บทที่ 515 ยินดีต้อนรับสู่นครพิศวง!
ภายในจักรวาลอันมืดมิดและเย็นยะเยือก เรือลำไม่ใหญ่มากล่องผ่านดวงดาวมากมายอย่างรวดเร็ว
หากเปรียบเทียบมันกับดวงดาวเหล่านั้น นับว่ากระจ้อยร่อยมาก ประหนึ่งฝุ่นผง ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด
ทว่ามันกลับแล่นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง มิใช่ของดาด ๆ พลังที่มีอยู่ชวนตะลึงเป็นหนักหนา!
อุกกาบาตลูกใหญ่กระแทกเข้ามา มันสามารถดีดออกได้ในพริบตา แข็งกระด้างเกินจินตนาการ ราวกับว่าไร้เทียมทาน ไม่มีสิ่งใดต้านทานอยู่!
“พี่หญิงเสี่ยวหยาเก่งจริง แค่ลำนำฉินบทหนึ่งเท่านั้น แต่กลับปลุกอานุภาพนาวาล่องนภาซึ่งไม่เป็นที่รู้จักของผู้อื่นออกมาได้หมด!”
เรือเล็กลำนี้ดูจากภายนอกไม่ใหญ่เท่าใด ทว่าภายในนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ไร้ที่สิ้นสุด ภายในมีสตรีวัยเยาว์งดงามพราวเสน่ห์ หูแหลมสีชมพูนางหนึ่ง เอ่ยกับเสี่ยวหยาด้วยความปลาบปลื้ม พร้อมทั้งส่ายหางจิ้งจอกสีชมพู
นางคือนารีจิ้งจอกสวรรค์คนหนึ่งแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ และเรือเล็กลำนี้คือนาวาล่องนภาที่เสี่ยวหยาและหลิงอินประมูลจากโรงประมูลในเมืองนภา นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดล้วนอยู่บนเรือเล็กลำนี้
เมื่อครู่ นางได้เห็นนาวาล่องนภากระแทกอุกกาบาตลูกหนึ่งจนแหลกลาญ ก็ตกอกตกใจ ยิ่งนับถือเสี่ยวหยาขึ้นไปอีก
รู้หรือไม่ นาวาล่องนภานั้น แต่เดิมมิได้มีพลังป้องกันน่าทึ่งปานนี้ นาวาล่องนภาในอดีตทำได้เพียงล่องเดินทางในอวกาศ ไม่มีอานุภาพอื่น
และที่นาวาล่องนภามีพลังป้องกันอันน่าทึ่งในโมงยามนี้ แม้กระทั่งอุกกาบาตในอวกาศยังอ่อนแอปวกเปียก ไม่อาจสู้นาวาล่องนภาได้ ล้วนเป็นเพราะเสี่ยวหยา!
เสี่ยวหยาบรรเลงเพลงฉินบทหนึ่งบนนาวาล่องนภา พวกนางรู้สึกถึงวิวัฒนาการบางอย่างของนาวาล่องนภาได้ทันที คล้ายว่ามีอานุภาพมากมายผุดออกมา!
ส่งผลให้พวกนางนับถือเสี่ยวหยาเป็นที่สุด
โรงจำนำในเมืองนภา ถือเป็นโรงจำนำขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรอวี้ซวี และนาวาล่องนภาลำนี้อยู่ในโรงจำนำมาเนิ่นนาน โรงจำนำยังไม่อาจค้นพบว่านาวาล่องนภานั้นมีอานุภาพมากมายเพียงนี้ เสี่ยวหยาบรรเลงเพลงฉินเพียงบทเดียวก็ปลุกอานุภาพของนาวาล่องนภาซึ่งมิมีผู้ใดทราบขึ้นมาได้มากมาย เสี่ยวหยาสุดยอดจริง ๆ!
“เปล่าเลย!”
เสี่ยวหยาหัวเราะเบา ๆ รอยยิ้มงามสง่าสดใสดูน่าหลงใหล นางมิได้เอาความดีความชอบ และบอกว่าตนนั้นมิได้เก่งกาจ ที่ทำได้ขนาดนี้เป็นเพราะฉินปี้เทียนชางไห่ในมือของนาง
“เสี่ยวหยามิต้องถ่อมตนไป เจ้าเก่งมากจริง ๆ!”
หลิงอินด้านข้างเอ่ยชมจากใจจริง
บอกตามตรง ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับฉินปี้เทียนชางไห่อย่างมาก หากมิได้ฉินปี้เทียนชางไห่ เสี่ยวหยาไม่มีทางปลุกสรรพคุณอันไม่เป็นที่รู้จักของผู้อื่นเยี่ยงนี้ขึ้นมาได้
ทว่าความเก่งกาจของเสี่ยวหยาไม่จำเป็นต้องกังขา เสี่ยวหยาสำเร็จวิถีแห่งฉินจนอยู่ในระดับสูงมากจริง ๆ ลำพังความสำเร็จในวิถีแห่งฉินของเสี่ยวหยาในตอนนี้ กล้าแกร่งกว่านางด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นนางที่บรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่ ก็ไม่มีทางทำได้เยี่ยงนี้
นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเท่าใดเอง เสี่ยวหยาก็สำเร็จวิถีฉินได้สูงส่งเพียงนี้ เสี่ยวหยาสุดยอดจริง ๆ!
นางได้ประจักษ์ถึงเส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของอัจฉริยะเสียงฉินคนหนึ่งอย่างแท้จริง!
มิน่า คุณชายถึงประเมินเสี่ยวหยาไว้สูงนัก ยอมรับในพรสวรรค์เพลงฉินของเสี่ยวหยาปานนั้น ไม่เพียงแต่ประทานฉินปี้เทียนชางไห่ที่ใช้มาอย่างยาวนานให้ ซ้ำยังประทานบันทึกเพลงฉินที่มีความรู้ด้านฉินที่เขาตกตะกอนไว้ข้างในให้ด้วย
เสี่ยวหยาคู่ควรกับทั้งหมดนี้อย่างแท้จริง!
นาวาล่องนภารุดหน้าต่อไป อวกาศมืดมิดยิ่งขึ้น ไม่เหลือแสงสว่างแม้แต่น้อย ดาวทุกดวงในที่แห่งนี้ล้วนแผ่กลิ่นอายแห่งความตายหนาแน่น แห้งเหือดเต็มไปด้วยรอยร้าว ราวกับกระแทกเบา ๆ ก็สลายเป็นผุยผง
“หนาวจัง!”
“พวกเราถึงไหนกันแล้ว ที่นี่หนาวยิ่งนัก!”
ภายในนาวาล่องนภา นารีจิ้งจอกสวรรค์ส่วนใหญ่หนาวจนตัวสั่น หลังมาอยู่ในระบบดวงดาวแห่งนี้ พวกนางรู้สึกเหมือนอยู่ภายในปฐพีเยือกแข็ง หนาวสะท้านเสียดแทงกระดูก
ไอเย็นสีขาวพวยพุ่งออกจากปากและจมูกของพวกนาง บ้างเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะบนเส้นผม
น่ากลัวยิ่ง
ต้องรู้ว่า เพลงฉินของเสี่ยวหยาเร่งอานุภาพทั้งหมดของนาวาล่องนภาออกมาแล้ว พลังป้องกันน่าทึ่ง ปัดป้องพลังได้ทุกรูปแบบ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ยังมีไอเย็นแทรกซึมเข้ามา จนเกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในปฐพีเยือกแข็ง ถูกแช่แข็งได้ทุกเมื่อ!
เสี่ยวหยามิได้ลังเล รีบบรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่ พลังนุ่มนวลแผ่ขยายออกจากลำนำ ขับไล่ไอเย็นบนตัวนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหลาย เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของบรรดานารีจิ้งจอกสวรรค์
หลิงอินแล่นนาวาล่องนภาถอยหลังทันที ออกห่างจากระบบดวงดาวนั้น
พวกนางสองคนมียอดศาสตราติดตัวคอยคุ้มกัน มิได้รับผลกระทบ
หลังออกจากระบบดวงดาวนั้นแล้ว ทุกอย่างในนาวาล่องนภากลับสู่สภาวะปกติ ปราศจากความหนาวเย็น
“น่ากลัวเพียงนี้เชียวหรือ”
หลิงอินหรี่ตา สีหน้าเคร่งเครียด
ระบบดวงดาวนั้นคือระบบดวงดาวที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ ทว่าพวกนางยังห่างจากดวงดาวที่พี่ชายเสี่ยวหยาอยู่ไกลโข แต่เพิ่งได้เข้าใกล้ระบบดวงดาวผืนนั้น พวกนางก็สัมผัสกับพลังหนาวเย็นอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งนาวาล่องนภายังต้านไม่อยู่ น่ากลัวเหลือเกิน!
ไม่ต้องสงสัยเลย กองกำลังที่ควบคุมตัวพี่ชายเสี่ยวหยาไว้มิใช่กองกำลังธรรมดา สยดสยองน่ากลัวเป็นที่สุด พลังของมันส่งกระทบออกไปถึงระบบดวงดาวทั้งผืน!
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่”
หลิงอินบอกกับนารีจิ้งจอกสวรรค์ ต่อไปพวกนางไม่คิดพานารีจิ้งจอกสวรรค์ไปด้วย
“ไม่ว่าพบเจอเรื่องอะไร ห้ามออกจากนาวาล่องนภาเด็ดขาด อยู่รอพวกเรากลับมาในนาวาล่องนภา!”
หลิงอินกำชับนารีจิ้งจอกสวรรค์อีกครั้ง ก่อนจะออกจากนาวาล่องนภาพร้อมกับเสี่ยวหยา เข้าไปในระบบดวงดาวนั้นทั้งคู่
หนาวสะท้าน อ้างว้าง กลิ่นอายแห่งความตายคืบคลาน ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ดาวแต่ละดวงที่ผ่านไปล้วนถูกดูดกลืนพลังไปแล้วทั้งสิ้น ที่นี่เป็นระบบดวงดาวเช่นไรกันแน่!?
แล้วกองกำลังที่ควบคุมตัวพี่ชายเสี่ยวหยาไว้เป็นกองกำลังเช่นไรกันแน่!?
ตู้ม!
ขณะที่พวกนางเหินเข้าไปในส่วนลึกของระบบดวงดาวนี้ ทันใดนั้น ประกายสีชาดพิศวงส่องวาบออกมา เข้าจู่โจมพวกนางอย่างดุดัน!
เหตุการณ์ทั้งหมดกะทันหันเกินไป ไม่มีวี่แววมาก่อนแม้แต่น้อย ต่อให้หลิงอินและเสี่ยวหยาระมัดระวังทั้งกายและใจ ก็ยังไม่ทันได้รู้สึกถึงมันล่วงหน้า!
ยังดีว่าพวกนางเรียกยอดศาสตราออกมาถือไว้ในมือก่อน แม้พวกนางตั้งตัวไม่ทัน ทว่ายอดศาสตราในมือพวกนางกลับค้นพบอันตรายล่วงหน้า ปะทุพลัง ระงับประกายสีชาดพิศวงไว้
ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!
เสียงแลบลิ้นชวนขนลุกของอสรพิษดังขึ้น พวกนางเพิ่งได้เห็นว่าสิ่งใดอยู่ในประกายสีชาด ด้านในคืองูเหลือมขนาดยักษ์!
ทว่าสิ่งที่แตกต่างจากงูเหลือมยักษ์ทั่วไปคือ บนงูเหลือมยักษ์ตัวนี้มีขนสีแดงพิศวงงอกออกมาเต็มกาย สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน ขนแดงพิศวงพลิ้วไหวตามลม อย่าให้พูดเลยว่าเป็นภาพที่น่าหวาดผวาเพียงใด!
หลิงอินและเสี่ยวหยาสบตากัน รู้ตัวว่าพวกนางมาถึงแล้ว ขนสีแดงพิศวงที่งอกอยู่เต็มกายงูเหลือมยักษ์ เหมือนกับขนสีแดงพิศวงที่เสี่ยวหยาเห็นบนตัวพี่ชาย!
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงอสูรคำรามดังแสบแก้วหู ดวงดาวมากมายแหลกเหลวกลายเป็นผุยผงท่ามกลางเสียงอสูรคำรามเช่นนี้
จากนั้น อสูรสยดสยองอีกหลายตัวบุกออกจากมิติ พวกมันมีขนสีแดงพิศวงงอกอยู่เต็มกายกันถ้วนหน้า
ดวงตาของพวกมันแดงก่ำเหลือแสน ล้อมหลิงอินและเสี่ยวหยาไว้อย่างแน่นหนา พลังปราณพิลึกแผ่ซ่านอยู่ตามตัว ซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นเกินทนโชยชาย ชวนให้อาเจียน
“ยินดีต้อนรับพวกเจ้าสู่นครพิศวง!”
พลันเสียงอึมครึมชวนผวาของมนุษย์ดังขึ้นในอาณาบริเวณนี้