หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1342 เหลือบมอง

บทที่ 1342 เหลือบมอง
สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ภายในจักรวาลนี้ อสูรร้ายที่สามารถทำให้เกิดพลังคุกคามต่อเขา และไม่สนใจพลังคุกคามของเขา ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ก็หาได้ยากอย่างยิ่ง
ไม่ว่าระดับใด อสูรพวกนี้ย่อมมีสติปัญญาเพียงพอ และมีความเป็นไปได้สูงอย่างมากที่มันจะหลีกเลี่ยงการห้ำหั่นกับหวังเป่าเล่อ หากไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายดังนั้น แม้ว่าในด้านพลังร่างแยกนี้จะเทียบเท่ากับร่างต้นไม่ได้ แต่การยืมใช้คุณสมบัติบางส่วนของร่างต้นมาปราบปราม ร่างแยกนี้ก็เป็นทางเลือกที่ปกติที่สุดสำหรับหวังเป่าเล่อ
“ร่างต้นหลับใหล ปล่อยปัญหาเหล่านี้ให้ข้าทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายืมคุณสมบัติของเขาก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” หวังเป่าเล่อคำรามเสียงเย็น ยืนอยู่บนหลังของอสูรเนินเขา เมื่อก้มศีรษะสายตาก็ปรากฏแสงเย็นยะเยือก
แสงเย็นยะเยือกนี้รวมเข้ากับการการบีบบังคับ จึงเป็นการข่มขู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้อสูรเนินเขาค่อยๆ ตัวสั่นเทาขึ้นมา ปัญญาวิญญาณของมันที่ไม่มีหรืออาจเคยมี ในตอนนี้ได้สูญสลายไปไม่น้อยขณะหลับใหล คงเหลือไว้แต่สัญชาตญาณ
จิตใต้สำนึกของสัญชาตญาณเช่นนี้ หลังจากเผชิญกับวิกฤตความเป็นความตาย ความตรงไปตรงมาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เกือบจะในทันที ขณะที่อสูรเนินเขาตัวสั่นเทิ้ม ทั้งร่างของมันก็อ่อนแรงลง จากลักษณะที่เป็นเนินเขากลายเป็นกองโคลนเนื้อ
“ลุกขึ้นมา ใช้กำลังทั้งหมดของเจ้า ไปทำลายดินกลบศพผืนนี้ซะ” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวขึ้นเบาๆ
เสียงของเขาสำหรับอสูรเนินเขาที่ตกใจจนอ่อนยวบไปแล้วนั้น ถือเป็นคำสั่งสูงสุด เวลานี้ขณะที่ร่างยังคงสั่นเทา ปากที่ราวกับอุโมงค์ของมัน ก็เจาะพื้นลงไปอย่างบ้าคลั่งแผ่ขยายไปส่วนลึกของพื้นโลก
ดวงจิตเทพหวังเป่าเล่อกระจายออกไป สัมผัสได้ถึงความทุ่มเทของอสูรเนินเขา ในการรับรู้ของเขา เดิมทีอาวุธปากของอีกฝ่ายลงพื้นไปได้ลึกประมาณพันจั้ง แต่ดูเหมือนเจ้าอสูรเนินเขานี้ไม่รู้ว่าทำได้เช่นไร เพื่อแสดงคุณค่าของตนเอง ขณะที่ร่างกายหดเล็กอย่างรวดเร็ว อาวุธปากของมันกลับยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายทำได้ถึงอาณาบริเวณ 2000 จั้ง
เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นเต้นยินดีนัก เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งตรงไปตามอุโมงค์ปากของอสูรเนินเขาใต้พื้นโลกลึก 2000 จั้ง แต่ขณะที่เขาเดินออกจากอุโมงค์เส้นนี้ ทันทีที่เหยียบสู่ดินโคลนอย่างแท้จริง ดวงจิตที่กระจายมาจากในดินโคลนทั่วสารทิศ ก็เป็นเหมือนกับคลื่นทะเลพิโรธที่โหมกระหน่ำมาจากทุกทิศทาง
ดวงจิตที่กระจายมาเหล่านี้ เมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่ได้มีพลังจู่โจมใดๆ แต่เวลานี้มีจำนวนมากเกินไป ท่วมท้นไปทั่วท้องฟ้า เมื่อมารวมกันก็กลายเป็นเหมือนแหล่งที่สามารถทำลายวิญญาณเทพทั้งหมดได้ อยู่ๆ นี่ก็ทำให้ใจของหวังเป่าเล่อที่เดินออกจากอุโมงค์กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไปตามแรงระเบิด
ทันใดนั้นจิตใจของเขา ก็ราวกับได้รับจิตวิญญาณและความทรงจำนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีภาพใดที่สมบูรณ์ ล้วนเป็นชิ้นส่วนไม่ชัดเจน มันจู่โจมวิญญาณเทพของเขาไม่หยุด
แม้จะแข็งแกร่งเช่นหวังเป่าเล่อก็ยังสูญสติไปชั่วขณะ
ดีที่ว่าตัวเขาเองก็แข็งแกร่ง ขณะที่เส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นมา เขาทนผ่านคลื่นลูกแรก และกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่อยู่ภายในร่างก็หมุนเวียนออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นความบิดเบี้ยวพร่าเลือน ขวางกั้นการครอบคลุมของทะเลแห่งดวงจิตที่กว้างใหญ่ไพศาลผืนนี้อย่างต่อเนื่อง
“ที่แท้แล้วมีกี่ชีวิตที่กลบฝังอยู่ที่นี่…” สีหน้าหวังเป่าเล่อไม่น่าดู เขาสามารถรับรู้ได้ถึงดวงจิตจำนวนมหาศาลที่กระจายมาจากสารทิศ เกินกว่าสรรพชีวิตของโลกแห่งศิลาไม่รู้กี่เท่า
และนี่ยังเป็นระดับ 2000 จั้งใต้พื้นดิน หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่า ยิ่งลึกลงไป ระดับความหนาแน่นของทะเลดวงจิตผืนนี้ก็ยิ่งมาก และลุกลามรุนแรงขึ้น
“ด้านล่าง…ไม่รู้ว่าลึกเท่าไร” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ไม่ได้บุ่มบ่าม แต่สัมผัสได้ถึงผลของกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่นี่ กระทั่งหลังจากเขาเห็นการไหลเวียนทั้งหมดของกฎเกณฑ์ปรารถนารส ตนเองอยู่ใต้ดินตำแหน่ง 2000 จั้ง ค่อยๆ ถึงระดับสมดุล ความปวดแปลบที่จมอยู่ในทะเลแห่งดวงจิตก็สูญสลาย
นี่ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกโล่งใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความพิเศษของกฎเกณฑ์ปรารถนารส…กฎเกณฑ์นี้ต่อต้านมนุษย์ ดูเหมือนส่งผลต่อชั้นกายเนี้อของอีกฝ่าย ทำให้เขาเกิดความละโมบหิวโหย แต่ความเป็นจริง…คุณประโยชน์ของมันก็คือวิญญาณเทพและดวงจิต
หรือกล่าวได้ว่า ที่กฎเกณฑ์ปรารถนารสสามารถต่อต้านทะเลแห่งดวงจิตรอบด้าน ก็เป็นเพราะร่างของเขาก็เหมือนแหล่งมลพิษแห่งหนึ่ง ดวงจิตกระจายอย่างเต็มกำลังเพื่อกำจัดการมาของมลพิษ
และดวงจิตที่กระจายเหล่านี้ การต่อต้านนั้นเปราะบางอย่างที่สุด ราวกับการเผชิญศัตรูสวรรค์ กฎเกณฑ์ปรารถนารสที่มีจำนวนห่างไกลไม่เท่าพวกมันค่อยๆ จับตัวกัน
กระทั่งถึงระดับสมดุล หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพียงพริบตาร่างกายก็ไปทางด้านล่างดินโคลน เขาไม่ได้ไปเร็วนัก การเดินทางแต่ละครั้งถูกควบคุมอยู่ประมาณสิบจั้ง
ก็เป็นเช่นนี้ ด้วยการลงลึกไปอย่างไม่หยุด สิบจั้ง สามสิบจั้ง แปดสิบจั้ง…กระทั่งเดินทางแล้วเจ็ดร้อยกว่าจั้ง ตำแหน่งโดยรวมอยู่ใต้ดิน 2700 จั้ง ร่างของหวังเป่าเล่อจึงรับไม่ไหวอยู่บ้าง
ความสมดุลของกฎเกณฑ์ปรารถนารส ยังปรากฏสัญชาตญาณของความล่มสลายชุลมุน ตำแหน่งที่แท้จริงนี้ ดวงจิตที่กระจายรวมตัวกันเป็นทะเลดวงจิต รุนแรงกว่าตำแหน่งก่อนหน้ามากนัก จำนวนก็ยิ่งน่าตระหนก
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงดวงจิตที่กระจัดกระจายนับไม่ถ้วนที่ตำแหน่งนี้ เริ่มปรากฏบางอย่าง…ที่เป็นของดวงจิตเทพของผู้ฝึกตนขั้นที่สี่
ดวงจิตเทพเหล่านี้ แต่ละสายล้วนไม่มีความผันผวนของอารมณ์ แต่พลังจู่โจมที่อยู่ภายในยังคงแรงกล้า และ…จำนวนของมันมากมายมหาศาลนัก
“เป็นการจากไปหรือว่า…พุ่งเข้าไปดู” หวังเป่าเล่อเผชิญกับทะเลดวงจิตที่ยิ่งน่าตระหนกนี้ เขามีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ในไม่ช้า แววตาของเขาก็ส่องประกาย
“ในเมื่อมาแล้ว จะยินยอมให้จากไปเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ข้าอยากจะดู ภายในส่วนลึกแผ่นดินนี้ ระดับผู้เยี่ยมยุทธ์ของมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิดเหล่านั้น เหตุใดจึงหลับใหล ที่แท้แล้วในนี้มีความลับใดแฝงอยู่”
ประกายแหลมคมส่องในดวงตาหวังเป่าเล่อ กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างโหมกระจายขณะที่หมุนเวียนรอบด้านอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาขณะนี้พุ่งไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน
ด้วยการพุ่งนี้ มันตรงไปถึง…3000 จั้ง
และในชั่วพริบตา หวังเป่าเล่อก็ปรากฏตัวที่ตำแหน่ง 5700 จั้ง ที่นี่…เป็นขีดจำกัดที่เขาสามารถทำได้ หากมากกว่านี้ ก็คงไม่ใช่เป็นการเสี่ยงอันตราย แต่เป็นการฆ่าตัวตายแล้ว
แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย แต่ความรุนแรงที่แฝงอยู่ในทะเลดวงจิต ก็ทำให้ร่างกายหวังเป่าเล่อขณะปรากฏตัว ก้องกังวานขึ้นในจิตใจ สติวุ่นวายทันที
ดีที่คุณสมบัติของเขาบีบบังคับให้ตนมีสติแม้จะจิตใจว้าวุ่นก็ตาม หวังเป่าเล่อรีบกวาดตามองไปรอบๆ ตอนนั้นเองดวงตาก็แผยแววตื่นตระหนก เขาไม่ลังเลเลยที่จะล่าถอย
แม้นี่จะเป็นการล่าถอย แต่ทะเลแห่งดวงจิตก็เหมือนถูกจุดชนวนเรียบร้อยแล้ว มันรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง และจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะแทรกซึมอยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้การล่าถอยของหวังเป่าเล่อจะเร็วจนน่าอัศจรรย์ แต่การไล่ล่าของทะเลดวงจิตนี้ก็น่าหวาดผวาเช่นกัน
สุดท้าย ขณะที่สติของหวังเป่าเล่อกำลังจะแตกสลาย ในที่สุดเขาก็หนีไปได้ไกลถึงที่บริเวณใต้ดิน 2000 จั้ง ภายในปากที่คล้ายกับอุโมงค์ของอสูรเนินเขา ตอนที่เข้าไปนั่นเอง ทะเลดวงจิตก็ท่วมท้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ขัดขวางเต็มกำลัง” หวังเป่าเล่อคำรามเสียงต่ำ
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท