รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 532 ดอกไม้ยังอยู่ ทว่าคนไปเก็บดอกไม้เป็นเพื่อนนางไม่อยู่แล้ว!

บทที่ 532 ดอกไม้ยังอยู่ ทว่าคนไปเก็บดอกไม้เป็นเพื่อนนางไม่อยู่แล้ว!

บทที่ 532 ดอกไม้ยังอยู่ ทว่าคนไปเก็บดอกไม้เป็นเพื่อนนางไม่อยู่แล้ว!

จักรพรรดินีจะคาดคิดได้อย่างไร ภพเซียนสามารถเข้าออกได้อย่างสะดวกที่ไหนกัน? ทุกครั้งที่เข้าออกล้วนต้องเดิมพันด้วยชีวิต และผู้ที่ล้มเหลวแทบทั้งหมดต่างก็ต้องสิ้นชีพลง!

งานในครั้งนี้ต้องออกไปด้านนอกภพเซียน!

นางประหลาดใจเป็นอย่างมาก ตระกูลเซียวต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?

“เจ้าเองก็มาจากด้านนอกภพเซียน ทั้งยังสามารถฝ่าเข้ามาได้อย่างประสบความสำเร็จ ย่อมต้องมีข้อได้เปรียบเหนือสมาชิกคนอื่น ๆ ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสประสบความสำเร็จในการฝ่าออกไปมากกว่า”

ประมุขตระกูลเซียวกล่าวกับจักรพรรดินี

“…”

จักรพรรดินีไร้คำจะกล่าว แม้นางจะมาจากภายนอก สามารถทะลวงผ่านพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ปกคลุมภพเซียนเข้ามาได้สำเร็จ แต่นั่นแทบไม่อาจนับเป็นข้อได้เปรียบ

พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างยิ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง มันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทรงพลังมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องเผชิญกับพลังที่ทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น

สำหรับนางย่อมต้องแตกต่างไปจากเดิมอยู่แล้ว นางแข็งแกร่งขึ้นเหนือกว่าตอนนั้นมาก หากต้องการออกไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวของนางต้องเผชิญกับพลังรุนแรงแค่ไหน

ดังนั้นแล้ว ครั้งนี้นางก็เหมือนกับต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน ไม่อาจนับได้ว่านางมีข้อได้เปรียบอันใดไปกว่าคนอื่น ๆ

หากนางฝ่าออกไปจริง ๆ ก็ยากจะคาดการณ์อะไรได้ ไม่รู้กระทั่งจะรอดตายหรือไม่

ประมุขตระกูลเซียวรู้ว่าจักรพรรดินีกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาจึงอธิบายออกมา “เจ้าก็น่าจะรู้แจ้งดี ผู้ที่บรรลุเป็นเซียนในภพเซียน กับตัวเจ้าที่มาจากภายนอกแตกต่างกันเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างก็อ่อนแอกว่าเจ้าในทุกด้าน นั่นเองก็เป็นเหตุผลให้ข้าเลือกที่จะส่งเจ้าไป”

สสารที่อยู่ในภพเซียนยอดเยี่ยมเกินไป สิ่งมีชีวิตภายในสามารถบรรลุขอบเขตการฝึกฝนได้อย่างง่ายได้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตภายนอกภพเซียนที่ฝึกฝนจากสภาพย่ำแย่กว่าจนมาถึงจุดสูงสุดเช่นเดียวกันแล้ว คนที่ฝึกฝนในภพเซียนไม่อาจเปรียบเทียบได้จริง ๆ

อย่างไรเสียสภาพแวดล้อมภายนอกก็เลวร้ายจนเกินไป แทบไม่มีสสารให้ใช้ฝึกฝนในระดับสูง ผู้ที่สามารถบรรลุขอบเขตขั้นสูงได้แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมขาดแคลนย่อมไม่ธรรมดาสามัญ ความสามารถรอบด้านชวนตื่นตะลึงเป็นพิเศษ

ดั่งเช่นจักรพรรดินี

นางเองก็มาจากภายนอก ดิ้นรนลำบากมาสิบเอ็ดชาติภพ ฝึกฝนทุกด้านจนถึงขีดสุด ทิ้งห่างจากสิ่งมีชีวิตในภพเซียน

นี่เป็นเหตุผลที่หลังจากนางบรรลุเป็นเซียนแล้ว นางก็สามารถพัฒนาความสามารถทุกด้านอย่างรวดเร็ว รากฐานแต่เดิมของนางนั้นดีเป็นอย่างยิ่ง ดีจนเปี่ยมล้นเกินไปเสียด้วยซ้ำ

พลังการต่อสู้ของนางยังนางเหนือชั้นกว่าสิ่งมีชีวิตในขอบเขตเดียวกันของภพเซียนเป็นอย่างมาก นางไม่เพียงแต่จะไร้ผู้ต้านในขอบเขตเดียวกัน ยังสามารถกระทั่งต่อสู้ข้ามขั้นจัดการกับสิ่งมีชีวิตที่ขอบเขตสูงกว่าได้

สภาพแวดล้อมภายนอกย้ำแย่และไม่มีสสารนิรันดร์แม้แต่น้อย การต้องมีชีวิตรอดให้อายุยืนยาวชาติภพแล้วชาติภพเล่า นับเป็นเรื่องลำบากยากเข็นอย่างยิ่ง นางผ่านอะไรมากมาย ค่อย ๆ ทลายขีดจำกัดขึ้นมาทีละอย่าง ๆ ทำให้นางไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตใดก็ได้มาเปรียบเทียบ

ทว่าภายในภพเซียน นางไม่ใช่คนผู้เดียวที่มาจากภายนอก มีสิ่งมีชีวิตอีกจำนวนไม่น้อยที่มาจากภายนอกเหมือนกัน

สถานการณ์ของพวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เหมือนกับนาง แต่ละคนล้วนแต่ไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยความอุตสาหะอย่างถึงที่สุด ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดตนเองขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

หากไม่ใช่เพราะโดดเด่นถึงขีดสุด พวกเขาคงไม่อาจเข้าสู่ภพเซียนได้

พลังที่ปกคลุมภพเซียนอยู่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง หากไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในทุกด้านย่อมไม่อาจทะลวงผ่านเข้ามาได้

หลังจากเข้าสู่ภพเซียนแล้ว แต่ละคนก็เผยความพิเศษนี้ออกมา อยู่เหนือชั้นยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นในภพเซียน ทุกคนล้วนโด่ดเด่นชวนตื่นตะลึง

นี่เองที่เป็นสาเหตุว่าทำไมทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตภายนอกทะลวงผ่านเข้ามายังภพเซียนได้ กองกำลังทรงอิทธิพลทุกฝ่ายในภพเซียนต่างก็พยายามต่อสู้แย่งชิง ศักยภาพของผู้มาจากภายนอกยอดเยี่ยมมากเกินไป ความสำเร็จที่พวกเขาจะสามารถบรรลุถึงในอนาคตไม่อาจคาดเดาได้

จักรพรรดินีเปิดปากถาม “ต้องการให้ข้านำสิ่งใดกลับมา?”

กล่าวตามตรงแล้ว นางไม่อยากไปเลย งานในครั้งนี้มีโอกาสอย่างมากที่นางจะไม่สามารถกลับมาได้…

ทว่านางเองก็กระจ่างแจ้ง ว่าตัวนางนั้นไม่มีสิทธิ์เลือก

ตระกูลเซียวลงผนึกไว้ในร่างของนาง สามารถควบคุมความเป็นตายของนางได้ งานในครั้งนี้อย่างไรนางก็ต้องไป แม้ไม่อยากไปก็ต้องไป

นางไม่มีอิสระเป็นของตนเอง

“เป็นกล่องสี่เหลี่ยมหนึ่งกล่อง เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ภายใน เจ้าเพียงแค่ต้องนำเอากล่องนั้นกลับมาให้ได้”

ประมุขตระกูลเซียวกล่าว “หากเจ้าสามารถนำกล่องนั่นกลับมาได้ ข้า…จะคืนอิสระให้กับเจ้า ถอนผนึกที่อยู่ในร่างของเจ้าออก”

คืนอิสระ ถอนผนึกออก!

ร่างกายของจักรพรรดินีสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้ว่าจิตใจของนางจะเข้มแข็งเพียงใด หลังจากได้ยินคำพูดของประมุขตระกูลเซียวแล้ว หัวใจของนางก็ยังอดเกิดการหวั่นไหวไม่ได้

อิสระ!

นางไม่รู้ว่าตนเองโหยหาสิ่งนี้มานานเพียงใด นางต้องการอิสระภาพกลับคืนมา แต่ความแข็งแกร่งของตระกูลเซียวนั้นมากเกินไปทำให้นางไม่อาจมองเห็นความหวังใดแม้แต่น้อย

นี่เป็นถึงหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ของภพเซียน ภูมิหลังลึกล้ำเกินกว่าจินตนาการถึง แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์อันน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่อาจมองเห็นความหวังใด

เป็นเรื่องยากที่จะได้รับอิสระจากตระกูลเซียวด้วยพลังของตัวนางเอง หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

ตระกูลใหญ่ไม่อาจสั่นคลอนได้ด้วยคนเพียงคนเดียว

ไม่ว่าคนผู้นั้นจะน่าตื่นตะลึงหรือทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่อาจทำได้

ทว่าตอนนี้ประมุขตระกูลเซียวกลับเสนอที่จะคืนอิสระภาพให้นาง ภายในใจของนางจะไม่เกิดความหวั่นไหวขึ้นมาได้อย่างไร?

สิ่งนี้ทำให้นางมองเห็นความหวัง!

แม้ความหวังนั้นจะริบหรี่เป็นอย่างมาก เนื่องจากหากนางต้องการจะนำกล่องกลับมา นางจะต้องฝ่าออกและเข้าภพเซียนอย่างละหนึ่งครั้ง เพียงแค่ครั้งเดียวนางยังคิดว่าไม่อาจสามารถฝ่าออกไปได้สำเร็จ นับประสาอะไรกับการฝ่าเข้ามาอีกครั้ง

นอกจากนี้นางยังตื่นตกใจเป็นอย่างมาก

สิ่งที่อยู่ด้านในกล่องนั้นคืออะไรกัน ประมุขตระกูลเซียวจึงได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก กระทั่งยื่นข้อเสนอเช่นนี้ให้กับนางโดยไม่ลังเล

ทั้งที่ตระกูลเซียวไม่มีทางจะปล่อยนางไปง่าย ๆ…

“ก่อนหน้านี้มีสมาชิกของตระกูลออกไปค้นหากล่องสี่เหลี่ยมนี้ ทว่าจนถึงยามนี้ก็ยังคงไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หากเจ้าสามารถออกไปได้สำเร็จก็สามารถลองตามหาพวกเขาได้เช่นกัน จากนั้นก็สอบถามสถานการณ์เพิ่มเติมจากพวกเขา”

ประมุขตระกูลเซียวบอกเล่าสถานการณ์ออกมา เขากล่าวว่ากล่องสี่เหลี่ยมถูกซีนำออกไป หากซียังไม่ตาย กล่องสี่เหลี่ยมนั้นก็ควรอยู่ในมือของนาง สมาชิกในตระกูลที่ออกไปก็เพราะไล่ตามซีไป

น่าเสียดาย พลังที่ปกคลุมภพเซียนเอาไว้ทำให้เขาไม่อาจติดต่อกับสมาชิกตระกูลเหล่านั้นได้ จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นใดแล้ว

“เร็ว ๆ นี้ตระกูลอื่นก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ระวังตัวไว้ด้วย เจ้าอาจจะพบพวกเขาด้านนอก” ประมุขตระกูลเซียวกล่าวต่อ

เขาตัดสินใจส่งจักรพรรดินีออกไปเพราะตระกูลอื่น ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่ต้องการจะส่งจักรพรรดินีออกไป

จักรพรรดินีมีศักยภาพยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก สามารถทำหลายอย่างให้ตระกูลเซียวได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการจะเสียนางไปโดยง่าย

ทว่าของในกล่องนั่นสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่อาจปล่อยให้ตระกูลอื่นได้ไป เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องส่งจักรพรรดินีไป

ตระกูลอื่น…

กลุ่มกองกำลังที่ตระกูลเซียวให้ความสำคัญ ย่อมต้องหมายถึงตระกูลใหญ่อื่น ๆ อยู่แล้ว

จักรพรรดินีเริ่มตระหนักได้ถึงความสำคัญของกล่องสี่เหลี่ยมได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตระกูลใหญ่ต่างก็ส่งคนออกไปตามหาอย่างไม่กลัวการสูญเสีย สิ่งที่อยู่ภายในกล่องจะต้องน่าตื่นตะลึงถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เข้าใจแล้ว”

จักรพรรดินีพยักหน้า ก่อนจะออกจากวังเซียนกลับไปยังที่พักของตนเอง เตรียมข้าวของสำหรับการออกจากภพเซียน

“ก่อนหน้านี้ข้าไร้เดียงสามากเกินไป หลงเชื่อว่าเซียนล้วนทำได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ทำได้ หารู้ไม่ว่าเซียนไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย…”

เมื่อมาถึงปลายขอบภพเซียน จักรพรรดินีก็หยุดพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

นางกลายเป็นเซียนไม่ใช่เพื่อตัวนางเอง แต่เพื่ออาจารย์ของนาง

ผู้ที่นำพานางเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝน ทั้งยังเป็นผู้อยู่เคียงข้างนางยามเติบโตจนกลายเป็นจักรพรรดินี!

ความสำเร็จของนางในวันนี้ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์

ในโลกทั่วไปแล้ว เทียนตี้คือจุดสูงสุด ไม่มีหนทางให้ก้าวเดินอีก

นางเองก็เช่นกัน หลังจากบรรลุขั้นเทียนตี้ ก็ไม่อาจมองเห็นหนทางให้เดินต่อ

ยามนั้นอาจารย์ของนางยังอยู่ แม้อายุขัยจะเหลืออยู่น้อยนิด ทว่าในมือก็ยังมีโอสถเทียนตี้ ทำให้มีหนทางอยู่รอดต่อไปได้

แต่อาจารย์ของนางไม่ได้ใช้โอสถเทียนตี้กับตัวเอง เลือกจะทิ้งโอสถเทียนตี้เอาไว้ให้นาง

“ข้ามีชีวิตต่อไปก็ไร้ความหมาย ไม่อาจกลายเป็นเซียนได้ ทว่าเจ้านั้นแตกต่าง เจ้ามีคุณสมบัติมากพอจะกลายเป็นเซียนได้ ในอนาคตก็จงตั้งปณิธานกลายเป็นเซียนและเข้าสู่ภพเซียน!” นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของนางกล่าวออกมา

หลังจากนั้นอาจารย์ก็สละชีวิตเพื่อเปิดหนทางเดินให้กับนาง สร้างโอกาสให้นางได้ก้าวข้าม มองเห็นเส้นทางเดินหลังจากขั้นเทียนตี้

โอกาสครั้งนั้นสำคัญมากสำหรับนาง อีกทั้งยังเป็นเหตุผลให้นางสามารถมีชีวิตได้ชาติแล้วชาติเล่า!

ดอกไม้ยังอยู่ ทว่าน่าเสียดาย ที่คนไปเก็บดอกไม้เป็นเพื่อนนางไม่อยู่แล้ว…

เมื่อใดก็ตามที่พบดอกไม้แปลกประหลาด นางก็จะนำกลับมา ไม่ได้ให้ตัวเอง แต่เพื่อมอบให้กับอาจารย์ วันใดเมื่ออาจารย์หวนกลับมาจะได้เห็นดอกไม้เหล่านี้

นางยังจำช่วงเวลาที่ได้ใช้กับอาจารย์ได้ ยามว่างนางมักจะไปเก็บดอกไม้กับอาจารย์ ทำให้ผู้พบเห็นบ่อย ๆ เรียกขานว่าเซียนเก็บบุปผา

ชาติแล้วชาติเล่า นางผ่านวันคืนมานับไม่ถ้วน จนสามารถทำลายขีดจำกัด ก้าวเดินสู่ถนนสายใหม่เส้นแล้วเส้นเล่า ทั้งหมดเป็นเพราะความศรัทธาในหัวใจนาง!

นางต้องการจะกลายเป็นเซียน ต้องการจะฝืนหยินหยาง นำอาจารย์กลับมาจากความตาย นางต้องการจะไปเก็บดอกไม้กับอาจารย์อีกครั้ง!

ทว่าหลังจากกลายเป็นเซียนก็ตระหนักได้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน เซียนไม่ได้มีอำนาจดลบันดาลได้ทุกสิ่ง เซียนไม่สามารถฝืนหยินหยางนำคนกลับมาจากความตายได้…

นางยังได้รู้อีกว่า แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของภพเซียนก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่สามารถฝืนความเป็นตายได้

ความเป็นความตาย และหยินหยาง ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไร้หนทางนำอาจารย์กลับมาจากความตาย

เมื่อได้รู้ว่าตนเองไม่สามารถพบกับอาจารย์อีก ไม่สามารถเก็บดอกไม้กับอาจารย์ได้ ความศรัทธาที่อยู่ในหัวใจนางก็พังทลายลง นางจึงใช้นามตนเองว่าเจวี๋ยเนี่ยน*[1]

“ไม่! ข้ายังอยากเจออาจารย์อีกครั้ง ข้ายังอยากไปเก็บดอกไม้กับอาจารย์! ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถทำได้ เช่นนั้นข้าก็จะฝ่าฟันขึ้นไปจนกลายเป็นผู้ที่สามารถทำได้!”

ดวงตาของนางกลับมาเปล่งประกาย ความศรัทธาก่อเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง

ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะอันตรายและยากเย็นเพียงไร นางก็ต้องทำให้สำเร็จ นางไม่สามารถล้มเหลว นางยังอยากจะไปเก็บดอกไม้กับอาจารย์

นางยังต้องการจะให้อาจารย์ได้ชมดอกไม้ที่นางเก็บเอาไว้ให้ด้วย!

หลังจากนั้น นางก็ก้าวเดินออกไปด้วยความมุ่งมั่น ออกจากภพเซียน เข้าไปในพลังปั่นป่วนเดือดพล่านที่ล้อมรอบภพเซียนเอาไว้

“ไม่มีอะไรสามารถหยุดข้าได้ ข้าต้องการจะก้าวให้สูงขึ้นไปยิ่งขึ้น สามารถดลบันดาลทุกสิ่ง ฝืนหยินหยาง ฟื้นคืนชีวิตของอาจารย์!”

ดวงตาของนางเปล่งประกาย คำพูดดังก้องกังวาน ความศรัทธาในใจเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ นางก้าวไปด้านหน้าอย่างมุ่งมั่น อาภรณ์สีขาวพลิ้วไสว หมายมั่นจะผ่านพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ไป!

“อาจารย์ท่านรอข้าก่อน!”

นางสำแดงวิชาเซียน ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายด้วยแสงเซียนนับไม่ถ้วน ไร้ซึ่งความหวาดกลัวอยากถอยหนี!

[1] เจวี๋ยเนี่ยน (绝念) หมายถึง หมดหวัง/สิ้นหวัง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน