ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 510 อยู่จวน (กลาง)

ตอนที่ 510 อยู่จวน (กลาง)

โจวฮู​หยิน​รู้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​มีเรื่อง​จะ​พูด​กับ​นาง​ ​นาง​จึง​พยายาม​แสดง​สีหน้า​ที่​เรียบ​เฉย​และ​ไม่ได้​หันกลับ​ไป​มอง​ ​รอ​ให้​เสร็จสิ้น​พิธี​สรง​สาม​ ​นาง​ก็​อาศัย​ตอนที่​ทุกคน​กำลัง​สนทนา​กัน​อย่าง​ครึกครื้น​ไป​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​พูดถึง​เจตนา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ฮองเฮา​ให้​นาง​ฟัง​ด้วย​เสียง​ที่​แผ่วเบา​ ​โจวฮู​หยิน​ดู​โล่งใจ​ขึ้น​มา​อย่างเห็นได้ชัด​ ​รอ​ให้​ทาง​ฝั่ง​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​ออกมา​แล้ว​ ​องค์​หญิงฝู​เฉิง​ก็ได้​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​พร้อมกับ​ยิ้ม​ให้​สือ​อี​เหนียง

ไท่ฮู​หยิน​ที่​เงียบ​มาโดยตลอด​ ​ใบหน้า​ก็​ค่อยๆ​ ​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​บาง​ๆ

ไท่ฮู​หยิน​กุมมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไว้​พร้อมกับ​ตบหลัง​มือ​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​พูดคุย​กับฮู​หยิน​ห้า​และ​หวงฮู​หยิน​พลาง​พากัน​เดิน​ไป​ยัง​ห้องโถง​ข้าง​พระตำหนัก

เมื่อ​กลับ​ไป​ถึง​เหอฮ​วาห​ลี่​ก็​ต้น​ยาม​โหย​่ว​แล้ว​ ​คนที​่​ออกมา​รับ​พวก​นาง​ไม่ใช่​แค่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​มี​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย

“​พี่ใหญ่​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ดีใจ​เป็นอย่างมาก

ใบหน้า​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ที่​แจ่มใส​ ​เขา​เดิน​เข้าไป​หาน​้​อง​สาว​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​เข้าไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน

“​ในที่สุด​ท่าน​ก็​มา​!​”​ ฮู​หยิน​ห้า​ยิ้ม​พร้อมกับ​กล่าว​ทักทาย​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​“​พี่สะใภ้​สี่​เอาแต่​บ่น​ไม่​หยุด​ ​ว่า​เหตุใด​ท่าน​ถึง​ยัง​ไม่​มา​!​”

ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เหตุใด​จึง​มาถึง​เอา​ป่านนี้​!​”

“​ทำ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เซี​่​ยน​จู่​และ​น้อง​หญิง​เป็นห่วง​แล้ว​!​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตอบกลับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ราวกับว่า​เป็นการ​อธิบาย​ไป​ใน​ตัว​ ​สายตา​ของ​เขา​ก็​จับจ้อง​ไป​ยัง​น้องสาว​ของ​ตัวเอง​ ​“​ระหว่างทาง​มีเรื่อง​ทำให้​เสียเวลา​นิดหน่อย​ ​ก็​เลย​ล่าช้า​จาก​เวลา​ที่​คาดการณ์​ไว้​ไปราว​ครึ่ง​เดือน​ขอรับ​”

ไท่ฮู​หยิน​และฮู​หยิน​ห้า​ไม่​สะดวก​จะ​ถาม​มาก​ไป​กว่านี​้​ ​หน้า​ประตู​ฉุยฮ​วาก​็​ไม่ใช่​ที่​ที่​เหมาะ​จะ​ยืน​คุย​กัน​ ​ไท่ฮู​หยิน​จึง​เดิน​เข้า​ด้านใน​พลาง​พูดคุย​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​กลับมา​อย่างปลอดภัย​ก็ดี​แล้ว​ ​ประเดี๋ยว​ให้​เจ้า​สี่​เลี้ยง​ต้อนรับ​เจ้า​ ​เจ้า​จะ​ต้อง​ดื่ม​สัก​จอก​สอง​จอก​ให้หาย​เหนื่อย​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ต่อไป​ว่า​ ​“​ที่​บ้าน​สบายดี​หรือไม่​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​ภรรยา​ของ​เจ้า​กำลัง​ตั้งครรภ์​ ​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​นาง​สบายดี​ใช่​หรือไม่​”

“​ไท่ฮู​หยิน​เมตตา​แล้ว​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ตอบกลับ​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​“​ที่​บ้าน​สบายดี​ ​ส่วน​ภรรยา​ของ​ข้ามี​อี๋​เหนียง​ห้า​คอย​ดูแล​อยู่​ ​ไม่มี​อะไร​ที่​น่าเป็นห่วง​ขอรับ​”

หลังจากที่​อี๋​เหนียง​หก​เข้า​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​มา​แล้วก็​ไม่ได้​กลับ​ไป​เลย

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​สีหน้า​ท่าที​ที่​เงียบๆ​ ​ไม่​ค่อย​พูดจา​และ​ไม่​สู้​คน​ของ​อี๋​เหนียง​ห้า​ขึ้น​มา​ ​ไม่แน่ใจ​ว่า​สิ่ง​ที่​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​มานั​้น​เป็น​คำพูด​ที่​เกรงใจ​หรือ​เป็น​คำพูด​ที่​ออกมา​จาก​ใจ​กัน​แน่​!

ทุกคน​ก็ได้​ไป​นั่ง​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ว่า​พี่น้อง​พึ่ง​จะ​ได้​เจอกัน​ ​อีก​คน​ก็​กำลัง​ตั้งครรภ์​ ​ก็​เลย​ไม่ได้​ให้​ลูกสะใภ้​อยู่​ปรนนิบัติ​รับใช้​ข้าง​กาย​ต่อ​ ​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​มา​จิบ​เพื่อที่จะ​ส่ง​แขก

ฮู​หยิน​ห้า​ก็ได้​กลับ​เรือน​ของ​นาง​ไป​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​ตำรา​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็นเพื่อน​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง

ไม่​รอ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ได้​ทัน​เอ่ย​ถาม​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​เริ่ม​พูด​ก่อน​ว่า​ ​“​พวก​เจ้า​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ไป​ ​ที่​บ้าน​ไม่มี​เรื่อง​อัน​ใด​ ​เพียงแต่ว่า​พ่อค้า​ร่ำรวย​ที่​ตระกูล​ของ​เรา​เคย​ไปร​่ว​มทำ​การค้า​ใบชา​ด้วย​ ​จู่ๆ​ ​ก็​พา​ครอบครัว​ย้าย​มาที​่​หังโจว​ ​ก็​เลย​มา​ขอร้อง​ให้​ข้า​ช่วย​พวกเขา​หา​ที่​หาทาง​ให้​พวกเขา​ลง​หลัก​ปัก​ฐาน​ที่​หังโจว​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ใจหาย​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​สถานการณ์​ที่ฝู​เจี​้​ยน​ย่ำแย่​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

เรื่อง​เช่นนี้​ ​เป็นเรื่อง​ที่​สตรี​ไม่​ควร​เข้ามา​ยุ่งเกี่ยว

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​จึง​เหลือบ​ไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ครู่หนึ่ง

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​แย่กว่า​ที่​เรา​คาดการณ์​ไว้​มาก​ ​ทาง​ฝั่งฝู​เจี​้​ยน​แจ้ง​แต่​ข่าวดี​ไม่​แจ้ง​ข่าวร้าย​ ​เรื่อง​การสังหาร​หมู่​ของ​หมู่บ้าน​ต้า​อาน​ปิดไม่มิด​แล้ว​ ​ก็​เลย​มาแจ้ง​ข่าว​”​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ค่อนข้าง​เรียบ​เฉย​ ​ราวกับว่า​ไม่ได้​รู้สึก​แปลกใจ​อย่างไร​อย่างนั้น

“​เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​การ​ที่​ผู้บัญชาการ​หลี​่​อยู่​ที่นั่น​ ​ไม่ได้​เป็นไป​อย่างที่​คิด​ ​สถานการณ์​ของฝู​เจี​้​ยน​ค่อยๆ​ ​ถูก​ควบคุม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ครุ่นคิด

หากว่า​เป็น​เช่นนี้​จริงๆ​ ​เช่นนั้น​ผลงาน​ทางการทหาร​ของ​หลี​่​จี้​ก็​…

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​ขึ้น​มา​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​เสียง​เบา​ ​“​อืม​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็​หันไป​พูด​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ว่า​ ​“​เจ้า​มา​ได้เวลา​พอดี​ ​ข้า​กำลังจะ​เขียนจดหมาย​ไป​ให้​เจี่ย​งอ​วิ​๋น​เฟย​ ​เจ้า​ช่วย​เล่าเรื่อง​พ่อค้า​ใบชา​คน​นั้น​ให้​ข้า​ฟัง​อย่างละเอียด​อีก​รอบ​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​ตั้งใจ​จะ​เงี่ยหู​ฟัง​เสียหน่อย​ ​แต่กลับ​เห็น​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เหลือบมอง​ตน​อีก​รอบ​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​พึ่ง​รู้สึกตัว​ว่า​ตน​นั้น​กำลัง​เสียมารยาท

จึง​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ขอตัว​ไป​ชง​น้ำชา​มา​ให้ท่าน​โหว​และ​พี่ใหญ่​ก่อน​”

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไม่ได้​คิด​เช่นนั้น​ ​“​ให้​สาวใช้​น้อย​ไป​ชง​แทน​ดีกว่า​กระมัง​!​ ​ส่วน​เจ้า​หาก​ไม่​อยาก​จะ​นั่ง​ฟัง​เรื่อง​พวก​นี้​ ​ก็​กลับ​เรือน​ไป​พักผ่อน​ก่อน​ก็แล้วกัน​!​”

จิ​่น​เกอ​ตัว​โต​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ชอบ​อุ้ม​เขา​อยู่​ตลอดเวลา​ ​แต่​เขา​เป็น​คนที​่​ซุกซน​ไม่อยู่​นิ่ง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​เป็นห่วง​กลัว​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​จน​แขน​เมื่อยล้า​ ​แล้ว​พลั้ง​มือ​ทำให้​จิ​่น​เกอ​ตก​สู่​พื้น​ได้

“​ข้า​เข้าใจ​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ตัดสินใจ​ลุก​ออกมา

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

เวลา​คนที​่​สำนัก​ศึกษา​ฮั่น​หลิน​พูดถึง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​พูด​เป็น​เสียง​เดียวกัน​ว่า​ถึงแม้​เขา​จะ​เป็น​คนรัก​สันโดษ​ ​พูดน้อย​และ​ค่อนข้าง​เก็บตัว​ ​แต่กลับ​ฉลาด​ปราดเปรื่อง​เหนือกว่า​ผู้อื่น​เป็น​ไหน​ๆ​ ​เวลา​ปฏิบัติหน้าที่​ก็​มักจะ​ละเอียด​รอบคอบ​และ​พิถีพิถัน​เสมอ​ ​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​…​เขา​กลับ​ยอมให้​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ฟัง​บทสนทนา​เกี่ยวกับ​เรื่องใหญ่​ของ​ราชสำนัก​เช่นนี้

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก้มหน้า​จิบ​ชา​ ​พยายาม​ปกปิด​สีหน้า​ของ​เขา​ไว้​ ​แต่​สายตา​กลับ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เหลือบ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง

นาง​ยืน​หัน​ข้าง​และ​กำลัง​สั่ง​อะไร​บางอย่าง​กับ​สาวใช้​น้อย

ร่างกาย​ที่​ผอม​เพรียว​ราวกับ​ต้น​หลิว​ที่​อรชรอ้อนแอ้น​ ​ใบหน้า​ขาว​เนียน​ราวกับ​กลีบดอก​กล้วยไม้​หยก​ที่พึ่ง​ผลิบาน​ก็​ไม่​ปาน​ ​สตรีที​่​สง่า​และ​งดงาม​เช่นนี้​ ​แต่​ภายใน​กลับ​ขาวสะอาด​หมดจด​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความ​เปล่งประกาย​แพรวพราว​ ​พลอย​ทำให้​ผู้พบเห็น​รู้สึก​ทึ่ง​ไม่น้อย

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็ได้​หันกลับ​ไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​พูด​อยู่​ ​“​…​ไม่ว่า​จะ​แพ้​หรือ​ชนะ​ก็​ไม่สำคัญ​ ​ผู้บัญชาการ​หลี​่​เชี่ยวชาญ​และ​มี​ความชำนาญ​ใน​การคาด​เดา​พระ​ประสงค์​ของ​ฝ่า​บาท​ ​แต่กลับ​บิดเบือน​เจตนา​ของ​ฝ่า​บาท​ไป​ ​ต้อง​รู้​ว่า​ใต้​หล้า​นี้​ ​ล้วน​เป็น​แผ่นดิน​ของ​จักรพรรดิ​ทั้งสิ้น​ ​สิ่ง​ที่​ฝ่า​บาท​ทรงพระ​ประสงค์​ ​ก็​คือ​สามารถ​ช่วย​เขา​ป้องกัน​และ​เฝ้า​ระวัง​ยอด​ขุนพล​ของ​มณฑลฝู​เจี​้​ยน​ไว้​ ​แต่​หลาย​ต่อ​หลายครั้ง​ที่​เขา​กลับ​ไป​พัวพัน​เรื่องเล็ก​ๆ​ ​กับ​สกุล​โอว​ ​วิสัยทัศน์​ถือว่า​ค่อนข้าง​คับแคบ​ไป​หน่อย​!​”​ ​เขา​ไม่ได้​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​แม้แต่​นิดเดียว

ไม่รู้​ว่า​เพราะอะไร​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​กลับ​แอบ​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​ตั้งสติ​แล้ว​พูดคุย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ต่อ​ ​“​ถือเป็น​การ​วาง​หมาก​สลับ​หน้า​หลัง​โดยแท้​!​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ค่อยๆ​ ​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป​ ​จากนั้น​ก็​สั่ง​กับ​ป้า​อู๋​ที่อยู่​ใน​ห้องครัว​เล็ก​ให้​จัดเตรียม​โต๊ะอาหาร​พร้อม​สุรา​ให้​กับ​ทั้งสอง​ ​จากนั้น​นาง​ก็​กลับ​เรือน​ไป​ล้างหน้าล้างตา​ ​เปลี่ยนไป​สวม​เสื้อกั๊ก​ธรรมดา​แล้วจึง​นอน​พักผ่อน​ไป​ครู่ใหญ่

เมื่อ​ตื่นขึ้น​มา​อีกที​ ​ทั่วทั้ง​ผืน​ฟ้า​ก็​สาดส่อง​ไป​ด้วย​แสงตะวัน​รอน

ด้านนอก​ก็​มีเสียง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดัง​ขึ้น​ ​“​อันนี้​ทาน​ไม่ได้​นะ​ ​มัน​เอาไว้​เล่น​ต่างหาก​!​”​ ​จากนั้น​ก็​มีเสียง​กลอง​ป๋อง​แป​๋​งดัง​ขึ้น​สอง​สาม​ครั้ง

หลาย​วัน​มานี​้​จิ​่น​เกอ​จับ​อะไร​ได้​ก็​มักจะ​เอา​ใส่​เข้า​ปาก​เสมอ​ ​สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​เขา​จะ​กลืน​สิ่งของ​จำพวก​กระดุม​ลงท้อง​ ​จึง​สั่ง​ให้​สาวใช้​เก็บของ​ชิ้นเล็กชิ้นน้อย​ใน​เรือน​ให้​หมด​ ​อีกทั้ง​ยัง​ได้​กำชับ​อาจิน​ให้​สังเกต​และ​ระวัง​ให้​ดี

เมื่อ​รู้​ว่า​เป็น​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​เลิกเรียน​แล้ว​แวะ​มา​เล่น​กับ​จิ​่น​เกอ​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​เผย​รอยยิ้ม​ออกมา

หลังจากที่​สวี​ซื่อ​จุน​ย้าย​ไป​ที่​ลาน​นอก​ ​สอง​พี่น้อง​ก็​ยังคง​เป็น​เหมือนเช่น​ที่ผ่านมา​ ​ใน​ทุกๆ​ ​เช้า​ก็​จะ​มาคา​รวะ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​พากัน​ไป​เรียนหนังสือ​ที่​เรือน​ซวงฝู​ ​ช่วง​เที่ยง​ก็​จะ​ทานข้าว​และ​นอน​พักกลางวัน​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​หรือไม่ก็​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ช่วง​เย็น​หลังจาก​เลิกเรียน​มา​แล้ว​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ก็​จะ​ปฏิเสธ​คำชวน​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​อ้อม​ๆ​ ​แล้วจึง​พาส​วี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​มาที​่​เรือน​หลัก​ ​อาจารย์​จ้าว​ก็​จะ​สอน​ตำรา​สวี​ซื่อ​จุน​ตามลำพัง​ต่อ​อีก​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ ​ทั้งคู่​ก็​ไม่ได้​ตัว​ติดกัน​ตลอดเวลา​เฉกเช่น​เมื่อก่อน​ ​ยังดี​ที่​สวี​ซื่อ​จุน​ใช้เวลา​ส่วนใหญ่​กับ​การเรียน​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​มักจะ​มา​เล่น​กับ​จิ​่น​เกอ​อยู่​เสมอ​ ​จึง​ไม่ได้​รู้สึก​เหงา​เท่าไร​นัก

ตอนที่​สือ​อี​เหนียง​ล้างหน้าล้างตา​แล้วไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​กำลัง​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ให้​จิ​่น​เกอ​ฟัง​อยู่​พอดี

ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่ได้​มีความรู้​เรื่อง​ดนตรี​พื้นบ้าน​เท่าไร​นัก​ ​แต่​นาง​ก็​พอ​จะ​รับรู้​ได้​ว่า​เสีย​ขลุ่ย​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป่า​นั้น​มีทั​กษะ​และ​ไหวพริบ​ที่​ดี​ ​การ​เป่าขลุ่ย​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​้​นก​้าว​หน้า​กว่า​สวี​ซื่อ​จุน​ที่​ฝึก​เป่า​พร้อม​ๆ​ ​กัน​ค่อนข้าง​มาก

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป่าขลุ่ย​ด้วย​ความตั้งใจ​ ​จิ​่น​เกอ​เอง​จึง​หยุด​ความ​ซุกซน​แล้ว​มา​จ้องมอง​พี่ชาย​เป่าขลุ่ย​ด้วย​ดวงตา​ที่​กลม​โต​แทน

สือ​อี​เหนียง​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ ​ฟัง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป่าขลุ่ย​จน​จบ​บทเพลง​ ​จากนั้น​ก็​ปรบมือ​ด้วย​ความชื่นชม

“​ฝีมือ​การ​เป่าขลุ่ย​ของ​เจี​้ย​เกอ​นับวัน​ก็​ยิ่ง​ก้าวหน้า​!​”

“​ท่าน​แม่​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี้ยวิ​่ง​ไป​กอด​เอว​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เก้อเขิน​ว่า​ ​“​ท่าน​อาจารย์​บอกว่า​ยัง​ต้อง​ฝึกฝน​ให้​มากกว่า​นี้​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ที่​กำลังดีด​ตัว​ใน​อ้อมแขน​ของ​แม่นม​กู้​ ​“​รีบ​ไป​ทำการบ้าน​ ​ประเดี๋ยว​เรา​จะ​ไป​ทานข้าว​ ​แล้วไป​คารวะ​ท่าน​ย่า​กัน​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ขานรับ​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ว่า​ ​“​ขอรับ​”​ ​จากนั้น​ก็​ขึ้นไป​นั่ง​หน้า​โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​ ​แล้วจึง​เริ่ม​ท่อง​ ​‘​บทเรียน​ปฐมวัย​’

เปิดภาคเรียน​ปีนี​้​ ​อาจารย์​จ้าว​ได้​ให้ความรู้​ระดับสูง​แก่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอย​่าง​เป็นทางการ

จิ​่น​เกอ​ฟัง​แล้วก็​เริ่ม​หงุดหงิด​ ​เขา​ร้อง​อ้อแอ้​พร้อมกับ​ดึง​ต่างหู​ของ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​จึง​ตบ​ก้น​ของ​บุตรชาย​ไป​หนึ่ง​ที​ ​รอ​ให้​อาจิน​ช่วย​แกะ​มือ​ของ​เขา​ออกจาก​ต่างหู​ของ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไป​ยื่น​ให้​กับ​แม่นม​กู้​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​จะ​ท่อง​ตำรา​ ​อย่า​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​รบกวน​เขา​”

แม่นม​กู้​ขานรับ​เสีย​เบา​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไป​ยัง​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ

หลังจากที่​ตรวจการ​บ้าน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​สั่ง​ให้​สาวใช้​น้อย​ไป​ตั้งโต๊ะ​อาหาร​ ​หลังจาก​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​เพื่อ​อยู่​เป็นเพื่อน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​คัดตัว​อักษร​บน​โต๊ะ​เตียง​เตา

*****

ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับมา​ ​ท้องฟ้า​ก็​มืด​มาก​แล้ว​ ​ใน​เรือน​เงียบสนิท​ ​เวลานี้​ได้​เปลี่ยน​กะ​บ่าว​รับใช้​ที่​เข้าเวร​ดึก​จน​หมด​แล้ว

ไฟ​ตะเกียง​ส่องสว่าง​กระทบ​ไป​ยัง​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ ​สะท้อน​ให้​เห็น​ร่าง​เงา​ที่​งดงาม​ของ​สือ​อี​เหนียง​ที่​กำลัง​ปัก​ผ้า​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​กำลัง​คัดตัว​อักษร

สวี​ลิ่ง​อี๋​ให้​สาวใช้​น้อย​ไม่ต้อง​ไป​แจ้ง​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ยืน​มอง​ทั้งสอง​เงียบๆ​ ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​เดิน​เข้าไป​เรือน

“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลง​จาก​เตียง​เตา

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เอง​ก็​รีบ​หันมา​เรียก​เขา​ว่า​ ​“​ท่าน​พ่อ​!​”​ ​จากนั้น​ก็​วาง​พู่กัน​ใน​มือ​ลง​ ​แล้วจึง​เดิน​เข้าไป​คารวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​สายตา​จับจ้อง​ไป​ยัง​ผ้านวม​สีแดง​สด​ที่อยู่​ข้าง​โต๊ะ​เตียง​เตา​ ​จิ​่น​เกอ​ที่​แก้ม​กลม​ๆ​ ​กำลัง​นอนหลับ​ปุ๋ย

“​การบ้าน​เสร็จ​แล้ว​หรือยัง​!​”​ ​เขา​ยิ้ม​พร้อมกับ​หันมา​ถาม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​จากนั้น​ก็​หย่อน​ตัว​นั่งลง​ข้างๆ​ ​จิ​่น​เกอ​พลาง​ช่วย​จิ​่น​เกอ​ดึง​ชายผ้า​นวม​ให้​ตึง

“​ยัง​เหลือ​อีก​หนึ่ง​ตัว​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตอบกลับ​ด้วย​ใบหน้า​ที่​แดงก่ำ

เขา​กลัว​ว่า​บิดา​จะ​ตำหนิ​ติติง​เขา

สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อบอุ่น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​รีบ​เขียน​เถิด​ ​เขียน​เสร็จ​แล้ว​จะ​ได้​รีบ​เข้านอน​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​แล้วก็​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เขา​รีบ​ขานรับ​ว่า​ ​“​ขอรับ​”​ ​รีบ​ปีน​ขึ้นไป​บน​เตียง​เตา​ทันที

สือ​อี​เหนียง​ยก​น้ำชา​เข้ามา​พอดี

สวี​ลิ่ง​อี๋​จิบ​น้ำชา​ไป​หนึ่ง​คำ​ ​จากนั้น​ก็​กวาดสายตา​มอง​ไป​ยัง​ตะกร้า​หวาย​เล็ก​ๆ​ ​ที่​วาง​อยู่​ข้างๆ​ ​เขา​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​กำลัง​ทำ​อะไร​อยู่​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​หย่อน​ตัว​นั่งลง​ข้างๆ​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​จัดระเบียบ​ของ​ใน​ตะกร้า​หวาย​ ​“​กำลัง​เย็บ​ถุงเท้า​ฤดูร้อน​ให้ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​สือ​อี​เหนียง​ปัก​ผ้า​ให้​กับ​เขา​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ฉาก​บานพับ​ที่​ปัก​ ​‘​โคลงกลอน​’​ ​อยู่​ก็​ยัง​ไม่เสร็จ​…​เขา​จึง​พูด​ขึ้นเสียง​ดัง​ด้วย​ความสนใจ​ว่า​ ​“​ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​!​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยื่น​ถุงเท้า​ให้​กับ​เขา

ผ้า​เก๋​อปู​้​เนื้อ​ละเอียด​สีเหลือง​แก่​ ​ถุงเท้า​ถูก​ปัก​ด้วย​ลายเมฆ​สีดำ​ ​ให้ความรู้​สึก​สุขุม​ลุ่มลึก

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ชอบใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เขา​ค่อยๆ​ ​สัมผัส​เนื้อผ้า​อย่าง​แผ่วเบา​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ยื่น​คืนให้​กับ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ถามถึง​เรื่อง​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ขึ้น​มา​ ​“​พี่ใหญ่​กลับ​ไป​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ยัง​ไม่ได้​กลับ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​ ​“​เขา​ดื่ม​สุรา​ไป​ค่อนข้าง​เยอะ​ ​ข้า​ก็​เลย​ให้​เขา​นอนค้าง​แรม​ที่นี่​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจิ​้น​ซิ่ง​พึ่ง​รับ​อนุภรรยา​ไป​หนึ่ง​คน​ ​เจ้า​ไป​เตรียม​เครื่องประดับ​สัก​ชุด​ ​พรุ่งนี้​นำ​ไป​ให้​อี๋​เหนียง​คน​ใหม่​เป็น​ของขวัญ​เจอ​หน้า​กัน​ครั้งแรก​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ตกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​“​เหตุใด​ถึง​เป็น​เช่นนี้​”​ ​แต่​ก็​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ตื่นตูม​จน​เกินไป​ ​ก็​เลย​รีบ​เบา​เสียง​ลง​ ​“​เรื่อง​ตั้งแต่​ตอน​ไหน​หรือ​เจ้า​คะ​ ​หลาย​วัน​มานี​้​เหตุใด​พี่ใหญ่​ไม่​เอ่ยถึง​เรื่อง​นี้​ใน​จดหมาย​ที่​เขียน​ส่ง​มา​เลย​”

“​เรื่อง​ไม่​กี่​วันที่​ผ่าน​มา​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เรื่อง​เช่นนี้​ ​เขา​จะ​สะดวก​ใจ​หยิบยก​มา​พูดถึง​ได้​อย่างไร​กัน​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ

นาย​หญิง​ใหญ่​เสียชีวิต​ลง​ ​คนที​่​จะ​ขึ้น​มา​เป็น​ผู้ดูแล​หลัก​ของ​จวน​ก็​คือ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​นาง​จะ​ต้อง​ปรนนิบัติ​รับใช้​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​ดูแล​เรื่อง​อาหารการกิน​ ​จัดการ​ธุระ​ภายใน​จวน​ ​ปกป้อง​ดูและ​อบรม​สอนสั่ง​บุตรสาว​และ​บุตรชาย​ ​ไม่​สามารถ​ติดตาม​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​มาที​่​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​ได้​ ​แต่​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ยัง​ต้อง​มี​คน​คอย​ปรนนิบัติ​ดูแล​อยู่​ข้าง​กาย​…

ความตกใจ​ใน​ตอนแรก​ค่อยๆ​ ​ผ่าน​ไป​ ​ถึงแม้ว่า​นาง​จะ​สามารถ​เข้าใจ​เรื่อง​แบบนี้​ได้​ ​แต่​ลึก​ๆ​ ​ก็​ยัง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​อยู่ดี

บรรยากาศ​ใน​เรือน​เข้าสู่​ความ​เงียบงัน

สวี​ลิ่ง​อี๋​จ้องมอง​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ที่​เมื่อครู่นี้​ยังคง​เงียบสงบ​ ​แต่​ตอนนี้​กลับ​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนไป​เป็น​เศร้าสลด​ขึ้น​มา​แทน​ ​เขา​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​เป็นกังวล​ไป​ ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ของ​เจ้า​เป็น​คนรับ​อนุ​เข้ามา​ด้วยตัวเอง​ ​อีกทั้ง​ยัง​เป็น​ญาติห่างๆ​ ​ของ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ของ​เจ้า​ด้วย​ ​บรรพบุรุษ​ก็​เคย​เป็น​บัณฑิต​ซิ่ว​ไฉ​ ​ถือว่า​เป็น​สตรีที​่​มีพื​้น​หลัง​ขาวสะอาด​และ​บุตรสาว​ที่​ดี​คน​หนึ่ง​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท