รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 511 ไม่ต้องมาแล้ว พวกเขาไปที่ฐานหลักกันแล้ว!

บทที่ 511 ไม่ต้องมาแล้ว พวกเขาไปที่ฐานหลักกันแล้ว!

บทที่ 511 ไม่ต้องมาแล้ว พวกเขาไปที่ฐานหลักกันแล้ว!

โง่ดักดานจริงเชียว!?

เมื่อครู่เขานึกกลัวหมอนี่จนไปติดต่อฐานหลักเชียวหรือ

นายตำหนักย่อยรู้สึกว่าตัวเขาเองโง่ใช้ได้เลย!

‘รู้อย่างนี้ ไยข้าต้องติดต่อฐานหลักด้วย เลยต้องถูกฐานหลักหัวเราะเยาะอย่างเปล่า ๆ ปลี้ ๆ!’ เขาคิดในใจ

หากคนจากฐานหลักมาถึงแล้วได้รู้เรื่องนี้ มิหัวเราะเยาะตายเลยหรือ!

เขาไม่อยากให้คนของฐานหลักมานี่แล้ว จึงติดต่อกลับไปที่ฐานหลักว่าปัญหาด้านเขาคลี่คลายลงแล้ว

ทว่า ยามที่เขาเตรียมตัวติดต่อฐานหลักอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“อ๊าก! พิษร้าย พิษร้าย ข้าตายเพราะพิษแล้ว เหตุใดข้าถึงยังไม่ตายเล่า? อืม ข้าคงใกล้ตายเต็มทีแล้วกระมัง!”

ด้านตงฟางเวิ่นที่ควร ‘ตาย’ ไปแล้วกลับมีเสียงดังออกมา ตงฟางเวิ่นเด้งตัวขึ้นอีกครั้ง

บัดซบ!

นายตำหนักย่อยเห็นท่าทางเยี่ยงนี้จากตงฟางเวิ่น ไฉนจะไม่รู้อีกว่าอีกฝ่ายปั่นหัวเขาเล่น!

เขาหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าก้นหมอเสียอีก อย่าให้พูดเลยว่ารู้สึกแย่เพียงใด ตงฟางเวิ่นไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง!

“ฮ่า ๆ!”

“ท่านตลกเกินไปแล้ว!”

พวกอ้ายฉานขำแทบแย่ คิดไม่ถึงว่าตงฟางเวิ่นอายุปูนนี้แล้ว แต่ยังชอบล้อเล่นเหมือนเด็ก

ใช่แล้ว ตงฟางเวิ่นไม่เป็นไรเลยสักนิด

เขาได้กินของวิเศษมากมายจากคุณชาย บัดนี้พลังจากของวิเศษเหล่านั้นยังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา แม้ว่าควันพิษร้ายจะน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็ไม่มีทางทำร้ายเขาได้เลย

“ไปตายซะ!”

นายตำหนักย่อยเหลือทน ปลดผนึกทั้งหมด จู่โจมตงฟางเวิ่นเต็มกำลัง หมายจะปลิดชีพตงฟางเวิ่นอย่างสิ้นเชิง

“ไยเจ้าทำตัวน่าเบื่อนัก เล่นด้วยไม่ได้เลยหรือ”

ตงฟางเวิ่นลุกขึ้น เดินเข้าหาการโจมตีที่ดาหน้าเข้ามา เขาเรียกคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมออกมา วิถีหมากล้อมสูงส่งซัดสาด การโจมตีทั้งหมดทลายลงจนสิ้น!

“อะไรกัน!”

นายตำหนักย่อยสะท้าน ไม่รู้เลยว่าควรเอื้อนเอ่ยคำใด

นั่นมันคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมอะไรกัน

เหตุใดถึงสยดสยองน่ากลัวถึงเพียงนี้!?

พลังผนึกทั้งหมดจู่โจมพร้อมกัน กระทั่งเทียนตี้ยังต้องชีวาวาย แต่เมื่อเจอกับคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มนั้น พลังผนึกกลับอ่อนด้อยเปราะบาง ไม่รู้ว่าห่างชั้นกันขนาดไหน!

ตอนนี้เหงื่อเย็นไหลลงมาตามใบหน้าของเขา ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตงฟางเวิ่นถึงกล้าบุกมาที่นี่ง่าย ๆ

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

นี่มิใช่คนที่ตนสามารถกำราบได้!

วาจาก่อนหน้านี้ของตงฟางเวิ่นมิใช่การโม้ แต่เขาเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนั้นจริง ๆ!

‘ข้าต่างหากที่รนหาที่ตาย!’

เขายิ้มเฝื่อนในใจ รู้สึกแย่เหลือแสน

ก่อนนี้เขาช่างกล้าหวังให้ตงฟางเวิ่นและหลี่จิ่วเต้ารีบมาหาเขา เพื่อให้เขาได้สังหารหลี่จิ่วเต้าและตงฟางเวิ่นเสีย หารู้ไม่ เขาต่างหากที่รนหาที่ตาย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!

บัดนี้ลำพังตงฟางเวิ่นยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้ เกินกว่าเขาจะต่อกรด้วยไหว หากหลี่จิ่วเต้ามาด้วย…เขามิกล้าคิดจริง ๆ ว่าจะเกิดเรื่องเช่นใด!

หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าน่าจะเป็นเทียนตี้ บัดนี้เขาถึงรู้ว่าเขาพลาดจนน่าขันเพียงใด น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าคงเข้าใกล้ความเป็นเซียนเต็มทีแล้ว!

เขารู้ดีว่า คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมนี้มิใช่สิ่งที่ตงฟางเวิ่นมีในครอบครอง ต้องเป็นหลี่จิ่วเต้าที่ประทานแก่ตงฟางเวิ่น

อีกฝ่ายประทานของสูงส่งเยี่ยงนี้ให้ตงฟางเวิ่นได้ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนผู้นี้ย่อมต้องน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่า!

คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมส่องประกาย ม่านแสงสูงส่งหาที่สุดมิได้มากมายจรดลงมา ทาบทับบนตัวนายตำหนักย่อย และกำราบนายตำหนักย่อยได้อย่างสิ้นเชิง

ตงฟางเวิ่นรู้ว่าในตัวสมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนมีผนึกอยู่มากมาย เขากำราบนายตำหนักย่อยด้วยพลังแห่งคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม เพราะไม่ต้องการกระตุ้นผนึกในตัวนายตำหนักย่อยจนระเบิดทำลายตัวเอง

เขาต้องการล้วงข้อมูลจากนายตำหนักย่อยว่าตำแหน่งฐานหลักอยู่ที่ใด

ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากกองกำลังภายนอกอยู่ที่ฐานหลักทั้งหมด และเส้นทางสู่อาณาจักรอื่นของกองกำลังฮวงเฉวียนก็อยู่ที่ฐานหลัก พวกเขาจำต้องไปให้ถึงฐานหลักของกองกำลังฮวงเฉวียนก่อน

เพราะรู้ว่าการจะให้นายตำหนักย่อยยอมทำตามนั้นมิใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง เขาไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยากนัก เขามิได้เอ่ยวาจาใด ลงมือค้นวิญญาณนายตำหนักย่อย เพื่อให้ได้รู้ถึงที่ตั้งฐานหลัก

ในวิญญาณนายตำหนักย่อยมีผนึกจากกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่เหมือนกัน หากพลังจากภายนอกรุกราน คิดจะสืบสวนบางอย่างจากวิญญาณนายตำหนักย่อย ผนึกนี้จักถูกกระตุ้น แล้วระเบิดตัวเอง กีดขวางการสืบสวน

นอกจากนี้ นายตำหนักย่อยมิใช่สมาชิกธรรมดา มีสถานะสูงส่ง ผนึกในวิญญาณจึงยิ่งสยดสยองมากขึ้นไปอีก จัดการได้ยากยิ่ง

ต่อให้เป็นเทียนตี้ชั้นเลิศออกโรง ยังยากจะระงับผนึกระดับนี้ได้ จนสามารถสืบสวนวิญญาณนายตำหนักย่อยได้ตามใจชอบ

ทว่าพลังของคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเหนือจินตนาการ กระทั่งผนึกสุดสยองยากจะระงับเยี่ยงนี้ เมื่อกระทบกับพลังคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่ไหลเวียนอยู่ ก็ถูกระงับไว้ทั้งหมด ตงฟางเวิ่นค้นวิญญาณนายตำหนักย่อยอย่างละเอียดโดยปราศจากความกังวล

ไม่นานนัก ตงฟางเวิ่นก็ได้รู้ในสิ่งที่ตนอยากรู้ ตำแหน่งที่ตั้งฐานหลัก

เขามิได้ลังเล ไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเมิ่งจีทันที มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งฐานหลัก

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

นายตำหนักย่อยหมดแรงทรุดลงกับพื้น สีหน้าซีดเผือด ไม่อาจเชื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ผนึกที่ฝังลึกอยู่ในวิญญาณของเขายังระงับได้ นี่จะ…ให้เขาเชื่อได้เยี่ยงไร!?

ผนึกเชื่อมต่อตรงกับวิญญาณของเขา เสมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียว เมื่อแตะต้องสิ่งหนึ่ง ย่อมกระทบไปถึงทุกสิ่ง ไม่มีทางที่ระงับผนึกแล้ววิญญาณเขาจะยังปลอดภัย

ทว่าความจริงเป็นเช่นนั้น พลังของคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมแบ่งแยกวิญญาณของเขาและผนึกออกจากกัน ตงฟางเวิ่นสืบค้นได้ตามใจชอบโดยที่วิญญาณของเขาอยู่รอดปลอดภัย

ต้องเป็นคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเช่นไรกัน

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว เกินกว่าความเข้าใจของเขา!

“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ พวกเรากำลังจะไปแล้ว!”

เวลานั้น ศาสตราสื่อสารบนตัวนายตำหนักย่อยดังออกมา ยอดฝีมือจากฐานหลักติดต่อเขาแล้ว

ยอดฝีมือจากฐานหลักเพิ่งเตรียมตัวออกเดินทางมาที่นี่หรือ!?

ไอ้ระยำ!

ฐานหลักละเลยกันเกินไปแล้ว!

ด้านเขาถูกตงฟางเวิ่นจัดการไปแล้ว ยอดฝีมือจากฐานหลักเพิ่งจะเคลื่อนไหว!

และความจริงก็เป็นเช่นนั้น

ยอดฝีมือจากฐานหลักมิได้ใส่ใจเท่าใด และมิได้รีบร้อนเดินทางในทันทีทันใด

แค่ครึ่งก้าวเทียนตี้คนหนึ่งเท่านั้น จะแข็งแกร่งสักเพียงใดเชียว?

พวกเขาคิดว่าต่อให้นายตำหนักย่อยด้อยฝีมือปานใด ก็คงต้านทานได้สักระยะ พวกเขาถึงมิได้รีบร้อนเดินทาง

“ไม่ต้องมาแล้ว พวกเขาไปที่ฐานหลักกันแล้ว!”

นายตำหนักย่อยตอบด้วยสีหน้าอึมครึม

“อะไรนะ?”

“พวกเขาไปที่ฐานหลักแล้วหรือ?”

ยอดฝีมือจากฐานหลักที่ได้รับข่าวรู้สึกมึนงง

นายตำหนักย่อยผู้นี้กระจอกเกินไปแล้ว ถูกตงฟางเวิ่นจัดการในเวลาอันสั้นแค่นี้เองหรือ?

ซ้ำยังยอมบอกตำแหน่งฐานหลักอีก!?

“เรื่องจริง พวกเขาคงใกล้ถึงแล้ว!”

นายตำหนักย่อยรีบบอก ให้ด้านฐานหลักเตรียมการเอาไว้

“เจ้ารอโดนประหารได้เลย!”

“โทษนี้ไม่อาจถูกละเว้นได้!”

ด้านฐานหลักโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ นายตำหนักย่อยถึงกับยอมบอกที่ตั้งฐานหลักไปเชียวหรือ ถือป็นโทษสถานหนักที่ไม่อาจละเว้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยนายตำหนักย่อยไปง่าย ๆ!

“โทษข้าได้ที่ไหน ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้าเอ้อระเหยลอยชายเช่นนี้เล่า! คราวนี้ชักช้า และยังจะเอ้อระเหยลอยชายอีก!”

นายตำหนักย่อยตะคอกลับอย่างอัดอั้น

คราวก่อนก็เป็นเช่นนี้ หลังตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับตัวไป เขาก็รายงานฐานหลักในทันที ขอให้ฐานหลักสังหารตงฟางเวิ่นด้วยพลังผนึก ป้องกันมิให้ตงฟางเวิ่นเผยความลับของกองกำลังฮวงเฉวียน

ทว่าด้านฐานหลักกลับกล่าวว่าต้องมีการประชุมหารือ สุดท้ายเป็นผลให้เวลาล่วงเลย ไม่อาจฆ่าตงฟางเวิ่นได้อีก

ท้ายที่สุดยังผลักความรับผิดชอบมาที่เขาทั้งหมด อ้างว่าเขารายงานไม่ทันการ!

เขาอัดอั้นแทบแย่!

คราวนี้กลับเป็นเช่นนี้อีก เอาแต่ลีลาไม่ยอมเคลื่อนไหว เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท