ชายร่างใหญ่ออกคำสั่ง จากนั้นนายทหารพร้อมดาบคู่ใจกว่าสิบนายก็เข้าล้อมเฮยเจ๋อเอาไว้ในทันที เขาไม่เชื่อว่าเฮยเจ๋อจะสามารถบินหนีไปได้!
ข้ารับใช้ตัวเล็กๆ ข้างกายเฮยเจ๋อเห็นว่าพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า ”เจ้ากล้าทำร้ายคนกลางวันแสกๆ ได้อย่างไร ไม่กลัวว่าจะถูกร้องเรียนต่อทางการหรือ”
“ร้องเรียนหรือ” หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นทำหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินเรื่องตลก เขาส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา ”วันนี้ข้าจะบอกอะไรให้ ต่อให้เป็นจือฝู่ของเมืองหลวงประจำมณฑลมาเอง ข้าก็จะทำให้พวกมันต้องคลานเข่ากลับไป! เปิดตาแล้วมองดูให้ดีสิว่าพวกข้ามาจากไหน!”
เฮยเจ๋อเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับผู้มีอำนาจมาตลอดหลายปี หลังจากได้ฟังที่พวกเขาพูด เขาก็หัวเราะขึ้น ”จากกองทัพหรือ”
ทันทีที่ได้ยินว่าเฮยเจ๋อทายถูกว่าพวกเขาเป็นใคร คนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ”เจ้ารู้ดีทีเดียว เช่นนี้ข้ายิ่งเก็บเจ้าเอาไว้ไม่ได้แล้ว!”
ระหว่างที่พูดเช่นนั้น เขาก็เงื้อมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณขึ้น แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เฮยเจ๋อ!
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเฮยเจ๋อก็เป็นผู้ใช้ปราณเช่นกัน มิหนำซ้ำยังอยู่ในระดับธาตุทองเสียด้วย!
เมื่อหัวหน้าคนนั้นเห็นว่ากำปั้นของตนถูกหยุดเอาไว้ได้ เขาก็หรี่ตาลงแล้วตะโกนว่า ”พี่น้องข้า ใช้พลังปราณล้อมเขาไว้แล้วจัดการเชือดทิ้งซะ!”
แต่หากวัดกันที่พลังปราณละก็ ต่อให้จะมีคนมาเพิ่มอีกกี่คน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฮยเจ๋อ แต่เขาก็มีห่วงอยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่องของหญิงชราที่เขาจำเป็นต้องปกป้องเอาไว้นั่นเอง
หญิงชราคงพลอยได้รับลูกหลงจนบาดเจ็บไปด้วยแน่หากเขาใช้พลังปราณสังหารคนพวกนั้น
ที่แย่ไปกว่านั้นคือที่ตรอกแห่งนี้แคบเกินไป ดังนั้นหากไม่ระวังละก็ บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงอาจจะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน
หัวหน้าหน่วยสังเกตเห็นความลังเลนั้น เขาจึงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า ”โทษฐานที่เข้ามายุ่มย่ามกับกองทัพของตระกูลเลี่ยว ข้าจะให้เจ้าได้ตายสบายๆ สมใจอยากก็แล้วกัน!”
เฮยเจ๋อหรี่ตาลงเมื่อเขาได้ยินคำว่า ’กองทัพของตระกูลเลี่ยว’ เขารู้ได้ในทันทีว่าเขาถูกน้องสาวหลอกเข้าเสียแล้ว แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าเลี่ยวฉิงเทียนจะกล้าลงมือก่อเหตุในเมืองหลวงประจำมณฑลอย่างไม่กลัวเกรงกฎหมายเช่นนี้ จากนั้นเขาจึงตะโกนขึ้นว่า ”ต้าจู้ ไปตามกำลังเสริมมา!”
“นายน้อย ทำเช่นนี้ได้หรือขอรับ” เฮยต้าจู้ยังคงรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะออกไป นายท่านเฮยกำชับเอาไว้ว่าไม่ให้พวกเขานำกองกำลังออกมาใช้เมื่ออยู่ข้างนอกเพื่อเลี่ยงการถูกจับได้…
เฮยเจ๋อถีบมือสังหารคนหนึ่งออกจากตัวพลางปลดกระดุมคอเสื้อของตน แล้วเอ่ยว่า ”ทำไมจะไม่ได้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากให้ข้าถูกคนพวกนี้รุมรังแกเพราะช่วยเหลือประชาชน!”
“ขอรับ!” ต้าจู้มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศ ดังนั้นเขาจึงสามารถเดินทางจากนอกเมืองไปยังในเมืองได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป
เฮยเจ๋อชี้นิ้วใส่หน่วยลอบสังหาร พร้อมกับเผยความโหดเหี้ยมและชั่วร้ายของตัวเองออกมา ”พวกเจ้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าวันนี้จะหนีรอดไปได้!”
ความตั้งใจในตอนแรกของเขาคือการปกป้องประชาชนเหล่านี้
แต่เจ้าคนสารเลวพวกนี้กลับไม่คิดที่จะปล่อยหญิงชราไป มิหนำซ้ำยังทำให้ใบหน้าของเขาเป็นรอยอีกด้วย!
เจ้าพวกนี้มันบังอาจทำให้ใบหน้าของเขามีรอยขีดข่วน!
สำหรับคุณชายเฮย ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตด้วยรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของตัวเองนั้น การมีบาดแผลบนใบหน้าย่อมนับว่าเป็นการหยามกันยิ่งนัก!
คงจะน่าอาย หากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจระดับต้นๆ ของเมืองหลวงอย่างเขาไม่สู้กลับ!
“อะไรนะ! เจ้า เจ้าพูดมาอีกทีสิว่าคนที่ถูกขวางอยู่คือใคร”
เมื่อเจี่ยงหลิวอวิ๋นผู้เป็นแม่ทัพของหน่วยปราบปรามที่พักอยู่ในเมืองใกล้ๆ กับเมืองหลวงประจำมณฑลรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว!
“คุณชายรองเฮยขอรับ!” ต้าจู้ลนลานเขย่าตัวเขาอย่างกังวล
เจี่ยงหลิวอวิ๋นคำรามดังลั่นว่า ”เจ้าพวกตาบอดเอ๊ย!”
เฮยเจ๋อคือใครน่ะหรือ
เขาเป็นถึงทายาทของนายท่านเฮยเชียวนะ!
แม้เขาจะออกมาทำธุรกิจของตัวเองมาโดยตลอดก็ตาม…
แต่เขาก็คลุกคลีอยู่กับคนในกองทัพมาตั้งแต่เด็ก!
หากนำเรื่องนี้ไปถามคนในเมืองหลวง ทุกคนย่อมรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ก็ไม่มีใครในจำนวนนั้นที่กล้าพอที่จะหาเรื่องกับชายผู้มีชื่อเสียงคนนี้!
นอกจากองค์ชายในวังหลวงแล้ว ก็ไม่มีใครที่กล้างัดข้อกับเขาแม้แต่คนเดียว!
ถึงแม้ว่าตระกูลเฮยจะไม่ได้ติดต่อกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นอีกแล้วก็ตาม แต่อำนาจทางการทหารที่พวกเขาเคยสร้างเอาไว้หลายปีก่อนหน้านั้นยังคงอยู่!
แม้แต่ตอนนี้ นายท่านเฮยก็ยังสามารถสร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ได้แค่กระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว!
แต่ตอนนี้ บุตรชายคนรองคนสำคัญของตระกูลเฮยกลับถูกหน่วยลอบสังหารของทางกองทัพลอบทำร้ายเข้า!
ยิ่งกว่านั้นเรื่องนี้ยังเกิดขึ้นภายในพื้นที่รับผิดชอบของเขาอีกด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายรองละก็!
นายท่านเฮยคงได้นำกองทัพมาฆ่าเขาถึงที่นี่แน่!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เจี่ยงหลิวอวิ๋นก็ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป เขารีบนำกำลังทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งพันนายมุ่งตรงไปที่เมืองหลวงประจำมณฑลทันที!
ระหว่างที่เดินอยู่ เขาก็ได้แต่ภาวนาขอให้คุณชายรองเฮยยังปลอดภัยดี!
แต่เลี่ยวฉิงเทียนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกยังคงสั่งให้คนของตัวเองปลอมแปลงหลักฐานการฉ้อโกงของเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ เขาวางแผนจะใช้มันเพื่อใส่ความเขาในระหว่างการไต่สวนในรอบบ่าย
เลี่ยวจือฝู่ฟังการวางแผนของเขาพร้อมกับยกนิ้วให้ ”พี่ใหญ่ยังคงมีความคิดยอดเยี่ยมเหมือนเคย”
“เจ้าเป็นขุนนางมานานจึงไม่เข้าใจ เจ้าต้องลงมือให้ฉับไว โหดเหี้ยม และแม่นยำเมื่อต้องจัดการกับคนพวกนี้!” เลี่ยวฉิงเทียนมองกาน้ำชาสีม่วงในมือของเขา ”ขุนนางเหล่านั้นคงหมดทางช่วยแล้ว ข้าเสียมารยาทต่ออดีตฮ่องเต้เข้า และนั่นย่อมหมายความว่าข้าไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือจากคนในเมืองหลวงได้ เราเสียพวกเขาไปแล้ว หลังจบเรื่องนี้เจ้าควรตรงไปที่เมืองหลวงทันที พวกเขาควรส่งต่อเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้ให้คนอื่นจัดการเสีย”
เลี่ยวจือฝู่รู้สึกกังวลหลังจากได้ฟังคำพูดของผู้เป็นพี่ ”แต่พี่ใหญ่ ท่าน…”
“ไม่ต้องห่วง ข้าเคยได้รับความดีความชอบในสนามรบมาก่อน ดังนั้นอดีตฮ่องเต้ย่อมต้องไว้ชีวิตข้า ยิ่งกว่านั้น พวกเราก็ยังมีการสนับสนุนจากผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนอยู่ด้วย” สายตาของเลี่ยวฉิงเทียนลึกล้ำทันทีที่พูดเช่นนั้น ”ไม่ว่าต้องใช้วิธีใด ข้าก็จะต้องกำจัดเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นไปให้จงได้!”
เลี่ยวจือฝู่หรี่ตาลง ”เราจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ขอรับ เขาเป็นเพียงแค่คนที่ไร้ตัวตนแต่กลับกล้ามาทำลายแผนการของพวกเราได้!”
“เจ้าส่งต่อเรื่องนี้ให้ลูกน้องจัดการแทนก็แล้วกัน” เลี่ยวฉิงเทียนเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ ”วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ในตำแหน่งขุนนาง…”
ขณะที่เขากำลังพูดเรื่องนั้นอยู่ จู่ๆ ก็มีทหารของศาลาว่าการเดินเข้ามารายงานว่าใต้เท้าเว่ยต้องการเข้าไปตรวจสอบความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตรอกแห่งหนึ่ง แต่เขาหาทหารติดตามไปด้วยไม่ได้
เลี่ยวฉิงเทียนกระตุกยิ้มทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ”นี่คือผลลัพธ์ของการต่อต้านข้า ไปบอกทหารทุกนายในศาลาว่าการว่าอย่าทำอะไรทั้งนั้น ถ้าใต้เท้าเว่ยขอให้พวกเขาช่วยตรวจสอบที่เกิดเหตุ ให้หาข้ออ้างปฏิเสธเขาไปซะ”
“ขอรับ” ทหารนายนั้นออกไปหลังจากได้รับคำสั่ง
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเลี่ยวฉิงเทียนสว่างไสวยิ่งกว่าที่เคย เขาสั่งหน่วยลอบสังหารเอาไว้แล้วว่าให้ส่งสัญญาณมาทันทีที่ภารกิจของพวกเขาเสร็จสิ้น
ป่านนี้หญิงชราคนนั้นน่าจะถูกฆ่าไปแล้ว ร่างไร้วิญญาณอันเย็นเยียบของนางคงเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าคนแซ่เว่ยนั่นจะได้เห็นตอนที่เขาไปถึงที่นั่น
กว่าจะถึงเวลานั้น หน่วยลอบสังหารก็คงกลับมาถึงค่ายทหารเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นต่อให้เจ้าคนแซ่เว่ยไปถึงที่นั่นแล้ว เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าหญิงชรา เว้นเสียแต่ว่าเจ้าคนแซ่เว่ยจะมีความสามารถขึ้นไปบนสวรรค์ได้
เขามั่นใจในหน่วยลอบสังหารที่ตัวเองฝึกมายิ่งนัก พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และจะไม่มีทางทิ้งร่องรอยอันใดเอาไว้เบื้องหลัง
รอดูต่อไปก็แล้วกันว่าสุดท้ายแล้วเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นจะสิ้นฤทธิ์อย่างไร!
ผู้ว่าการเฉินเพิ่งรู้ว่าทหารจากศาลาว่าการทุกนายปฏิเสธที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ หลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมด เขาก็โมโหจนแทบจะคว่ำโต๊ะเลยทีเดียว!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับใจเย็นยิ่งกว่า นี่เป็นสิ่งที่นางคาดเอาไว้แล้วว่าทหารจากศาลาว่าการเหล่านั้นจะต้องไม่ยอมรับคำสั่งนาง แต่อย่างไรนางก็ต้องทำตามขั้นตอนในแผนการ ในเมื่อเวลานี้ขั้นตอนนั้นเสร็จสิ้นแล้ว มันก็ถึงเวลาที่นางจะได้แสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมาเสียที!
นางคันไม้คันมือมานานแล้ว..