หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1287 โลกของเขา!

บทที่ 1287 โลกของเขา!
ท้องฟ้าเงียบสงัด
บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดายไม่ได้กล่าวสิ่งใด ชายชราที่อยู่ห่างไกลก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ในเวลานี้สีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังเกิดความหวาดกลัว มองไปที่ไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในท้องฟ้าอย่างลึกซึ้ง และยังมองไปที่ร่างที่อยู่บนเรือเดียวดาย แล้วเลือกที่จะจากไป
แม้เขาจากไป แต่กลับมีผู้ใหม่มาถึง
เงาร่างเลือนรางสายหนึ่ง ราวกับจะสามารถกวาดไปบนท้องฟ้า การบรรจบจากทั่วสารทิศอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ตรงไปที่ข้างร่างของบิดาหวังอีอีบนเรือเดียวดาย ก่อเป็นโครงร่าง นั่นคือบุรุษผู้หนึ่ง
ใบหน้าเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก เห็นแต่เพียงผมยาวปลิวไสว ราวกับเส้นผมแต่ละเส้น ดุจธารดารา นอกจากนี้แล้ว กลับมีเพียงเสื้อผ้าของร่างนี้ที่โบกสะบัด และที่มุมหนึ่งปรากฎตราหม้อหลอมโอสถ
“แปดเต๋าปรมัตถ์หรือ” ร่างนี้มองไม้ดำที่ท้องฟ้า เอ่ยเสียงเบา ราวกับจะกล่าวกับตนเอง และก็เหมือนกำลังไต่ถาม
“แปดเต๋าปรมัตถ์” สีหน้าบิดาหวังอีอีบนเรือเดียวดายเป็นปกติ ตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ข้าเคยได้ยินแต่ธาตุทั้งห้าเป็นห้าปรมัตถ์แรก จากนั้นสองปรมัตถ์ก็ตามมาตามลำดับ สุดท้ายตอนนี้…สหายน้อยนี้ได้ยกระดับดูเหมือนจะตระหนักรู้ถึงขั้นสุดยอดแล้ว ปรมัตถ์ที่หกนี้…เจ้าสามารถเข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้วหรือ” เงาร่างนิ่งไปสักพัก ค่อยๆ เอ่ยปาก
“เต๋าธาตุทองมีกรรมแห่งท่าน ใยต้องถามข้า” บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวเบาๆ
“แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่แปดเต๋าปรมัตถ์ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับปรมัตถ์ที่หกของเขา แต่หลัวแห่งการล้มเหลว เป็นเต๋าธาตุมืดดับสูญเป็นที่สั่งสมหยินหรือ” ร่างนั้นเงียบไปเป็นครู่ แล้วมองไปทางบิดาหวังอีอี
“ไม่เพียงเท่านั้น” คราวนี้บิดาหวังอีอีเงียบไปนานมาก จึงได้ตอบกลับด้วยเสียงต่ำลึก
“เขายังนำอดีต หลอมรวมเข้าภายในตัว ทำให้ปรมัตถ์ที่หกนี้ ถึงจะเป็นหยินแห่งความมืดขั้นสูงสุด ก็เป็นขั้นสูงสุดในอดีต”
“เมื่อเป็นเช่นนี้…ปรมัตถ์ที่เจ็ดของเขา ก็แค่คิดก็รู้ได้ว่าต้องเป็นหยางศักดิ์สิทธิ์ปรมัตถ์ และก็เป็นขั้นสูงสุดในอนาคต..ดูเหมือนทั้งสองปรมัตถ์ แต่ที่จริงคือสี่ปรมัตถ์ มิน่า มิน่าเล่า…” ร่างที่มุมเสื้อมีตราหม้อหลอมโอสถ ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้กล่าวให้มากความ หันร่างค่อยๆ ก้าวไปทางความว่างเปล่า เมื่อลดฝีเท้าลงก็กระจายตัวอีกครั้ง และหายไปในท้องฟ้า
เพียงแต่ ขณะที่ร่างเขากำลังจะสลายไปหมดสิ้น เสียงของเขายังคงส่งออกจากภายในความว่างเปล่า และเข้าหูบิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย
“ศิษย์พี่หวัง แปดเต๋าปรมัตถ์เป็นสิ่งที่บรรพชนเซียนสร้างขึ้น เซียนอาวุโสผู้นี้ จะมีที่มาเดียวกับเซียนของสหายน้อยเป่าเล่อหรือไม่”
ดูเหมือนไต่ถาม แต่คำพูดส่งมาหลังจากจากไปแล้ว เห็นชัดว่า…ไม่อยากได้คำตอบ หรืออาจกล่าวว่า ไม่ต้องการคำตอบ
บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย ค่อยๆ เงยหน้า ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่ดวงตากลับลึกล้ำ กระทั่งหลังจากนั้นอีกนาน เขาจึงได้มองไปยังไม้ดำที่ท้องฟ้าใหม่อีกครั้ง สายตาล้ำลึกจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น
เขาสามารถนิมิตได้ถึงบุตรสาวของตน แล้วจึง…จากไป
ขณะที่รอคอยอยู่ที่นี่ ภายในไม้ดำที่เคยอยุ่ในโลกแห่งศิลา หวังเป่าเล่อเดินไปบนท้องฟ้า มองดูจักรวาลที่เคยเข้าใจว่าไร้ขอบเขต มองจักรวาลผืนนี้ที่เคยเข้าใจว่าดวงดารานับไม่ถ้วนรวมทั้งชะตาชีวิตที่ไม่อาจคำนวณ หวังเป่าเล่อถอนหายใจบางเบา
“ข้าไม่มีอดีต และไม่มีอนาคต” หวังเป่าเล่อพึมพำเสียงเบา อดีตและอนาคตของเขา กลายเป็นโชคชะตา มอบให้แก่แม่นางน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน นี่ก็กลายเป็นเต๋าของเขา
และเต๋าต้องแบกรับไว้ เช่นดียวกับเต๋าแห่งธาตุทั้งห้าต้องการสิ่งที่แบกรับ อดีตและอนาคตก็ต้องการเช่นเดียวกัน
ดังนั้น เขาจึงนำเต๋าแห่งหยินดำมืดดับสูญ กลายเป็นการแบกรับอดีตของตน เต๋านี้กว้างใหญ่ไพศาล และในระดับหนึ่ง…ความมัวเมาในการดับสูญที่มาจากหลัวผู้ฝึกตนที่เขย่าฟ้าผู้นี้
“ข้าก็ต้องการบางสิ่งเพื่อแบกรับเต๋า สิ่งนี้…ข้าได้คาดเดาไว้แล้ว” หวังเป่าเล่อกล่าวกับตัวเองเบาๆ ก้มมองไปทางท้องฟ้า สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“ดังนั้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้ามี ก็คือปัจจุบัน…รวมทั้ง โลกของข้า” ขณะที่กล่าว หวังเป่าเล่อได้เดินมาถึงในโลกแห่งศิลาที่เคยอยู่ภายในไม้ดำ ดินแดนที่ลึกลับที่สุด
ที่นี่…มีดวงดาราดวงหนึ่ง เรียกว่าดาวชะตา
ที่นี่…มีดวงจิตดวงหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้น เรียกว่าประมุขกฎสวรรค์
ประมุขกฎสวรรค์ มีสมุดเล่มหนึ่ง
เรียกว่า…สมุดแห่งโชคชะตา
แต่ละก้าวที่หวังเป่าเล่อเดินสู่ดาวชะตา คราวนั้นที่เดินสู่ยอดเขา ที่นั่น…ประมุขแห่งสวรรค์นั่งขัดสมาธิ ดวงตาลืมขึ้น มุมปากปรากฎรอยยิ้ม จ้องไปที่ร่างหวังเป่าเล่อที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา
“นับตั้งแต่เกิดสติขึ้น ก็มีเสียงบอกข้า ว่า…วันหนึ่ง ข้าจะได้เห็นดวงจิตเทพจุติอย่างแท้จริง เสียงนั้นบอกข้า เมื่อข้าได้เห็นดวงจิตเทพ ข้าจะหลุดพ้น”
“ข้ารอคอยมาตลอด” ประมุขกฎสวรรค์กล่าวเสียงเบา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน โค้งคำนับ…ไปทางหวังเป่าเล่อ
ในการคำนับนี้ ร่างของเขาเลือนราง ทั่วทั้งดาวชะตาล้วนเลือนราง ดวงดาราค่อยๆ จางหาย กลายเป็นสมุดขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า!
และประมุขกฎสวรรค์ก็เลือนหาย กลายเป็นวานรเฒ่า คำนับไปทางหวังเป่าเล่อ แล้วสลายไปอีกครั้ง ราวกับจากไปจากที่แห่งนี้
และในเวลาเดียวกัน สมุดแห่งโชคชะตาสั่นไหว ค่อยๆ ลอยมาอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ราวกับจะรอให้เขาหยิบไป
หวังเป่าเล่อยืนอยู่หน้าสมุดแห่งโชคชะตาไม่ได้รีบหยิบไป หันไปมองท้องฟ้า แล้วเอ่ยเบาๆ
“พวกเจ้า ยินยอมให้ข้าพิทักษ์จากนี้ไปหรือไม่”
เสียงนี้บางเบาแท้ๆ แต่เมื่อส่งออกไป กลับดังก้องไปทั่วทั้งโลกของไม้ดำในทันที ดังก้องในดวงดาราแต่ละดวงในโลกนี้ และในจิตสำนึกของแต่ละชีวิต
ทำให้ขณะนี้ ทุกสิ่งในโลกทั้งหมดสัมผัสได้ กลายเป็นเสียงก้องกังวานอยู่ภายในใจ สะเทือนจิตวิญญาณ และยิ่งไปกว่านั้นภายในจิตใจก็ปรากฎ…ชีวิตทั้งหมดของหวังเป่าเล่อ
พวกเขาเห็นถึงความสุขของหวังเป่าเล่อ เห็นถึงการเติบโต เห็นถึงความทุกข์โศก เห็นถึงความบ้าคลั่ง และยังเห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะพิทักษ์โลกนี้
นี่คือสิ่งที่เขามี สามารถเป็นความงดงามของเขาเอง
หลังจากนั้นอีกนาน เสียงตอบรับของสรรพสัตว์ก็ส่งออกมา จากภายในโลกแห่งศิลา
“ยินยอม!”
“ยินยอม!”
“ยินยอม!”
ขณะนี้ ต้นไม้ใบหญ้าก็ดี ผู้ฝึกตนก็ช่าง ไม่ว่าจะเป็นคนสามัญ อสูรร้าย จนถึงเขาลำธาร กระทั่งดวงดารา สรรพสัตว์ล้วนกำลังตอบรับ จิตสำนึกสายแล้วสายเล่าส่งมาไม่ขาด บรรจบกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมุดแห่งโชคชะตาที่อยู่กับหวังเป่าเล่อ ค่อยๆ ส่องประกายระยิบระยับออกมา
ท่ามกลางการตอบรับนับไม่ถ้วนในความสว่างไสวนี้ หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงจากคนสนิทและสหายของระบบสุริยะ เขาได้ยินถึงความตื่นเต้นของอาจารย์ ได้ยินความตื่นเต้นของสหายเก่า
ภายในนั้นมีเจ้าเยี่ยเหมิง มีจั่วอี้ฟาน มีหลินเทียนหาว มีตู้หมิน…
ไม่เพียงแต่ระบบสุริยะ ไม่ว่าจะเป็นเต๋าฝ่ายซ้ายหรือสำนักเสริม หรือว่าเขตแดนศูนย์กลาง ล้วนเป็นเช่นนี้ มีผู้ที่เขาคุ้นเคย และก็มีผู้ที่เดิมทีเป็นปฎิปักษ์กับเขา แต่เวลานี้ ทั้งหมด…กำลังตอบรับ
กระทั่งสุดท้าย ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยะและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณ หลังจากถอนหายใจในความเงียบ ก็ออกปากตอบรับ
และโลกแห่งศิลาก็ปะทุแสงทอประกาย หลังจากคำกล่าวของพวกเขา กระทั่งสุดท้าย…ภายในดินแดนแห่งการล่มสลาย ก็ตอบรับออกมาเช่นเดียวกัน ทั้งโลกแห่งศิลา เสียงทั้งหมดหลอมรวมไว้ด้วยกัน กลายเป็นเสียงแห่งความยิ่งใหญ่ไพศาล
นั่นคือเสียงแห่งสรรพสัตว์ และก็เป็น…เสียงแห่งโลกจิตวิญญาณของโลกแห่งศิลา
“ยินยอม!”
ทันทีที่เสียงนี้ปรากฎขึ้น โลกแห่งศิลาก็สลายไปแล้ว ทั้งหมดที่มี ต่างกลายเป็นแสงสายแล้วสายเล่า มาจากทั่วสารทิศ บรรจุบนสมุดแห่งโชคชะตานี้ ในหน้าสมุดภายใน กลายเป็น…อักษร
สมุดย่อมก่อจากอักษร
สมุดเล่มนี้ก็คือโลกนี้
และสายตาของหวังเป่าเล่อในขณะนี้ก็ปรากฎแสงแห่งความพากเพียร ค่อยๆ ยื่นมือขวาของตนออกไปทางสมุดแห่งโชคชะตา
ไว้บนฝ่ามือ
ทันใดนั้น สมุดแห่งโชคชะตากลายเป็นกระแสแสง ตรงมาที่ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อ เล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งสุดท้ายเมื่อตกลงบนฝ่ามือของเขา แทนที่ลายมือของหวังเป่าเล่อ และหลอมรวมกับมันอย่างสมบูรณ์
เวลาต่อมา ฝ่ามือขวาของหวังเป่าเล่อกำลงอย่างระวัง
ราวกับกำอัญมณีล้ำค่า
เขาแหงนหน้าขึ้น สิ่งที่เขาเห็น ไม่มีท้องฟ้า ยิ่งไม่มีดวงจิตเทพ
มีความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด คล้ายกับหลุมดำที่ไม่มีแรงสูบ และในความว่างเปล่าผืนนี้ นอกจากเขา…ยังมีเงาร่างหลายสายที่อยู่ไกลๆ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับของเขา กำลังมองเขาอย่างเงียบๆ
เงาร่างหลายสายนั้น ที่นำโดยแม่นางน้อย ข้างร่างของนางมีปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์ ยังมี…วานรเฒ่าตัวหนึ่งและจิ้งจอกตัวหนึ่ง
หวังเป่าเล่อก้มศีรษะเป็นเวลานาน ไม่ได้ไปมองร่างของแม่นางน้อย แต่มองไปทางฝ่ามือของตนเอง ในฝ่ามือขนาดสามนิ้วนั้น บรรจุด้วย…
โลกของเขา
…………………………..
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท