ็นของฉู่ขวง’
หลังจากโพสต์ออกไป
ก็มีชาวเน็ตซึ่งใช้นามแฝงว่า [ซือหม่าเหยียนหลง] ทักมาคุยส่วนตัวกับต้าตั้น
‘คนเขาเซ็นให้เรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสซะสวยปานนั้น แต่ลายเซ็นที่พวกคุณได้กลับไม่ได้เรื่อง คุณเอาลายเซ็นที่มีอยู่มาขายให้ผมสิครับ ผมให้หนึ่งพันหยวนเป็นไง?’
‘ได้ครับ’
ต้าตั้นตอบตกลงทันที ทั้งยังจัดการทำธุรกรรมจนเสร็จเรียบร้อยภายในวันนั้น
สำหรับต้าตั้นแล้ว หนังสือพร้อมลายเซ็นเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ไม่ได้มีค่าอีกต่อไป ใครจะไปคิดว่าฉู่ขวงจะจงใจเซ็นชื่อให้อุจาดลูกตาขนาดนี้?
แต่ทว่า สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ…
ในค่ำวันที่เขาขายฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ฉบับพร้อมลายเซ็นไปนั่นเอง บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นก็มีคอมเมนต์เพิ่มขึ้นมาหลายร้อยคอมเมนต์ และจุดประสงค์ของคอมเมนต์เหล่านี้ไปในแนวทางเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ ทุกคนต้องการหนังสือพร้อมลายเซ็นเล่มนี้ของตน!
‘ฉันให้สองพัน!’
‘ผมให้สามพันเลย’
‘สี่พันหยวนก็แล้วกันค่ะ’
‘เจ้าของโพสต์ขายให้ฉันนน!’
‘พวกคุณฉวยโอกาสกันหรือเปล่าครับเนี่ย’
‘น่ากลัวว่าตอนนี้จะไม่ใช่การฉวยโอกาสหรอกครับ ผมว่าเจ้าของโพสต์คงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก คงจะแค่อวดว่าตัวเองมีฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เวอร์ชันลายมือเด็กประถมน่ะ ถ้าเจ้าของโพสต์อยากขายละก็ติดต่อผมมาส่วนตัวได้เลย ได้ราคาที่ต่างจากในคอมเมนต์แน่นอน’
‘นั่นสิ’
‘คุณกำลังดูถูกสติปัญญาของเจ้าของโพสต์หรือไง ถ้าเสนอไม่ถึงหนึ่งหมื่นก็ไม่ต้องคุยเลย คนที่ให้สองสามพันด้านบนนั่นก็เกินไป คนโง่ยังรู้เลยว่าลายเซ็นขยุกขยุยแบบนี้ของฉู่ขวงจะไม่มีอีกแล้ว หลังจากนี้ราคามีแต่จะสูงขึ้นไปอีก’
‘…’
ต้าตั้นอึ้งไป
นึกไม่ถึงว่าฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เวอร์ชันลายเซ็นขยุกขยุยที่ตนชิงชังนี้จะมีคนรุมแย่งกันมากมาย สรุปว่าคนพวกนั้นโง่หรือเขาโง่เองกันนะ?
‘ผมไม่ขายแล้ว!’
เขารีบร้อนติดต่อผู้ซื้อไป
ผู้ซื้อตอบกลับมาด้วยอิโมจิยิ้มได้ใจ ‘หนังสือก็มาอยู่ที่ผมแล้ว เงินหนึ่งพันผมก็โอนให้คุณไปแล้ว จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่ทัน อีกอย่างผมขอยืมโพสต์ของคุณโฆษณาสินค้าหน่อยนะครับ หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจ’
‘ไอ้เวรเอ๊ย!’
ต้าตั้นส่งคำผรุสวาทตอบไป ทว่าข้อความของเขาถูกตีกลับ เพราะอีกฝ่ายได้บล็อกต้าตั้นไปแล้ว!
นี่ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสที่สุด เพราะสิ่งที่หนักไปกว่านั้น ก็คืออีกฝ่ายไปโพสต์ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นของต้าตั้นอย่างเปิดเผยว่า
‘เจ้าของโพสต์ขายฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เวอร์ชันมีลายเซ็นให้ผมแล้ว ผมซื้อมาหนึ่งพัน จะส่งต่อ สองหมื่นมีใครสนใจบ้าง!’
‘ฉันสนใจ!’
‘ผมๆๆ!’
‘บ้าน่า คุณก็เกินไปหรือเปล่า ซื้อมาในราคาหนึ่งพัน ยังจะมาประกาศขายในต้นโพสต์อีก!’
‘ฆ่าคนแล้วยังบดขยี้หัวใจเขาอีก!’
‘ผมขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ ที่แท้เจ้าของโพสต์ก็เป็นคนโง่งมขนาดนี้ ถึงกับไม่รู้ค่าของลายเซ็นในเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์’
‘เฮ้อ เจ้าของโพสต์ทั้งโง่ทั้งน่าสงสาร’
‘ตอนแรกฉันคิดว่าเจ้าของโพสต์อยู่ระดับห้า ที่ไหนได้เจ้าของโพสต์อยู่แค่ระดับหนึ่ง เขาด่าว่าฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เวอร์ชันลายเซ็นเป็นหลุมพราง งั้นคนมหาศาลก็พร้อมเดินลงหลุมพรางนี้สินะ?’
‘…’
ต้าตั้นถึงตระหนักได้ว่า ฉู่ขวงไม่ได้หลอกลวงตน แต่มอบหนทางรวยให้ตนต่างหาก เพียงแต่ตนโง่งมเกินไป ถึงกับแดกดันอย่างเปิดเผยว่าฉู่ขวงหลอกลวงผู้อ่าน ที่แท้ ‘ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์มีมูลค่าสูงขนาดนี้ก็เพราะความน่าเกลียดของลายมือ!’
หลักการนั้นง่ายดายเหลือเกิน
หนังสือพร้อมลายเซ็นหายากและมีราคาแพง!
ถ้าหากหลังจากนี้ฉู่ขวงลายมือสวย เช่นนั้นลายมือเด็กประถมที่เขาเซ็นในเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ก็จะยิ่งมีความพิเศษมากขึ้น
……
หลินเยวียนไม่รู้ว่ามูลค่าของเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์พร้อมลายเซ็นนั้นถูกชาวเน็ตปั่นขึ้นมาอีกสองถึงสามเท่า
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบ
[ยินดีด้วยโฮสต์ได้เปิดใช้งานประเภทการเขียนตัวอักษร ได้รับค่าความโด่งดังด้านการเขียนตัวอักษร 1900 นอกจากนั้นขออนุญาตเตือนโฮสต์ ว่าเมื่อใดที่ค่าความโด่งดังแต่ละประเภททะลุถึงจำนวนหนึ่ง โฮสต์จะได้รับรางวัลระดับสูงจากระบบ]
หลังจากการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น ประเภทการเขียนตัวอักษรก็เปิดใช้งาน
เมื่อรวมกับศิลปะแขนงอื่นๆ ซึ่งเปิดใช้งานไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม และภาพยนตร์ ขณะนี้จึงมีค่าความโด่งดังทั้งหมดห้าแขนงซึ่งเปิดใช้งานในรูปแบบสะสมคะแนน
‘การเขียนตัวอักษร’
หลินเยวียนขบคิด บางทีการเขียนตัวอักษรอาจใช้เป็นทักษะที่สองของฉู่ขวง
เช่นเดียวกับที่เซี่ยนอวี๋สามารถประพันธ์เพลงและเขียนบทภาพยนตร์ได้
ฉู่ขวงของพวกเราทั้งเขียนหนังสือได้ แถมยังสันทัดการเขียนตัวอักษร นี่เป็นตรรกะที่สมเหตุสมผลที่เดียว และกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติมาก
ประจวบเหมาะกับที่บนโลกออนไลน์มีคนคลางแคลงว่าฉู่ขวงจะเขียนสวยเฉพาะลายเซ็น
ถูกต้อง
ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของฉู่ขวง หลักๆ แล้วมีความเห็นสองประเภท ประเภทแรกถากถางว่าฉู่ขวงหลอกลวง อีกประเภทหนึ่งชื่นชมว่าลายมือของเจ้าแก่คนนี้สุดยอดมาก
ยังมีความเห็นอีกประเภทหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นความคิดเห็นกระแสหลัก แต่ก็มีอยู่จริง เพียงแต่ไม่รู้ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ก็เท่านั้นเอง
ความคิดเห็นประเภทนี้เรียกตนเองว่าเป็นกลางและมีเหตุผล
‘ทุกคนไม่จำเป็นต้องอวยฝีมือการเขียนตัวอักษรของฉู่ขวงขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่คนธรรมดาที่ลายมือสวย’
‘เห็นด้วย ทุกคนควรเอาเวลาไปฝึกเขียนชื่อตัวเองดีกว่าไหม ต้องเข้าใจนะว่ามีบางคนที่ลายมือดูไม่ได้ แต่พอเขียนชื่อตัวเองแล้วลายมือสวยเป็นพิเศษ’
‘ถ้าเขียนตามลายเซ็นที่ออกแบบมาดีแล้ว เขียนเลียนแบบไปร้อยครั้งพันครั้ง ก็สามารถเขียนออกมาได้แบบนี้’
‘ก่อนหน้านี้ก็มีดาราคนหนึ่งแค่เล่นบาสนิดๆ หน่อยๆ พวกคุณก็อวยฝีมือการเล่นบาสของดาราคนนี้อย่างกับเขาเป็นนักบาสมืออาชีพชื่อดัง ที่จริงไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นก็ได้นะ’
‘ฉู่ขวงเขียนหนังสือสวยจริงๆ ถ้าถามเรื่องการเขียนตัวอักษร คงจะไม่ต่างอะไรกับคนลายมือสวยๆ ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน’
‘…’
เป็นคนธรรมดาที่ลายมือสวย?
หลินเยวียนรู้สึกว่าคนคนนี้น่าจะพูดข่มซะมากกว่า…
นี่เป็นโอกาสดีในการสร้างชื่อเสียง น่าเสียดายที่มีคนคลางแคลงตนน้อยเกินไป
ถ้าทุกครั้งที่ตนปล่อยผลงานออกไปแล้วทำให้โลกภายนอกรู้สึกตะขิดตะขวงใจ งั้นผลลัพธ์ของข่าวซึ่งมีจุดพลิกผันในตอนสุดท้ายคงจะสร้างแรงกระเพื่อมได้ไม่ธรรมดา
ตอนนี้เขาทำได้เพียงรับมือกับคนกลุ่มเล็กนี้ไปก่อน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยวียนจึงเอ่ยขึ้น “อาจินครับ เตรียมสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ!”
“หา?”
จินมู่ชะงักไปชั่วขณะ
หลินเยวียนจึงเปลี่ยนไปพูดภาษาคนปกติ “ผมอยากเขียนตัวอักษรพู่กันน่ะครับ”
จินมู่ประหลาดใจ “โพสต์ปู้ลั่วไหมครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า “โพสต์ได้ครับ”
จินมู่ยกมือขึ้นทำท่าทางว่าไม่มีปัญหา เดินออกไปซื้อของ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการซื้อกระดาษ น้ำหมึก พู่กัน และแท่นฝนหมึกดีๆ
การเขียนตัวอักษรของบลูสตาร์ จะใช้พู่กันเป็นหลัก และเป็นหนึ่งในรูปแบบของศิลปะที่ได้รับความนิยมที่สุดในบลูสตาร์ ร้านค้าที่คล้ายคลึงกันไม่ได้มีมากเกินพอดี ทว่าเดินออกไปเลี้ยวซ้ายอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็มีสองร้านแล้ว
และหลังจากที่จินมู่ออกไปซื้อกระดาษ น้ำหมึก พู่กัน และแท่นฝนหมึก
ทันใดนั้นหลินเยวียนก็เอ่ยเรียกระบบ “ฉันอยากสั่งผลิตบทกวีจีน ทางที่ดีของคุณภาพดีๆ หน่อย”
กระดาษ น้ำหมึก พู่กัน และแท่นฝนหมึก แน่นอนว่าต้องใช้กับบทกวีอันไพเราะสักบท จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ระบบ “บทกวีจีนยกเซ็ตราคาพิเศษห้าสิบล้านหยวน โฮสต์จะสั่งผลิตหรือไม่?”
หลินเยวียน “…”
ขายบทกวีของโลกเดิมยกเซ็ตให้ฉันในราคาห้าสิบล้าน?
แน่นอนว่าคุ้มราคา บทกลอนมีตั้งมากมาย คุณค่าของบทกวีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะวัดได้ด้วยเงินทอง ยังไงก็ตอบตกลงอยู่แล้ว
ทว่าระบบใจดีถึงขนาดนี้ คงจะมีเหตุผลซ่อนเร้น ตอนนี้หลินเยวียนเข้าใจนิสัยกวนประสาทของระบบแล้ว
แต่ไม่ว่าระบบคิดจะทำอะไร หลินเยวียนไม่มีทางพลาดโอกาสสั่งผลิตอันคุ้มค่าคุ้มราคาเช่นนี้หรอก เมื่อคิดว่าในระยะนี้ขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ได้เรื่อยๆ ได้เงินมาก็ไม่น้อย หลินเยวียนจึงพยักหน้าตอบตกลง
“ผลิตเลย”
ด้วยรายรับของเขาในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกปวดใจกับการจ่ายเงินห้าสิบล้านเพื่อพัฒนาตัวเองแล้ว
หลินเยวียนรู้สึกว่าคาแรกเตอร์คนขี้เหนียวของตนได้เริ่มพังทลายลงแล้ว
“ผลิตสำเร็จ!”
ครั้งนี้ระบบไม่นับว่ารวดเร็ว คงจะเป็นภาระงานในครั้งนี้ค่อนข้างหนัก
ยังดีที่หลังจากผ่านไปสิบนาที หลินเยวียนก็รู้สึกได้ว่ามีบทกลอนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในห้วงสำนึก
เขาเอ่ยปากท่อง
“หมู่บ้านดอกท้อมีเรือนดอกท้อ ในเรือนดอกท้อมีเซียนดอกท้อ เซียนดอกท้อปลูกต้นท้อ เด็ดดอกท้อแลกเงินซื้อสุรา”
หืม?
กลอนบทนี้ฉันมีอยู่แล้ว ระบบหลอกหรือเปล่าเนี่ย?
เอาเถอะ
การสั่งผลิตมีผลงานซ้ำกันได้ เช่นเดียวกับรหัสคดีของปัวโรต์ทั้งชุดยังรวมเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสไว้ด้วย
เรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ที่อยู่ในหนังสือชุดนี้อีก
และหลังจากที่เสียงของหลินเยวียนจบลง จินมู่ซึ่งเพิ่งซื้ออุปกรณ์สำหรับเขียนตัวอักษรกลับมาก็กล่าวด้วยสีหน้าเปี่ยมความชื่นชม
“คุณชายช่างสง่างาม บทกวีนี้ไม่ว่าจะสดับฟังกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าไพเราะยิ่งนัก”
ถ้าหากเป็นบลูสตาร์เมื่อร้อยปีก่อน จินมู่ก็ควรเรียกหลินเยวียนว่าคุณชาย เพราะฉะนั้นคำพูดเช่นนี้ของเขาจึงเหมาะสมกับบทกวีของหลินเยวียนเป็นอย่างยิ่ง
…………………………………………………..