เรื่องการเป็นเจ้าสวาปาม หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจมากนัก สำหรับเขาแล้ว ประโยชน์สำคัญที่สุดของการตระหนักรู้กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสก็คือ…เข้าใจมหาเทพ
ตั้งแต่เขาตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในโลกใบนี้ล้วนมาจากมหาเทพ หวังเป่าเล่อก็มีความคิดหนึ่ง ถ้าหากว่า…ตนตระหนักรู้เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ แล้ว…จะเกิดอะไรขึ้น
“มหาเทพจะตื่นขึ้น หรือว่า…ต่อจากนี้จะไม่มีวันตื่นอีก?” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เดินอยู่บนถนนหินชนวนของเมืองปรารถนารส เงยหน้ามองฟ้า
แม้ว่าเขาจะมองทะลุท้องฟ้าจนเห็นโลกชั้นที่หนึ่งข้างบนไม่ได้ แต่อาศัยสัมผัสเชื่อมต่ออันเลือนราง เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าบนท้องฟ้าไร้ขอบเขตแห่งนั้นมีร่างหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอย่างเงียบงันอยู่ในโลกอีกใบ
ผ่านไปพักหนึ่งหวังเป่าเล่อก็ถอนสายตากลับมา แล้วก้าวเข้าในประตูร้านปิงหลิง
เวลาเคลื่อนผ่านไปอีกครั้ง เมื่อเทศกาลสวาปามสิ้นสุดลง การขยายตัวของร้านปิงหลิงก็ต่างไปจากเดิม ไม่ได้เก็บสินค้าเอาไว้อีกต่อไป แต่ส่งสินค้าแพร่กระจายไปทุกทิศโดยใช้ร้านเป็นศูนย์กลาง
ร้านแต่ละแห่งถูกริบมาหลังจากพวกผู้จัดการหญิงเข้าไปเยี่ยมเยียน จนกระทั่งใกล้จะผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว บนถนนในเขตตะวันออกของเมืองปรารถนารสที่ร้านปิงหลิงตั้งอยู่ก็เหลือร้านปิงหลิงอยู่แค่ร้านเดียว!
ส่วนร้านอื่นๆ ล้วนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของร้านปิงหลิงโดยไม่มีที่ยกเว้น ทำให้ร้านอาหารชั้นยอดของเมืองปรารถนารสมีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแห่ง
และการขยายตัวกับความนิยมที่สมบูรณ์แบบของร้านปิงหลิงก็ได้พัดพากลิ่นอายแห่งปรารถนาไปทั่วทั้งเมืองปรารถนารส ทั้งยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับน่ากลัวมาก ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสของหวังเป่าเล่อล้ำลึกขึ้นทุกวันๆ
ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงหนึ่งเดือนนี้ กฎเกณฑ์ปรารถนารสของหวังเป่าเล่อบรรลุถึงระดับขั้นใดแล้ว เพียงแต่สัมผัสได้รางๆ แค่ว่า ขอเพียงใครคนหนึ่งก้าวเข้าไปบนถนนเส้นที่เขาอาศัยอยู่ ก็จะมีความกระหายอยากเข้มข้นอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นในใจทุกคน
และความแปลกประหลาดของที่แห่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเจ้าสวาปามทั้งแปดในเมืองปรารถนารสแล้ว แต่บางทีอาจเป็นเพราะงานเลี้ยงล่าสัตว์กำลังจะเริ่มขึ้น ดังนั้นแม้จะมีการสืบดู แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางหรือรบกวนอะไร
เพราะว่า…ในหนึ่งเดือนมานี้ ผู้ที่ระเบิดพลังออกมานั้นไม่ได้มีแค่หวังเป่าเล่อคนเดียว ทั้งเมืองปรารถนารสมีอยู่สิบสามเขต ล้วนแล้วแต่เกิดการระเบิดในระดับที่ต่างกันทั้งสิ้น
และทุกที่ที่มีการระเบิดขึ้นล้วนมีสาวกเนื้อคนหนึ่งอยู่อย่างไม่มีข้อยกเว้น
เห็นได้ชัดว่าสำหรับสาวกเนื้อแล้ว เรื่องงานเลี้ยงล่าสัตว์มีความสำคัญเกี่ยวพันกับชีวิตอย่างยิ่ง ดังนั้นนอกจากบางคนที่ยังเลือกซ่อนตัวด้วยเหตุผลต่างๆ แล้ว คนที่เหลือส่วนใหญ่ก็พากันขยายระดับอย่างดุเดือดในช่วงหนึ่งเดือนนี้ และเสาะหาวิธีการดูดซับกลิ่นอายปรารถนารสให้ได้มากกว่านี้กันทั้งนั้น
ในบรรดาคนเหล่านี้ แม้ว่าการขยายระดับของหวังเป่าเล่อจะน่าตะลึง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลิศล้ำเหนือจริงมากที่สุด มีสามคนที่เลิศล้ำเหนือจริงยิ่งกว่าหวังเป่าเล่อ และหนึ่งในนั้นก็คือเสินหลูเต้า
เสินหลูเต้าไม่มีร้านเป็นของตัวเอง แต่เจ้าสวาปามที่เขาติดตามนั้นแข็งแกร่งที่สุดในเมืองปรารถนารส ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ เขาได้มอบสถานที่ที่สามารถดูดซับกลิ่นอายแห่งปรารถนารสทั้งหมดในควบคุมไปให้เสินหลูเต้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หรือก็คือ เจ้าสวาปามผู้นั้นได้แบ่งปันการฝึกบำเพ็ญในช่วงหนึ่งเดือนของตนให้กับเสินหลูเต้า และกลิ่นอายแห่งปรารถนารสที่เจ้าสวาปามจำเป็นต้องใช้ในการฝึกฝนก็เรียกได้ว่ามีมหาศาล แต่มันได้ตกไปอยู่บนร่างของสาวกเนื้อคนหนึ่ง ดังนั้นระดับที่เขาระเบิดออกมาก็ย่อมสะเทือนฟ้าทีเดียว
นอกจากเสินหลูเต้าแล้ว ผู้ที่เลิศล้ำเหนือจริงอย่างยิ่งอีกสองคนนั้น ชื่อของหนึ่งในนั้นไม่โด่งดัง ราวกับก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่สนใจอย่างยิ่ง เขากักตนอยู่ตลอดปี แต่เมื่อเดินออกมา กลับชักนำให้เกิดวังน้ำวนแห่งกลิ่นอายความปรารถนาส่วนหนึ่งของทั้งเมืองปรารถนารสขึ้น
ภาพนี้ทำให้ทุกคนในเมืองปรารถนารสตกตะลึงอย่างยิ่ง
ควรรู้ว่าการทำได้ถึงขั้นนี้ เจ้าสวาปามยังทำได้ยากอยู่สักหน่อย มีเพียงเจ้าแห่งปรารถนาเท่านั้นจึงจะมีอำนาจเช่นนี้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้เกิดการคาดเดามากมาย ถึงขั้นมีข่าวลือว่าสาวกเนื้อลึกลับผู้นี้ น่าจะเป็นเหตุผลแท้จริงที่เจ้าแห่งปรารถนาเปิดงานเลี้ยงล่าสัตว์ครั้งนี้ขึ้น
ส่วนเรื่องชื่อของสาวกเนื้อผู้นี้ ไม่นานก็ถูกผู้ฝึกตนในเมืองปรารถนารสสืบรู้อย่างรวดเร็ว
คนผู้นี้มีนามว่า เฟิงตี๋
ส่วนคนสุดท้าย การปะทุของกฎเกณฑ์ปรารถนารสของเขาไม่ได้ทำให้เกิดอุบัติมากมายอะไร แต่เพราะตัวตนของคนผู้นี้คือบุตรชายสายตรงของเจ้าสวาปามถัวหลิงจื่อ นามว่าเฉิงหลิงจื่อ
ทั้งสามคนนี้ บวกกับหวังเป่าเล่อ ก็คือผู้ที่รวบรวมสายตาของทั้งเมืองปรารถนารสในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ และกลายเป็นผู้ถูกเลือกที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าสวาปามที่คนส่วนใหญ่คาดเดา
เช่นนี้เอง เทศกาลสวาปามอีกหนึ่งครั้งก็มาถึงช้าๆ และครั้งนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อน เพราะสาวกเนื้อ…ไม่ได้ปรากฏตัว เมื่อกลุ่มคนและผู้ฝึกตนทั้งเมืองติดตามเจ้าสวาปามไปรวมตัวกันที่แท่นบูชา และเมื่อเจ้าแห่งปรารถนามาถึง เสียงโห่ร้องจากรอบข้างก็ดังขึ้นเช่นเคย จากนั้นตัวตนราวกับก้อนเนื้อบนแท่นบูชาผู้นั้นก็สะบัดมือขึ้นไปบนฟ้าอย่างแรง
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับโลกทั้งใบสั่นไหว เส้นทางวังน้ำวนมหึมาพลันปรากฏอยู่เหนือเมืองปรารถนารสและขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งผ่านไปไม่กี่อึดใจ ผู้ฝึกตนในเมืองปรารถนารสทั้งหมดก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่าวังน้ำวนสีดำมหึมาแห่งนั้นกำลังร้องลั่น ท่ามกลางสายฟ้ามากมายที่แผ่กระจายและเคลื่อนไหวอยู่นั้น ข้างในวังน้ำวนก็ปรากฏโลกเดี๋ยวจริงเดี๋ยวเลือนรางขึ้นช้าๆ
โลกแห่งนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกไม่คุ้นเคย ผืนแผ่นดินดำสนิทในนั้นเผยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ยิ่งเหมือนกับดินฝังศพ มันพร่าเลือน มองไม่เห็นซากปรักหักพังใดๆ ราวกับว่า…โลกข้างในวังน้ำวนแห่งนี้ก็คือหลุมศพในสนามรบ
ความเยือกเย็นและความตายคล้ายเป็นท่วงทำนองหลักในที่แห่งนี้ ทำให้ทุกคนในเมืองปรารถนารสถูกกดข่ม เสียงโห่ร้องถูกขัดจังหวะเป็นครั้งแรก
ถ้าแค่นั้นก็ช่างเถอะ แต่ขณะที่วังน้ำวนสีดำแห่งนี้หมุนวน ฉีกขาด และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นในโลกดินฝังศพของวังน้ำวนก็มีเสียงร้องคำรามดังออกมา
เสียงคำรามนี้ส่งกลิ่นอายสั่นคลอนจิตใจ ราวกับมีลมพายุพัดมาจากวังน้ำวนเข้ามายังเมืองปรารถนารส ทำให้ทุกคนในเมืองปรารถนารสต่างกู่ร้องก้องอยู่ในใจ จากนั้นมือของศพเน่าเปื่อยขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นในวังน้ำวนตรงๆ คล้ายอยากจะยื่นเข้ามาในนี้ผ่านทางวังน้ำวนให้ได้
จะเห็นได้ว่าบนมือซากศพนั้นมีแมลงตัวสีดำจำนวนมากกำลังคลานเข้าคลานออกไม่หยุด แต่ละตัวน่าสะพรึงนัก ทำให้กลิ่นอายของมือซากศพข้างนี้น่ากลัวเข้าไปใหญ่ เมื่อมันกำลังจะเข้ามาใกล้ เจ้าแห่งปรารถนาของเมืองปรารถนารสบนแท่นบูชา ก้อนเนื้อใหญ่ยักษ์ผู้นั้น ก็พลันแค่นเสียงเย็นออกมา
เมื่อเสียงหัวเราะหยันดังขึ้น ทันใดนั้นมันก็ส่งผลต่อมือซากศพ แมลงสีดำพวกนั้นบนมือพากันกรีดร้องออกมาทันที ท่าทางคล้ายบ้าคลั่ง มันกลืนกินมือซากศพ รางกับความกระหายอยากของพวกมันถูกจุดติดอย่างสมบูรณ์ นอกจากกลืนกินมือศพแล้ว มันยังกัดกินกันเองอย่างดุเดือดเสียด้วย
เช่นนี้เอง มือศพที่ดูน่าสะพรึงกลัวข้างนั้นยังไม่ทันได้ยื่นออกมาจากในวังน้ำวน มันก็หายลับไปกับตา จนกระทั่งท้ายที่สุด ก็กลายเป็นแมลงสีดำกลุ่มหนึ่งที่กัดกินกันเอง และเมื่อก้อนเนื้อบนแท่นบูชาเริ่มดูด พวกมันก็ถูกสูบออกมาจากวังน้ำวนจนหมด ก่อนพุ่งเข้าไปในปากของก้อนเนื้อ
ยามที่เสียงเคี้ยวดังขึ้น ทุกคนในเมืองปรารถนารสก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า แต่ขณะเดียวกันก็เกิดความกระหายอย่างรุนแรงขึ้นมาทีละคนๆ
“งานเลี้ยงเริ่มแล้ว สาวกเนื้อทุกคน ยังไม่เข้าไปอีก!” ขณะที่กลิ่นอายแห่งปรารถนารสเข้มข้น ก้อนเนื้อที่กลืนแมลงเข้าไปในปากและยืนอยู่บนแท่นบูชาก็เอ่ยเสียงเรียบ
เสียงนั้นดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งเมือง
…………………………………………..