แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 535 เถียหนิวมาขวางทาง

ตอนที่ 535 เถียหนิวมาขวางทาง

ตอนที่ 535 เถียหนิวมาขวางทาง

หลินม่ายถามอย่างเย็นชา “เถียหนิว คิดจะทำอะไรของคุณ?”

เมื่อได้ยินว่าคราวนี้เธอไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ด้วยซ้ำ เถียหนิวก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น ทั้งยังตื่นตระหนก

เขาถูฝ่ามือไปมาพลางพูดว่า “ฉัน… ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แค่อยากมาถามเธอว่า เธอพอจะรับฉันไปทำงานเป็นคนปลูกผักเรือนกระจกได้ไหม?”

หลินม่ายรู้ดีว่าครอบครัวของเขายังมีฐานะยากจนไม่เปลี่ยน

เป็นไปไม่ได้เลยที่เถียหนิวจะเจียดเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่มาสร้างโรงเรือนปลูกผักให้เธอ

เธอตอบกลับเบา ๆ “คุณไปบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้านก็แล้วกัน ฉันมอบอำนาจการรับสมัครคนงานให้เขาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาถามฉัน”

เธอไม่อยากเสวนากับเถียหนิวโดยตรง เพราะกลัวว่าแม่ของเขาที่มีมันสมองเจ้าเล่ห์และโลภมากจะเข้ามาพัวพัน

ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เคยทำอันตรายใด ๆ กับเธอก็ตาม แต่พวกเขาก็น่ารำคาญพอ ๆ กับแมลงวันแมลงหวี่

เถียหนิวคร่ำครวญ “ฉัน… ฉันกลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ยอมให้ฉันสมัคร…”

“ทำไมล่ะ? ครอบครัวคุณไปมีเรื่องบาดหมางกับหัวหน้าหมู่บ้านงั้นเหรอ?”

“ไม่… ไม่ใช่…” เถียหนิวพูดตะกุกตะกักด้วยความอับอาย “มะ… แม่ของฉันเคยมีเรื่องบาดหมางกับเธอ”

ทันใดนั้นหลินม่ายถึงได้เข้าใจ เถียหนิวกลัวการที่แม่ของเขาเคยมีเรื่องบาดหมางกับเธอ จะทำให้หัวหน้าหมู่บ้านปฏิเสธไม่จ้างงานเขาเพื่อเอาใจเธอด้วยเช่นกัน

หลินม่ายรู้สึกว่าเขาช่างน่าสังเวชและน่าขยะแขยง “คุณไปสมัครงานกับหัวหน้าหมู่บ้านโดยตรงเถอะ ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านปฏิเสธค่อยมาคุยกับฉัน ถ้าเขายอมจ้างงานก็จงทำงานอย่างสุจริต แต่ถ้าแม่คุณยังกล้ามาสร้างปัญหาหรือวุ่นวายกับฉันอีก คราวนี้ฉันจะไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านไม่ให้จ้างงานคุณ แล้วจะห้ามไม่ให้คนของฉันมารับซื้อผลิตผลทางเกษตรของคุณอีกต่อไป”

เถียหนิวตอบกลับอย่างนอบน้อม “แม่ฉันไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแล้ว”

จากนั้นเถียหนิวก็ไปลงทะเบียนสมัครงานกับหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อเขากลับมา ก็ไม่ลืมถ่ายทอดทุกคำพูดของหลินม่ายให้ผู้เป็นแม่รับรู้อีกทอดหนึ่ง

เขาย้ำเตือนผู้เป็นแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าอย่าพยายามรวบหัวรวบหางหลินม่ายอีก ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกหลินม่ายตัดช่องทางทำมาหากินเข้าจริง ๆ แน่

แม่เถียหนิวถอนหายใจพลางตอบกลับ “หล่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ฉันจะไปรวบหัวรวบหางหล่อนอีกได้ยังไง?”

เมื่อฟางจั๋วหรานและหลินม่ายกลับถึงบ้าน พวกเขาเห็นว่าคุณย่าฟางกำลังขับไล่และผลักไสหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งออกไป ทั้งยังยื่นคำขาดไม่ให้อีกฝ่ายมาเหยียบบ้านตัวเองอีก

หลินม่ายและฟางจั๋วหรานรีบเดินเข้าไปในบ้าน ถามคุณย่าฟางด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรให้นางขุ่นเคืองเข้า จนถึงกับต้องขับไล่ให้ออกไป

คุณย่าฟางไม่ใช่คนโกรธง่าย ถ้านางโมโหสุดขีดแบบนี้ คงเป็นเพราะอีกฝ่ายทำอะไรเกินเลย หรือพูดอะไรไม่เข้าหูมากเกินไป

คุณย่าฟางโบกมือ “เรื่องจบแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลย คุณปู่ต้มน้ำไว้รอให้เธออาบแล้ว เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ จะได้สบายเนื้อสบายตัว”

พอหลินม่ายจะเข้าไปอาบน้ำ โต้วโต้วก็รบเร้าขอเข้าไปขัดหลังให้แม่ด้วย

ถึงโต้วโต้วจะตัวเล็ก แต่ความแรงน้อยของเธอกลับทำให้การถูหลังผ่อนคลายเอามาก ๆ หลินม่ายง่วงงุนจนเกือบหลับทุกครั้งที่ลูกสาวเข้ามาถูหลังให้

โต้วโต้วชะโงกมากระซิบข้างหูเธอทันที “แม่จ๋า หนูรู้ว่าทำไมคุณย่าถึงไล่คุณป้าน่ารำคาญคนนั้นออกไป”

หลินม่ายที่หลับตาพริ้มถึงกับเปิดเปลือกตาขึ้นมาถาม “ทำไมเหรอ?”

โต้วโต้วเล่าอย่างมีลับลมคมใน “หนูได้ยินคุณป้าน่ารำคาญคนนั้นเล่าให้คุณย่าฟังว่าเขามีหลานสาวคนหนึ่ง เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิง แล้วหล่อนก็สวยมาก เหมาะสมกับคุณอาฟางเป็นที่สุด ก็เลยอยากจับคู่ให้คุณอาฟางกับหลานสาวของตัวเอง ตอนนั้นคุณย่าโกรธมาก บอกว่าแม่จ๋ากับคุณอาฟางหมั้นกันแล้ว พร้อมกับเตือนให้เขาล้มเลิกความคิดจะผูกด้ายแดงซะ แต่คุณป้าคนนั้นไม่ฟัง บอกว่าผู้หญิงอย่างแม่จ๋าไม่ดีพอสำหรับคุณอาฟาง หลานสาวของเขาต่างหากที่ดีพอ คุณย่าก็เลยโมโห แล้วไล่เขาออกไป”

หลินม่ายคิดว่ามันเป็นแค่เรี่องน่าขัน

ไม่รู้ว่ายายป้าวัยกลางคนนั่นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงรู้สึกว่าหลานสาวตัวเองคู่ควรกับฟางจั๋วหราน

ในเมืองมีหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเลิศเลอมากมาย มีสาว ๆ หลายคนที่ดีพร้อมกว่าหลานสาวของยายป้าวัยกลางคนคนนี้เสียอีก ถึงอย่างนั้นฟางจั๋วหรานกลับเลือกหลินม่าย ฝันไปเถอะว่าเขาจะเลือกหลานสาวของป้า

หลินม่ายเดินกลับมาที่ห้องโถงหลังจากอาบน้ำเสร็จ กำลังจะหิ้วเสื้อผ้าสกปรกไปซักที่สวนหลังบ้าน

ฟางจั๋วหรานเดินก็ออกมาจากห้องนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จเช่นกัน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าหลินม่าย “เอามานี่”

หลินม่ายตกใจอยู่ครู่หนึ่ง “เอาอะไรคะ?”

“เสื้อผ้าที่คุณใส่แล้วไง” ฟางจั๋วหรานเอื้อมมือไปคว้าไว้ “เดี๋ยวผมซักให้”

หลินม่ายหน้าแดงเล็กน้อย ส่ายหน้าปฏิเสธ “เสื้อผ้าแค่สองสามชุด ฉันซักเองได้”

ถึงฟางจั๋วหรานจะเคยซักชุดชั้นในของหลินม่ายแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เธอไปกว่างโจวเป็นครั้งแรกก็ตาม

แต่ตอนนี้เธอก็ยังเขินอายอยู่ดีถ้าจะปล่อยให้เขาซักเสื้อผ้าของตัวเอง แถมเวลานี้ทั้งสองยังอยู่ต่อหน้าคุณปู่และคุณย่าของเขาด้วย

เมื่อเห็นแบบนั้น คุณย่าฟางซึ่งกำลังหยอกล้อเล่นกับโต้วโต้วก็หันไปพูดกับหลินม่าย “เอาเสื้อผ้าให้จั๋วหรานไปซักเถอะ ถ้าเธอไม่ยอมให้ผู้ชายช่วยทำงานบ้าน ในอนาคตเขาคงไม่ยอมแตะงานบ้านแน่ ๆ ดีไม่ดีเขาจะรอให้เธอไปรับใช้เขาฝ่ายเดียว ทำให้ผู้ชายเคยชินแต่แรกยังดีกว่า”

หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมยื่นเสื้อผ้าในมือให้ฟางจั๋วหราน

ฟางจั๋วหรานซักเสื้อผ้าของทั้งสองเรียบร้อยแล้ว กำลังตากไว้บนราวตรงสวนหลังบ้าน

เมื่อมองดูเสื้อผ้าของพวกเขาที่สะบัดพลิ้วไหวไปตามแรงลมยามค่ำ เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า พวกเขาเพิ่งจะหมั้นหมายกันเท่านั้น ต้องรออีกปีกว่าถึงจะได้แต่งงานกัน

ในเวลานั้น นอกจากเสื้อผ้าของคนทั้งสองจะแขวนชิดกันอย่างแนบแน่นแล้ว เรือนร่างของทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในจุดที่สามารถแนบชิดสนิทสนมกันราวกับกาว

เมื่อคิดถึงความวาบหวามที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่อาจหักห้าม

เมื่อกลับมาที่ห้องโถง เขาเห็นว่าคุณปู่คุณย่าของเขาและหลินม่ายกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส จึงถามด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนกำลังคุยอะไรกันอยู่ครับ?”

คุณย่าฟางตอบว่า “ม่ายจื่อบอกว่า หล่อนตั้งใจจะปรับปรุงอาคารที่ตัวเองอาศัยอยู่เป็นร้านเปาห่าวซือสาขาใหม่ ก็เลยอยากพาเสี่ยวโจวย้ายไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์เดิมของหลานในเขตชุมชนของบุคลากรในโรงพยาบาล”

พอฟางจั๋วหรานได้ยินแบบนั้น เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่แสร้งทำเป็นตีหน้าขรึมเพื่อกลบเกลื่อน “ผมปล่อยเช่าอะพาร์ตเมนต์ห้องนั้นให้เพื่อนร่วมงานไปแล้ว เกรงว่าคงทวงคืนได้ยาก”

ถึงสภาพที่อยู่อาศัยของบุคลากรในโรงพยาบาลผู่จี้จะดีกว่าห้องพักสวัสดิการที่หน่วยงานอื่น ๆ มอบให้พนักงานของตัวเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุงานและระดับตำแหน่งเป็นหลัก

แพทย์ประจำบ้านและแพทย์เฉพาะทางบางคนยังไม่ได้รับการจัดสรรห้องพักด้วยซ้ำ เนื่องจากอายุงานและระดับตำแหน่งยังไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอาศัยอยู่ในหอพักรวมเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสงสัยว่าสิ่งที่ฟางจั๋วหรานพูดเป็นเรื่องโกหก

คุณย่าฟางหันไปหาหลินม่ายแล้วพูดว่า “ในเมื่อจั๋วหรานปล่อยเช่าอะพาร์ตเมนต์ไปแล้ว งั้นเธอก็ย้ายมาอยู่กับพวกเราที่วิลล่าสิ วิลล่าออกจะกว้างขวางขนาดนั้น ยิ่งมีคนอยู่เยอะยิ่งมีชีวิตชีวา”

หลินม่ายยังคงลังเล เธอกังวลว่าคนอื่นอาจมองตัวเองไม่ดี ถ้าเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่นั่นโดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฟางจั๋วหราน

คุณย่าฟางเล็งเห็นความกังวลของเธอ จึงเกลี้ยกล่อม “เธอกับจั๋วหรานต่างก็หมั้นหมายกันแล้ว ทำไมยังต้องกลัวเสียงซุบซิบนินทาของคนอื่นอีก?”

คุณปู่ฟางและฟางจั๋วหรานต่างก็ช่วยกันโน้มน้าวให้หลินม่ายยอมย้ายไปอยู่ที่วิลล่า

โต้วโต้วพาขาสั้น ๆ ของตัวเองกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลินม่าย ขอร้องให้เธอย้ายไปอยู่ที่วิลล่าด้วยกัน

หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “ถ้าแม่จ๋าย้ายไปอยู่ที่วิลล่ากับพวกเรา หนูจะได้เจอหน้าแม่จ๋าทุกเช้าเมื่อลืมตาตื่นเลย คิดดูสิคะว่าหนูจะมีความสุขขนาดไหน!”

หลินม่ายชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่จะทำยังไงกับโจวฉายอวิ๋นดีล่ะ? ให้หล่อนตามไปอยู่ที่วิลล่าด้วยกันคงไม่สะดวกนัก

ฟางจั๋วหรานเสนอวิธีที่เด็ดขาด “จ่ายเงินชดเชยให้คนที่เช่าห้องชุดของคุณสิ บอกให้เขาย้ายออก แล้วจัดแจงให้เสี่ยวโจวย้ายเข้าไปอยู่แทน”

เมื่อมีทางออกให้กับเรื่องทั้งหมด หลินม่ายจึงพยักหน้า

ภายในโรงแรมที่ดำเนินกิจการโดยรัฐในเจียงเฉิง หญิงสาวและเด็กหนุ่มนั่งอยู่ใต้โคมไฟด้วยอารมณ์บูดบึ้ง

หนุ่มสาวสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไป๋ลู่และไป๋เซี่ย น้องชายของหล่อน

เนื่องจากไป๋เซี่ยเกิดในช่วงครีษมายัน เขาจึงได้ชื่อว่าไป๋เซี่ย

ไป๋เซี่ยมองไปที่ไป๋ลู่ซึ่งเอาแต่นั่งขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เป็นไปได้ไหมว่าหลินม่ายอาจเขียนที่อยู่ปลอมให้พี่ ไม่งั้นเราสองคนตามหากันมาทั้งวันแบบนี้ ทำไมถึงหาที่อยู่ที่หล่อนทิ้งไว้ให้พี่ไม่เจอเลยล่ะ”

เขาคาดเดาต่อไป “หล่อนคงคิดว่าพวกพี่สองคนเพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน จึงไม่อยากสานสัมพันธ์สนิทสนมกับพี่จนเกินไป ก็เลยเขียนที่อยู่ปลอมไว้ให้พี่แบบนั้นหรือเปล่า?”

ไป๋ลู่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความมั่นใจพร้อมตอบกลับว่า “หล่อนไม่ทำอย่างนั้นแน่ ถ้าหล่อนไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่แรก ก็ควรจะปฏิเสธทันทีสิ ไม่เห็นต้องทิ้งที่อยู่ปลอมไว้ให้ฉันเลย หล่อนไม่กลัวหรือไงว่าฉันจะตามหาที่อยู่จริงของหล่อนเจอเข้าสักวัน? หล่อนไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับฉันหรอก”

ไป๋เซี่ยรู้สึกสับสน “ถ้าอย่างนั้นพี่จะอธิบายเรื่องที่หล่อนทิ้งที่อยู่หลอก ๆ ไว้ให้พี่ยังไงล่ะ?”

ไป๋ลู่เองก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน

ไป๋เซี่ยเหลือบมองนาฬิกา “นี่ก็ดึกมากแล้ว พี่ไปอาบน้ำเถอะ พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับ”

ไป๋ลู่พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หล่อนก็นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงราวกับตัวเองตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใช้เพียงดวงตากลมโตที่หล่อเลี้ยงด้วยน้ำใสกลอกมองไปรอบ ๆ

หล่อนนึกไม่ออกว่าหลินม่ายทิ้งที่อยู่หลอก ๆ ไว้ให้ตัวเองเพื่ออะไรกัน

ตั้งแต่สงสัยว่าหลินม่ายอาจจะเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง หล่อนก็ตื่นเต้นมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

พอถึงวันชาติ หล่อนก็รีบออกไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้าเยี่ยมพี่สาวคนโตและหลานสาวที่อายุแค่ไม่กี่วัน

หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่สนใจที่จะกินอาหารเช้าด้วยซ้ำ รีบลากไป๋เซี่ยผู้เป็นน้องชายขึ้นรถไฟมาที่เจียงเฉิง เพราะต้องการเจอหน้าหลินม่ายโดยเร็วที่สุด ใครจะรู้ว่ามันกลับไร้ประโยชน์

ยิ่งไป๋ลู่คิดถึงเรื่องนี้เท่าไร หล่อนก็ยิ่งไม่สบายใจมากเท่านั้น ไม่ว่าจะคิดกี่ตลบก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหลินม่ายต้องทิ้งที่อยู่ปลอมไว้ให้ตัวเองด้วย

ได้แต่หวังว่าทางฝั่งผู้เป็นแม่จะมีความคืบหน้าอะไรบ้าง จะได้ตามหาน้องสาวแท้ ๆ ที่พลัดพรากเจอเสียที

ถ้าน้องสาวแท้ ๆ ของหล่อนเป็นหลินม่ายจริง ๆ ก็จะเค้นถามอีกฝ่ายให้หนักว่าทำไมต้องทิ้งที่อยู่ปลอมไว้ให้กันด้วย จากนั้นก็ตบก้นให้ร้องไห้จ้ากันไปข้าง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เข้าใจนะป้า ห้ามจับคู่ม่ายจื่อกับลูกชายตัวเองอีกนะ ถ้าไม่อยากให้ลูกชายไม่ได้งานทำ

จะตามหาม่ายจื่อกันเจอไหมหนอ ตอนนี้ม่ายจื่อย้ายที่อยู่แล้วน่ะสิ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท