Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 368 หายนะจากของหวาน

ตอนที่ 368 หายนะจากของหวาน

แปลกจัง ทำไมถึงปวดฟันได้นะ

หลินเยวียนรู้สึกงุนงง แต่ก็ไม่ได้คิดมาก

เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้ว หลินเยวียนเตรียมตัวกลับบ้าน ปรากฏว่าหนานจี๋กำลังเดินตามเขาไปทีละก้าว

หลินเยวียนตกใจจนสะดุ้งโหยง “ตามฉันมาทำไมล่ะ”

หากอ้างอิงจากเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู นี่คงเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง

หนานจี๋ทำหน้าละห้อยกระดิกหางดุกดิก

หลินเยวียนจนปัญญา แจ้งกับทีมงานกองถ่าย และพาหนานจี๋กลับบ้าน

พรุ่งนี้ค่อยพาหนานจี๋กลับมาส่งที่กองถ่ายก็ได้

จากนั้นหลินเยวียนจึงนั่งรถกลับบ้าน

ในขณะนั้นหลินเหยาเลิกเรียนแล้ว กำลังทำการบ้านอยู่ในบ้าน ไม่รู้ว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยมอบหมายการบ้านแบบไหน หลินเยวียนรู้สึกว่าน้องสาวของตนขยันเรียนกว่าเดิมมาก ตั้งใจยิ่งกว่าตอนเรียนมัธยมเสียอีก

แต่เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปเห็นว่าหนานจี๋กลับมา หลินเหยาถึงกับวางปากกาลงอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก และรีบไปเปิดประตู

“หนานจี๋!”

“โฮ่งๆๆ!”

หนานจี๋กระโจนเข้าไปหาในทันที

เอาเถอะ ถึงยังไงเป็นสุนัขตัวหนึ่ง

หลินเยวียนมองไปยังหลินเหยาซึ่งนั่งยองลง พลางลูบหัวเจ้าหนานจี๋ และพูดอย่างอดไม่ได้ “พี่กลับบ้านมา ไม่เคยเห็นเธอออกมารับเลยสักครั้ง”

“พี่ไม่ได้น่ารักเหมือนหนานจี๋นี่นา”

“แต่พี่ซื้อขนมเปี๊ยะไข่แดงให้เธอนะ”

“พูดอย่างกับพี่เองไม่ได้กิน”

“พี่ซื้อเยลลีสตรอว์เบอร์รีให้เธอด้วยนะ”

“หนูชอบกินรสแอปเปิ้ล พี่ชอบกินรสสตรอว์เบอร์รีไม่ใช่เหรอ”

“พี่ซื้อหนังสือเรียนให้เธอด้วยนะ”

“ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณพี่นิดนึง…”

หลินเหยาครุ่นคิด หยิบลูกกวาดห่อหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่เต็มใจนัก

“ลูกกวาดงานแต่งที่เพื่อนให้มา”

“เพื่อนแต่งงานแล้วเหรอ?”

สีหน้าของหลินเหยาแลดูผิดหวัง “ลูกกวาดงานแต่งของคนที่สอบได้ที่หนึ่งต่างหาก”

หลินเยวียนประหลาดใจ “เธอได้ที่หนึ่งมาตลอดเลยเหรอ?”

หลินเหยาเป็นเด็กเรียนตัวจริงเสียงจริง ที่โรงเรียนสอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนเห็นหลินเหยาสอบได้ที่สอง

หลินเหยาไม่ได้ตอบ

หลินเยวียนพูดด้วยท่าทางสะท้อนใจ “พี่ไม่เคยได้ที่สองเลย ได้ที่หนึ่งมาตลอด จนมีคนคิดว่าพี่น่าเบื่อแล้ว”

“หนูก็ได้ที่หนึ่งนะ!”

หลินเหยาจ้องหลินเยวียนอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าพี่บ้าคนนี้คิดจะกวนประสาทตน “ถ้าหนูอยากได้ที่หนึ่ง หนูก็ต้องได้ที่หนึ่ง!”

“งั้นครั้งนี้ไม่ได้ที่หนึ่ง?”

“ได้ที่สอง หนูยอมให้เพื่อนคนนั้นได้ที่หนึ่ง”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ หลินเหยาเบ้ปาก “เพื่อนคนนั้นแอบร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ที่สอง เพราะกังวลว่าจะโดนตัดสิทธิ์ทุน แต่พอยอมให้เพื่อนคนนั้นได้ที่หนึ่งแล้ว หนูเองก็ไม่ได้มีความสุขเลย”

“ไม่แปลกที่จะไม่มีความสุข”

หลินเยวียนยิ้มเอ่ย “เพราะเธอเห็นอกเห็นใจเพื่อนก็จริง แต่เธอไม่รู้เลยว่าบางทีเพื่อนอาจไม่ได้ต้องการความเห็นอกเห็นใจก็ได้ บางทีเพื่อนอาจต้องการความเคารพจากความพยายามทั้งหมดของเธอ ถ้าเพื่อนรู้ความจริงเข้า ก็อาจเสียใจมากกว่าที่ได้อันดับสองด้วยซ้ำ”

หลินเหยารู้สึกวิตก “งั้นหนูต้องบอกความจริงกับเพื่อนไหม?”

หลินเยวียนส่ายหน้า “ในเมื่อยอมให้แล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ ครั้งหน้าไม่ต้องทำแบบนี้อีก”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ หลินเยวียนรู้สึกสงสัยขึ้นมา “รสชาติของการได้อันดับสองเป็นยังไงเหรอ”

“กินลูกกวาดไปเลย”

หลินเหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ พาหนานจี๋เข้าไปในบ้าน ก่อนเดินเข้าไป เธอก็ชะงักฝีเท้า “ครั้งนี้พี่ก็ได้ที่สองไม่ใช่เหรอ?”

หืม?

หลินเยวียนชะงักไป เหมือนจะจริงแฮะ

ตนก็ได้ที่สองจริงๆ

ที่แท้นี่ก็คือความรู้สึกของการได้ที่สองเองเหรอ?

เหมือนว่าจะไม่ได้ต่างอะไรกับการได้ที่หนึ่งเลยแฮะ

หลินเยวียนแกะลูกกวาดเข้าปาก จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดฟันยิ่งกว่าเดิม

……

การปวดฟันไม่ใช่อาการป่วย แต่ทรมานเหมือนตกนรก

หลินเยวียนคิดว่าอาการปวดฟันนี้จะดีขึ้นเมื่อผ่านไปสักพัก แต่ไม่นานเขาก็พบว่าอาการปวดฟันนั้นทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เขากินลูกกวาดเข้าไปหลายเม็ด

หลินเยวียนถามระบบ “ฉันฟันผุเหรอ?”

ระบบ “…”

หลินเยวียนคิดว่าเขาคงไม่ได้รับคำตอบใดจากๆ ระบบ จึงไปหาพี่สาวเพื่อให้เธอพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาล แต่พี่สาวทำงานล่วงเวลาและยังไม่กลับบ้าน

“เดี๋ยวหนูไปส่ง”

หลินเหยารู้สึกกังวลกับอาการของหลินเยวียน จึงลากหลินเยวียนและเรียกรถพาไปยังโรงพยาบาลในทันที

ตอนนี้ ยังเป็นเวลาทำงานของโรงพยาบาล

หมอตรวจดูอาการสักครู่ ก่อนจะกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีฟันคุดหนึ่งซี่ จะถอนออกไหมคะ”

“ถอนเลยค่ะ”

หลินเหยาตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หลินเยวียนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง “เจ็บไหมครับ”

หลินเยวียนกลัวเจ็บ กลัวมากเสียด้วย เรื่องนี้เป็นผลมาจากตอนเด็กๆ เขาป่วยและให้หมอฉีดยาอยู่บ่อยครั้ง จึงมีความฝังใจกับเข็มฉีดยา

หมอยิ้มเอ่ย “ฉีดยาชาก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

เดิมทีหมอไม่ได้มีความอดทนมากถึงขนาดนั้น แต่สองพี่น้องตรงหน้า ทำให้หมอไม่รู้สึกหงุดหงิด การพูดคุยกับเด็กทั้งสองคนนี้ทำให้เธอใจเย็นลงอย่างบอกไม่ถูก

“ต้องฉีดยาอีกเหรอครับ”

ต้องถอนฟันแถมต้องฉีดยา แค่คิดหลินเยวียนก็กลัวแล้ว

ถ้าเป็นไปได้ เขายอมได้อันดับสองสิบครั้ง เพื่อแลกกับการถอนฟันที่ไม่เจ็บปวดนี้

หลินเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฟันคุด “ถ้าพี่ไม่ถอนฟันคุด ต่อไปก็จะปวดอีก”

“งั้นก็ถอนเลยครับ”

หลินเยวียนทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

ถึงแม้เขาจะกลัวเจ็บ แต่เจ็บเพียงประเดี๋ยวเดียวยังดีกว่าทนเจ็บไปอีกนาน

ในตอนนั้น หลินเยวียนพลันเกิดความกระตือรือร้นในการทำภารกิจให้สำเร็จขึ้นมามากเป็นพิเศษ มีภารกิจของระบบภารกิจหนึ่ง ขอเพียงเขาทำภารกิจสำเร็จ ก็จะได้รับร่างกายที่แข็งแรง

ร่างกายที่แข็งแรง หมายความว่าจะไม่มีฟันคุดด้วยใช่ไหม?

หืม ฉันมีฟันคุดเพราะชอบกินขนมหวานหรือเปล่านะ? นี่มันหายนะจากของหวานชัดๆ! คนที่ไม่มีสติสตังมักจะคิดเช่นนี้

“เริ่มฉีดยาชาแล้วนะ”

หมอเห็นท่าทางหวาดกลัวของหลินเยวียน ก็เริ่มใจอ่อน และครั้งสุดท้ายที่หมอใจอ่อนเช่นนี้ก็คือขณะที่ตรวจฟันให้เด็กน้อยอายุหกขวบ

“ครับ”

หลินเยวียนมองเห็นความตายอยู่ตรงหน้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหนานจี๋ถึงตามตนมา เพราะว่านี่เป็นลางร้าย

หลินเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมา หันไปทางหลินเยวียน

หลินเยวียนเอ่ยถาม “ทำอะไรน่ะ”

หลินเหยาตอบอย่างจริงจัง “ถ่ายวิดีโอ”

หลินเยวียน “…”

เขาไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องพวกนี้หรอก

ไม่นานก็ฉีดยาชาเสร็จ หลินเยวียนสัมผัสได้ว่าปากของเขาไม่รับรู้ความรู้สึกที่ชัดเจนแล้ว

หมอใช้เครื่องมือชุดหนึ่ง ยึดฟันของหลินเยวียนไว้ “หมอนับถึงสาม แล้วจะเริ่มดึง ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บหรอก ยาชาออกฤทธิ์ได้ที่แล้ว”

หลินเยวียนอ้าปาก พูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงกะพริบตาปริบๆ

“พร้อมนะ หนึ่ง…”

จู่ๆ มือของหมอก็กำแน่น ออกแรงดึงพรวด หลินเยวียนรู้สึกราวกับบางอย่างขาดหาย ไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

เขาเบิกดวงตากว้าง มองหมอฟันด้วยความตกตะลึง

ไหนหมอบอกว่าหนึ่งสองสามไง?

แล้วสองกับสามล่ะ?

หลินเหยาหัวเราะด้วยเสียงแปลกประหลาด มือซึ่งถือโทรศัพท์สั่นเทาเล็กน้อย

“ปกติก็เป็นแบบนี้แหละ”

หมอบอก “หนึ่งสองสามเพื่อให้คนไข้ผ่อนคลาย ก่อนที่หมอจะนับถึงสาม คุณคงไม่ได้รู้สึกกังวลถึงขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ”

หลินเยวียน “…”

ในเย็นวันเดียวกัน วิดีโอการถอนฟันของหลินเยวียนถูกเผยแพร่ในกลุ่มแช็ตเล็ก พลอยให้ซย่าฝานและเจี่ยนอี้หัวเราะเยาะไปหลายตลบ

เป็นพี่สาวที่คล้ายกับว่ากำลังพูดปลอบใจ ‘‘คืนนี้ว่าจะชวนกินของหวานสักหน่อย งั้นไม่ดีกว่า นายน่าจะกินไม่ได้ งั้นพี่กับเหยาเหยากินเอง’

หลินเยวียนไม่อยากพูดอะไร

เพิ่งถอนฟันมา ฉันพูดไม่ออก

………………………………………………….

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

  1. Min พูดว่า:

    ขอบคุณค่ะไรที่มาอัพตอนใหม่ให้ค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท