บทที่ 520 ท่านพี่ นี่มิใช่ความฝัน ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง!
เจ้าหลวงหนีไปทันที ไม่มีเรื่องใดสำคัญกว่าชีวิตของเขา!
เขาหนีไปยังนครพิศวงแห่งอื่น
ครานั้นสสารพิศวงรั่วไหล กระจายตัวไปตามที่ต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตไม่น้อยเลือกโอบกอดความพิศวง สร้างนครมากมายขึ้นในเอกภพ
นครของเขาไม่ถือว่าใหญ่ ความบริสุทธิ์ของสสารพิศวงมีเพียงเบาบาง ในนครพิศวงแห่งใหญ่อย่างแท้จริง ความบริสุทธิ์ของสสารพิศวงสูงยิ่งกว่านี้ สิ่งมีชีวิตที่นั่นเชือดเซียนได้แน่นอน ไม่เหมือนกับเขา เป็นเพียงครึ่งก้าวเซียน
“อ๊าก ๆๆ!”
เขาหนีหัวซุกหัวซุนไปทั้งทาง คำรามกราดเกรี้ยวไปทั้งทาง เจ็บใจเหลือคณา
แม้ว่านครของเขามิได้ใหญ่โต กระนั้นเขาก็สร้างขึ้นด้วยมือของตน ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปมาก ยามนี้ต้องยอมทิ้งไปทั้งอย่างนี้ ไฉนเลยจะไม่เจ็บใจ
“หวังว่าจะพา ‘ทาส’ ออกมาได้มาก!”
เขาเอ่ยอย่างเปี่ยมความหวัง
‘ทาส’ มีประโยชน์มหาศาลในอนาคต นครพิศวงต่าง ๆ ล้วนทุ่มเทกำลังสร้าง ‘ทาส’ เขาหวังให้สมาชิกในนครของเขาพา ‘ทาส’ ออกมาได้ในจำนวนมาก
‘ทาส’ ที่ว่านี้ คือสิ่งมีชีวิตขนแดงทั้งหลายซึ่งมีโซ่ตรวนล่ามไว้เฉกเช่นพี่ชายของเสี่ยวหยา
‘ทาส’ เหล่านี้เป็นฝ่ายถูกความพิศวงเข้าโอบกอด สติสัมปชัญญะถูกลบล้างไปนานแล้ว กลืนกินโดยสสารพิศวง ไม่ต่างสิ่งใดจากซากศพเดินได้
จะว่าไป ผู้ที่เจ้าหลวงชื่นชมที่สุดเห็นจะเป็นพี่ชายของเสี่ยวหยา เขาหมายใจให้พี่ชายของเสี่ยวหยาเข้าโอบกอดสสารพิศวงเสียเอง เพื่อรักษาสติสัมปชัญญะบางส่วนไว้
หากว่าจิตใจนั้นไม่ต้องการโอบกอดสสารพิศวงเอง จักไม่อาจคงสติสัมปชัญญะไว้ได้
อนิจจา ให้ตายอย่างไรพี่ชายของเสี่ยวหยาก็ไม่ยอมจำนน สุดท้ายเขาก็จนปัญญา ได้แต่ส่งพี่ชายของเสี่ยวหยาไปเป็น ‘ทาส’ กลายเป็น ‘ทาส’ ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
และเรื่องที่เขารู้สึกเสียดายยิ่งกว่านั้นคือ เขายังมิได้เห็นพี่ชายของเสี่ยวหยากลายเป็น ‘ทาส’ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย!
“พาไปด้วยบ้าบอกระไร เจ้าหลวงยังหนีไปแล้ว! ข้าไม่สนหรอก!”
บุรุษวัยกลางคนขนขาวหนีอุตลุดหายไปในพริบตา ไม่แยแส ‘ทาส’ เหล่านั้นเลยสักนิด
พับผ่าสิ บัดนี้พวกเขาเอาตัวรอดยังยาก จะให้พา ‘ทาส’ หนีไปด้วยอีกหรือ
คิดอะไรอยู่!
เขาไม่ทำเรื่องโง่ ๆ พรรค์นั้นหรอก!
ถึงอย่างไรเจ้าหลวงก็หนีไปแล้ว ไม่มีทางทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ ถึงเวลาหากเจ้าหลวงถามหาความผิด เขาอ้างได้ว่าความสามารถไม่พอ อย่างไรเจ้าหลวงก็ประจักษ์ถึงความน่ากลัวของหลิงอินมาแล้ว
การตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องอย่างยิ่ง หลังเจ้าหลวงหนีไป เขาก็หนีไปในทันที มิได้อยู่ต่อ ส่วนสมาชิกตนอื่นภายในนครถูกทิ้งไว้ทั้งหมด
หลิงอินและเสี่ยวหยากลัวพวกเขาพาพี่ชายของเสี่ยวหยาไป พวกนางยืมพลังจากบันทึกเพลงฉิน ผนึกพื้นที่แห่งนี้ไว้โดยไม่ลังเล
เพื่อให้ผนึกได้สมบูรณ์ หลิงอินเรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา ผสานกำลังร่วมผนึกกับเสี่ยวหยา
อานุภาพของฉินเฟิ่งหมิงเพิ่มพูนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยบันทึกเพลงฉินได้เช่นกัน นอกจากเจ้าหลวงและบุรุษวัยกลางคนขนขาวที่หนีไปในทันที สิ่งมีชีวิตที่เหลือถูกรั้งให้อยู่ที่นี่ต่อโดยไม่มีข้อยกเว้น
หลิงอินต้องการล่วงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ความพิศวง’ ให้มากขึ้นจากสิ่งมีชีวิตในนครพิศวงที่อยู่ที่นี่ น่าเสียดาย สิ่งมีชีวิตในนครพิศวงเหล่านี้รู้เรื่องไม่มากนัก ที่รู้ก็เป็นเพียงผิวเผิน ไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์เท่าใด
“ฆ่า!”
นางมิได้ลังเล สังหารสิ่งมีชีวิตในนครพิศวงเหล่านี้จนสิ้น
สิ่งมีชีวิตในนครพิศวงเหล่านี้เลือกโอบกอดความพิศวงด้วยตนเอง เก็บไว้มิได้เด็ดขาด มิฉะนั้น ต้องเกิดหายนะแน่
ส่วนสิ่งมีชีวิตขนแดงอย่างพี่ชายของเสี่ยวหยา นางก็มิได้ละเว้น กำจัดไปทั้งปวง
จะว่าไป สิ่งมีชีวิตขนแดงเหล่านี้น่าสงสารยิ่ง พวกมันมิได้เป็นฝ่ายโอบกอดสสารพิศวงด้วยตนเอง หากแต่ถูกบังคับ
นางคิดอยากปล่อยสิ่งมีชีวิตขนแดงเหล่านี้ไป
ทว่านางรู้ดี สิ่งมีชีวิตขนแดงเหล่านี้เก็บไว้มิได้เช่นกัน
สติสัมปชัญญะของสิ่งมีชีวิตขนแดงเหล่านี้ถูกสสารพิศวงกลืนกินไปนานแล้ว เก็บไว้ต้องกลายเป็นหายนะเช่นกัน
นางช่วยขจัดสสารพิศวงในร่างกายสิ่งมีชีวิตขนแดงเหล่านี้ได้อยู่ ทว่าทำเช่นนั้นไม่มีความหมายเลยสักนิด
พริบตาที่สติสัมปชัญญะถูกกลืนกิน พวกเขาก็ตายไปนานแล้ว ต่อให้นางช่วยขจัดสสารพิศวงออกไป พวกเขาก็ไม่มีทางได้มีชีวิตต่อ รังแต่จะกลายเป็นศพไปตาม ๆ กัน
“เสี่ยวหยา…ใช่เจ้าจริงหรือ ข้ามิได้ฝันไปใช่หรือไม่!”
เสี่ยวหยาวิ่งไปอยู่ข้างกายพี่ชายของนาง ดวงตามหึมาของพี่ชายนางมีน้ำตาหลั่งริน อย่างไรก็เชื่อไม่ลงว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง พี่ชายของนางคิดว่าตนฝันไป
“ท่านพี่ ใช่ข้าจริง ๆ ท่านมิได้ฝันไป!”
เสี่ยวหยาร้องไห้อยู่เช่นกัน ร้องไห้อย่างร้าวราน มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามร่างกายของพี่ชายอย่างสั่นเทา ผ่านมาตั้งนานนมเยี่ยงนี้ พี่ชายของนางถูกจองจำอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ต้องทรมานแสนสาหัสสักเพียงใด!
นางไม่กล้าคิดเลย…
“มิได้ฝันไปหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน”
พี่ชายเสี่ยวหยาส่ายหัว น้ำตาร่วงเผาะ ปากส่งเสียงพึมพำ “ข้าอยากกลับบ้านเหลือเกิน กลับบ้านไปพบกับเจ้าตัวจริง แต่พี่นั้นไร้ประโยชน์ ทำอย่างไรก็ทำมิได้ พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้พี่ไป อ๊าก ๆๆ! เหตุใดพี่ถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้ พี่เคยบอกแท้ ๆ ว่าจะปกป้องเจ้าไปตลอดชีวิต!”
เขายังไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง และ ‘ฝัน’ ที่ได้พบกับเสี่ยวหยาเช่นนี้ เขาฝันมาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว…
หากมิใช่ว่าในใจเขามีความดึงดันอยากพบเสี่ยวหยาอยู่ เขาไม่มีทางยืนหยัดมาได้ถึงป่านนี้ คงถูกสสารพิศวงกลืนกินไปนานแล้ว
“ท่านพี่ นี่มิใช่ฝันจริง ๆ เสี่ยวหยามาแล้ว เสี่ยวหยาจะพาท่านพี่กลับไป!”
เสี่ยวหยาเอ่ยเสียงร้องไห้ “มิใช่ว่าท่านพี่ไร้ประโยชน์ ท่านพี่คือพี่ชายที่ดีที่สุดในใต้หล้า ในใจของข้า ท่านพี่คือพี่ชายที่เก่งกาจที่สุด!”
นางบรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่ พลังแกร่งกล้าซัดสาด ตัดโซ่ตรวนที่พันธนาการพี่ชายของนางไว้
“ฝันครั้งนี้พิเศษยิ่ง…”
ใบหน้าพี่ชายของเสี่ยวหยาเจือรอยยิ้มปลื้มปริ่ม ฝ่ามือมโหฬารของเขาลูบผมเสี่ยวหยาแผ่วเบา “ต่อให้เป็นแค่ฝัน พี่ก็ดีใจ ขอเพียงได้พบเจ้า พี่ก็ดีใจแล้ว!”
“มิใช่ฝัน ทั้งหมดนี้คือความจริง ข้ากับเสี่ยวหยามาช่วยเจ้าแล้ว”
เวลานั้น หลิงอินจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เหินตัวเข้ามาบอกกับพี่ชายเสี่ยวหยา
จากนั้น นางบอกกับเสี่ยวหยา “เสี่ยวหยา พวกเราผนึกกำลังขจัดสสารพิศวงในตัวพี่ชายเจ้าออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
พี่ชายเสี่ยวหยาแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตขนแดงตัวอื่น พี่ชายเสี่ยวหยายังมีสติสัมปชัญญะอยู่ ต่อให้ขจัดสสารพิศวงออกไปก็ไม่มีทางกลายเป็นศพ
“ได้!”
เสี่ยวหยาพยักหน้า ก่อนจะบอกกับพี่ชายของนาง “ท่านพี่ อีกเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน!”
นางลงมือกับหลิงอิน ต่างคนต่างเรียกฉินออกมา ร่วมบรรเลงบทเพลง
เหนือหัวพวกนาง บันทึกเพลงฉินส่องแสงแวววาว จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียน แสงมงคลจรดลงมาคณานับ เพิ่มพูนความได้เปรียบแก่พวกนางมหาศาล
คล้อยตามเสียงฉินที่บรรเลงอยู่ ตัวพี่ชายเสี่ยวหยาเริ่มมีสสารพิศวงลอยออกมา แหลกลาญดับสลาย และขนยาวสีแดงที่เคยงอกอยู่เต็มกายพี่ชายเสี่ยวหยาก็ค่อย ๆ หายไปทีละน้อย!
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง สสารพิศวงทั้งหมดในตัวพี่ชายเสี่ยวหยาถูกขจัดจนสิ้น อีกทั้งไม่เหลือขนแดงบนตัวแม้แต่น้อย!
พี่ชายของเสี่ยวหยากลายเป็นคนปกติอย่างสมบูรณ์!