บทที่ 534 สตรีเป็นที่เจริญตา จำต้องเป็นเผยทัศนียภาพออกมา
มัจฉาสัตมายาแสดงสีหน้าแปลกประหลาด ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน
เรียกเก็บค่าเข้าเมืองก็แล้วไปเถอะ แต่เหตุใดจึงต้องเลือกปฏิบัติด้วยเพศกัน?
จักรพรรดิชางกำลังคิดทำสิ่งใดอยู่!?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่แคว้นโบราณชางเยว่เงียบเหงาถึงเพียงนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตเข้าออก ผู้ใดจะกล้ามาที่นี่กัน ราคาเข้าเมืองไม่กำหนดให้แน่ ทั้งยังขึ้นราคาไปเรื่อย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นยังให้ผู้ฝึกตนหญิงเข้าไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้า
คิดอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่มีเจตนาดี!
นี่มันไม่ถูกต้อง!
เขาเคยพบกับจักรพรรดิชาง คนผู้นี้เป็นเทียนตี้ที่มีทั้งคุณธรรมและบารมีน่านับถือ ชื่อเสียงในอาณาจักรอวี้ซวีดีงามเป็นอย่างมาก เปี่ยมด้วยความเมตตาและซื่อตรง เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนรุ่นหลัง ยามว่างก็จะคอยให้คำชี้แนะอย่างเต็มใจ
ดังนั้นแคว้นโบราณชางเยว่ในวันวานจึงเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก มีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนมาเยี่ยมเยือน
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป…
เกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นกับแคว้นโบราณชางเยว่? หรือไม่ก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับจักรพรรดิชาง?
“เฮ้ พวกเจ้ายังต้องการจะเข้าไปอยู่หรือไม่? ถ้าจะเข้าไปก็จ่ายหินเทวะมา ถ้าไม่เข้าก็ออกไปเสีย”
ทหารคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างหมดความอดทน
พูดจาอะไรอยู่!
ถ้าจะเข้าไปก็จ่ายหินเทวะมา!
แม้ว่าเขาจะสามารถเอาหินเทวะออกมาได้ถึงหนึ่งล้านก้อนจริง ๆ แต่หากต้องใช้มันไปด้วยเรื่องเช่นนี้ เขารู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง!
เขาเตรียมก้าวไปข้างหน้าเพื่อโต้เถียงกับทหารทั้งสอง แต่กลับถูกลั่วสุ่ยหยุดเอาไว้
ลั่วสุ่ยถามเขาขึ้นมา “เจ้ามีหนึ่งล้านหินเทวะอยู่กับตัวหรือไม่?”
นางไม่อยากให้มีเรื่องอะไรก่อนเข้าสู่แคว้นโบราณชางเยว่ สำหรับหนึ่งล้านหินเทวะนั้น จะจ่ายออกไปก็ไม่เป็นไร
แอปเปิลในมือของนาง แม้ลอกเปลือกออกมาเพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็มีมูลค่าแทบประเมินไม่ได้ กระทั่งสิบล้านหินเทวะยังเกรงว่าจะมีคนแย่งชิงกัน
“พี่ลั่วสุ่ยต้องการจะให้พวกเขาจริง ๆ หรือ?”
มัจฉาสัตมายามีสีหน้าโศกเศร้า เขาไม่เต็มใจจริง ๆ ทว่าก็ยังตอบกลับลั่วสุ่ยไป “ข้ามี”
“มีก็ดี ให้พวกเขาไปเถอะ” ลั่วสุ่ยกล่าว
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก่อให้เกิดความบาดหมางจนทิ้งทัศนคติไม่ดีกับจักรพรรดิชาง นับว่าไม่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
“ตกลง”
มัจฉาสัตมายารู้ว่าพี่ลั่วสุ่ยมองภาพสถานการณ์โดยรวม ดังนั้นเขาจึงไม่พูดสิ่งใดอีก เตรียมหยิบหนึ่งล้านหินเทวะออกมาจ่ายเป็นค่าเข้าเมือง
“ดีมาก”
ทหารผู้หนึ่งพยักหน้า “แต่เจ้าต้องจ่ายทั้งหมดสามล้านหินเทวะ หนึ่งล้านเป็นค่าเข้าเมือง อีกหนึ่งล้านเป็นค่าออกจากเมือง ส่วนอีกล้านสุดท้ายเป็นเงินค้ำประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าสร้างความเสียหายอันใดกับเมือง วางใจได้ หากสุดท้ายแล้วเจ้าจากไปโดยไร้เรื่องราว เงินค้ำประกันหนึ่งล้านหินเทวะจะถูกคืนให้เต็มจำนวน”
มัจฉาสัตมายาที่กำลังจะหยิบหินเทวะออกมา แทบจะลื่นล้มลงกับพื้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ทหารผู้นี้พูด
ออกจากเมืองก็ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียม!?
ยังไร้เหตุผลได้มากกว่านี้อีกหรือไม่!
ตั้งแต่โบราณมา การเข้าเมืองต้องเสียค่าธรรมเนียมนับเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีที่ใดต้องจ่ายค่าออกจากเมือง!
ยังจะมีค่าค้ำประกันอีก…
ค้ำประกันอะไรไร้สาระ!
แคว้นโบราณชางเยว่เป็นกองกำลังชั้นสูงสุด ผู้ใดกันจะกล้ากระทำการอุกอาจในเมืองหลวงของแคว้นโบราณชางเยว่? ผู้ใดจะกล้าสร้างความเสียหายแก่เมืองตามใจชอบ?
ค่าค้ำประกันนี่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย!
จ่ายค่าเข้าเมืองแล้วยังต้องจ่ายค่าออกจากเมือง แต่ละอย่างเรียกเก็บถึงหนึ่งล้านหินเทวะ ดูจากความหน้าเลือดข้างต้นแล้ว เขาเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าหากจ่ายค่าค้ำประกันไปแล้ว ถึงตอนนั้นทหารทั้งสองคงจะไม่คืนค่าค้ำประกันกลับมาจริง ๆ คาดว่าพวกเขาน่าจะหาข้ออ้างอะไรสักอย่างมายึดมันไป!
มารดามันเถอะ! แคว้นโบราณชางเยว่ยากจนถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถึงกับต้องมาแสร้งรีดไถ่กันเช่นนี้!
สีหน้าของลั่วสุ่ยแปรเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน นางเองก็เพิ่งเคยได้ยินว่าต้องเสียค่าออกจากเมืองเป็นครั้งแรก!
นี่มันอะไรกัน! ค่าธรรมเนียมที่แคว้นโบราณชางเยว่เรียกเก็บไม่สมเหตุสมผลเกินไปจนนางเริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
“อ้อ ใช่แล้ว ข้าเกือบลืมไป”
ตอนนั้นเอง ทหารคนนั้นก็มองไปที่ลั่วสุ่ยก่อนพูดออกมา “แม้ผู้ฝึกตนหญิงจะสามารถเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้า ทว่าเจ้ายังคงไม่ครบเงื่อนไข ต้องเปลี่ยนสักเล็กน้อยจึงจะสามารถเข้าไปได้”
“เปลี่ยนสิ่งใด?” ลั่วสุ่ยขมวดคิ้ว
“จักรพรรดิชางกล่าวไว้ว่า สตรีเป็นที่เจริญตา เรือนร่างเป็นดั่งทัศนียภาพอันงดงาม ทว่าน่าเสียดายที่คนบนโลกใบนี้ช่างโง่เขลา ปิดกั้นความงดงามแทบทั้งหมด นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง”
ทหารผู้นั้นบอก
“หมายความว่าอย่างไร?”
ลั่วสุ่ยฟังแล้วไม่เข้าใจ
“หมายความว่าเสื้อผ้าของเจ้าปิดบังมากเกินไป บดบังทัศนียีภาพอันงดงาม เจ้าต้องสวมเสื้อผ้าให้บางและน้อยชิ้นลง เพื่อจะได้แสดงทัศนียภาพอันงดงามออกมาให้เต็มที่” ทหารผู้นั้นกล่าว
“!!!”
มัจฉาสัตมายาแทบจะมุดดินหนี
ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่จักรพรรดิชางที่เขารู้จักอีกต่อไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จักรพรรดิชางชราแล้วแต่ไม่แก่ตาย ทว่ากลับหวนย้อนวัยแรกรุ่น…ตัณหากลับ?
สีหน้าของลั่วสุ่ยดำคล้ำ เหตุใดแคว้นโบราณอะไรนี้จึงน่ารังเกียจยิ่งนัก!
“พวกเจ้ามีอะไรมายืนยันว่านี่เป็นคำสั่งของจักรพรรดิชาง?”
มัจฉาสัตมายาจับจ้องไปทางทหารทั้งสองอย่างดุดัน เขาคิดว่าอาจเป็นทหารสองคนนี้ที่เล่นเล่ห์ เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดิชางที่มีคุณธรรมน่านับถือ จิตใจเมตตา และซื่อตรงจะออกคำสั่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้
“ย่อมต้องมี”
ทหารผู้หนึ่งตอบกลับ ก่อนจะนำคำสั่งแบบลายลักษณ์อักษรออกมาแสดงให้มัจฉาสัตมายาและลั่วสุ่ยดู
ด้านบนหนังสือคำสั่งมีอักขระสีทองเขียนอยู่หลายบรรทัด ภายในมีพลังของเทียนตี้ไหลเวียนอยู่ ทันทีที่เปิดออกก็มีภาพเงาหนึ่งร่างปรากฏขึ้นมาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
มัจฉาสัตมายาจำภาพเงานี้ได้ในทันที นี่คือผู้ปกครองแคว้นโบราณชางเยว่ หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรอวี้ซวี จักรพรรดิชาง!
เขาเบนสายตากลับไปอ่านคำที่เขียนเอาไว้ในหนังสือคำสั่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ประโยคด้านบนเขียนเอาไว้ว่า ‘แต่ละคนแต่ละเผ่า เรียกเก็บค่าธรรมเนียมอย่างเหมาะสม เข้าเมือง ออกเมือง ค้ำประกัน ไม่อาจขาดสักอย่าง!’
มุมปากของมัจฉาสัตมายากระตุก นี่เป็นคำสั่งของจักรพรรดิชางจริง ๆ!
แต่ละคนแต่ละเผ่า เรียกเก็บค่าธรรมเนียมอย่างเหมาะสม…
หมายความว่าอ่อนแอก็เก็บน้อยหน่อย ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งเก็บมากขึ้น!
นี่คือความหมายของคำว่าเหมาะสม!
ส่วนอีกหลายประโยคถัดมาก็เหมือนกับที่ทหารอารักขากล่าวมาก่อนหน้า… สตรีเป็นที่เจริญตา จำต้องเป็นเผยทัศนียภาพออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิชาง เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?”
มัจฉาสัตมายาลอบถอนหายใจ คิดถึงเมื่อครั้งอดีตที่เขาเองก็ได้รับคำชี้แนะจากจักรพรรดิชาง ทำให้เขาเคารพเลื่อมใสจักรพรรดิชางเป็นอย่างมาก
ไม่คาดคิดเลย หลังจากผ่านมาเพียงไม่กี่ปี จักรพรรดิชางก็กลายมาเป็นเช่นนี้เสียแล้ว…
“พวกเจ้าสองคนจะเข้าไปหรือไม่ ถ้าไม่ก็อย่ามารบกวนเวลาของพวกเรา!”
ทหารผู้นั้นเก็บหนังสือคำสั่งแล้วกล่าวออกมาอย่างหมดความอดทน
สีหน้าของลั่วสุ่ยแปลกประหลาด ไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้ ต้องจ่ายหินเทวะนางก็พอจะยอมรับมันได้บ้าง
ทว่านางไม่สามารถยอมรับ ‘ชุดบางน้อยชิ้น‘ ได้
“เข้า! แต่พวกเราจะไม่จ่ายหินเทวะและสวมเสื้อผ้าเช่นนั้น พวกเราไม่ยอมรับสักข้อ!”
มัจฉาสัตมายาพูดขึ้นมา “พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะให้องค์หญิงมาจัดการพวกเจ้า!”
จากนั้นเขาก็ค้นหาของที่จัดเก็บเอาไว้ มองหาศาสตราสื่อสารที่องค์หญิงชางเหยาเคยมอบให้เขาออกมา
เดิมที เขาคิดว่าตนเองจะสามารถเข้าเมืองได้อย่างง่ายดาย ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายถึงเพียงนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดต่อองค์หญิงชางเหยา
กล่าวตามตรงแล้ว เขาไม่ต้องการจะติดต่อกับองค์หญิงชางเหยาสักนิด…