ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] – ตอนที่ 455 ศาลาตรวจตรา ภารกิจด่วน!

ตอนที่ 455 ศาลาตรวจตรา ภารกิจด่วน!

ฟ้าว!

ขณะบินไปตามลำแสง ซวินหวังนำพวกหนิงฝานไปเทือกเขาแห่งหนึ่ง

เหนือเทือกเขา มีศาลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยผู้คนเข้าออก

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสวมชุดเครื่องแบบ ตัวอักษรซวินขนาดใหญ่ถูกสลักไว้บนหน้าอกของชุด!

“หนิงฝาน นี่คือศาลาตรวจตรา ถึงแม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งของสภาผู้พิทักษ์ แต่ก็เป็นศูนย์บัญชาการของผู้ตรวจตราของข้า!” ซวินหวังแนะนำหนิงฝาน

“อืม!”

หนิงฝานพยักหน้า จำต้องรู้ว่า นี่เป็นเพียงค่ายที่มั่นของผู้ตรวจตรา เป็นหนึ่งในกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดในด่านที่หนึ่งร้อย จึงจินตนาการได้ว่าพลังในการปกป้องสภาพสมบูรณ์จะขนาดไหน!

ฟ้าว!

พวกหนิงฝานก้าวเข้าสู่ศาลาตรวจตรา

ตอนนี้ซวินหวังนิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มให้หนิงฝาน “หนิงฝาน ข้าต้องจัดการบางอย่างก่อน แล้วจะติดต่อพวกเจ้าทีหลัง เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะตระเตรียมคนให้ เพื่อพาพวกเจ้าเดินดูรอบศาลาตรวจตราก่อนแล้วกัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างวิญญาณของจินเลี่ยเปิดปากกล่าวทันทีว่า “ท่านซวินหวัง อย่ารบกวนเลย ข้าแค่จะพาหนิงฝานเดินดูรอบ ๆ ไม่นานเท่านั้น!”

“อื้ม ได้!”

ซวินหวังพยักหน้าและหันไปยิ้มขอโทษหนิงฝาน ก่อนที่ร่างของเขาจะวูบไหว หายไปในพริบตา

ตอนนี้ ร่างวิญญาณของจินเลี่ยกล่าวอีกครั้งว่า “ท่านหนิงฝาน รอสักครู่ ร่างหลักของข้าจะมาที่นี่ในไม่ช้า!”

“อื้ม!” หนิงฝานพยักหน้า

อาศัยโอกาสที่รออยู่นั้น หนิงฝานแจกจ่ายผลึกเต๋าหนึ่งร้อยล้านก้อนที่เพิ่งได้ให้พวกฝูเทียน

“อาจารย์ นี่!”

“ลูกพี่ไม่ต้องหรอก!”

“หากนายท่านไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ เกรงว่าพวกเราคงถูกตัดสินโดยผู้พิทักษ์ไปแล้ว พวกเราจะมีคุณสมบัติรับผลึกเต๋าได้อย่างไร!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกฝูเทียนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“พวกเจ้าแค่รับไปก็พอ ทำไมต้องสุภาพกับข้าด้วย!”

หนิงฝานดูมุ่งมั่น เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกฝูเทียนจึงเก็บผลึกเต๋าเกือบยี่สิบล้านก้อนไป

“ร่างหลักของข้าอยู่ที่นี่แล้ว!”

หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ ร่างวิญญาณของจินเลี่ยยินดีขึ้นมา

ลมหายใจต่อมา ร่างชุดสีทองพุ่งมาจากเทือกเขาไกลลิบ ร่างหลักของจินเลี่ยเหมือนกับวิญญาณของวิญญาณจินเลี่ยในด้านรูปลักษณ์และกลิ่นอาย สิ่งเดียวที่แตกต่างคือกลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นเหนือกว่าทั่วร่างวิญญาณของจินเลี่ย เขาครอบครองกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเก้าระดับกลาง!

ฟ้าว!

ทันทีที่ร่างหลักของจินเลี่ยมาถึง ร่างวิญญาณของจินเลี่ยก็หลอมรวมเข้ากับร่างหลักทันที

ตู้ม!

หลังจากหลอมรวมแล้ว กลิ่นอายขนาดใหญ่พุ่งออกจากร่างของจินเลี่ยทันที เพียงพริบตา กึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเก้าระดับกลางพุ่งไปสู่ระดับสูงของกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเก้า!

“สวรรค์!”

ในครั้งนี้ แม้แต่จินเลี่ยเองก็ตกตะลึง!

ต้องทราบก่อนว่า ถึงแม้เขาจะเชื่อมต่อกับร่างวิญญาณ แต่เขาไม่รู้ว่าร่างวิญญาณที่ติดตามหนิงฝานมาหลายปี ได้สั่งสมพลังงานในร่างกายเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เมื่อรวมเป็นหนึ่ง รากฐานการบ่มเพาะของเขาจึงก้าวทะยานขึ้นเป็นอย่างมาก!

“ขอบคุณท่านหนิงฝานที่เมตตาเลี้ยงดูข้ามาหลายปี!”

จินเลี่ยมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้หนิงฝาน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!

“นี่เป็นเพราะความพยายามของเจ้าด้วย ไม่ใช่ของข้า!”

หนิงฝานพยุงจินเลี่ยขึ้น พอเห็นว่าจินเลี่ยอยากทำความเคารพอีก เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “จินเลี่ย พวกเราทำความคุ้นชินกับที่นี่ก่อน!”

“อื้ม อย่างนั้นก็ได้!”

จินเลี่ยพยักหน้า จากนั้นจึงร้องขอว่า “ท่านหนิงฝาน โปรดตามข้ามา!”

สิ้นคำพูดดังกล่าว จินเลี่ยนำพวกหนิงฝาน เริ่มทำการสำรวจศาลาตรวจตรา

ขณะก้าวข้างหน้าไปพลาง แนะนำไปพลาง พวกหนิงฝานจึงได้รู้จักศาลาตรวจตราอย่างรวดเร็ว!

ศาลาตรวจตราและจวนผู้พิทักษ์ โถงผู้คุมกฎ คือสามหน่วยหลักที่อยู่ใต้อาณัติสภาผู้พิทักษ์ของเส้นทางราชันจักรพรรดิ

สามหน่วยหลัก ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง สมาชิกของจวนผู้พิทักษ์ส่วนใหญ่คือหัวหน้าและรองหัวหน้าทูตผู้พิทักษ์ของเส้นทางราชันจักรพรรดิ รับผิดชอบเรื่องการทดสอบและคุ้มกันประตูโบราณแต่ละแห่งบนเส้นทางราชันจักรพรรดิ ส่วนโถงผู้คุมกฎคือค่ายที่มั่นของเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎ มีหน้าที่รักษากฎระเบียบของเส้นทางราชันจักรพรรดิ รวมถึงสังหารอาชญากร!

ส่วนหน้าที่ของศาลาตรวจตราคือ ตรวจตราบททดสอบทั้งหนึ่งร้อยแปดบนเส้นทางราชันจักรพรรดิกับความว่างเปล่าไปตามทาง ในช่วงเวลาคับขัน พวกเขาสามารถสำแดงพลังที่เทียบเท่ากับจวนผู้พิทักษ์และโถงผู้คุมกฎได้

ศาลาตรวจตรา มีลำดับชั้นเข้มงวด แบ่งเป็นหนึ่งราชา สิบแปดแม่ทัพและทูตสามสีอันประกอบด้วยทอง เงิน เหล็ก ไล่จากบนลนล่าง!

หนึ่งราชาคือซวินหวัง!

สิบแปดแม่ทัพคือ แม่ทัพตรวจตราที่แข็งแกร่งที่สุดสิบแปดคนที่อยู่ใต้บัลลังก์ พวกเขาแต่ละคนอยู่ขั้นสูงสุดของกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นเก้าเป็นอย่างน้อย หลายคนถึงขั้นไปถึงระดับรู้แจ้งครึ่งขั้น!

ส่วนทูตทอง เงินและเหล็ก เป็นผู้ตรวจตราชุดเหล็ก ผู้ตรวจตราชุดเงินและผู้ตรวจตราชุดทองเหมือนอย่างจินเลี่ย!

“จินเลี่ย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีสถานะสูงส่งในศาลาตรวจตราขนาดนี้!”

ตอนนี้ฉู่ลิ่วเจี๋ยชื่นชม

จินเลี่ยส่ายหน้า “สูงส่งอะไรกัน ก่อนจะได้มาพบท่านหนิงฝาน ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้ตรวจตราชุดทอง แต่รวม ๆ แล้วมีผู้ตรวจตราชุดทองทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นแปดพันคน อันดับของข้าอยู่ที่หนึ่งหมื่นเท่านั้น เป็นเพียงแค่คนตัวเล็กคนหนึ่ง!”

“เหอะ ๆ เมื่อครู่เจ้าพูดเองนะ ว่าเป็นช่วงก่อนที่จะได้พบกับท่านหนิงฝาน ตอนนี้หลังจากได้พบท่านหนิงฝานแล้ว พลังของเจ้าอาจจะเหนือกว่าตัวเจ้าคนก่อนก็ได้!” พวกเหลยเหมิงหัวเราะเล็กน้อย

“ฮ่า ๆ! นั่นก็จริง เพราะอย่างนั้นข้าถึงอยากขอบคุณท่านหนิงฝานที่เมตตาให้การฝึกฝนกับข้า!”

จินเลี่ยหัวเราะ แสดงความเคารพต่อหนิงฝานจากก้นบึ้งของหัวใจ!

ในอดีตเขาเพียงเป็นผู้ตรวจตราชุดทองชั้นล่าง แต่ตอนนี้ เขาสามารถทะลวงสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกได้ เขาถึงขั้นได้รับมรดกของโชคชะตาราชันจักรพรรดิกับของอีกหลายชิ้น เป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นสิบแปดแม่ทัพในอนาคตอันใกล้!

เพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงพากันสนทนา ขณะผ่านจัตุรัสหยกขาวบนยอดเขา

บนจัตุรัสหยกขาว ประตูหยกขาวสูงราวหนึ่งหมื่นจั้งตั้งตระหง่าน มีวังวนอยู่ในประตู ลึกล้ำยิ่งนัก!

ตอนนี้ มีผู้ตรวจตราชุดทอง เงินและเหล็ก เข้าออกประตูด้วยท่าทีร้อนรนอย่างต่อเนื่อง!

“ประตูไร้พรมแดน!”

ขณะมองประตูหยกขาว ซวีคุนที่อยู่ด้านข้างพลันอุทานออกมา ดวงตาของเขาทอประกาย!

จินเลี่ยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ประตูไร้พรมแดนนั่นนำไปสู่มิติและเวลาที่ไร้พรมแดน นี่คือสมบัติที่สำคัญที่สุดของศาลาตรวจตราของพวกข้า เพียงผ่านมันเข้าไป กลุ่มผู้ตรวจตราย่อมสามารถให้การสนับสนุนจุดตรวจและความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุดของเส้นทางราชันจักรพรรดิด้วยความเร็วสูงสุดได้!”

“มิติและเวลาไร้พรมแดน ตอนที่ข้าอยู่ระดับสิบของเส้นทางราชันจักรพรรดิ สมาชิกของพันธมิตรต้านสวรรค์อยากใช้มิติและเวลาไร้พรมแดนนี้เพื่อระเบิดความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด!” ตอนนี้ หนิงฝานครุ่นคิดถึงระดับสิบ

จินเลี่ยตอบว่า “อื้ม เป็นไปได้อยู่ แต่เงื่อนไขเยอะเอาการ แน่นอน สมบัติไม่ใช่ว่าดีหรือแย่ มันขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะใช้อย่างไร!”

“นั่นก็จริง!”

สำหรับเรื่องนี้ หนิงฝานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ติ๊ง!

ทันใดนั้นในตอนนี้ เหรียญตราสีทองบนเอวของจินเลี่ยพลันส่งเสียงเตือนอย่างรวดเร็ว

จินเลี่ยหยิบขึ้นมาดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวขอโทษว่า “ท่านหนิงฝาน ข้ามีภารกิจด่วนที่นี่ เกรงว่าคงไม่สามารถไปกับพวกท่านได้แล้ว!”