“มันเป็นแผนการที่สมบูรณ์ที่สุดที่พวกเราคิดขึ้น อย่างไรพวกเราก็ไม่สามารถฝากชีวิตและครอบครัวของพวกเราเอาไว้กับประมุขที่ยังไม่มีแม้กระทั่งความสำเร็จอันใดได้ ทุกคนบอกข้ามาสิว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง” ชายคนที่ถือกล้องยาสูบเอาไว้กวาดสายตามองผู้นำทุกคน
มีเสียงตอบรับทันทีว่า ”ผู้นำอวี้พูดถูก ตระกูลเฮ่อเหลียนมีสมาชิกหญิงชายจากตระกูลสาขานับร้อยชีวิต ถ้าไม่มีใครสามารถรับช่วงต่อตำแหน่งประมุขได้ หากในอนาคตมีปัญหาเกิดขึ้น ใครล่ะจะปกป้องตระกูลเฮ่อเหลียนได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังคนที่อยู่ข้างล่างส่งเสียงเออออตอบรับกันเป็นลูกคู่พลางเล่นกับพู่หยกที่เอวไปด้วย จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า ”เจ้าเจ็ด โยนผู้นำอวี้ออกไปซะ”
เจ้าเจ็ดที่นั่งแทะปูในมืออยู่เงยหน้าขึ้น แล้วตอบว่า ”ขอรับ” ร่างเล็กๆ ของเด็กชายกระโดดเข้าไปหาเขา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าผู้นำอวี้ขึ้น และเขวี้ยงเขาข้ามบ่าไปโดยไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ เขาทำเหมือนโยนขยะที่กองเรี่ยราดอยู่กับพื้นทิ้งไม่มีผิด จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงดังปัง!
ชายแซ่อวี้ถูกโยนออกจากประตู เขาชนเข้ากับกรอบประตูอย่างแรงจนกล้องยาสูบในมือหล่นลงพื้น!
อั้ก!
เลือดสดๆ ทะลักลงมาเปื้อนพื้น
ผู้นำคนอื่นๆ ห้ามเขาไม่ทัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ลุกขึ้นยืนด้วยความเดือดดาล ”คุณหนูใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ตั้งใจจะขัดกฎระเบียบของตระกูลเราหรือ ผู้นำอวี้เพียงแค่พูดแรงไปหน่อยเท่านั้น แต่คุณหนูใหญ่กลับลงโทษเขาอย่างแรงถึงเพียงนี้! ช่างลงมือหนักจริงๆ! ใครๆ ต่างก็รู้เรื่องที่ท่านไม่มีผลงานกันทั้งนั้น พวกข้าไม่มีสิทธิ์พูดถึงมันหรือ!”
ผู้นำเหล่านั้นสบตากัน พวกเขาหวังว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะหมดความอดทน
ทันทีที่นางทนไม่ไหว พวกเขาจะได้มีข้ออ้างอื่นมาใช้เพื่อโค่นนางลงจากตำแหน่ง แม้ผู้อาวุโสอวิ๋นจะไม่อยู่ แต่ผู้อาวุโสอีกสามคนก็ส่งข้อความมาเตือนสติพวกเขาว่ากฎระเบียบภายในตระกูลขุนนางทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถละเมิดได้
หากมีการละเมิดกฎเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องไปอธิบายสาเหตุนั้นกับฮ่องเต้ด้วยตัวเอง
เมื่อมีการสนับสนุนจากผู้อาวุโสทั้งสาม พวกเขายังต้องกลัวอะไรอีกหรือ ถ้าพวกเขาไม่โค่นเฮ่อเหลียนเวยเวยลงตั้งแต่ตอนนี้ สักวันคนที่จะโชคร้ายก็คงเป็นพวกเขาเอง!
พวกเขาต้องใช้เรื่องที่นางยังไม่มีผลงานนี้มาเป็นข้อได้เปรียบในการกำจัดนาง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนสายตาขึ้น แล้วมองไปที่บรรดาผู้นำที่กำลังสนทนากันอย่างร้อนแรง มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย ”ใครบอกว่าข้ายังไม่มีผลงานหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ผู้นำทุกคนก็ตกใจ แม้กระทั่งคนที่พูดอยู่ก็ถึงกับเงียบกริบ
อากาศภายในห้องดูเหมือนจะถูกแช่แข็งในทันที
ทุกคนค่อยๆ หันหน้าไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวย
“ต้าสง อ่านราชโองการที่อดีตฮ่องเต้มอบให้ข้าหลังจากที่ข้ากลับมาถึงเมืองหลวงในผู้นำพวกนี้ได้ฟังทีสิ” ตรงข้ามกับบรรดาผู้นำที่นั่งแทบไม่ติดที่ เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตลอดเวลานั้นพร้อมกับเล่นพู่หยกที่เอวของตัวเองไปด้วย นางยิ้มออกมาเล็กน้อยราวกับมั่นใจว่าสถานการณ์ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในการควบคุมของตัวเอง
“ขอรับ” ต้าสงยื่นมือซ้ายที่ถือราชโองการสีทองออกมาทันที ”ภายใต้รับสั่งจากอดีตฮ่องเต้ เฮ่อเหลียนเวยเวยได้เดินทางไปยังเมืองฟู่ผิงด้วยตัวเองโดยใช้ชื่อว่าเว่ยเวย และได้ทำการกำจัดขุนนางฉ้อฉล อีกทั้งยังแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างเฉลียวฉลาด สมควรได้รับคุณงามความดีหลายประการ จึงได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นขุนนางระดับหนึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้รักษาชื่อเสียงอันดีงามเช่นนี้เอาไว้สืบไป!”
อะ อะไรนะ!
“เว่ยเวย เว่ยเวยหรือ!” ผู้นำเหล่านั้นก้าวถอยหลังอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองอย่างแรง
สีหน้าของหลายคนในนั้นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งถ้วยชาในมือของพวกเขาก็ยังพลอยสั่นไปด้วย
นางเป็นเจ้าคนชื่อเว่ยเวยคนนั้นได้อย่างไร!
นั่นหมายความว่า ผู้อาวุโสอวิ๋นถูกกำจัดด้วย… ฝีมือนางหรือ?!
ผู้นำเหล่านั้นตัวสั่นด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่มักถูกพวกเขาดูถูกกลายเป็นคนแรกที่เปิดร้านค้าชื่อเสียงขจรขจายไปทั้งแผ่นดิน เป็นคนพากองกำลังลับกลับมา และมาตอนนี้ก็… แม้กระทั่งผู้อาวุโอวิ๋นก็ยังถูกนางโค่นลง!
นางต้องการอะไร!
นางต้องการอะไรกันแน่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้ม ”ดูเหมือนทุกคนคงจะได้ยินกันอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นคงถึงตาข้าพูดบ้าง ผู้นำหลี่!”
“ข้า ข้าอยู่นี่ขอรับ” ผู้นำหลี่คุกเข่าลงด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปหาเขา ”ตอนที่ท่านตาของข้ายังมีชีวิตอยู่ เขาปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี แต่ตอนที่เฮ่อเหลียนกวงเย่าก้าวเข้ามาชิงอำนาจเขา เจ้ากลับเป็นคนแรกที่สนับสนุนเขา!”
“ข้า ข้า…” ผู้นำหลี่แทบพูดไม่ออก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้สนใจจะฟังสิ่งที่เขาพูดเลยด้วยซ้ำ นางสะบัดแขนเสื้อยาวพร้อมกับสั่งว่า ”ทหาร พาเขาออกไป เขาชอบเล่นกับเงินทองและอำนาจใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ให้ขุนนางหลี่ได้ลิ้มรสชาติของการถูกเหรียญทับจนตัวตายซะ!”
“ขอรับ!” ต้าสงรับคำสั่งพร้อมกับลดสายตาลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเช็ดมือ ”พาผู้นำอวี้ไปด้วย อย่างไรสองคนนี้ก็ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว”
“ขอรับ!”
จากผู้นำของตระกูลสาขาตระกูลใหญ่จำนวนแปดคน มีคนที่ได้รับโทษตายไปแล้วถึงสองคนภายในเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้
ผู้นำที่เหลืออีกสามสิบสามคนรีบทำตัวไหลตามน้ำ พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที ”คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“ถ้าข้าฆ่าพวกเจ้า ก็เกรงว่าจะทำให้มือตัวเองต้องแปดเปื้อนเข้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองพวกเขาอย่างเย็นชา ”พวกเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายต่อท่านตาของข้าก็จริง แต่พวกเจ้าทุกคนก็ล้วนแต่เป็นคนขี้ขลาดจอมเจ้าเล่ห์ การเอาชีวิตของพวกเจ้าย่อมไม่คุ้มค่านัก จากนี้ไปจงส่งทรัพย์สินทั้งหมดที่เจ้ามีมาให้ข้า แล้วออกไปจากเมืองหลวงซะ อย่าให้ข้าเห็นพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งอีก! ครั้งนี้ข้าไม่ได้เอาชีวิตเจ้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าเมื่อข้าเห็นเจ้าเป็นครั้งที่สอง ไสหัวไปซะ!”
ผู้นำทั้งสามสิบสามคนสบตากัน
เมื่อพิจารณาในแง่กำลังทหารแล้ว คุณหนูใหญ่มีกองกำลังลับอยู่ในมือ แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นกองกำลังลับลงมือมาก่อน แต่ความแข็งแกร่งของกองกำลังลับในปีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด ดังนั้นคนที่เป็นฝ่ายแพ้ในเรื่องนี้ก็คือพวกเขานั่นเอง
แต่ถ้าพิจารณาเรื่องชื่อให้ดี เฮ้อ นามแฝง ’เว่ยเวย’ ก็บอกอยู่แล้วว่าพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้มาตั้งแต่แรก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ทุกคนรีบออกจากคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองผู้นำหกคนที่เหลือ พวกเขายังคงตัวสั่นด้วยความกลัว จากนั้นนางจึงกระตุกริมฝีปากบางขึ้น แล้วยิ้มออกมา ”สมัยนั้นพวกเจ้าทรยศท่านตาของข้า และให้ที่พักพิงต่อผู้อาวุโสอวิ๋น พร้อมกับช่วยเหลือเฮ่อเหลียนกวงเย่าชิงตำแหน่งประมุขมาเป็นของตัวเอง วันนี้พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่าข้าโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร พวกเจ้าคิดว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
“คุณหนูใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้…”
เพี๊ยะ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยตบหน้าเขา ดวงตาของนางเย็นชา ”ข้าทำอะไรไม่ได้หรือ ในเมื่อข้าสามารถทำให้อัครเสนาบดีซู และฮองเฮาถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่นได้ สามารถกำจัดเฮ่อเหลียนกวงเย่าได้ อีกทั้งยังสามารถส่งผู้อาวุโสอวิ๋นเข้าห้องขังได้ด้วย ข้าย่อมสามารถจัดการกับพวกเจ้าทุกคนได้เช่นกัน! ต้าสง พาตัวพวกเขาไป ตระกูลเฮ่อเหลียนไม่จำเป็นต้องมีผู้นำที่หลงลืมศีลธรรมจรรยายามเวลาเห็นเงินเช่นคนพวกนี้!”
“คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่ขอรับ!” หนึ่งในผู้นำเหล่านั้นคว้าชายกางเกงของเฮ่อเหลียนเวยเวยไว้ ”ข้า ข้ามีบางอย่างจะพูดขอรับ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มลงมองเขาอย่างไม่แยแส ”เจ้ามีอะไรจะพูดรึ อะไรล่ะ”
“ทรัพย์สินของตระกูลเฮ่อเหลียนนั้นมีจำนวนมากอย่างยิ่ง หากคุณหนูใหญ่ฆ่าพวกเราหมด จะไม่เหลือใครจัดการสิ่งต่างๆ ในตระกูลเฮ่อเหลียนนะขอรับ เช่นนั้นตระกูลจะรุ่งเรืองได้อย่างไร คุณหนูใหญ่ตั้งใจจะกำจัดพวกข้าทุกคนเพียงเพราะความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวที่เรียกว่าการแก้แค้นหรือ?!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อของเขาขึ้น ”ตอนที่ท่านแม่ของข้ากำลังป่วยหนัก ก็ไม่ใช่พวกเจ้าหรอกหรือที่กดดันนางทุกก้าว พวกเจ้าไม่ได้เพียงแค่มอบอำนาจสูงสุดให้กับเฮ่อเหลียนกวงเย่า แต่มิหนำซ้ำยังช่วยตระกูลซูใส่ร้ายป้ายสีท่านแม่ของข้า และปล่อยให้นางต้องตายด้วยความอัปยศ! เจ้าคิดว่าข้า เฮ่อเหลียนเวยเวยคนนี้ จะไม่สามารถดูแลคฤหาสน์ผู้พิทักษณ์ได้หากไม่มีพวกเจ้าหรือ”