หลัวเวยยิ้มเอ่ย “ใกล้หนึ่งปีแล้วนะคะ”
หลินเยวียนชะงัก “อะไรหนึ่งปีแล้วเหรอครับ”
หลัวเวยรอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้า “คุณลืมไปหรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันไว้ ฉันแพ้คุณในการแข่งขันภาพเขียนพู่กันโบราณ เลยรับปากว่าจะเป็นผู้ช่วยวาดการ์ตูนให้คุณสองปี แล้วตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ฉันเรียนจบแล้ว!”
“ยังเหลืออีกหนึ่งปี?”
หลินเยวียนฉุกคิดขึ้นได้ “ผมปีห้าแล้ว!”
ตอนนี้คือเดือนกรกฎาคม หลินเยวียนกำลังเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนของปีสี่ ถึงแม้จะยังไม่ได้ขึ้นปีห้าอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อเปิดเรียนในเดือนกันยายน เขาก็จะกลายเป็นนักศึกษาปีห้าอย่างเป็นทางการ เพียงแต่หลินเยวียนลาเรียนมากเหลือเกิน จนหลงลืมเรื่องนี้ไป
“หา?”
หลัวเวยกะพริบตาปริบๆ “คุณจำไม่ได้แม้แต่วันเรียน คงจำอีกข้อตกลงหนึ่งของพวกเราไม่ได้หรอก ตอนนั้นคุณบอกว่าถ้าฉันทำหน้าที่ผู้ช่วยวาดภาพได้ดี คุณจะสอนฉันวาดภาพพู่กันโบราณ ฉันคิดว่าฉันก็คงทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวเลยใช่ไหมล่ะคะ?”
หลินเยวียน “…”
เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ
แต่หลัวเวยก็เอ่ยปากเตือนความจำหลินเยวียน ว่าเขาเคยพูดเรื่องนี้เอาไว้
และก่อนหน้านี้ที่หลินเยวียนรับปากว่าจะสอนหลัวเวยวาดภาพพู่กันโบราณ เหตุผลหลักก็เพราะเขารับภารกิจมาจากระบบ
นั่นก็คือภารกิจซึ่งมีเงื่อนไขว่าตนต้องทำให้ค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมแตะถึงสามแสนภายในหนึ่งปี!
รางวัลสำหรับภารกิจคือกล่องสมบัติซึ่งมีทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์!
และในตอนนี้ วันสิ้นสุดภารกิจก็ใกล้เข้ามาแล้ว!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินเยวียนจึงบอกกับหลัวเวยว่า “หลังจากเรื่องสมุดมรณะปล่อยออกไป ผมจะหาเวลามาสอนคุณวาดภาพพู่กันโบราณนะครับ”
“ได้ค่ะ!”
หลัวเวยพยักหน้า
เธอชื่นชอบการวาดการ์ตูนก็จริง ทว่าความรักในการวาดภาพพู่กันโบราณยังคงอยู่เฉกเช่นก่อนหน้านี้
หลินเยวียนไม่ได้พูดคุยกับหลัวเวยต่อ แต่กลับนึกในใจว่า
‘ระบบ หลังจากนี้นายช่วยเตือนฉันเรื่องเวลาภารกิจหน่อยได้ไหม’
หลายภารกิจของระบบมีเวลาจำกัด
ภารกิจรับลูกศิษย์ครั้งก่อน ตนก็ทำเกินเวลาไปแล้ว
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วระบบจะยอมอ่อนข้อให้ แต่หลินเยวียนคิดว่าระบบคงไม่ได้ใจดีแบบนี้ทุกครั้ง ถ้าเกิดพลาดวันที่ทำภารกิจสำเร็จเพราะเรื่องเวลา คงรู้สึกเสียดายน่าดู
ระบบใช้เสียงของเครื่องจักรกลตอบ “ได้”
หลินเยวียนเบ้ปาก บอกกับหลัวเวยซึ่งลุกขึ้นเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน “พรุ่งนี้เริ่มวาดเรื่องสมุดมรณะกันเถอะครับ”
หลัวเวยแปลกใจ “ทำไมเร็วจังคะ”
หลินเยวียนตอบ “เหตุผลโดยละเอียดไม่ต้องใส่ใจหรอกครับ เอาเป็นว่าเริ่มเร็วสักหน่อย คุณจะได้เรียนภาพเขียนพู่กันโบราณเร็วด้วย”
หลัวเวยสะพายกระเป๋าเป้ “คุณพูดแบบนี้ ฉันก็มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาเลย!”
หลินเยวียนพยักหน้า “งั้นเริ่มพรุ่งนี้เลยนะครับ”
ภารกิจค่าความโด่งดังแตะถึงสามแสนภายในหนึ่งปี ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนก็ครบกำหนดแล้ว
หลินเยวียนต้องรีบปล่อยเรื่องสมุดมรณะออกไปก่อนที่ภารกิจจะครบกำหนดเวลา
และในตอนนี้ค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมของหลินเยวียนอยู่ที่ 270,000
หรือกล่าวได้ว่า หลินเยวียนยังขาดค่าความโด่งดังอีก 30000 ก็ทำภารกิจสำเร็จ
และถ้าหากเรื่องสมุดมรณะเผยแพร่ได้สำเร็จ แค่ค่าความโด่งดังสองสามหมื่นจะไปยากอะไร
นี่เป็นเหตุผลที่หลินเยวียนรีบร้อนปล่อยเรื่องสมุดมรณะกะทันหัน
ภารกิจไม่ยาก แต่หากปล่อยให้หมดเวลารังแต่จะเสียเปล่า
ยิ่งไปกว่านี้ อัตราผลตอบแทนของภารกิจนี้สูงมาก เพราะมันคือทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์!
จากมาตรฐานของระบบแล้ว ระดับปรมาจารย์ในวงการก็คือระดับยอดพีระมิด
……
เมื่อมีแรงผลักดันจากภารกิจแล้ว ในวันรุ่งขึ้นออฟฟิศแห่งนี้ก็เริ่มงานกันอย่างกระตือรือร้น วาดเรื่องสมุดมรณะออกมาทีละภาพจนเสร็จ
หลินเยวียนก็ทำงานอยู่ในออฟฟิศเช่นกัน
ตอนนี้เขาไว้วางใจอี้เฉิงกงและเสิ่นชิงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงไปดูงานที่กองถ่ายน้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน เพียงแต่ตอนที่มีสุนัขเข้าฉาก ตนค่อยไปดูก็ได้
‘บอกว่าฉันเป็นครูฝึกสุนัข ยังเหมือนกว่าบอกว่าเป็นคนเขียนบท’
ถึงอย่างไรหลินเยวียนก็คิดเช่นนั้น ในช่วงเวลาอื่นๆ กองถ่ายไม่ได้ต้องการเขา
ระหว่างที่ผลิตเรื่องสมุดมรณะ หลินเยวียนก็ให้จินมู่ติดต่อไปยังปู้ลั่วการ์ตูน เพื่อเจรจาส่วนแบ่งของสัญญา
หลังจากที่เรื่องจิตวิญญาณสือจี่โด่งดัง หลินเยวียนก็เกิดความคิดในการขึ้นราคา
“ขึ้นราคาได้ครับ แต่อย่าขึ้นมากเกินไป”
จินมู่ยิ้มขื่น “เหตุผลสำคัญก็คือนักวาดการ์ตูนของฉู่โจวเก่งมาก ส่งผลต่อสถิติของผลงานของเราในช่วงหลัง”
เพราะเหตุใดความร้อนแรงของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่จึงลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงกลางและช่วงปลาย จนสูญเสียตำแหน่งเสาหลักไปน่ะหรือ?
เหตุผลประการแรก ก็เพราะการ์ตูนเรื่องนี้สูญเสียอรรถรสได้ง่าย
เหตุผลประการที่สอง ก็เพราะคนฉู่มาแล้ว!
คนฉู่ช่ำชองด้านการ์ตูนและอนิเมชัน
เมื่อฉู่เข้ามาผนวกรวม ปู้ลั่วการ์ตูนก็จัดการดึงตัวนักวาดระดับมหาเทพหลายสิบคนมาในรวดเดียว
นักวาดการ์ตูนระดับมหาเทพเหล่านี้ปล่อยผลงานเรื่องใหม่กันอย่างคึกคัก มีหลายเรื่องในนั้นกลายเป็นที่นิยมสูงมาก เกทับจนคนฉินและคนฉีแทบหายใจไม่ออก
ทุกคนทำได้เพียงเอ่ยอย่างสะท้อนใจ ว่าในอุตสาหกรรมการ์ตูนและอนิเมชัน คนฉู่นั้นไร้พ่ายมาแต่กำเนิด
เช่นเดียวกับที่คนฉินเชี่ยวชาญด้านดนตรี เป็นเรื่องธรรมดา
หลินเยวียนไม่ใช่คนที่ต้องเรียกร้องราคาสูงลิบ “งั้นอาจินว่าตามที่เห็นสมควรเลยครับ”
“ได้ครับ”
จินมู่ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเอ่ย “งั้นการ์ตูนเรื่องนี้คาดว่าจะปล่อยเดือนสิงหาใช่ไหมครับ”
“เดือนสิงหาดีไหมครับ”
“ได้ครับ เดือนสิงหาก็ดี”
หลินเยวียนงุนงง “ดียังไงครับ”
จินมู่อธิบาย “เดือนสิงหาคมเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน มีนักเรียนปิดเทอมเยอะ และคนอ่านการ์ตูนโดยมากก็เป็นนักเรียน ถ้าปล่อยการ์ตูนออกไปช่วงนี้ ก็จะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก”
“อ้อ”
“เดือนสิงหาคมดี แต่นั่นก็หมายความว่าการแข่งขันในเดือนสิงหาคมจะดุเดือดขึ้น ผมเพิ่งหาข้อมูด นักวาดการ์ตูนบนปู้ลั่วที่ประกาศว่าจะปล่อยผลงานในเดือนสิงหาเก่งมากเลยนะครับ หนึ่งในนั้นมีระดับปรมาจารย์สองคน ทั้งคู่เป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดังของมณฑลฉู่”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
หลินเยวียนย่อมรู้ดีว่าการแข่งขันดุเดือดที่จินมู่พูดถึงหมายความว่าอะไร ปกติแล้วบนเว็บไซต์จะปล่อยโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ แต่ทรัพยากรในการโฆษณานั้นมีจำกัด โดยทั่วไปแล้วทรัพยากรระดับสูงสุดมักจะถูกจัดสรรไปให้นักวาดการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นั่นก็คือ…
ระบบแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งการ์ตูนแนะนำ
ถ้าหากในช่วงเวลาเดียวกันไม่มีนักวาดการ์ตูนที่โด่งดังกว่าหลินเยวียน ทรัพยากรที่ดีที่สุดย่อมถูกจัดสรรมาให้กับหลินเยวียน แต่ถ้ามีนักวาดการ์ตูนอีกสองคนที่สถานะไม่ได้ด้อยกว่าหลินเยวียน เช่นนั้นก็ต้องใช้การแข่งขันระหว่างหลินเยวียนและอีกสองคนมาตัดสิน
ทรัพยากรที่ดีที่สุดย่อมมอบให้คนที่โด่งดังกว่า
ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับนักวาดการ์ตูนจากมณฑลฉู่อีกสองท่าน อิ่งจือก็ไม่ได้ตกเป็นรองเลย
“ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้กังวลใจ
จินมู่ไม่เข้าใจถึงความนิ่งเฉยของหลินเยวียน เขายังคงหวั่นวิตกอยู่บ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็สันทัดด้านการปลอบใจ
‘หัวหน้าไม่ต้องกังวลไป ยังไงซะการ์ตูนของหัวหน้าก็ไม่มีทางถูกเมินง่ายๆ หรอกครับ จะว่าไปถ้าครั้งนี้พวกเราเอาชนะได้ ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับวงการการ์ตูนของฉินด้วย คนฉู่ข่มการ์ตูนของเรา คงได้ใจน่าดู’
หลินเยวียน ‘…’
ข้อพิพาทระหว่างพื้นที่ในลักษณะนี้ไม่ได้หายไปง่ายๆ เพียงเพราะการผนวกรวม ทุกคนมักจะเปรียบเทียบกันโดยไม่รู้ตัวเสมอ
จะว่าไปแล้ว
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับชาวฉู่ เพียงแค่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนตัวตนก็เท่านั้นเอง
………………………………………………