ท่าทางการเดินของคุณชายเลี่ยวยังคงดูเย่อหยิ่งเหมือนเช่นเคย
แต่โชคร้ายที่เขาไม่ได้เป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมเท่าใดนัก
เขาเป็นเพียงแค่เด็กที่ได้รับการปกป้องจากผู้เป็นบุพการีมาโดยตลอด เขาเดินเข้ามาโดยที่ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ก่อนหน้านี้เขาสามารถเดินออกศาลาว่าการได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน
ยิ่งกว่านั้นท่านลุงของเขาที่รักใคร่เอ็นดูเขาเป็นที่สุดก็ยังมีตำแหน่งสูงที่สุดในศาลาว่าการ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกลังเลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย เมื่อเขาเห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาก็ตะโกนขึ้นทันทีว่า ”ทำไมที่ปรึกษาส่วนตัวคนนี้ถึงถูกปล่อยตัวออกมาได้ล่ะ ท่านลุง ก่อนหน้านี้เขาเคยกลั่นแกล้งข้านะขอรับ! เจ้าคนโง่เขลาไร้การศึกษาผู้นี้รู้จักเพียงแค่การใส่ร้ายป้ายสีข้าเท่านั้น!”
“เจ้า…”
ก่อนที่ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนจะทันได้ทำให้เขาเงียบ อดีตฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมาเสียก่อน ”โอ้ เขาทำอะไรลงไปอย่างนั้นรึ”
“ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองฟู่ผิง เขาปลอมแปลงหลักฐานมากมายขึ้นมา และทำให้ชื่อเสียงของข้าต้องแปดเปื้อน เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ” คุณชายเลี่ยวว่าพร้อมกับกระทืบเท้า ”ข้ารู้ว่าเขากล้าทำตัวโอหังอวดดีถึงเพียงนี้ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉินอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นคนชั้นต่ำสารเลวพรรค์นี้จะสามารถจับกุมข้าได้อย่างไร เขาก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาที่ไม่ได้มีความสำคัญอันใด แต่กระนั้นกลับกล้าที่จะเอาอำนาจของตัวเองมาอวดเบ่งถึงที่นี่ ข้าเคยเห็นคนเช่นเขามานักต่อนัก เขาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองร่ำรวยและสูงส่งเพียงเพราะเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่คนบ้านนอกจนๆ เท่านั้น”
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดเช่นนี้
เขาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดัง!
อดีตฮ่องเต้ทำเพียงแค่จิบชา ดวงตาของเขายังคงเย็นชาสุดขั้ว จากนั้นจึงสั่งว่า ”นั่งลง ให้หลานของเจ้าพูดให้จบ”
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เพราะเขารู้ว่าอดีตฮ่องเต้ต้องการบอกอะไร เขากำลังห้ามไม่ให้เขาขัดคำพูดหลานชายตัวเอง
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกว่าคำพูดของเสี่ยวอวี่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมมาก่อน
เพราะอย่างไรเขาก็เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของเขา
ดังนั้นแน่นอนว่าเขาย่อมต้องทุ่มเทความรักให้!
แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาอยากมอบให้กับหลานชายผู้นี้คือการตบหน้าเขาสักฉาดเพื่อบังคับให้เขาหุบปากไปเสีย!
เจ้าหมูตอนไร้สมอง!
เขาโง่จนอ่านสถานการณ์ไม่ออกเชียวหรือ
แต่ไม่ว่าในใจของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนจะปั่นป่วนเพียงใด เขาก็ได้พูดเช่นนั้นออกมาแล้ว คุณชายเลี่ยวมักจะทำตัวไม่สนใจกฎหมายและไร้ซึ่งความเกรงกลัวเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก
แต่คุณชายเลี่ยวไม่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของคนที่นั่งอยู่ข้างท่านลุงของตน อีกทั้งยังไม่ได้ยินในสิ่งที่อดีตฮ่องเต้พูดเมื่อครู่อีกด้วย เขาคิดเพียงแค่ว่าคนคนนี้คงเป็นขุนนางที่มาใหม่จากเมืองหลวงประจำมณฑล เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้าขุนนางคนนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายมากนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ”จากที่เจ้าพูด ข้าก็คงทำผิดต่อเจ้าที่กล่าวหาว่าเจ้าเป็นผู้กระทำผิดด้วยอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ว่าเจ้าจะทำผิดหรือไม่ เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ” คุณชายเลี่ยวตวัดสายตามองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างดูถูก พร้อมกับเอ่ยว่า ”เดิมทีนั้นข้าเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับเจ้า แต่เจ้ากลับพยายามหาเรื่องข้าอยู่เรื่อย! เจ้าพยายามหาว่าข้ามีความผิดและลงโทษข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูตอนนี้ิ! ข้ายังเป็นผู้บริสุทธิ์และมีอิสระเหมือนเช่นเคย แต่ข้าเกรงว่าที่ปรึกษาส่วนตัวของเจ้าต่างหากที่คงได้เป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาหลังจากการให้ปากคำของข้า ข้าจะบอกอะไรให้ก็แล้วกันว่านี่คือความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้า! เลิกเสแสร้งว่าเจ้าเป็นคนสำคัญได้แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ เจ้ามันก็เป็นแค่บัณฑิตตัวเหม็นที่มาจากบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น!” พอพูดจบ เขาก็หันศีรษะไปอีกทาง และมองไปที่ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียน พร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า ”ท่านลุงขอรับ เห็นได้ชัดว่าเจ้าคนแซ่เว่ยคนนี้ไม่มีคุณสมบัติคู่ควรกับการเป็นขุนนางเลยแม้แต่น้อย ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองฟู่ผิง เขาก็คบกับสาวชาวบ้านนางหนึ่ง เขายอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง ดังนั้นเขาถึงได้สั่งให้ที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาใส่ร้ายข้าและจับข้ากับท่านพ่อขังคุก ท่านต้องลงโทษเขาให้หนักเลยนะขอรับ!”
“หุบปากซะ!”
คราวนี้ในที่สุดผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนก็สามารถตะโกนสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนแทบดูไม่ได้
หลังจากตะโกนจบนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือการกล่าวขอประทานอภัยต่ออดีตฮ่องเต้ เขาไม่เคยเหงื่อแตกพลั่กขนาดนี้มาก่อน ในเวลานี้เขารู้สึกว่าเข่าของเขาอ่อนแรงด้วยความหวาดกลัว
“ฝ่าบาท ทุกอย่างเป็นความผิดของกระหม่อมเองที่เลี้ยงดูเขามาไม่ดี แต่เสี่ยวอวี่เป็นเด็กที่ไม่เคยทำร้ายใคร เขาเพียงแค่พูดจาโผงผางไปเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอฝ่าบาททรงเมตตาได้โปรดไว้ชีวิตเด็กคนนี้ด้วยเถิด! ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เสี่ยวอวี่พูดมานั้นก็ใช่ว่าจะผิดไปเสียหมด กระหม่อมได้ข่าวมาว่าใต้เท้าเว่ยสนิทสนมกับเด็กสาวชาวบ้านที่อยู่ในเมืองฟู่ผิงจริง คงยากที่เราจะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้…”
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาด้วยหวังว่าจะทำให้ความสนใจของอดีตฮ่องเต้เปลี่ยนไปอยู่ที่เรื่องอื่นได้
แต่สุดท้ายคำพูดนั้นก็กลับกลายเป็นทรายดูดที่ดูดกลืนเขาลงไปทั้งตัว
เฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า ”ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนต้องการสื่อว่าข้าเป็นคนที่ควรถูกลงโทษ และหลานชายของท่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังอ่อนต่อโลกเท่านั้นหรือ ท่านช่างเป็นคนที่พูดจาชวนฟังยิ่งนัก แต่คุณชายเลี่ยวก็อายุจวนจะถึงยี่สิบปีแล้ว นี่ยังสามารถเรียกเขาว่าเด็กได้อยู่อีกหรือ เขาเป็นเด็กโข่งหรืออย่างไร”
ทันทีที่นางพูดจบ เสียงหัวเราะก็ดังก้องไปทั่วศาลาว่าการ
ต่อให้คุณชายเลี่ยวจะเป็นคนหัวทื่อเพียงใด แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงเหยียดหยามที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ใบหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ในเวลาเดียวกันนั้นปอดของเขาก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เขาตะโกนออกมาว่า ”เจ้า! เจ้าเรียกใครว่าเด็กโข่ง!”
“ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าข้ากำลังพูดถึงเจ้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาอย่างสมเพชและดูถูก ”ดูเหมือนเจ้าคงยังไม่เข้าใจ สมกับเป็นเด็กโข่งจริงๆ ข้าไม่ได้พูดถึงร่างกายของเจ้า แต่หมายถึงสติปัญญาของเจ้าต่างหาก”
“เจ้า!” คุณชายเลี่ยวแผดเสียงขึ้นอย่างเดือดดาล พร้อมกับชี้นิ้วไปที่นาง
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนกลัวว่าเขาจะพูดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกมาอีก ดังนั้นเขาจึงรีบขัดว่า ”ใต้เท้าเว่ยพูดมากเสียจนทำให้ข้าชักสงสัยขึ้นมาแล้วสิ ถ้าท่านไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเด็กสาวชาวบ้านคนนั้นจริง ทำไมท่านถึงต้องลุกลี้ลุกลนถึงเพียงนี้ด้วยหรือ”
“ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียน ข้าไม่ได้ลุกลี้ลุกลน นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ท่านกล่าวหาข้าในวันนี้ ดังนั้นข้าคิดว่าคงถึงเวลาแล้วกระมังที่ข้าจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าให้ท่านได้เห็น” ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดอยู่นั้น นางก็ค่อยๆ ถอดหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของตัวเองออก
ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นสู่สายตาของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนในทันที!
เป็นนางไปได้อย่างไร!
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนเซถอยหลัง ก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างหวาดกลัว
เขาทำหน้าราวกับเห็นผี
ใบหน้าของเขาซีดเผือดและน่าเกลียดน่ากลัวกว่าตอนที่ได้เห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นสิบเท่า!
ตอนนั้นนั่นเองที่เขาตระหนักได้ว่าเขาได้ทำผิดพลาดร้ายแรงลงไปเสียแล้ว
ขุนนางคนอื่นๆ ไม่เคยย่างเท้าก้าวเข้าไปในเมืองหลวงมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนถึงมีอาการเช่นนี้
แต่พวกเขาก็เป็นคนฉลาดหลักแหลม และมีความสามารถในการอ่านสีหน้าเป็นอย่างดี
ดูจากท่าทางของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนแล้ว มันจะต้องมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
ไม่อย่างนั้นมีหรือที่เขาจะแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา!
เป็นไปได้หรือไม่ว่าใต้เท้าเว่ยก็มีฐานะอื่นซ่อนเอาไว้เหมือนกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ปล่อยให้ขุนนางเหล่านั้นมีเวลาได้คิด นางเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า ”ไม่ได้เจอกันเสียนาน ผู้อาวุโสอวิ๋น ท่านไม่ได้ไปเข้าร่วมการประชุมประจำตระกูลครั้งล่าสุด แต่ในที่สุดข้าก็ได้มาพบท่านที่เมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้แทน เอาล่ะ ข้าอยากถามผู้อาวุโสอวิ๋นยิ่งนักว่าข้ามีความสัมพันธ์อันใดกับเด็กสาวชาวบ้านคนนั้นหรือ หืม”
คำถามของนางสร้างความลำบากใจให้กับผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาเห่อร้อนจากความอับอายที่เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เขาอยากทำในเวลานี้คือการหาหลุมสักหลุมแล้วเข้าไปซ่อนตัวในนั้นเสีย!