ตอนที่ 452 เผ่าซวีคง รวมราชาผู้นี้!
ทันทีที่หวังฉางเซิง หลี่ฉุนเฟิง เหลยต้งเทียนและยอดฝีมือคนอื่นมาถึง พวกเขาก็มองไปที่พวกหนิงฝาน ทุกคนไม่ประหลาดใจ เพราะพวกเขาตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้
สิ่งเดียวที่คาดไม่ถึงก็คือพวกหนิงฝานทรงพลังเกินไป จนถึงกับสังหารกลุ่มยอดฝีมือที่มีพลังมากมายในหมู่พวกเขาได้!
“สารเลว!”
“เจ้าหัวขโมยกระหายเลือด ไม่เพียงขโมยสมบัติของกองกำลังพวกข้าไปเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังกล้ามาฆ่ายอดฝีมือของพวกข้าอีก!”
“ก็ดี! วันนี้พวกเจ้าได้ก่ออาชญากรรมชั่วร้ายแล้ว ต่อให้ราชันจักรพรรดิเซียนมาด้วยตนเอง ก็ไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้!”
“สมควรถูกฆ่า! บัดซบ! ต้องฆ่า!”
“…”
ตอนนี้ หวังฉางเซิง หลี่ฉุนเฟิงและผู้นำกองกำลังคนอื่นตะโกนใส่พวกหนิงฝานอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยความชอบธรรมและน่าเกรงขาม พร้อมที่จะลงโทษและกำจัดทัศนคติที่ชั่วร้าย!
“เหอะ!”
หนิงฝานเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะออกมา จากนั้น เขากล่าวเย้ยหยันยอดฝีมือของทุกกองกำลังว่า “เจ้าพวกหน้าซื่อใจคด วางแผนสมคบคิดอะไรกันอยู่ ตั้งใจจะมาไม้ไหนกันอีก คงไม่ได้แค่อยากได้โชคชะตาราชันจักรพรรดิทองคำที่ไม่ได้ในตอนนั้นหรอกใช่ไหม!”
“ที่จริงไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาหรอก โชคชะตาราชันจักรพรรดิทองคำอยู่กับพวกข้า ดังนั้นเชิญเข้ามาคว้าได้ตามสบาย พวกข้าจะอยู่เล่นด้วยจนถึงท้ายที่สุดเอง!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ผู้คนรอบข้างล้วนตกตะลึง หรือว่าจะมีบางสิ่งซ่อนอยู่ที่นี่!
ทว่าในตอนนี้ หวังฉางเซิง หลี่ฉุนเฟิงและคนอื่นยิ้มหยันแล้วตะโกนว่า “เหลวไหลสิ้นดี ทำไมต้องมาคว้าโชคชะตาราชันจักรพรรดิทองคำด้วย เห็นได้ชัดว่าหัวขโมยอย่างพวกเจ้าลอบเข้ามาตระกูลของพวกข้าเพื่อขโมยสมบัติของกองกำลังใหญ่ไป ตอนนี้ยังจะท้าให้มาเอาชนะอีก!”
“เหอะ! น่าเบื่อจัง!”
เมื่อเห็นว่ายอดฝีมือของกองกำลังทั้งหมดเป็นเช่นนี้ หนิงฝานเพียงส่ายหน้า เลิกพูดคุยกับอีกฝ่าย!
ตอนนี้เอง ชายชราในชุดคลุมสีดำ ผู้ถูกเรียกว่า ผู้บัญชาการที่สิบสามโดยหัวหน้าผู้คุมกฎก้าวไปข้างหน้า!
“เจ้าพวกหัวขโมย ไม่เพียงขโมยสมบัติของกองกำลังใหญ่ไปเท่านั้นแต่ยังกล้าสังหารกลุ่มผู้คุมกฎกับคนของกองกำลังทั้งหมดในเมืองโบราณอีก ตามกฎของสภาผู้พิทักษ์แล้ว พวกเจ้าทั้งหมดถูกตัดสินประหารชีวิต!”
ตู้ม!
สิ้นคำ ชายชราในชุดคลุมสีดำตกตะลึงทันที กลิ่นอายน่าสะพรึงที่เป็นของขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าวพวยพุ่งอย่างรุนแรง
“ไม่เลว!”
“วันนี้พวกเจ้าจะต้องชดใช้กับสิ่งที่ได้ทำลงไป!”
ลมหายใจต่อมา หวังฉางเซิง หลี่ฉุนเฟิง เหลยต้งเทียน ผู้นำสำนักเทพปีศาจ นายหญิงแห่งตำหนักเปียวเสวี่ย และคนอื่นล้วนสำแดงกลิ่นอายขอบเขตการรู้แจ้งครึ่งก้าวออกมา แรงกดดันอันน่าตกตะลึงนั่นส่งมาถึงพวกหนิงฝาน!
เมื่อต้องเผชิญกับกลิ่นอายกดดันของกลุ่มผู้อยู่ขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าวที่มาถึง นอกจากหนิงฝานแล้ว พวกฝูเทียนต่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตัวสั่นงันงก ทั่วร่างรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งแห่งความตาย!
“แย่แล้ว!”
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านป้า ถ้าพวกท่านไม่มา ข้าจะถูกสารเลวพวกนี้ฆ่าแล้วนะ!”
ตอนนี้เอง ซวีคุนเงยหน้ามองท้องนภาแล้วคำราม ลมหายใจต่อมา เขาเผยร่างจริงออกมาทันที!
อสูรซวีคงหรือ?
ยอดฝีมือขมวดคิ้วทันที ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจ!
พริบตานั้น…
ตู้ม!
เหนือความว่างเปล่า มีสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากดวงอาทิตย์สีดำขนาดใหญ่!
โฮก!
จากนั้นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายทรงพลังพลันดังขึ้น บดขยี้ความว่างเปล่า กวาดล้างทั่วสวรรค์ทั้งเก้า!
ครืนนน!
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน หนึ่งหัว สองหัว สามหัว… อสูรซวีคงขนาดมหึมานับร้อยพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์สีดำขนาดใหญ่ สูงหนึ่งหมื่นจั้ง หลายหมื่นจั้ง หลายแสนจั้ง โดยเฉพาะที่หัวข้างหนึ่ง มีความยาวถึงหลายแสนจั้ง ร่างที่แทบจะบดบังสวรรค์และปฐพี กลิ่นอายแก่กล้าบนร่างกาย น่าสะพรึงมากเช่นกัน เหนือกว่าขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าว มันคือกลิ่นอายของการรู้แจ้งอีกขั้น!
ลมหายใจต่อมา อสูรซวีคงขนาดยักษ์เคลื่อนลงสู่สมรภูมิ ร่างสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่กับพลังอันน่าสะพรึง ทำให้ทุกคนที่นี่ตกตะลึง!
“ฮ่า ๆ! เจ้าพวกสารเลวเฒ่า! มีคนมาช่วยข้าแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซวีคุนเงยหน้ามองท้องนภาก่อนจะแผดเสียงหัวเราะออกมา สีหน้าหยิ่งทะนงยิ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า ท่านปู่ ในที่สุดท่านก็มา หลานชายสุดที่รักเกือบถูกพวกมันฆ่าแล้ว!
“สารเลวเอ๊ย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวตระกูลซวีเทียนสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราดทันที จากนั้นดวงตาราวกับดวงจันทร์โลหิตจับจ้องผู้บัญชาการที่เจ็ด หวังฉางเซิงและยอดฝีมือคนอื่น ทำให้หนังศีรษะของทุกคนชาด้านเล็กน้อย!
กองกำลังระดับหนึ่งร้อยก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเคยได้ยินนิสัยชอบปกป้องของเผ่าอสูรซวีคงมาก่อน
“เจ้าพวกสารเลว พวกขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าวคนแล้วคนเล่า ถึงกับจับกลุ่มกันกลั่นแกล้งหลานชายสุดที่รักของข้า พยายามจะก่อสงครามกับเผ่าอสูรซวีคงของข้าสินะ โฮก!!”
เสียงคำรามของมัน ทำให้ทุกคนตกตะลึง!
“จ้าวตระกูลซวีเทียน ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ๆ พวกข้าไม่รู้ว่านายน้อยของท่านอยู่ที่นี่!”
ตอนนี้ ผู้บัญชาการที่สิบสามก้าวออกมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มขอโทษ “เอาเช่นนี้ ข้าขอเป็นตัวแทนทุกคนเพื่อขอโทษเผ่าซวีคง ท่านพาหลานชายกลับไปได้เลย เรื่องที่นี่ อย่าได้ข้องเกี่ยวเด็ดขาด!”
ทันทีที่กล่าวจบ ผู้คนจำนวนมากพลันส่งเสียงเซ็งแซ่
เมื่อครู่ผู้บัญชาการที่สิบสามยังพูดอยู่เลยว่าพวกหนิงฝานไม่มีทางหนีไปได้ คาดไม่ถึงว่าในพริบตา เขาจะยื่นมือมาตบหน้าตัวเองอย่างจัง!
“คิดว่าเล่นขายของหรืออย่างไร? เจ้าสารเลวเฒ่า ความคิดดีนักนะ!”
ซวีคุนตวาดอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นหันมาแล้วกล่าวว่า “ท่านปู่ หลานชายถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักเพียงนี้ จะปล่อยไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ หากข้าไป ลูกพี่ของข้าจะเป็นอย่างไร?”
ตอนนี้เอง จ้าวตระกูลซวีเทียนมองหนิงฝาน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม จากนั้นกลับมาตะโกนอย่างเย็นชาใส่ผู้บัญชาการที่สิบสามและยอดฝีมือของทุกกองกำลังเหมือนดังเดิม “หลานชายของข้าพูดถูก พวกเจ้ากลั่นแกล้งหลานชายของข้า แต่อยากจบเรื่องนี้ด้วยประโยคเดียว คิดหรือว่าเผ่าซวีคงโง่ขนาดนั้น!”
“ข้าขอบอกพวกเจ้าเลยนะ วันนี้พวกเจ้ามีสองทางให้เลือก ขอโทษพวกหลานชายของข้า แล้วไสหัวไป ไม่งั้น ข้าจะซัดพวกเจ้าก่อนแล้วขอโทษหลานชายของข้า จากนั้นก็ไสหัวไป!”
“เลือกมา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของผู้บัญชาการที่สิบสามและยอดฝีมือของทุกกองกำลังล้วนมีสีหน้าน่าเกลียด!
“จ้าวตระกูลซวีเทียน ท่านทำเกินไปแล้ว!”
“พวกข้าอุตส่าห์ปล่อยหลานชายท่านไป ถือว่าเป็นการไว้หน้าเผ่าซวีคงแท้ ๆ!”
“ท่านต้องรู้ก่อนว่า วันนี้เป็นหลานชายของท่านที่ขโมยสมบัติของกองกำลังพวกข้าไปก่อน แถมยังฆ่าคนบนถนนอีก!”
“ถ้าต้องยึดตามกฎสภาผู้พิทักษ์จริง หลานชายของท่านกับกลุ่มของเขาจะต้องถูกฆ่าทันที!”
“…”
ทุกคนตะโกนอย่างเย็นชา กลิ่นอายขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าวรวมตัวกันอย่างรุนแรง เพื่อวัดกับกลิ่นอายขอบเขตรู้แจ้งบนร่างของซวีเทียน!
เห็นได้ชัด ว่ากองกำลังทั้งหมดสามารถปล่อยซวีคุนไปได้ แต่พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยพวกหนิงฝานไป!
“เหอะ ๆ! ดูท่าพวกเจ้าตั้งใจจะชนกับข้าสินะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของซวีเทียนพลันเย็นชาเช่นกัน!
“จ้าวตระกูลซวีเทียน หากเป็นตัวต่อตัว พวกข้าย่อมเทียบท่านไม่ได้ แต่ที่นี่พวกข้ามียอดฝีมือมากมาย คิดว่าท่านจะเป็นคู่ต่อสู้ได้งั้นหรือ?”
ผู้บัญชาการที่สิบสามกล่าวขึ้น ส่วนยอดฝีมือคนอื่นมองหน้ากันอย่างเย็นชา
สายตาของซวีเทียนพลันมืดครึ้มลง เป็นอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว ถึงแม้เขาจะอยู่ขอบเขตรู้แจ้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับขอบเขตรู้แจ้งครึ่งก้าวจำนวนมากขนาดนี้ได้!
ทว่าเมื่อซวีเทียนขมวดคิ้ว น้ำเสียงทรงพลังดังก้องขึ้นอีกครั้ง
“หึ ซวีเทียนทำคนเดียวไม่ได้ก็จริง แต่หากรวมราชาผู้นี้เข้าไปอีกคนเล่า!”