เฮ่อเหลียนเวยเวยมองไปที่หญิงสูงวัยคนนั้น ”ท่านป้า ท่านคิดว่ากุ้งมังกรตัวที่เพิ่งถูกนำมาใช้ทำอาหารตัวนั้นราคาเท่าใดหรือ”
“กุ้งมังกรตัวหนึ่งน่าจะมีราคาประมาณห้าตำลึงถูกหรือไม่” หลังท่านป้าคนนั้นเอ่ยขึ้น นางก็นึกหวาดหวั่นขึ้นมาจนเผลอลดเสียงลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อย แล้วบอกว่า ”พวกท่านทุกคนล้วนแต่เป็นชาวประมงที่เดินเรือออกทะเลเป็นประจำ ดังนั้นท่านน่าจะรู้จักราคาของอาหารทะเลในเมืองหลวงประจำมณฑลมากกว่าข้าที่มาจากเมืองหลวง ข้าจะไม่ปิดบังเรื่องที่ข้าจะพูดต่อไปนี้กับพวกท่าน ในอนาคต อาหารทุกจานของภัตตาคารไห่ปินจะมีราคาสูงกว่าต้นทุนของมันราวหนึ่งจุดสามเท่า”
“หนึ่งจุดสามเท่าหรือ นั่นมันสิบสองสิบสามตำลึงเชียวนะ” ท่านป้าคนนั้นคำนวณ แม้จะยังรู้สึกว่าแพง แต่หากเทียบกับราคารแพงเฉียดฟ้าที่ภัตตาคารไห่ปินเคยตั้งเอาไว้แล้ว ราคาแค่นี้ก็ถือว่ายังถูกเกินไปด้วยซ้ำ!
สมัยก่อน ปลาทะเลตัวขนาดนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขามากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเลยด้วยซ้ำ!
“ใต้เท้าเว่ยตั้งราคาได้สมเหตุสมผลจริงๆ” พ่อครัวอายุมากที่ใช้แซ่หลิ่วอ้าปากขึ้นอีกครั้ง ”โดยรวมแล้วราคานี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติของธุรกิจร้านอาหาร บางร้านอาจจะตั้งราคาแพงกว่านี้เสียด้วยซ้ำ ราคาที่ใต้เท้าเว่ยตั้งจึงถือว่าถูกทีเดียว อีกอย่างหนึ่ง รสชาติของกุ้งมังกรเมื่อครู่นี้ ข้าเกรงว่าแม้กระทั่งบรรดาพ่อครัวจากในเมืองหลวงก็คงไม่สามารถเลียนแบบได้ ชายชราเช่นข้าไม่กล้าออกความเห็นเรื่องอื่นมากนัก แต่ข้าไม่คัดค้านหากภัตตาคารไห่ปินจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งโดยใช้เกณฑ์มาตรฐานนี้ เพราะอาหารจานนี้คุ้มค่ากับราคายิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว! ข้าเองก็เห็นด้วยกับพ่อครัวหลิ่วเหมือนกัน ท่านป้าจาง ท่านอย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย ปกติกุ้งมังกรตัวหนึ่งก็ขายกันในราคาสิบสามตำลึงอยู่แล้วมิใช่หรือ อย่าบอกนะว่าท่านอยากจ่ายเงินร้อยตำลึงให้เจ้าคนแซ่เลี่ยวนั่น”
สายตาของท่านป้าคนนั้นตวัดไปทางผู้พูดทันที ”ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ข้าเพียงแค่พูดให้เห็นชัดๆ ก็เท่านั้น อีกอย่างมันก็แพงกว่าต้นทุนถึงหนึ่งจุดสามเท่าเชียว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองท่านป้าคนนั้น นางรู้ว่าบนโลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท แต่คนส่วนมากที่อาศัยอยู่ในชนบทมักจะชอบกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ แต่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่ง
นางไม่ใช่แม่พระ และนางจะไม่ปฏิบัติต่อผู้อื่นแตกต่างจากตัวเองเพียงเพราะฐานะของอีกฝ่าย
“ท่านป้า หากมันไม่คุ้ม เช่นนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ก็ได้” น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นราบเรียบ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้แต่นิดเดียว
แต่คำพูดนั้นกลับทำให้สีหน้าของท่านป้าคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที นางยังไม่ทันพูดเลยด้วยซ้ำว่านางจะไม่มาที่ภัตตาคารแห่งนี้อีก ที่คนบอกว่าใต้เท้าเว่ยเป็นคนดีและเป็นห่วงเป็นใยความเป็นอยู่ของประชาชนนั้นไม่ใช่เรื่องจริงหรือ
ทำไมถึงไม่ยอมหั่นราคาลงตามที่นางวางแผนเอาไว้ล่ะ
“ข้าเองก็มีกฎของตัวเองอยู่ ดังนั้นราคานี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองประชาชนทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ”ในอนาคตรายการอาหารของเราจะครอบคลุมและหลากหลายขึ้นเพื่อรองรับต่อการขยายตัวทางธุรกิจของภัตตาคารไห่ปิน พวกข้ายินดีต้อนรับประชาชนทุกคน แต่ถ้าใครไม่อยากมา ข้าก็ไม่บังคับ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ พ่อค้าหลายคนก็หัวเราะขึ้นมา ”คนทำงานในวงการธุรกิจย่อมควรปฏิบัติตัวเช่นนี้ล่ะ กฎย่อมต้องเป็นกฎ กฎไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้เมื่อภัตตาคารไห่ปินอยู่ในมือของใต้เท้าเว่ยแล้ว พวกข้าก็สบายใจ ต่อจากนี้พวกเราคงต้องรบกวนฝากธุรกิจการขนส่งอาหารทะเลให้ใต้เท้าเว่ยดูแลแล้วขอรับ”
“เราควรดูแลกันและกันต่างหาก” เฮ่อเหลียนเวยเวยยังยิ้มอยู่ นางพยายามรักษามารยาทไว้จนถึงท้ายที่สุด
พ่อค้าเหล่านั้นเริ่มรู้สึกชื่นชมใต้เท้าเว่ยที่อายุน้อยกว่าพวกเขาผู้นี้นัก ไม่ใช่แค่เพราะเขาได้เป็นจือฝู่ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เป็นเพราะเขาสามารถจัดการอันธพาลท้องถิ่นพวกนั้นได้อีกด้วย อีกทั้งตอนนี้ก็ยังใจกว้างจัดงานเลี้ยงฉลองที่ภัตตาคารไห่ปินกลับมาเปิดทำการอีกครั้งให้ทุกคน พวกเขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจสั่งปูหนึ่งร้อยตัวในครั้งเดียว เพราะอยากลิ้มรสรสชาตินั้นจากภัตตาคารไห่ปินอีก!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้าไปข้างๆ เล็กน้อย แล้วสั่งว่า ”ผู้ดูแลจู พาสุภาพบุรุษท่านนี้ไปลงทะเบียนไว้ ในอนาคตพวกเราคงได้ร่วมงานด้วยกันอีก”
“ขอรับ!”
พ่อค้าทั้งสองที่ทำงานตามคำสั่งของเฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกตื่นเต้นเพราะพวกเขาสามารถขายปูได้ถึงหนึ่งร้อยตัวในวันแรกของการเปิดทำการ! คงมีแค่เจ้าของร้านเวยเจ๋อเท่านั้นที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้!
ไม่แปลกใจเลยที่คนมักกล่าวกันว่าการมีผู้อุปถัมภ์ที่ดีย่อมทำให้ชีวิตเรารุ่งเรืองไปทั้งชาติ!
คนอื่นๆ ทำได้เพียงแค่มองพ่อค้าเหล่านั้นเดินเข้าไปในภัตตาคารไห่ปิน ความรู้สึกอันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่สามารถขายอาหารทะเลของตัวเองได้แม้แต่อย่างเดียว
แต่ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็อ้าปาก และเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า ”เนื่องจากภัตตาคารไห่ปินจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง จึงจะมีการสร้างบ่อน้ำเพิ่มอีกสี่บ่อนอกอาคารโดยมีจุดประสงค์เพื่อซื้อและเก็บอาหารทะเลที่ทุกคนจับมาได้ในภายหลัง”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ดีใจจนตัวลอย!
“ใต้เท้าเว่ย ดูปูของข้าสิขอรับ ข้าเพิ่งจับมาวันนี้นี่เอง พวกมันยังขยับอยู่เลย!”
“ใต้เท้าเว่ย ของข้าด้วย! ท่านดูปลาทะเลตัวนี้สิขอรับ ตั้งราคามาให้ข้าได้เลยนะขอรับ!”
ทุกคนพยายามเบียดกันเพื่อให้ได้อยู่ข้างหน้าสุด บรรยากาศอันร้อนแรงนั้นร้อนเสียจนแทบถึงจุดเดือด!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ”ทุกคนใจเย็นๆ ทำไมพวกท่านไม่ค่อยๆ ต่อแถวกันแล้วให้ผู้ดูแลร้านช่วยตรวจสอบสินค้าให้ล่ะ ตราบใดที่อาหารทะเลที่พวกท่านนำมามีคุณภาพดีและตัวใหญ่พอ ท่านจะได้รับเงินตอบแทนในจำนวนที่เหมาะสมอย่างแน่นอน”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ป้าจางที่เคยวิจารณ์พวกนางเอาไว้มากมายก็ผลักคนที่อยู่รอบๆ ออกโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะเป็นชายชราหรือไม่ แล้วไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย ”ใต้เท้าเว่ย ดูอาหารทะเลของข้าก่อนเจ้าค่ะ ตระกูลของข้าจับสัตว์ทะเลได้เป็นจำนวนมาก ทุกตัวล้วนแต่ตัวใหญ่และราคาถูงยิ่งนัก! ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ข้าจะนำพวกมันออกมาให้ท่านดูเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนสายตามองไปทางนาง ”กลับไปต่อแถวเสีย”
สายตานั้นทำให้ป้าจางตัวแข็งอยู่กับที่ เพราะในดวงตาคู่นั้นของนางไม่มีความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ต่อไปถ้าใครไม่ต่อแถวอีก ก็ไม่ต้องซื้ออาหารทะเลของพวกเขา” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดกับผู้ดูแลเบาๆ
ผู้ดูแลเหลือบตามองป้าจาง แล้วหลุบตาลงด้วยความเคารพก่อนตอบว่า ”ขอรับ”
ป้าจางเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะมาแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนี้เมื่อนางถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยตำหนิต่อหน้าฝูงชน แก้มทั้งสองของนางก็ร้อนผ่าวจนขึ้นสีแดง นางอยากหาหลุมสักหลุมแล้วมุดลงไปยิ่งนัก
คราวนี้นางยอมทำตามและกลับไปต่อแถวแต่โดยดี
การกลับมาเปิดกิจการในครั้งนี้ของภัตตาคารไห่ปินไม่มีดอกไม้ไฟหรือการตัดแถบผ้าเปิดงาน แต่มันกลับยิ่งใหญ่กว่าครั้งใด ไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้
ถ้าพวกเขามีสินค้าดีๆ ก็สามารถนำมาขายที่นี่ได้ทันที
ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่คนในเมืองหลวงได้ยินอาหารจานเด็ดชื่อ ’กุ้งมังกรขี้เมาในเหล้าองุ่น’ พวกเขาย่อมไม่ลังเลที่จะส่งคนมาลอง!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ’ปูทะเลผัดเผ็ด’ ’ผัดหอยนางรม’ และอาหารจานอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน พวกมันล้วนแต่ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งเมืองหลวงประจำมณฑล ชื่อเสียงของพวกมันกำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับชาติในไม่ช้า
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่สามวัน
เพียงแค่สามวัน ภัตตาคารไห่ปินที่เคยมีชื่อเสียงในทางไม่ดีก็ถูกยกให้เป็น ’ภัตตาคารที่มีอาหารทะเลสดใหม่ที่สุดอันดันหนึ่งของแผ่นดิน’ มีผู้คนจำนวนมากยืนต่อแถวเพื่อรอกินและรอซื้ออาหารทะเลของพวกเขาอยู่ไม่ขาด ปรากฏการณ์นี้สร้างความตื่นเต้นไปทั่วแผ่นดิน!
ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าใต้เท้าเว่ยคนนี้เป็นใครกันแน่ เขาถึงกับคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้!
ทุกคนรีบตรงไปที่ศาลาว่าการของเมืองหลวงประจำมณฑลเพราะอยากเห็นหน้าตาของใต้เท้าเว่ย
แต่ตอนที่พวกเขาไปถึง ศาลาว่าการของเมืองหลวงประจำมณฑลก็มีจือฝู่คนใหม่เข้ามารับหน้าที่แทนเสียแล้ว ใต้เท้าเว่ยหายตัวเข้ากลีบเมฆราวกับเป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขานเท่านั้น หลักฐานเดียวที่แสดงให้เห็นว่าเขาเคยมาที่เมืองหลวงประจำมณฑลมีแค่เพียงการปรากฏตัวที่ภัตตาคารไห่ปินเท่านั้น!
“องค์ชาย พระชายา ใจกลางเมืองหลวงอยู่ข้างหน้านี่เองพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมนำทหารจำนวนมากถึงเพียงนี้เข้าไปด้วยคงจะไม่สะดวกนัก” เจี่ยงหลิวอวิ๋นที่นั่งอยู่บนหลังม้าหันหน้าไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นจึงประสานมือขึ้นในระดับอกเพื่อทำความเคารพทั้งสอง ”กระหม่อมคงสามารถคุ้มกันองค์ชายและพระชายามาได้ถึงแค่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ จากที่อดีตฮ่องเต้บอกเอาไว้ ดูเหมือนคนในเมืองหลวงจะกลัดกลุ้มกันเป็นอย่างมากเพราะเส้นสายภายในเมืองหลวงประจำมณฑลของพวกเขาถูกกำจัดไป ดังนั้นขอให้องค์ชายและพระชายาระมัดระวังตัวให้มากๆ ตลอดการเดินทางที่เหลือด้วยพ่ะย่ะค่ะ…”