ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 544 ไม่ยอม

ตอนที่ 544 ไม่ยอม

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​บีบ​มือ​เล็ก​ๆ​ ​ของ​บุตรชาย​ ​ยิ้ม​พลาง​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เจ้า​ไป​พาย​เรือ​มา​หรือ​!​ ​กล้า​ไม่เบา​เลย​!​”

​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​กว้าง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไปร​อบ​ๆ​

​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ชอบ​ให้​มีบ​่า​วรับ​ใช้​จำนวนมาก​อยู่​รอบตัว​ ​โดยเฉพาะ​ห้อง​ด้านใน​ ​เมื่อถึง​เวลาพักผ่อน​ตอนกลางคืน​ ​จะ​มี​เพียง​ฟัง​ซีที​่​มา​เข้าเวร​ช่วย​นาง​ปู​เตียง​เท่านั้น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​ศีรษะ​บุตรชาย​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​จิ​่น​เกอ​ ​เจ้า​เรียก​ข้าว​่า​พ่อ​อีกครั้ง​สิ​!​”​ ​ท่าทาง​จริงจัง​ ​แววตา​มี​ความคาดหวัง​ที่​ไม่​สามารถ​ปิดบัง​ได้

​จิ​่น​เกอ​เอียง​คอม​อง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เหมือนว่า​ไม่เข้าใจ​สิ่ง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด

​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​อีกครั้ง

​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​กระซิบ​บางอย่าง​กับ​ฟัง​ซี

​ใน​ใจ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สงบ​ลง​เล็กน้อย​ ​หันกลับ​มาม​อง​บุตรชาย​ ​อยาก​จะ​ให้​เขา​เรียกตัว​เอง​อีกครั้ง​ ​พึ่ง​จะ​เรียกชื่อ​ ​“​จิ​่น​เกอ​”​ ​ก็​เห็น​บุตรชาย​คลาน​ไป​ที่​มุม​ที่​เขา​มักจะ​ซ่อน​ของ​เอาไว้​ ​รื้อ​ของ​ออกมา​แล้ว​หยิบ​กลอง​ป๋อง​แป​๋ง​ส่ง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รับ​กลอง​ป๋อง​แป​๋​งมา​อย่าง​ทำตัว​ไม่​ถูก​เล็กน้อย​ ​ตอน​เล็ก​ๆ​ ​เวลา​จิ​่น​เกอ​งอแง​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​จะ​เอา​กลอง​ป๋อง​แป​๋​งมา​ให้​เขา​เล่น​ ​พอ​เขา​โต​ขึ้น​มา​ ​เวลา​มี​คน​ทำ​หน้า​นิ่ง​เขา​ก็​จะ​เอา​กลอง​ป๋อง​แป​๋ง​ของ​ตัวเอง​มา​ให้​คนอื่น​เล่น

​“​เจ้า​นี่​นะ​!​”​ ​เขา​อุ้ม​บุตรชาย​มาก​อด​เอาไว้​ใน​อ้อมแขน​ด้วย​ความ​เอ็นดู

​สือ​อี​เหนียง​เดิน​มา​ ​“​นี่​ก็​ดึก​มาก​แล้ว​ ​ท่าน​โหว​ไป​พักผ่อน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​อยาก​ห่าง​จาก​บุตรชาย​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​วันนี้​ให้​จิ​่น​เกอ​นอน​กับ​พวกเรา​เถิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​มีความสุข​ ​จึง​ให้​ฟัง​ซี​ไป​บอก​กับ​แม่นม​กู้​ให้​กางมุ้ง​แล้ว​ช่วย​จิ​่น​เกอ​ถอดเสื้อผ้า

​พอ​ถอด​เสื้อ​อ่าว​ออก​ทำให้​ตัวเบา​ลง​ ​มือ​และ​เท้า​ก็​เป็นอิสระ​ ​จิ​่น​เกอ​พลัน​รู้สึก​คึกคัก​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​เขา​คลาน​ไป​ที่​มุม​เตียง​แล้ว​หยิบ​หนังสือ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​วาง​ไว้​ข้าง​หมอน

​แม้ว่า​ใน​ห้อง​จะ​จุด​เตา​ให้​ความอบอุ่น​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ก็​กลัว​ว่า​เขา​จะ​หนาว​ ​จึง​หยิบ​หนังสือ​จาก​มือ​เขา​ ​แล้ว​รีบ​ยัด​ตัว​เขา​เข้าไป​ใน​ผ้าห่ม

​จิ​่น​เกอ​นอน​ได้​ไม่นาน​ก็​ลุกขึ้น​นั่ง

​“​เจ้า​เด็ก​คน​นี้​ ​ทำไม​ถึง​ได้​ซุกซน​เหมือน​ลิง​เช่นนี้​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ยัด​เขา​เข้าไป​ใน​ผ้าห่ม​อีกครั้ง

​ตอนที่​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​เคย​นอน​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​สนุก​ ​ยิ้ม​พลาง​ปีน​ขึ้น​เตียง​แล้ว​ล้ม​ตัว​ลงนอน​ลง​ข้างๆ​ ​จิ​่น​เกอ​ ​จากนั้น​ก็​ตบ​ตูด​เขา​เบา​ๆ​

​จิ​่น​เกอ​กลับ​คลาน​ไป​ด้านหลัง​สือ​อี​เหนียง​ที่พึ่ง​ขึ้น​เตียง​มา

​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​จน​เกือบจะ​ตก​เตียง

​“​เจ้า​เด็ก​คน​นี้​ ​เหมือน​ใคร​กัน​แน่นะ​”​ ​นาง​ยิ้ม​พลาง​กอด​จิ​่น​เกอ​ ​รีบ​ดึง​ผ้านวม​มา​ห่ม​ ​“​ไม่รู้​จักระ​วัง​เลย​”

​“​ไม่​เหมือน​ข้า​แน่นอน​!​”​ ​ผ้าห่ม​ถูก​ดึง​ไป​ ​ครึ่งตัว​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เลย​อยู่​นอก​ผ้าห่ม​ ​เขา​ขยับ​เข้าไป​ใกล้​สอง​แม่​ลูก​ ​“​มี​แต่​คน​บอกว่า​ข้า​รู้ความ​มาตั​้ง​แต่​เด็ก​!​”

​“​จริง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เลิก​คิ้ว​เรียว​งาม​แล้ว​หรี่​ตาม​อง​เขา​ ​“​เหตุใด​ข้า​ถึง​เคย​ได้ยิน​มา​ว่า​ตอนนั้น​มี​เด็ก​ซุกซน​เอา​ไม้​ไป​แทง​รังนก​ใน​พระตำหนัก​ของ​อู๋​ฮองเฮา​…​”

​“​ข้า​ก็​เป็น​เพียง​ลูกหลาน​สกุล​ขุนนาง​เท่านั้น​ ​จะ​ไป​กล้า​ขนาด​นั้น​ได้​อย่างไร​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หน้าแดง​พลาง​หายใจ​ติดขัด​ ​“​นั่น​เป็นฝี​มือ​ของ​ซุ่น​อ๋อง​ต่างหาก​ ​ข้า​เป็น​เพียงแค่​แพะรับบาป​เท่านั้น​ ​เจ้า​ไป​เชื่อ​คำ​เหล่านี้​ได้​อย่างไร​”

​“​อ้อ​!​”​ ​ใบหน้า​สือ​อี​เหนียง​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​ ​“​ที่แท้​ท่าน​โหวกับ​ซุ่น​อ๋อง​ก็​ไป​แทง​รังนก​ใน​วัง​ของ​อู๋​ฮองเฮา​ด้วยกัน​ ​ข้า​ก็​นึก​ว่า​เขา​จะ​ทำ​เรื่อง​เช่นนี้​กับ​โจว​ซื่อ​เจิง​เสียอีก​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูดไม่ออก​ไป​ชั่วขณะ​ ​ราวกับว่า​เขา​ยอมแพ้​แล้ว​ ​แววตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ที่​มีความสุข

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​มุม​ปาก​ก็​ค่อยๆ​ ​ยกขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​ที่​มีความสุข​เช่นกัน

​จิ​่น​เกอ​เห็น​ว่า​ไม่มีใคร​สนใจ​เขา​ ​จึง​บิด​ตัว​ไปมา​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​หอม​แก้ม​เล็ก​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​ถอด​เสื้อ​อ่าว​ออก​แล้ว​กอด​บุตรชาย​เข้าไป​ใต้​ผ้าห่ม

​ซ้ายมือ​จิ​่น​เกอ​คือ​บิดา​ ​ขวามือ​จิ​่น​เกอ​คือ​มารดา​ ​ประเดี๋ยว​ก็​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ประเดี๋ยว​ก็​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​ท่าทาง​มีความสุข​อย่างมาก

​สือ​อี​เหนียง​ให้​จิ​่น​เกอ​นอน​หนุน​แขน​ตัวเอง​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​จิ​่น​เกอ​ ​วันนี้​เรา​เล่านิทาน​เรื่อง​อะไร​ดี​”​ ​ไม่ได้​รอ​ให้​จิ​่น​เกอ​เอ่ยปาก​ตาม​ความเคยชิน​ ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เมื่อวาน​พวกเรา​เล่าเรื่อง​หนี่ว​์​วา​ซ่อม​ฟ้า​ ​วันนี้​พวกเรา​เล่าเรื่อง​จิง​เว​่ย​ถม​ทะเล​กัน​เถิด​!​”​ ​จากนั้น​ก็​เขี่ย​จมูก​น้อย​ๆ​ ​ของ​เขา​ ​ยิ้ม​แล้ว​ถาม​ว่า​ ​“​ดี​หรือไม่​”

​จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​ ​นอน​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​มารดา​อย่าง​เชื่อฟัง

​“​กาล​ครั้งหนึ่ง​นานมาแล้ว​ ​มีสา​วน​้อ​ยนาม​ว่า​จิง​เว​่​ย.​..​”​ ​ท่าทาง​ของ​สือ​อี​เหนียง​อ่อนโยน​ ​น้ำเสียง​เบา​สบาย​หู​ ​ภายใต้​แสงไฟ​สว่างไสว​ที่​สาดส่อง​มา​ ​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ค่อยๆ​ ​ผ่อนคลาย​ ​เปลือกตา​ของ​เขา​ค่อยๆ​ ​หนัก​ขึ้น

​พอ​เขา​ตกใจ​ตื่น​ก็​รีบ​ลืมตา​ขึ้น​มา​ ​พบ​ว่า​จิ​่น​เกอ​ที่นอน​ฟัง​นิทาน​อย่าง​เงียบๆ​ ​อยู่​ตรงกลาง​ระหว่าง​พวกเขา​ ​นอน​ดิ้น​ไป​ดิ้น​มา​ไม่​หยุด​เหมือน​ถูก​อะไร​บางอย่าง​ทิ่ม

​“​เป็น​อะไร​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​สังเกตเห็น​เช่นกัน​ ​นาง​หยุด​เล่านิทาน​แล้ว​ถาม​บุตรชาย​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ไม่สบาย​ตรงไหน​หรือ​”

​จิ​่น​เกอ​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​บิด​ตัว​ไปมา​แรง​กว่า​เดิม

​สือ​อี​เหนียง​ปู​เตียง​ด้วยตัวเอง​ ​บน​เตียง​ไม่มีทาง​มี​อะไร​แน่นอน

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​หน้าผาก​บุตรชาย​ ​“​เป็น​อะไร​ไป​”​ ​ยัง​ไม่ทัน​พูด​จบ​ก็​รู้สึก​ว่า​มือ​เปียกแฉะ​ด้วย​เหงื่อ​ ​“​ปกติ​เขา​นอน​คนเดียว​”​ ​เขา​สรุป​ทันที​ว่า​ ​“​ตอนนี้​นอน​อยู่​ตรงกลาง​ระหว่าง​เรา​ ​ใน​ห้อง​มีทั​้ง​เตาเผา​ ​แล้วก็​ยัง​มี​ป้า​รับใช้​มาช​่ว​ยอุ​่น​เตียง​ให้​ก่อน​ ​ไม่​แปลกที่​จะ​รู้สึก​ร้อน​”​ ​พูด​พลาง​ลูบ​หลัง​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​ก็​พบ​ว่า​มี​เหงื่อ​เช่นกัน​ ​รีบ​กำชับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​รีบ​เรียก​ฟัง​ซี​ให้​ไป​บิด​ผ้า​ชุบ​น้ำอุ่น​มา​ ​แล้ว​ให้​แม่นม​กู้​ไป​เอา​เสื้อผ้า​มา​เปลี่ยน​”

​สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​แล้ว​ออก​ไป

​ฟัง​ซี​ ​อวี​้​เหมย​ ​แม่นม​กู้​ ​อาจิน​และ​คนอื่นๆ​ ​เดิน​เข้ามา​ ​คน​บิด​ผ้า​ก็​บิด​ไป​ ​คน​เช็ดตัว​ให้​จิ​่น​เกอ​ก็​เช็ด​ไป​ ​คน​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​ก็​เปลี่ยนไป​ ​วุ่นวาย​มา​เป็นเวลา​เกือบ​หนึ่ง​ถ้วย​ชาก​ว่า​ใน​ห้อง​จะ​กลับมา​สงบ​ลง​อีกครั้ง

​ทุกคน​เปลี่ยน​ตำแหน่ง​กัน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​นอน​อยู่​ด้านนอก​เตียง​ ​จิ​่น​เกอ​อยู่​ด้านใน​เตียง

​จิ​่น​เกอ​รีบ​มุด​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​มารดา​ทันที​ ​ทำท่า​ทาง​ออดอ้อน​ใส่​สือ​อี​เหนียง​ ​เหมือน​กำลัง​เร่งเร้า​ให้​นาง​รีบ​เล่านิทาน​ต่อ​

​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ครุ่นคิด​อะไร​บางอย่าง

​นาง​ไม่ได้​เล่านิทาน​ต่อ​แต่กลับ​ตบหลัง​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​“​จิ​่น​เกอ​รีบ​นอน​เถิด​!​”

​จิ​่น​เกอ​บิด​ตัว​ไปมา​ใน​อ้อมแขน​ของ​นาง

​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​อีกครั้ง​ ​“​เป็น​อะไร​หรือ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลังจะ​อ้า​ปาก​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่กลับ​แสดง​สีหน้า​เข้าใจ​อย่างรวดเร็ว​ ​จึง​ไม่ได้​พูด​ออก​ไป​ ​เฝ้ามอง​สอง​แม่​ลูก​อย่างระมัดระวัง​อยู่​ข้างๆ​

​เมื่อ​จิ​่น​เกอ​เห็น​ว่าความ​ต้องการ​ของ​เขา​ไม่ได้​สม​ดังใจ​จึง​ร้องไห้​ขึ้น​มา

​สือ​อี​เหนียง​ปลอบ​เขา​พลาง​ตบหลัง​เบา​ๆ​ ​“​เป็น​อะไร​ ​จิ​่น​เกอ​เป็น​อะไร​”

​จิ​่น​เกอ​ร้องไห้​อยู่นาน​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​อยู่​เพียง​ประโยค​เดียว

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​บุตรชาย​น้ำตาไหล​นองหน้า​ ​ทน​ไม่ได้​จึง​หันหน้า​หนี​ไป​ทาง​อื่น

​เสียงสั่น​เครือ​ของ​แม่นม​กู้ดั​งมา​จาก​ด้านนอก​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​หก​อาจจะ​ไม่​ชิน​เจ้าค่ะ​…​”

​“​ไม่เป็นไร​ ​เจ้า​ไป​นอน​เถิด​!​”​ ​ไม่​รอ​ให้​นาง​พูด​จบ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ตะโกน​ตอบ​ ​“​พวกเรา​จะ​ปลอบโยน​คุณชาย​น้อย​หก​เอง​”

​แม่นม​กู้​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ตอนที่​จิ​่น​เกอ​ยัง​เล็ก​ก็​มีท​่าน​โหว​เป็น​คนดู​แล​…​จึง​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​กลับ​ห้อง​หน​่​วน​เก๋อ​ไป

​ใน​คืน​ที่​เงียบสงบ​ ​เสียงร้อง​ไห้​ของ​จิ​่น​เกอ​ทำเอา​ทุกคน​ตกใจ​ ​แววตา​สือ​อี​เหนียง​เผย​ให้​เห็น​ความลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​แววตา​ก็​กลับมา​สงบ​อย่างรวดเร็ว​ ​นาง​ถาม​จิ​่น​เกอ​ซ้ำๆ​ ​ว่า​เป็น​อะไร

​สอง​แม่​ลูก​ไม่ยอม​กัน​อยู่​อย่างนี้​มา​เกือบ​หนึ่ง​ก้านธูป​แล้ว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทนไม่ไหว​แล้ว​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​คราวหน้า​ค่อย​ว่า​กัน​ดี​หรือไม่​…​เด็ก​บางคน​สี่​ห้า​ขวบ​พึ่ง​จะ​เริ่ม​พูด​ ​พอ​พูด​ได้​ก็​พูด​ไม่​หยุด​…​”​ ​ใน​ใจ​กลับ​รู้​ว่า​เช่นนี้​ไม่เหมาะสม​ ​มี​ความลังเล​แฝง​ไว้​ใน​น้ำเสียง

​“​ไม่ใช่​ว่า​เขา​พูด​ไม่ได้​ ​แต่​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​เลย​ต่างหาก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กัดฟัน​พลาง​ส่ายหน้า​ ​“​หาก​พวกเรา​ไม่​อาศัย​โอกาส​นี้​ให้​เขา​พูด​ออกมา​ ​ข้า​กลัว​ว่า​เขา​จะ​เลย​อายุ​ของ​การเรียนรู้​ที่จะ​พูด​ ​พอ​โตมา​ก็​จะ​พูด​ได้​ไม่ชัด​เจน​ ​อีก​อย่าง​พอ​เขา​ร้องไห้​เช่นนี้​พวกเรา​ก็​ยอม​ถอย​ให้​ ​ต่อไป​พอ​เขา​เจอ​เรื่อง​อะไร​ที่​ทำให้​ไม่พอใจ​เขา​ก็​จะ​ยิ่ง​ร้องไห้​รุนแรง​มากขึ้น​ ​ท่าน​โหว​คง​ไม่รู้​ ​วันนี้​หลังจากที่​ท่าน​กับ​จุน​เกอ​ไป​แล้ว​ ​อวี​้​เกอ​พา​จิ​่น​เกอ​ไป​เล่น​ที่​สวนดอกไม้​ ​เด็ก​อายุ​น้อย​ๆ​ ​อย่าง​เขา​ร้องไห้​ตั้ง​เกือบ​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​ถ้าหาก​โต​ขึ้น​จะ​เป็น​อย่างไร​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​พูด​อะไร

​สือ​อี​เหนียง​ยังคง​ถาม​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ทำไม​ถึง​ร้องไห้​ ​เจ้า​บอก​แม่​มา​ ​เจ้า​ไม่​บอก​แม่​ ​แล้ว​แม่​จะ​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​เจ้า​ร้องไห้​ทำไม​”

​จิ​่น​เกอ​ร้องไห้​พลาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋

​ดวงตา​ของ​เขา​รื้น​ไป​ด้วย​น้ำตา​ราวกับ​หยก​ใส

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่กล้า​มอง​ ​ดังนั้น​จึง​หันไป​ทาง​อื่น​ ​เมื่อม​อง​ไม่เห็น​ก็​จะ​ไม่​เจ็บปวด

​จิ​่น​เกอ​จึง​ได้​ยอม​อ่อน​ลง​ ​ร้องไห้​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​สะอึกสะอื้น​ว่า​ ​“​เล่านิทาน​ ​เล่านิทาน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​สูด​ลมหายใจ​ลึก​ ​รู้สึก​เหนื่อย​ยิ่งกว่า​วิ่ง​มาราธอน​สิบ​กิโลเมตร​เสียอีก

​สือ​อี​เหนียง​หอม​แก้ม​บุตรชาย​ ​ใช้​ผ้าเช็ดหน้า​เช็ดหน้า​ให้​เขา​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ได้​สิ​ ​พวกเรา​มา​เล่านิทาน​กัน​ ​พวกเรา​เล่า​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว​ ​ข้า​ขอ​คิดดู​ก่อน​!​”

​ก่อนหน้านี้​ ​เพื่อที่จะ​บอก​ให้​จิ​่น​เกอ​พูด​ ​นาง​ได้​พัฒนา​นิสัย​ใน​การ​พูด​ให้​มาก​ที่สุด​ต่อหน้า​เด็ก​ๆ​

​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​ทันทีที่​สือ​อี​เหนียง​พูด​จบ​ก็ได้​ยิน​เสียง​จาก​ปาก​เล็ก​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​จิง​เว​่ย​เป็น​นกน้อย​!​”

​สือ​อี​เหนียง​มอง​บุตรชาย​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​“​จิ​่น​เกอ​!​”​ ​นาง​พึ่ง​พูดถึง​ตอนที่​จิง​เว​่​ยก​ลาย​เป็น​นกน้อย​ ​“​เจ้า​จำได้​ด้วย​หรือว่า​เมื่อ​ครู่​แม่​เล่า​ถึง​ไหน​แล้ว​”

​จิ​่น​เกอ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความกลัว​ ​ท่าทาง​น้อยใจ​เป็นอย่างมาก

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​มาก​อด​ ​“​เจ้า​ช่าง​ฉลาด​เสีย​จริง​ ​รู้​ไป​ซะ​ทุกอย่าง​!​”

​จิ​่น​เกอ​กำลัง​ตั้งตารอ​นิทาน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ไม่พอใจ​กับ​การกระทำ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จึง​บิด​ตัว​ไปมา​จะ​ไปหา​สือ​อี​เหนียง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​พลาง​ปล่อย​ให้​จิ​่น​เกอ​คลาน​ไปหา​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​สือ​อี​เหนียง​เตือน​เขา​ ​“​ให้​เขา​พูด​ ​ให้​เขา​พูด​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​คว้า​ตัว​เขา​มาก​อด​ไว้​อีกครั้ง​ ​ถาม​จิ​่น​เกอ​ว่า​ ​“​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​”

​จิ​่น​เกอ​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ถาม​เขา​ ​“​จิ​่น​เกอ​จะ​ทำ​อะไร​หรือ​”

​“​ข้า​จะ​หา​ท่าน​แม่​!​”​ ​พูด​พลาง​จะ​ไปหา​สือ​อี​เหนียง

​ครั้งนี้​สือ​อี​เหนียง​กอด​บุตรชาย​ด้วย​ความดีใจ

​“​กว่า​จะ​พูด​คำ​ว่า​แม่​ออกมา​นั้น​ไม่​ง่าย​เลย​ ​แต่กลับ​พูด​ขึ้น​มา​ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​!​”​ ​ใน​ใจ​นาง​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​ ​ยิ้ม​พลาง​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​ผม​สีดำ​ขลับ​ของ​บุตรชาย​ ​พูด​อย่าง​ไม่เห็นด้วย​ว่า​ ​“​แต่​ในที่สุด​เขา​ก็​พูด​ออกมา​แล้ว​!​”​ ​พูด​จบ​ก็​ยิ้ม​ให้​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​มอง​ไป​ที่​เขา​พอดี

​สายตา​ของ​ทั้งสอง​คน​มาบร​รจ​บกัน

​คน​หนึ่ง​กำลัง​ยิ้ม​อย่าง​ร่าเริง​ ​อีก​คน​ก็​สีหน้า​ดู​ผ่อนคลาย​ลง

​นึกถึง​ความ​ยืนหยัด​เมื่อครู่นี้​…​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ต่าง​ก็​มีความสุข​ที่​ได้​ช่วยกัน​แก้ไขปัญหา​ที่​ยากลำบาก​นี้

​ทั้งสอง​คน​หัวเราะ​พร้อมกัน​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย

​เหมือน​มี​อะไร​บางอย่าง​ตกลง​มาสู่​หัวใจ​…​เป็นความ​หวาน​จางๆ​…

​******

​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​เอา​เค้ก​ข้าวสาลี​ที่พึ่ง​ทำ​เสร็จ​ใหม่​ๆ​ ​มา​ให้​จิ​่น​เกอ​ทาน​ ​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ความไม่พอใจ​เล็กน้อย​ ​“​เมื่อวาน​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ทำไม​จิ​่น​เกอ​ร้องไห้​ดังลั่น​เช่นนั้น​”

คิดไม่ถึง​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​จะ​จงใจ​ถาม​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้

​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ครุ่นคิด​ ​ก็ได้​ยิน​จิ​่น​เกอ​ที่​กำลัง​ทาน​ขนม​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​เล่านิทาน​ ​ท่าน​แม่​เล่านิทาน​!​”

​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไหน​เลย​จะ​ยัง​สนใจ​ถาม​สือ​อี​เหนียง​อีก​ ​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ด้วย​ความดีใจ​ ​“​จิ​่น​เกอ​ของ​พวกเรา​พูด​ได้​แล้ว​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท