ตอนที่ 524 พาแฟนไปเยี่ยมผู้ใหญ่
หลังกลับจากโรงงานและมาที่วิลล่า หลินม่ายก็เริ่มเข้าครัวทำอาหารมื้อเย็น แต่แล้วก็ได้ยินเสียงโต้วโต้วร้องถามด้วยความประหลาดใจดังมาจากสนามหญ้าหน้าบ้าน “คุณอา ทำไมวันนี้ถึงขับรถกลับมาคะ คุณอาไปเอารถมาจากไหน?”
หลินม่ายหันหน้าไปตามเสียงด้วยความสงสัย มองออกไปนอกหน้าต่างตรงอ่างล้างจาน เห็นว่าฟางจั๋วหรานขับรถจี๊ปสีเขียวคันใหม่เอี่ยมเข้ามาจอดที่สนามจริง ๆ
ฟางจั๋วหรานลงจากรถ ลูบศีรษะน้อย ๆ ของโต้วโต้ว “อาซื้อมาน่ะสิ”
คุณย่าฟางและคุณปู่ฟางกำลังรดน้ำพรวนดินต้นเบญจมาศอยู่ที่สวนหน้าบ้านด้วยกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับเงยหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “คิดยังไงถึงซื้อมา? เก็บเงินไว้แต่งงานในอนาคตไม่ดีกว่าเหรอ? ทำไมถึงได้ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยนัก?”
ถึงหลานชายคนโตของพวกเขาจะได้รับเงินเดือนสูงลิ่ว นอกจากวิลล่าหลังนี้แล้วก็ยังมีทองคำแท่งจำนวนมากที่ผู้เป็นแม่ทิ้งไว้ให้เป็นมรดก
ต่อให้ตัดทองคำแท่งพวกนั้นออกไป เขาก็ยังมีฐานะร่ำรวยมาก
ถึงอย่างนั้นคุณย่าฟางก็ทนเห็นเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายทั้ง ๆ ที่ยังไม่แต่งงานไม่ได้
ฟางจั๋วหรานรีบอธิบาย “หลักสูตรที่ผมทุ่มเทศึกษามาสองปีสามารถเสริมช่องโหว่ด้านการผ่าตัดได้สำเร็จ บทความเกี่ยวกับหลักสูตรที่ผมเขียนก็ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารนานาชาติยักษ์ใหญ่ จนได้รับเงินรางวัลจากทางมณฑล สำนักงานเขต และเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมเป็นเงินแปดหมื่นหยวน ผมจ่ายเงินซื้อรถจี๊ปมือสองไปแค่สามหมื่นหยวนเอง ยังเหลือเงินเก็บอีกหลายหมื่น คุณปู่คุณย่าเคยบอกว่าอยากกลับไปที่ชนบทสักสองสามวันในวันชาติไม่ใช่เหรอครับ? ตอนนี้เรามีรถจี๊ปแล้ว ผมจะเป็นสารถีให้พวกท่านเอง ไปไหนมาไหนสะดวกกว่า”
คุณปู่ฟางเลิกสนใจต้นเบญจมาศทันที
เขาวิ่งเหยาะ ๆ พลางสำรวจรถจี๊ปไปรอบคัน ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “รถมือสองจริงหรือเปล่า? ทำไมถึงดูใหม่จัง?”
ฟางจั๋วหรานตบท้ายรถจี๊ป “มันถูกทำสีใหม่ตั้งแต่ก่อนจะเอามาขายแล้วครับ”
พอฟางจั๋วเยวี่ยกลับมาที่วิลล่าหลังจากเลิกงาน สายตาเขาก็ปะทะเข้ากับรถจี๊ปเป็นอย่างแรก ดวงตาพลันลุกวาวสว่างจ้าราวกับหลอดไฟ เหมือนเจอหญิงสาวที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ตอนแรกเขานึกว่าฟางจั๋วหรานไปขอยืมรถใครมาขับ พอถามแล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายซื้อมา
เขาพูดอย่างรู้ทัน “เป็นคนรวยนี่มันดีจริง ๆ พี่สะใภ้แค่บอกว่าถนนหนทางไปยังหมู่บ้านของหลี่หมิงเฉิงค่อนข้างลำบาก ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเดินขึ้นเขา พี่ก็เลยซื้อรถจี๊ปอย่างไม่ลังเล เพราะกลัวว่าพี่สะใภ้จะเดินทางเหนื่อยเกินไป อยากหาเรื่องไปเยี่ยมบ้านพี่สะใภ้ล่ะสิไม่ว่า?”
ฟางจั๋วหรานไม่สะทกสะท้านถึงแม้ความคิดของเขาจะถูกเปิดเผย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่มีทางปล่อยให้แฟนสาวได้รับความลำบาก
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามปกป้องใบหน้าตัวเองด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค “วันชาติที่จะถึงนี้ คุณปู่คุณย่าบอกว่าจะกลับไปอยู่ชนบทสักสองวัน ฉันก็เลยซื้อรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขา”
ฟางจั๋วเยวี่ยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาซื้อรถจี๊ปคันนี้เพื่อใครกันแน่ เขาสนใจแค่ว่าตัวเองสามารถขับมันได้ไหม
เขารบเร้าฟางจั๋วหราน ขอขับรถคันนี้สักครั้ง
ฟางจั๋วหรานโยนกุญแจรถให้เขาเพื่อตัดรำคาญ ไม่ลืมกำชับให้เขาขับช้า ๆ และระวังความปลอดภัย
ฟางจั๋วเยวี่ยรับคำด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น เตรียมกระโดดขึ้นรถอย่างไม่รอช้า
พอเห็นแบบนั้น คุณย่าฟางก็ตะโกนใส่เขา “จวนได้เวลาอาหารเย็นแล้ว รีบไปรีบกลับเร็วเข้าล่ะ”
จู่ ๆ ฟางจั๋วหรานก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้เขาสัญญากับหลินม่ายว่าจะไปเยี่ยมเยียนผอ.เขตโอวหยางกับเธอหลังเสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็น จึงบอกให้ฟางจั๋วเยวี่ยรีบกลับมาก่อนเวลา เนื่องจากเขาต้องใช้รถ
ฟางจั๋วเยวี่ยจำใจตอบรับด้วยความผิดหวังนิดหน่อย
โต้วโต้ววิ่งไปดึงขากางเกงเขาทันที พยายามปีนขึ้นไปบนรถเพราะอยากไปด้วย
ฟางจั๋วเยวี่ยอุ้มหล่อนขึ้นรถ จากนั้นสองอาหลานก็ขับรถออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ ก่อนจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นอย่างสมใจอยาก
บนโต๊ะอาหารค่ำ ฟางจั๋วหรานประกาศข่าวดีให้ทุกคนรู้ทั่วกัน ว่าตอนบ่ายของวันนี้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นศาสตราจารย์เต็มตัวแล้ว
ทุกคนพากันดีใจยกใหญ่ เมื่อรู้ว่าจากนี้เขาจะไม่ได้เป็นแค่รองศาสตราจารย์อีกต่อไป
หลินม่ายมองค้อนเขาทันที ตำหนิเขาที่ไม่ยอมบอกให้เร็วกว่านี้หน่อย เธอจะได้ทำเมนูพิเศษเพิ่มอีกสองจาน
คุณปู่ฟางพูดอย่างร่าเริง “ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยฉลองก็ยังไม่สาย”
หลังมื้ออาหารเย็น ฟางจั๋วหรานเตรียมประจำที่นั่งคนขับรถจี๊ป เพื่อไปมอบของขวัญให้ผอ.เขตโอวหยางกับหลินม่าย
หลินม่ายคิดว่า ในเมื่อพวกเขามีรถทั้งที เธออาจจะมอบของขวัญทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้กับผู้อำนวยการหลิวซึ่งเป็นผอ.ประจำส่วนงานพัฒนาเมือง และผู้จัดการฝ่ายขายของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในคราวเดียว
สำหรับของขวัญวันชาติปีนี้ หลินม่ายตั้งใจเตรียมไว้ให้ผู้จัดการฝ่ายขายของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทุกแห่ง เพราะคิดว่าในอนาคตทั้งสองฝ่ายอาจต้องร่วมมือกันในระยะยาว จึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้
เธอไม่ละเว้นผู้จัดการข่งด้วยเช่นกัน เนื่องจากช่วงนี้ผู้จัดการข่งไม่ได้ทำให้ร้านUniqueของเธอประสบความลำบากเท่าใด
ศัตรูกำจัดง่ายแต่ปรองดองยาก ในเมื่อผู้จัดการข่งยอมถอยหนึ่งก้าว เธอเองก็จะถอยกลับหนึ่งก้าวด้วยเหมือนกัน
ทั้งสองหอบของขวัญทั้งหมดไปวางไว้ในรถ จากนั้นก็ขับออกไป
เป้าหมายแรก คือไปเยี่ยมเยียนผอ.เขตโอวหยาง
ระหว่างทาง ฟางจั๋วหรานถามคำถามที่อยู่ในใจ ว่าทำไมเธอถึงต้องพาเขาไปมอบของขวัญวันชาติให้กับผอ.เขตโอวหยางด้วย
หลินม่ายลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมบอกความจริงกับเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำว่าโอวหยางหรง หลานชายของผอ.เขตโอวหยางแสดงออกชัดเจนว่าสนใจเธอ
เธอไม่อยากให้เขามาติดพัน จึงคิดว่าควรพาแฟนหนุ่มไปเปิดตัวต่อหน้าโอวหยางหรงโดยตรง เพื่อให้เขายอมแพ้
ฟางจั๋วหรานรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ภายในใจกลับเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย
ที่น่ายินดีคือในใจหลินม่ายมีที่สำหรับเขาเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาต้องคิดหาวิธีทำให้คนที่มาชอบเธอหลีกทางไปเสีย
ที่น่าปวดหัวคือนับวันแฟนสาวของเขายิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาควรหยุดความน่ารักของเธออย่างไรดี?
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาถามว่า “แล้วถ้าวันนี้หลานชายของผอ.เขตโอวหยางไม่อยู่บ้านจะทำยังไงดี?”
“เขาอยู่หรือเปล่าไม่สำคัญ ตราบใดที่ผอ.เขตโอวหยางรู้ว่าคุณเป็นแฟนฉัน เดี๋ยวหลานชายเขาก็ยอมแพ้ไปเอง”
“ทำไม?”
หลินม่ายพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แฟนฉันเป็นถึงศาสตราจารย์นายแพทย์แผนกศัลยศาสตร์ที่อายุแค่ยี่สิบแปดปี แถมยังหน้าตาหล่อมากอีกด้วย โอวหยางหรงหรือจะเทียบรัศมีคุณได้? เขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากยอมถอยไปให้ห่างจากฉัน?”
ฟางจั๋วหรานได้รับคำชมอย่างล้นหลามโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อพวกเขามาถึงเขตชุมชนข้าราชการที่ผอ.เขตโอวหยางอาศัยอยู่ ฟางจั๋วหรานก็จอดรถ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับของขวัญจำนวนมาก
ผู้หญิงที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามกับห้องของผอ.เขตโอวหยาง แง้มประตูเล็กน้อย แอบมองพวกเขาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
ทันทีที่คุณนายโอวหยางเปิดประตู หล่อนก็หดหัวกลับเข้าไปตามเดิม
เมื่อคุณนายโอวหยางเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือหลินม่ายและชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกคนหนึ่ง หล่อนก็รีบเชื้อเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้านอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับถามหลินม่าย “พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน?”
หลินม่ายยิ้มก่อนจะหันไปแนะนำ “แฟนฉันเองค่ะ ฟางจั๋วหราน ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้”
คุณนายโอวหยางถึงกับอ้าปากค้าง มองฟางจั๋วหรานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่นเชียวหรือนี่!”
เมื่อได้ยินเสียงของหลินม่าย โอวหยางหรงก็รีบวิ่งออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่พอได้ยินหลินม่ายแนะนำตัวแขกอีกคน เขาก็ตัวแข็งทื่อทันที
เมื่อมองไปยังฟางจั๋วหรานที่ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับหลินม่าย หัวใจของเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือก
เมื่อผอ.เขตโอวหยางได้ยินว่าวันนี้หลินม่ายพาแฟนหนุ่มมาด้วย อีกทั้งเขายังเป็นถึงศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้ ก็รีบทักทายและต้อนรับอีกฝ่ายทันที
เมื่อเห็นว่าหลานชายอย่างโอวหยางหรงเอาแต่ยืนขวางทาง จึงใช้สะโพกเบียดให้เขาไปอยู่ข้างหลัง
ระหว่างนั้นปากก็พึมพำตำหนิไปด้วย “ตัวเองตัวสูงชะลูดยิ่งกว่าต้นไม้ซะอีก มัวยืนขวางทางอยู่ทำไมกัน?”
เมื่อถูกผู้เป็นลุงตำหนิเขาต่อหน้าหญิงสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น โอวหยางหรงก็หน้าแดงเห่อขึ้นมา รีบถอยกรูดกลับไปที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเห็นว่าทั้งหลินม่ายและฟางจั๋วหรานนำของขวัญมากมายมามอบให้ ผอ.เขตโอวหยางจึงออกตัวด้วยความเกรงใจ “แค่พวกคุณแวะมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่เห็นต้องหอบเอาอะไรมาฝากเลย!”
หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ฉันซื้อแค่ขนมพวกนี้รวมถึงเอ้อร์กัวโถวทั้งสองขวดมาจากเมืองหลวง เพื่อให้ท่านผอ.เขตกับคุณป้าได้ลองชิมค่ะ พวกอาหารทะเลตากแห้งก็เป็นของฝากจากจั๋วหราน ไม่ได้มีมูลค่าสูงอะไรเลย”
ทั้งสี่คนเดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
ผอ.เขตโอวหยางแนะนำโอวหยางหรงให้ทั้งสองคนได้รู้จัก
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
โอวหยางหรงเป็นถึงประธานนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เขามักรู้สึกว่าตัวเองมีออร่าแข็งแกร่งเหนือคนอื่น
แต่เมื่อเอาตัวเองไปเทียบกับฟางจั๋วหรานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอายุ ความสูง หรือแรงผลักดัน… แทบไม่มีอะไรเลยที่ได้เปรียบ
ตอนที่ฟางจั๋วหรานยื่นมือไปจับกับเขา ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับประเทศมหาอำนาจจับมือกับประเทศโลกที่สาม กลิ่นอายของแรงกดข่มเข้มข้นเกินไป
หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานตั้งใจแวะมามอบของขวัญวันชาติเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้อยู่พูดคุยกับผอ.เขตโอวหยางนาน สิบห้านาทีหลังจากนั้นก็ขอตัวกลับ
ถ้าหลินม่ายมาคนเดียว สองสามีภรรยาโอวหยางจะเดินลงไปส่งเธอถึงหน้าบันได
แต่วันนี้เธอพาฟางจั๋วหรานมาด้วย ความที่เขาเป็นศาสตราจารย์ซึ่งอายุน้อยที่สุดของโรงพยาบาลผู่จี้ พวกเขาจะละเลยอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด สองสามีภรรยาจึงเดินลงไปส่งแขกถึงชั้นล่าง
ถึงแม้โอวหยางหรงไม่ได้เดินตามลงไปชั้นล่างเพื่อส่งแขก แต่เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง เฝ้าดูหลินม่ายกับฟางจั๋วหรานไม่คลาดสายตา
พอเห็นว่าพวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถจี๊ปก่อนจะขับออกไป เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจมากกว่าเดิม
เขาเคยคิดว่าคำกล่าวอ้างของหลินม่ายว่าเธอมีแฟนแล้วเป็นแค่เรื่องโกหก
ใครจะคิดว่าเธอไม่ได้แค่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น แต่แฟนของเธอยังยอดเยี่ยมมาก
เแฟนหนุ่มของเธอเหนือกว่าอย่างที่ไม่มีผู้ชายคนไหนเทียบได้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงเขาในเวลานั้น เพราะไม่อยากให้เขาเข้าไปพัวพันในชีวิต
สามีภรรยาโอวหยางส่งแขกกลับเรียบร้อยแล้ว เมื่อผอ.เขตมองไปเห็นโอวหยางหรง เขาก็หันไปพูดกับภรรยาด้วยประโยคแฝงความนัยบางอย่าง
“ถึงเสี่ยวหลินจะยังเด็ก แต่หล่อนก็เป็นเด็กที่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง คุณเห็นหรือเปล่าว่ากิจการของหล่อนไปได้สวยแค่ไหน โฆษณาของหล่อนได้รับการออกอากาศทางช่อง CCTV เชียวนะ แฟนของหล่อนเองก็เป็นชายหนุ่มมากความสามารถ รั้งตำแหน่งศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังมีรถขับอีก หนุ่ม ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาจะมีสักกี่คนที่เทียบเคียงได้?”
คุณนายโอวหยางเข้าใจทันทีว่าสามีของหล่อนหมายถึงอะไร จึงแสร้งผสมโรงคล้อยตามไปกับเขา “แฟนหล่อนยอดเยี่ยมมากจริง ๆ คู่ควรแล้วกับคำว่าชายหนุ่มมากความสามารถ มิน่าล่ะเสี่ยวหลินถึงได้ปฏิบัติต่อแฟนตัวเองเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า”
โอวหยางหรงนั่งฟังบทสนทนาของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกหดหู่เกาะกินหัวใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ่อนแอก็แพ้ไปค่ะ เทียบพี่หมอไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม
ไหหม่า(海馬)