“อั้ก!”
ก่อนที่เยี่ยนต้าจ้าวจะทันได้พูดจบ เขาก็ถูกทหารที่เลี่ยวจือฝู่พามาชกเข้าอย่างจัง!
ทหารคนนั้นเป็นผู้ฝึกปราณธาตุน้ำ กำปั้นเพียงหมัดเดียวของเขาจึงกระแทกฟันหน้าของเยี่ยนต้าจ้าวแตกเป็นชิ้นได้อย่างง่ายดาย หยดเลือดทะลักออกมาจากปากของเขา สภาพของเขาในเวลานี้ดูน่าอนาถยิ่งนัก
ต่อให้เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากจะไต่สวนต่อมากเพียงใด แต่เยี่ยนต้าจ้าวก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกต่อไป ทุกคนล้วนนึกภาพออกว่าวิธีการที่เลี่ยวจือฝู่ใช้นั้นโหดเหี้ยมเพียงใด
สุดท้ายคดีก็พลิก
ความผิดของเยี่ยนต้าจ้าวกลายเป็นเรื่องจริง
ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสชาติแห่งความเป็นจริง รสชาติของการถูกทุกคนผลักไส และไม่มีใครคอยปกป้องเขาอีก
เขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่บนพื้น และถูกทหารลากตัวออกไปหลังจากถูกอัดจนเจ็บปางตาย
หลิวอินกับพ่อเฒ่าหลิวตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเห็นเช่นนั้น
โดยเฉพาะหลิวอิน ในที่สุดนางก็สามารถกำจัดสายตา ’ผิดปกติ’ ที่คนอื่นใช้มองนางออกไปได้เสียที เมื่อนางหันไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้ง ในดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน
เด็กสาวอีกสองคนร้องไห้โฮออกมาทันที
ในที่สุดความทุกข์ทรมานที่สร้างความอัดอั้นตันใจให้กับพวกนางมาอย่างยาวนานก็ถูกระบายออกมา!
ตราบใดที่เยี่ยนต้าจ้าวยังเป็นอิสระ พวกนางก็มีแต่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำจากฝันร้ายในวันนั้นไปตลอดชีวิต นอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว พวกนางยังต้องอดทนต่อคำติฉินนินทาจากชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เห็นพวกนางเป็น ’คนไม่มีศีลธรรม’ อีกด้วย
ในเวลานี้เสี่ยวชุ่ยไม่สามารถหาคำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ นางร้องไห้ออกมาเสียงดังพร้อมกับจับมือหลิวอินแน่น ”ในที่สุด ในที่สุดก็มีคนที่สามารถลงโทษเขาได้!”
มันเป็นคำพูดง่ายๆ เพียงประโยคเดียว แต่กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานและความเกลียดชังอย่างสุดแสน
แต่น้ารองของเสี่ยวชุ่ยกลับไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเบะปากแล้วมองไปที่เลี่ยวจือฝู่ ”ใต้เท้าเลี่ยว แล้วเงินอีกครึ่งหนึ่งที่นายท่านเยี่ยนสัญญาไว้กับพวกข้าล่ะ…”
เขากล้าดีอย่างไรถึงพูดเรื่องเงินขึ้นมา! เลี่ยวจือฝู่แทบอยากฆ่าชาวบ้านผู้โง่เขลาพวกนี้ให้ตายคามือ ไม่ใช่แค่โลภมาก แต่พวกเขายังไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือให้ดีก่อนพูดจาอะไรออกมาอีกด้วย!
“ชาวบ้านนายนี้” เลี่ยวจือฝู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ”รู้หรือไม่ว่าคำให้การเท็จเกี่ยวกับเยี่ยนต้าจ้าวของเจ้าเกือบทำให้ใต้เท้าทั้งหลายตัดสินคดีผิด ทหาร จับเจ้าคนปากมากคนนี้คุกเข่าลง แล้วโบยมันยี่สิบที!”
โบยหรือ ชายคนนั้นตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น เขาแค่ตามนังหลานไม่รักดีนี่มาที่ศาลาว่าการเพราะอยากได้เงินเท่านั้น สุดท้ายนอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว เขายังต้องเจ็บตัวจากการถูกโบยด้วยหรือ?!
“ใต้เท้า!” ชายคนนั้นหน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก เขากำลังจะหาทางแก้ตัวให้ตัวเอง แต่นายทหารคนที่พาตัวเยี่ยนต้าจ้าวออกไปก่อนหน้านี้ก็เดินกลับเข้ามา และพาตัวเขาออกไป ก่อนจะมีคนของศาลาว่าการอีกสองคนมาช่วยกดตัวเขาลง
ในไม่ช้าทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงฟาดอย่างแรงดัง ตุ้บตุ้บตุ้บ
เสียงนั้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างก็เจ็บปวดไปตามๆ กัน
เลี่ยวจือฝู่ระบายความเคียดแค้นทั้งหมดที่ตนมีให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยลงกับชาวบ้านที่ไม่ควรปริปากขึ้นมาในเวลานี้ ”โบยแรงๆ ดูสิว่าต่อจากนี้จะยังมีใครกล้าขึ้นมาให้การเท็จอีกหรือเปล่า โบยเขาสักยี่สิบที แล้วทำให้เขารู้ซะว่าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการไต่สวนคดีอีก!”
เห็นได้ชัดว่าการกระทำของเลี่ยวจือฝู่นั้นเป็นการพยายามโยนความผิดของการตัดสินคดีให้กับประชาชน จากที่เขาอ้าง สาเหตุที่ทำให้การตัดสินคดีในครั้งนี้มีความผิดพลาดนั้นไม่ได้เป็นเพราะบรรดาขุนนางคนอื่นๆ ให้การปกป้องจำเลย แต่เป็นเพราะมีคนให้การเท็จต่างหาก!
“ใต้เท้าเลี่ยว ท่านช่างเป็นคนที่ลงมือได้รวดเร็วยิ่งนัก” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยเสียงเบา ในน้ำเสียงของนางไม่มีอารมณ์แฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่นางก็ไม่ได้ห้ามเลี่ยวจือฝู่ คนที่ให้การเท็จนั้นย่อมต้องถูกลงโทษ โดยเฉพาะคนประเภทเดียวกับผู้ชายคนนี้ เขารู้ดีว่าการให้การเท็จในครั้งนี้จะทำให้มีคนต้องเจ็บปวด แต่เขาก็ยังมาที่ศาลเพราะโลภมากอยากได้เงิน คนเช่นเดียวกับเขาสมควรต้องถูกลงโทษอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่อย่างไรก็ใช่ว่าบรรดาขุนนางเหล่านั้นจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยสักอย่าง โดยเฉพาะกับเจ้าคนแซ่เลี่ยวที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเช่นนี้!
แต่บนโลกนี้ก็มักจะมีคนที่หน้าด้านหน้าทนเกินกว่าจะจินตนาการได้อยู่เสมอ เลี่ยวจือฝู่พูดขึ้นเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกว่า ”ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อหน้าคนเช่นเขาอีก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองท่าทีของเลี่ยวจือฝู่พร้อมกระตุกยิ้มขึ้น นางหมุนนิ้วเป็นวงกลม ริมฝีปากของนางเหยียดออกเป็นรอยยิ้มอันเย็นชา ”หากเป็นเช่นนั้น ใต้เท้าเลี่ยว ท่านเองก็ควรจะอธิบายประโยคสุดท้ายก่อนเยี่ยนต้าจ้าวจะถูกพาตัวออกไปเหมือนกัน หากดูจากคำพูดของเขาและชาวบ้านที่ให้การเท็จแล้ว ดูเหมือนว่าการใช้เงินติดสินบนพยานจะเป็นความคิดของใต้เท้าเลี่ยวมิใช่หรือ”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของนาง ชาวบ้านที่มาฟังการไต่สวนต่างก็พากันหันหน้าไปมองเลี่ยวจือฝู่
ขุนนางหลายคนจากเมืองหลวงประจำมณฑลตกที่นั่งลำบากทันที
เลี่ยวจือฝู่หรี่ตาลงอย่างดุร้าย ก่อนเอ่ยขึ้นชัดถ้อยชัดคำอย่างชั่วร้ายว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านไม่ควรปรักปรำใครง่ายๆ ผู้ดูแลจวนสองคนที่นั่งอยู่นั่นมาจากจวนเยี่ยน ไม่ได้มาจากจวนเลี่ยวของข้า ข้าไม่คิดว่าการที่ท่านจะผลักภาระให้ข้าเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นเช่นนี้จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมนัก”
“ใต้เท้าเลี่ยวจะปฏิเสธเรื่องนี้หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยแค่นหัวเราะ ”ก็ดี ในเมื่อชายคนนั้นไม่ตายจากการถูกโบย เช่นนั้นที่ปรึกษาหลง ท่านช่วยพาตัวชาวบ้านคนนั้นกลับเข้ามาในศาลที”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกยิ้มเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย แต่ทันทีที่เขาก้าวขาออกไป ทหารสองนายก็รีบเข้ามาขวางเขาเอาไว้
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที!
ผู้ว่าการสามมณฑลอย่างใต้เท้าเฉินคิดในใจว่าเขาต้องรีบออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงได้บานปลายจนเกินควบคุม และคงไม่มีใครสามารถปิดคดีได้อย่างแน่นอน!
แต่ในเวลานั้นเอง เขาก็ต้องประหลาดใจ
น้ำเสียงแหลมบาดหูดังขึ้นมาจากด้านนอก ”ใต้เท้า ข้าต้องการฟ้องนายอำเภอเว่ยของเมืองฟู่ผิงขอรับ!”
ชายคนนั้นอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี นอกจากการแต่งกายอันงดงามแล้ว ที่นิ้วของเขายังมีแหวนทองคำวงใหญ่เป็นประกายอยู่ด้วย ดูจากสีหน้าจองหองอวดดีนั้น หากไม่ใช่คุณชายเลี่ยว แล้วจะเป็นใครไปได้อีก
เขาสบตากับเลี่ยวจือฝู่ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงของศาลาว่าการ
เลี่ยวจือฝู่แอบพยักหน้าให้เขา ริมฝีปากที่เคยหุบอยู่เมื่อครู่ตอนนี้กลับคลี่ออกเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย เขาส่งยิ้มนั้นให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ดวงตาสีดำของชายหนุ่มยังคงลึกล้ำและปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ
บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลมีปฏิกิริยาตื่นตกใจกับการปรากฏตัวของคุณชายเลี่ยว พวกเขามองไปทางเลี่ยวจือฝู่ตามสัญชาตญาณ
ความจริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เลี่ยวจือฝู่เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานนั้นส่วนมากก็มาจากบุตรชายคนนี้นี่เอง
คุณชายเลี่ยวเป็นหลานชายคนเดียวของผู้อาวุโสคนนั้นในเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงรักใคร่เอ็นดูอีกฝ่ายมาก
มีข่าวลือว่าผู้อาวุโสคนนั้นตั้งใจว่าจะให้หลานชายสืบทอดตำแหน่งต่อจากตัวเองเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าสักวันหนึ่ง อำนาจทั้งหมดนั้นก็จะต้องตกมาอยู่ในมือของคุณชายเลี่ยว
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา
ขุนนางคนหนึ่งที่ได้รับความโปรดปรานจากตระกูลเฮ่อเหลียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มประจบว่า ”นายท่านรอง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
หลังจากตำแหน่งนั้นถูกเอ่ยถึง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เลิกคิ้วขึ้น และริมฝีปากของนางก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน
ตอนที่หยวนหมิงได้ยินคำนั้น เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งการทำเช่นนี้นับว่าหายากสำหรับเขาทีเดียว เขาเอ่ยขึ้นด้วยความชั่วร้ายว่า ”แม่นาง ข้าคิดว่าเจ้าควรเปิดเผยฐานะของสามีตัวเองได้แล้วกระมัง ขุนนางพวกนี้มีแต่พวกหน้าโง่ที่เห็นหัวแค่คนมีอำนาจ พวกเขาอาจจะรวมหัวกันจัดฉากเจ้าเอาทีหลังก็ได้ ข้ารู้กลอุบายของมนุษย์พรรค์นี้ดี”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอียงคอพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับว่านางกำลังนำคำพูดของหยวนหมิงมาพิจารณาอยู่
คุณชายเลี่ยวเดินเข้าไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งทุกย่างก้าวและการกระทำของเขานั้นล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงความยโสโอหัง ”ข้าต้องการฟ้องนายอำเภอของเมืองฟู่ผิง เว่ยเวย!”