ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 512 ร้อนระอุ (ต้น)

ตอนที่ 512 ร้อนระอุ (ต้น)

ผู้ใหญ่​จะเข้า​ใจ​เจตนา​และ​ความคิด​ของ​เด็ก​ได้​อย่างไร​กัน

หลังจากที่​ส่ง​เด็ก​ทั้งสอง​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​หาว​ไป​หนึ่ง​ครั้ง

“​ไป​คารวะ​ท่าน​แม่​เสร็จ​แล้ว​ ​ค่อย​กลับมา​นอน​ต่อ​ดีกว่า​”​ ​สีหน้า​ท่าที​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เรียบ​เฉย​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ที่​ได้ยิน​ข้าง​หูก​ลับ​รู้สึก​เหมือนว่า​เขา​กำลัง​ยั่วยุ​อย่างไร​อย่างนั้น

นาง​ตีหน้า​ซื่อ​แสร้ง​ว่า​ไม่เข้าใจ​ ​ตอบกลับ​ด้วย​ความมั่นใจ​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​เอน​ตัว​พิง​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​บน​ที่นั่ง​ ​แต่กลับ​ไม่รู้​ตัว​เลย​สักนิด​ว่า​ใบหน้า​ของ​นาง​กำลัง​แดง​ระเรื่อ

“​พี่ใหญ่​ได้​ตัดสินใจ​แล้ว​หรือยัง​ว่า​จะ​ไปรา​ยงาน​ตัว​กับ​ทาง​กระทรวง​ขุนนาง​เรื่อง​กลับ​ไป​ที่​สำนัก​ศึกษา​ฮั่น​หลิน​ตอน​ไหน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​ขึ้น​โดย​ไม่​ค่อย​ใส่ใจ​เท่าไร​นัก​ ​“​ท่าน​โหว​และ​พี่ใหญ่​มีนัด​อะไร​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

ตน​จะ​ได้​สั่ง​ห้องครัว​ทำอาหาร​ถูก

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​กว้าง​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ ​ไม่กล้า​แกล้ง​นาง​ต่อ​ ​เพราะ​กลัว​ว่านาง​จะ​อาย​จน​กลายเป็น​โกรธเคือง​แทน

“​เห็น​บอกว่า​จะ​ไปรา​ยงาน​ตัว​วันพรุ่งนี้​”​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ ​“​เดิมที​ข้า​ตั้งใจ​จะ​ชวน​เจิ​้น​ซิ่ง​ไปหา​หวัง​ลี่​เสียหน่อย​ ​แต่​เจิ​้น​ซิ่ง​ได้​เชิญ​จิน​ฮั่น​หลิน​เพื่อที่จะ​ถาม​สถานการณ์​ของ​ทาง​สำนัก​ศึกษา​ฮั่น​หลิน​เสียก่อน​ ​คง​ต้อง​ไว้​คุย​กัน​วันหลัง​!​”

เช่นนี้​ก็​แสดงว่า​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​จะ​ไม่อยู่​ทานอาหาร​เที่ยง​ที่​จวน​สกุล​สวี

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​วันนี้​ข้า​ให้​ทาง​ห้องครัว​เก็บ​ข้าวสาลี​ใหม่​ไว้​ ​ตั้งใจ​จะ​ทำ​ขนม​เหอ​เย​่​ปิ​่ง​[1]​โดยเฉพาะ​”

พึ่ง​จะ​พูด​จบ​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​เข้ามา​พอดี

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ลุกขึ้น​ไป​หยิบ​ห่อ​ผ้า​ที่​เตรียม​ไว้​ตั้งแต่แรก​ยื่น​ให้​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่าที่​เรือน​ของ​พี่ใหญ่​มี​คน​เข้ามา​ใหม่​ ​นี่​เป็นน้ำ​ใจ​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​จาก​ข้าเจ้า​ค่ะ​!​”

ด้านใน​มี​ปิ่นทอง​หนึ่ง​คู่​และ​เครื่องประดับ​ไข่มุก​ตง​จู​อีก​หนึ่ง​คู่

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​รับ​มาด​้ว​ยสี​หน้าที่​ยิ้มแย้ม​ ​จากนั้น​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​พร้อมกับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้วจึง​กลับ​ไป​ยัง​ตรอก​กง​เสียน​ ​ส่วน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​ไปหา​หวัง​ลี่​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็​กลับ​เรือน​ไป​พักผ่อน

พึ่ง​จะ​เอน​ตัว​ลงนอน​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ก็​มาหา​พอดี

สือ​อี​เหนียง​จึง​ทำได้​เพียง​ลุกขึ้น​มาสวม​เสื้อผ้า

คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​มาจาก​จวน​ของฮู​หยิน​สาม​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เหลืออด​เต็มที​ ​“ฮู​หยิน​สาม​ของ​เจ้า​นี่​จริงๆ​ ​เลย​…​เห็น​ว่า​จวน​สกุล​ฟัง​คุย​ง่าย​ ​จวน​สกุล​ฟัง​ส่ง​คน​มาดู​เรือน​ ​แต่​นาง​กลับ​บอก​ให้​ข้า​พา​พวกเขา​ไปดู​เรือน​ที่​ตรอก​ซาน​จิ​่ง​แทน​!​”

คนบ้าน​ฝ่าย​หญิง​มาดู​ที่ทาง​และ​ขนาด​ของ​เรือนหอ​ ​ก็​เพื่อที่จะ​เริ่ม​เชิญ​ช่าง​มา​เตรียม​เครื่องเรือน​ที่จะ​ใช้​เป็น​สินเดิม​ ​แต่กลับ​พา​คนบ้าน​ฝ่าย​หญิง​ไป​วัด​ขนาด​เรือน​ที่​ตรอก​ซาน​จิ​่ง​แทน​ ​เกรง​ว่า​ทาง​ฝั่ง​จวน​สกุล​ฟัง​จะเข้า​ใจ​ผิด​คิด​ว่า​เรือน​ที่​ตรอก​ซาน​จิ​่ง​เป็น​เรือนหอ​…​ก็​จะเข้า​ออกเรือน​เพื่อ​เติม​เครื่องเรือน​ให้​เต็ม​ ​สินเดิม​หนึ่ง​หมื่น​ตำลึง​เงิน​ของ​ทาง​ฝั่ง​คุณหนู​ใหญ่​สกุล​ฟัง​คงจะ​ไม่พอ​ ​แต่​หาก​ไม่​เติม​ให้​เต็ม​เรือน​ ​เกรง​ว่า​จะ​ถูก​ผู้คน​นินทา​ว่า​สินเดิม​ของ​ทาง​ฝั่ง​จวน​สกุล​ฟัง​นั้น​น้อย​จน​เกินไป

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่าการ​ทำ​เช่นนี้​ค่อนข้าง​เกินไป​หน่อย​ ​นาง​จึง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เรา​ไป​คุย​เรื่อง​นี้​กับฮู​หยิน​ของ​รอง​เจ้ากรม​หลิว​ดี​หรือไม่​”

คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​กลับ​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​หลิวฮู​หยิน​เคย​บอก​แล้ว​ว่า​คุณหนู​ใหญ่​สกุล​ฟัง​ถูก​เลี้ยงดู​โดย​ไท่ฮู​หยิน​คน​ก่อน​ตั้งแต่​เล็ก​จน​โต​ ​ตอนที่​ไท่ฮู​หยิน​คน​ก่อน​เสีย​ ​ได้​เก็บ​ทรัพย์สมบัติ​ให้​กับ​คุณหนู​ใหญ่​ไว้​เป็น​สินเดิม​จำนวน​หนึ่ง​ ​ดังนั้น​จวน​สกุล​ฟัง​ก็​จะ​ไม่​คิดเล็กคิดน้อย​เรื่อง​เงิน​เรื่อง​ทอง​ ​กลัว​แต่ว่า​หลิวฮู​หยิน​ผู้​นี้​ก็​ไม่​สามารถ​ตัดสินใจ​อะไร​ได้เสีย​มากกว่า​”

แต่​ทำ​เช่นนี้​ก็​ถือว่า​ไม่เหมาะสม​อย่างยิ่ง​ ​หาก​ข่าวลือ​กระจาย​ออก​ไป​ ​ผู้คน​จะเข้า​ใจ​ผิด​คิด​ว่า​จวน​สกุล​สวี​กำลัง​ฉ้อโกง​สินเดิม​ของ​ลูกสะใภ้​เอา​ได้

“​ข้าว​่า​สู้​เรา​ไป​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​ทาง​จวน​สกุล​ฟัง​ให้​เข้าใจ​ดีกว่า​ ​เรือน​ที่​ตรอก​ซาน​จิ​่ง​เป็น​ทรัพย์สิน​ที่จะ​มอบให้​จิ​่น​เกอ​ ​เรือนหอ​ก็​ไม่ได้​สร้าง​อยู่​ใน​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​ให้​พวกเขา​ตัดสินใจ​เอง​ ​ว่า​จะ​ไป​วัด​ที่ทาง​และ​ขนาด​ของ​เรือน​ที่ไหน​”

คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้​ ​จะ​ให้​ข้า​พา​คน​ของ​จวน​สกุล​ฟัง​ไป​ที่​ตรอก​ซาน​จิ​่ง​ ​ข้า​ทำไม​่​ลง​จริงๆ​”

สือ​อี​เหนียง​ฟัง​แล้วก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​ปลอบใจ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​มิเช่นนั้น​ ​ไท่ฮู​หยิน​จะ​ให้​พี่​หญิง​ออกหน้า​แทน​ทำไม​กัน​ ​ก็​เพราะ​นอกจาก​พี่​หญิง​แล้ว​ ​ก็​คงจะ​ไม่มีใคร​คนอื่น​ที่จะ​สามารถ​ทำได้​”

ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​คำพูด​ประจบประแจง​ ​แต่​สีหน้า​ของ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ก็ดี​ขึ้น​ไม่น้อย

“​เจ้า​อย่า​มา​หลอก​ข้า​ให้​มาก​นัก​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​วน​ไป​พูด​เรื่อง​ของ​โจวฮู​หยิน​ขึ้น​มา​ ​“​นาง​เป็น​แม่สื่อ​ที่​มีชื่อเสียง​เรียง​นาม​ ​และ​มักจะ​ชอบ​ช่วย​เป็น​แม่สื่อ​แม่​ชัก​…​”​ ​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​พูดถึง​เรื่อง​ฟัง​เจี่ย​เอ๋อร​์​ให้กำเนิด​บุตรสาว​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​จวน​สกุล​โจว​ถวาย​หนังสือ​ขอ​ฮ่องเต้​รับ​สนม​ให้​กับ​ไท่​จื่อ​ ​ฮ่องเต้​ทรง​ไม่ได้​ตรัส​อะไร​ ​แต่​ฮองเฮา​กลับ​ทรง​คัดค้าน​ข้อคิดเห็น​นี้​ ​ตรัส​ว่า​ทั้งสอง​พึ่ง​จะ​อภิเษกสมรส​ได้​ไม่นาน​ ​ไท่​จื่อ​ก็​พึ่ง​จะ​รับ​ตำแหน่ง​องค์​รัชทายาท​ ​ควรจะ​เห็นแก่​บ้านเมือง​เป็นหลัก​ ​จึง​ปัด​เรื่อง​นี้​ตกไป​!​”

เพื่อ​การ​นี้​ ​จวน​สกุล​โจว​จึง​ได้​ส่งผล​อิง​เถา​ที่พึ่ง​จะ​เริ่ม​ขาย​ใน​ตลาด​มา​ให้

สือ​อี​เหนียง​ไม่​สะดวก​จะ​พูด​อะไร​มาก​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​ชวน​คุย​เรื่อง​อื่น​แทน​ ​“​สาม​ปี​ให้กำเนิด​บุตรสาว​ถึง​สอง​คน​ ​ถือว่า​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ใน​แคว้น​ต้า​โจว​”

คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​เม้มปาก​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้าว​่า​ ​ที่​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​คือ​ความรักใคร่​มากกว่า​กระมัง​”

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​พลอย​ยิ้ม​ตาม​ไป​ด้วย

ทั้งสอง​คุย​กัน​ราว​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​จึง​ค่อย​ขอตัว​ลาก​ลับ

ป้า​ซ่ง​ก็​เข้ามา​ปรนนิบัติ​สือ​อี​เหนียง​เข้านอน

“​ช่างเถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ใกล้​จะ​เที่ยง​แล้ว​ ​จึง​ให้​ป้า​ซ่ง​นำ​น้ำแกง​โสมมา​ให้​นาง​หนึ่ง​ถ้วย​ ​“​ค่อย​ไป​นอน​พัก​ช่วง​บ่าย​ทีเดียว​ก็แล้วกัน​”

ป้า​ซ่ง​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ไป​นั่งเล่น​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​สัก​ครึ่ง​วันดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​!​”

ปีนั​้น​ได้​ทำการ​ซ่อมแซม​แต่งเติม​เรือน​ใหม่​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​พักอาศัย​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​อยู่​หลาย​เดือน​ ​ต่อมา​เมื่อย​้า​ยก​ลับ​เข้า​เรือน​หลัก​ไป​แล้ว​ ​ข้าวของเครื่องใช้​ที่อยู่​ที่นั่น​ยัง​จัดวาง​อยู่​ที่​เดิม​ไม่ได้​เคลื่อนย้าย​แต่อย่างใด​ ​ยังคง​มีบ​่า​วรับ​ใช้​มาคอย​เก็บกวาด​ทำความสะอาด​ไม่ขาดสาย​ ​ที่​ป้า​ซ่ง​บอก​กับ​นาง​เช่นนี้​ ​ก็​เพื่อ​จะ​บอก​นาง​เป็นนัย​ว่า​ให้​อาศัย​ข้ออ้าง​ไป​นั่งเล่น​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​แล้ว​นอน​พัก​เสียหน่อย​ ​แต่ทว่า​นาง​ก็​ไม่ได้​ดูแล​ธุระ​ใน​จวน​แล้ว​ ​หาก​จะ​นอน​พัก​ ​เหตุใด​ต้อง​ไป​นอน​ถึง​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ด้วย

“​ถึง​เวลา​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​ก็แล้วกัน​!​”​ ​นาง​ปฏิเสธ​ความคิดเห็น​ของ​ป้า​ซ่ง​ไป​อย่าง​สุภาพ​ ​ขณะที่​กำลัง​คิด​ว่า​จะ​ให้​บ่าว​รับใช้​ไปดู​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เสียหน่อย​ว่า​เหตุใด​เขา​ถึง​ยัง​ไม่​กลับมา​ ​ซื่อ​สี่​สาวใช้​ข้าง​กาย​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​มา​พอดี​ ​“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​พา​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ขมวดคิ้ว​แน่น

สวี​ลิ่ง​อี๋​มี​ข้อกำหนด​สำหรับ​เวลาเรียน​และ​เวลาพักผ่อน​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​อย่างชัดเจน​ ​เฉพาะ​ยามเช้า​และ​ยาม​ค่ำ​เท่านั้น​ที่จะ​สามารถ​เข้าไป​ที่​เรือน​ชั้นใน​ได้​ ​นอกเหนือจาก​เวลานี้​ ​หาก​ไม่ได้​รับ​อนุญาต​จาก​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​ห้าม​เข้าไป​ใน​เรือน​ชั้นใน​ตามอำเภอใจ​โดยพลการ​อย่างเด็ดขาด

“​เจ้า​ไปร​ออยู​่​นอก​เรือน​ชั้นใน​ ​หาก​คุณชาย​น้อย​ห้า​ออกมา​แล้วก็​รีบ​พาก​ลับ​มาทัน​ที​!​”

ซื่อ​สี่​ขานรับ​อย่างนอบน้อม​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ยัง​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ทันที​ ​เวลา​ผ่าน​ไปราว​ครึ่ง​ก้านธูป​ซื่อ​สี่​จึง​ค่อย​กลับมา​ ​“ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​ให้​คุณชาย​น้อย​สี่​และ​คุณชาย​น้อย​ห้า​อยู่​ทานอาหาร​เที่ยง​แล้วก็​นอน​พักผ่อน​ที่​เรือน​ชั้นใน​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ให้​สาวใช้​น้อย​เตรียม​ตั้งโต๊ะ​อาหาร​เที่ยง​ ​ใน​ใจ​กำลัง​ครุ่นคิด​ว่า​ควรจะ​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​อย่างไร​ดี

*****

ไท่ฮู​หยิน​หันไป​จ้องมอง​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​มารดา​ของ​เจ้า​ก็​แค่​ตื่น​สาย​ ​ไม่จำเป็น​ว่า​จะ​ต้อง​ป่วย​เสียหน่อย​!​ ​หาก​เจ้า​ไม่สบายใจ​จริงๆ​ ​ก็​ควรจะ​ถาม​มารดา​ของ​เจ้า​ออก​ไป​ตรงๆ​ ​ต่อไป​ภายภาคหน้า​เวลา​จะ​ทำ​อะไร​ก็​อย่า​เดา​ส่งเดช​แล้วไป​ตัดสิน​เอา​เอง​ ​เข้าใจ​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​จุน​ขานรับ​ด้วย​ความ​เก้อเขิน

จากนั้น​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ให้​เก๋อ​จิน​พาส​วี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​นอน​พักกลางวัน​ที่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง​ด้วย​ความตลกขบขัน

ป้า​ตู้​ที่​คอย​ฟัง​เหตุการณ์​อยู่​ข้างๆ​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ตาม

จากนั้น​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ให้​ป้า​ตู้​ไป​หยิบ​เอา​หนังสือ​ ​‘​ตีความ​อักษร​’​ ​มา​ ​“​ข้า​จะ​ดูดี​ๆ​ ​เสียหน่อย​ ​หาก​มี​หลาน​คน​ใหม่​จริงๆ​ ​ควรจะ​ตั้งชื่อ​ว่า​อะไร​ดี​!​”

*****

ช่วง​บ่าย​ ​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​ก็ได้​พา​อี๋​เหนียง​คน​ใหม่​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​เชิญ​พวก​นาง​เข้ามา​นั่ง​ใน​เรือน​ ​ถือโอกาส​ตอนที่​สาวใช้​ไปริ​นน​้ำ​ชา​สังเกต​ดู​หวัง​อี๋​เหนียง​อย่างละเอียดถี่ถ้วน

นางอายุ​เพียงแค่​สิบ​สี่​ ​สิบห้า​ปี​เท่านั้น​ ​หน้าตา​งดงาม​สะอาดหมดจด​ ​จัด​ผม​ทรง​มวย​กลม​ ​ปัก​ด้วย​ปิ่นเงิน​ดอก​เถาฮ​วา​ ​สวม​เสื้อ​อ่าว​เล็ก​ผ้าแพร​หังโจว​สีชมพู​และ​กระโปรง​จับ​จีบ​จันทรา​ทรงกลด​สีน้ำเงิน​เขียว​ ​ร่าง​น้อย​เอวบาง​ ​นาง​กำลัง​นั่ง​ก้มหน้า​เล็กน้อย​ ​ดู​สงบเสงี่ยม​เป็นอย่างมาก

เมื่อ​เห็น​สาวใช้​ยก​น้ำชา​มา​ให้​ ​นาง​ก็​รีบ​ลุกขึ้น​มาทัน​ที​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​ยังคง​นั่ง​อยู่​ที่​เดิม​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​แดง​ระเรื่อ​ขึ้น​มา​ ​แล้วจึง​ค่อยๆ​ ​หย่อน​ตัว​นั่งลง​ตามเดิม​ ​ดูเหมือนว่า​นาง​จะ​ถูก​เลี้ยงดู​มา​อย่างเคร่งครัด

คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​และ​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​พูดคุย​ถึง​เรื่อง​อิง​เหนียง​ ​“​…​นาง​เป็นหวัด​ ​ก็​เลย​ให้​นาง​พัก​อยู่​ที่​จวน​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็ได้​เหลือบ​ไป​มอง​กิริยาท่าทาง​ของ​หวัง​อี๋​เหนียง​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​คุณหนู​สิบเอ็ด​เป็น​พระ​ญาติ​ของ​เชื้อพระวงศ์​ ​ให้ความสำคัญ​กับ​กฎเกณฑ์​และ​ขนบธรรมเนียม​เป็น​ที่สุด​ ​ถึงแม้ว่า​เจ้า​จะ​เป็น​อนุภรรยา​ ​แต่​ก็​ถือเป็น​เจ้านาย​ของ​จวน​คน​หนึ่ง​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​เรา​มา​เป็น​แขก​ของ​คุณหนู​สิบเอ็ด​ ​ไม่​เหมือนกับ​ตอน​อยู่​ที่​จวน​ ​มีสาว​ใช้​น้อย​ยก​น้ำชา​มา​ให้​ ​เจ้า​เพียงแค่​น้อม​รับ​ก็​พอ​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ลุกขึ้น​”​ ​คาดไม่ถึง​ว่านาง​จะ​สอน​มารยาท​และ​กฎเกณฑ์​ให้​กับ​หวัง​อี๋​เหนียง

ใบหน้า​ของ​หวัง​อี๋​เหนียง​แดงก่ำ​เข้าไป​ใหญ่​ ​นาง​ก้มหน้า​ลง​ต่ำ​พร้อมกับ​ขานรับ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”

คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​จึง​ค่อย​หันมา​ยิ้ม​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​อธิบาย​ว่า​ ​“​นาง​เหมือนกับ​ข้า​ ​เติบโต​จาก​หมู่บ้าน​ใน​ชนบท​ ​จึง​ยัง​ต้อง​สอน​และ​ชี้แนะ​ให้​มาก​ ​ยังดี​ที่​คุณหนู​ไม่ใช่​คนนอก​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​หันไป​พูด​กับ​หวัง​อี๋​เหนียง​ว่า​ ​“​เจ้า​ทำตัว​ตามสบาย​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​คุย​กับ​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​เรื่อง​เมื่อครู่นี้​ต่อ​ ​“​อิง​เหนียง​เป็นหวัด​หรือ​ ​อาการหนัก​หรือไม่​ ​ได้​เชิญ​หมอ​มาดู​อาการ​แล้ว​หรือยัง​ ​แล้ว​หมอ​สั่ง​ยา​อะไร​บ้าง​”

คำถาม​ถูก​ถาม​ออก​ไป​อย่างต่อเนื่อง​ ​เห็นได้ชัด​ว่านา​งค​่อ​นข​้าง​เป็นห่วง

คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​จึง​รีบ​ตอบกลับ​ว่า​ ​“​อาการ​ไม่​ร้ายแรง​ ​ได้​เชิญ​หมอ​หลวง​อู๋​ของ​สำนัก​หมอ​หลวง​มาช​่วย​ตรวจดู​อาการ​อย่างละเอียด​ ​บอกว่า​ทาน​ยาสัก​สอง​ชุด​ก็​หาย​ดี​เป็นปกติ​”

“​เช่นนั้น​ก็ดี​!​”

ทุกคน​พูดคุย​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​ก็ได้​พา​หวัง​อี๋​เหนียง​ขอตัว​ลาก​ลับ

ตกค่ำ​ ​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​จับมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​มาสัง​เกต​ดู​เสีย​ยกใหญ่​ ​จากนั้น​ก็ได้​ถาม​ว่า​สุขภาพ​ร่างกาย​ของ​นาง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​ได้​ทาน​รังนก​วัน​ละ​สอง​ถ้วย​ตามที่​หมอ​หลวง​แนะนำ​หรือไม่​ ​ยัง​ได้​ถาม​อีกว่า​รังนก​ที่​ห้องเก็บของ​พอ​หรือเปล่า​ ​หากว่า​ไม่พอ​ก็​ให้​มา​เอา​ที่นาง​ ​ให้​สือ​อี​เหนียง​เอา​ไป​ทาน​ ​แล้วยัง​บอกอี​กว่า​ให้​บำรุงรักษา​ร่างกาย​ให้​ดี​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​ตำหนิ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​นาง​นิสัยใจคอ​ว่านอนสอนง่าย​ ​เจ้า​ก็​ควรจะเป็น​คน​ตัดสินใจ​แทน​ถึง​จะ​ถูก​ ​เจ้า​ดู​สือ​อี​เหนียง​ ​ตา​ช้ำ​ไป​หมด​แล้ว​…​ตอนนี้​นางอายุ​ยังน้อย​ ​ย่อม​ไม่มีปัญหา​อะไร​ ​ผ่าน​ไป​อีก​ไม่​กี่​ปี​ ​หาก​ร่างกาย​อ่อนแอ​ลง​!​ ​หรือ​เจ้า​อยาก​จะ​แบก​คำครหา​ที่ว่า​มีด​วง​ที่​ส่งผล​ร้าย​ต่อ​ภรรยา​หรือ​”

นาน​มาก​แล้ว​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​โดน​มารดา​ตำหนิติเตียน​เช่นนี้​ ​เขา​จึง​ค่อนข้าง​ทำตัว​ไม่​ถูก​ ​กลับ​เรือน​ไป​ก็​กลัว​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ไต่ถาม​เขา​ ​แต่​นึกไม่ถึง​ว่า​ป้า​ซ่ง​จะ​มาบ​อก​ว่า​สือ​อี​เหนียง​เข้านอน​ตั้งแต่​หัวค่ำ​แล้ว

เขา​ค่อยๆ​ ​ขึ้นไป​บน​เตียง​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​ขยับตัว​เลย​แม้แต่น้อย

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

เขา​จ้องมอง​ใบหน้า​ของ​นาง​อย่าง​พินิจ

ก็​ไม่เห็น​ว่า​จะ​ช้ำ​ตรงไหน​ ​แต่​เหตุใด​ถึง​รู้สึก​ว่านาง​ผอม​ลง

เขา​ค่อยๆ​ ​โอบกอด​นาง​ไว้​ใน​อ้อมแขน

“​อืม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เอื้อน​เอ่ย​เสียง​เบา​โดยที่​ไม่ได้​ลืมตา​ขึ้น​มา​ ​จากนั้น​นาง​ก็​หนุน​ศีรษะ​ไว้​ที่​แขน​ของ​เขา​ ​แล้วจึง​นอนหลับ​ต่อ

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​พูด​เกิน​จริง​ไป​หน่อย​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​หัว​ถึง​หมอน​เป็น​หลับ​เช่นนี้​ติดต่อกัน​หลาย​วัน​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​เสียใจ​ขึ้น​มา

หาก​รู้​ว่า​จะ​เป็น​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​คงจะ​ไม่​ตามใจ​ตัวเอง​ขนาด​นั้น​ ​เท่ากับ​ว่า​ตอนนี้​เขา​ได้​ทานข้าว​สารที​่​กักตุน​จน​หมดเกลี้ยง​แล้ว​ ​สู้​ทาน​ทีละน้อย​แต่​ทาน​ได้​นาน​เสีย​ยังดี​กว่า​ ​จะ​ได้​หยอก​เล่น​กับ​สือ​อี​เหนียง​วัน​ละ​นิด​วัน​ละ​หน่อย​ก็​ยังดี

สือ​อี​เหนียง​กลับ​ไม่ได้​คิด​อะไร​มาก

นาง​ได้​พักผ่อน​ไป​หลาย​วัน​ ​รู้สึก​กระปรี้กระเปร่า​ขึ้น​มาก​ ​นาง​ยังคง​ฟัง​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​บ่น​ถึงฮู​หยิน​สาม​ทุกวัน​ ​ถือโอกาส​นี้​ฟัง​ความคืบหน้า​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ว่า​เดินหน้า​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว​ ​ไม่นาน​ก็​ถึง​ปลายเดือน​สี่

ทาง​ฝั่ง​ซื่อ​เหนียง​ก็ได้​มี​ข่าวดี​มาแจ้ง

“ฮู​หยิน​ของ​บ่าว​ให้กำเนิด​คุณชาย​น้อย​อีกแล้ว​ ​เนื้อตัว​อ้วน​กลม​และ​ผิวขาว​ ​หนัก​แปด​ชั่ง​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ให้เงิน​ตอบแทน​น้ำใจ​ให้​กับ​คนที​่​มาแจ้ง​ข่าว​ ​จากนั้น​ก็ได้​ไปร​่วม​พิธี​สรง​สาม​ ​ตามมา​ด้วย​งานเลี้ยง​ดื่ม​สุรา​ครบ​เดือน​ ​สือ​อี​เหนียง​ดูแล​เด็ก​ๆ​ ​และ​ทำ​ถุงเท้า​ฤดูร้อน​ให้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​…​ยุ่ง​วุ่นวาย​เช่นนี้​ทุกวัน​ ​ไม่นาน​ก็​ถึง​เทศกาล​ไหว้​บ๊ะ​จ่าง​ ​แต่ละ​จวน​ก็ได้​นำ​ของขวัญ​มา​ฝาก​ตาม​ขนบธรรมเนียม​ ​แล้วก็​ผ่าน​เลย​ไป​ถึง​กลางเดือน​หก

ฮู​หยิน​ห้า​คลอด​บุตรชาย​ได้​อย่างราบรื่น​!

ไท่ฮู​หยิน​ดีใจ​จน​หุบ​ยิ้ม​ไม่ได้​ ​นาง​ทั้ง​กอด​ทั้ง​หอม​จิ​่น​เกอ​ที่​เอาแต่​พยายาม​คลาน​ลง​จาก​เตียง​ไม่​หยุด​ไม่​หย่อน​ ​“​เป็นความ​โชคดี​ที่​จิ​่น​เกอ​นำมา​ให้​ ​มาคน​เดียว​ไม่ว่า​ ​แต่​ยัง​พาน​้​อง​ชาย​มาด​้วย​!​”​ ​จากนั้น​สายตา​ก็​จับจ้อง​ไป​ยัง​ท้อง​ของ​สือ​อี​เหนียง

ใบหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​แดง​ระเรื่อ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​ยังดี​ที่ว่า​สายตา​ของ​ทุกคน​กำลัง​จดจ่อ​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​ควน​ที่​กำลัง​อุ้ม​บุตรชาย​พร้อมกับ​หัวเราะ​เสียงดัง​ด้วย​ความดีใจ​ ​และ​กำลัง​พากั​นพูด​คุย​ถึง​หน้าตา​ของ​ทารก​แรกเกิด​คน​นี้

ฮู​หยิน​ห้า​ที่​กำลัง​นอน​อยู่​บน​เตียง​ก็ได้​หันไป​มอง​สามี​ด้วย​สีหน้า​ท่าที​ที่​ภาคภูมิใจ

“​พอดี​เลย​!​”​ ฮู​หยิน​สาม​ที่​เข้า​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​เพราะ​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​บุตรชาย​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​รอ​จัดงาน​เลี้ยง​ครบ​เดือน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​พอดี​กับ​งานแต่ง​ของ​ฉิน​เกอ​ ​หลังจากที่​จัดงาน​แต่ง​ของ​ฉิน​เกอ​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้วก็​พอดี​กับ​งานเลี้ยง​ครบ​ร้อย​วัน​ ​เด็ก​คน​นี้​เลือก​วันเกิด​ได้ดี​จริง​เชียว​”

สือ​อี​เหนียง​กลับ​นึกถึง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตัว​น้อย​ๆ​ ​ที่​กำลัง​นั่ง​ตัวตรง​คัด​อักษร​ด้วย​พู่กัน​อยู่​บน​โต๊ะ​ของ​เตียง​เตา​ขึ้น​มา

———————————————

[1]​เหอ​เย​่​ปิ​่ง ​หรือ​ ​ชุน​ปิ​่ง​ ​เป็น​อาหารจีน​ที่​หา​ทาน​ได้​เฉพาะทาง​ตอนเหนือ​ของ​ประเทศจีน​เท่านั้น​ ​วิธีการ​ทำ​คือ​ ​การนำ​แผ่น​แป้ง​บาง​ๆ​ ​มา​ห่อ​อาหาร​ไว้​ภายใน​ ​แล้ว​ม้วน​ให้​มี​ลักษณะ​คล้าย​ปอเปี๊ยะ​บ้าน​เรา​ ​โดย​อาหาร​ที่​นำมา​ทำเป็น​ไส้​จะ​เป็น​กับข้าว​ ​แล้วแต่​ผู้​ทาน​จะ​สั่ง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท