บทที่ 536 ช่างมันเสีย ข้าไม่ดูผู้ใดทั้งนั้น!
ถือดียิ่ง!
คนรับใช้ผู้หนึ่งกลับกล้าตำหนิองค์หญิง!
ดูจากท่าทางแล้ว เห็นได้ชัดว่าหญิงชราไม่ได้ทำตัวไร้ความเคารพต่อชางเหยาเป็นครั้งแรก การปฏิบัติของนางต่อชางเหยาก่อนหน้านี้ก็คงไม่ค่อยจะดีนัก
มัจฉาสัตมายาขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม หรือว่าจักรพรรดิชางจะถูกคนแทนที่จริง ๆ?
ไม่เช่นนั้นแล้ว จักรพรรดิชางจะปล่อยให้หญิงชราผู้นี้มาดูหมิ่นชางเหยาได้อย่างไร?
จักรพรรดิชางมีลูกสาวคนเดียวคือชางเหยา จักรพรรดิชางรักและเอ็นดูชางเหยาอย่างถึงที่สุด ไม่ยอมให้นางต้องทนทุกข์คับข้องใจสิ่งใดแม้แต่น้อย!
“พี่ชวน พี่ลั่วสุ่ย พวกท่านยังมั่วนิ่งเฉยอะไรอยู่ ไปเร็วเข้า! ข้า…ข้าขวางนางไว้ให้อยู่!”
ชางเหยาร้อนรนมากจนน้ำตาไหล นางพยายามยืนขวางเอาไว้อย่างสุดชีวิต ไม่ยอมให้หญิงชราผ่านไป
“องค์หญิง ท่านรนหาเรื่องเอง เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เคารพ!”
หญิงชราตะคอกออกมาอย่างเย็นชา บนร่างปรากฏแสงสว่างอันน่าหวาดกลัวออกมา พลังที่กระเพื่อมจากร่างน่าเกรงขาม ขอบเขตของนางไม่ต่ำเป็นถึงขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง
นางยกมือข้างหนึ่งขึ้น ต้องการจะตบชางเหยา นางไม่มีความเคารพอันใดต่อองค์หญิงผู้นี้
“ไม่เคารพบ้านเจ้านะสิ!”
ทว่ามัจฉาสัตมายาชิงลงมือเสียก่อน เขาตบใบหน้าของหญิงชรา จนผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดถึงกับลอยกระเด็นออกไป ฟันด้านหน้าหลุดออก กระอักเลือดจากปาก กระแทกเข้ากับกำแพงเมืองอย่างแรง
“มอบคำว่าไม่เคารพคืนให้เจ้า”
มัจฉาสัตมายาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขายื่นมือออกไปด้านหน้า เกิดพลังดูดหญิงชราจนคอเข้ามาอยู่ในมือของเขาทันที จากนั้นก็ตบหน้าหญิงชราอย่างแรงไม่หยุด
กล้าดีอย่างไรถึงคิดจะลงมือกับชางเหยา!
เขาไม่สามารถทนเห็นได้ ภายในใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะลุกโชน
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
มือยังคงตบหญิงชราไม่หยุด ใบหน้าของหญิงชราถูกตบจนบูดเบี้ยว แม้ว่านางจะระเบิดพลังในร่างออกมาอย่างสุดความสามารถก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ พลังทั้งหมดถูกมัจฉายาสัตมายาระงับเอาไว้ จากนั้นก็ตบหญิงชราจนกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“สุดยอด! พี่ชวนเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยเหลือหญิงงามใช่หรือไม่?”
ชางเหยาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
นางไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าเหตุใดมัจฉาสัตมายาจึงแข็งแกร่งถึงปานนี้ นางรับรู้ได้แต่เพียงว่ามัจฉาสัตมายายืนหยัดเพื่อนาง
“อย่าเข้าใจผิดไป นี่ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าแค่ไม่ชอบหน้าหญิงชราผู้นี้! นางน่าเกลียดเสียจนระคายตาของข้า” มัจฉาสัตมายาปฏิเสธ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง กล่าวตามตรงอย่างมีเหตุผลแล้ว เขาควรจะรำคาญชางเหยา ทว่าเมื่อเห็นหญิงชรากำลังจะลงมือกับชางเหยา เขากลับไม่อาจทนดูได้ คิดเพียงแต่จะต้องจัดการหญิงชรา!
“พวกเจ้ายังมัวยืนบื้ออะไรอยู่! รีบเรียกคนมาเร็ว!”
หญิงชราตะโกนใส่ทหารอารักขาทั้งสองที่ตอนนี้กำลังตกใจกลัวจนตั่วแข็งทื่อ
พวกเขาจะไม่ตกใจกลัวได้อย่างไร?
หญิงชราผู้นี้เป็นคนข้างกายของจักรพรรดิชาง เป็นถึงขั้นสูงสุดแล้ว ทว่ายังถูกมัจฉาสัตมายาจับตัวเอาไว้ตบตี ไม่สามารถต่อสู้กลับได้แม้แต่น้อย ชวนให้พวกเขาตกใจกลัวอย่างยิ่ง
“ร…รับทราบ!”
ทหารทั้งสองได้สติกลับขึ้นมา พวกเขารีบหยิบแตรสัญญาณออกมาเตรียมเป่า เพื่อเรียกยอดฝีมือในเมืองให้มาที่นี่
แม้ว่าชางเหยาจะเป็นองค์หญิง แต่ตอนนี้หญิงชรามีฐานะสูงกว่ามาก จักรพรรดิชางให้ความสำคัญกับหญิงชรา ทำให้พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของนาง
ทว่าเมื่อเขาเพิ่งหยิบแตรสัญญาณออกมา พลันมีพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่พวกเขาจนลอยกระเด็น แตรสัญญาณเองก็พลังทลายสิ้นภายใต้พลังนั้น
“ไม่ต้องเป่าหรอก เป่าไปก็ไร้ค่า สถานที่แห่งนี้ถูกข้าปิดผนึกเอาไว้แล้ว” ลั่วสุ่ยเอ่ยขึ้นมา
นางได้ปิดผนึกที่นี่เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะไม่รั่วไหลออกไปด้านนอก ไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้สิ่งใดได้
เกรงว่ากระทั่ง ‘จักรพรรดิชาง’ ก็ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้
นางไม่ต้องการให้เรื่องวุ่นวายใหญ่โตเกินไป
“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำตัวกำเริบเสิบสานในแคว้นของเรา พวกเจ้าจะต้องตาย! จักรพรรดิชางไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไป เมื่อถึงยามนั้นข้าจะขอให้จักรพรรดิชางมอบตัวพวกเจ้าให้ข้า ข้าสัญญาเลยว่าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย!”
หญิงชราแผดเสียงออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธ
หลังจากนั้นนางก็หันไปมองชางเหยา แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน “องค์หญิง ท่านทำผิดครั้งใหญ่แล้ว ครั้งนี้แม้แต่ท่านก็หนีไม่พ้น! สบายใจได้ หลังจากนี้จักรพรรดิชางจะไม่ปล่อยท่านไปง่าย ๆ!”
นางไร้ความเกรงกลัว เนื่องจากคิดว่ามัจฉาสัตมายาไม่กล้าสังหารนาง อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็เป็นเมืองหลวงของแคว้นโบราณชางเยว่ จักรพรรดิชางก็ประทับอยู่ที่นี่ อีกทั้งนางยังได้รับความสำคัญจากจักรพรรดิชางเป็นอย่างมาก
“ยังจะกล้าข่มขู่อีกหรือ!?”
สีหน้าของมัจฉาสัตมายาเฉยชา ไม่กล่าวอะไรมากไปกว่านี้ เขาสังหารหญิงชราทิ้งทันที ก่อนจะโยนร่างของนางทิ้งไปอีกทาง
นิสัยใจคอของหญิงชรานั้นเลวร้ายเกินไป ไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลับกลายมาเป็นปัญหาในอนาคต
“พี่ชวน พี่ลั่วสุ่ย พวกท่านยังไม่รีบจากไปอีก! แม้ว่าหญิงชราผู้ที่จะน่ารังเกียจสมควรถูกฆ่าจริง ๆ แต่ท่านพ่อก็ให้ความสำคัญกับนาง ตอนนี้นางตายลงที่นี่เสียแล้ว ไม่มีหนทางแก้ไขเรื่องนี้ได้ เสด็จพ่อในตอนนี้…ไม่อาจคุยด้วยดี ๆ ได้”
ชางเหยารีบกล่าวกับมัจฉาสัตมายาและลั่วสุ่ยด้วยความเร่งร้อน
จากนั้นนางก็หันไปกล่าวกับมัจฉาสัตมายา “ในอนาคตข้าจะไปหาพี่ชวนเอง ตอนนี้ข้าไม่สามารถไปได้ มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเสด็จพ่อ ข้าต้องการจะอยู่ต่อเพื่อช่วยเสด็จพ่อ”
“ไม่มีปัญหา”
ลั่วสุ่ยตบไหล่ของชางเหยา “พวกเราจะไม่เป็นอะไร ปัญหาของเสด็จพ่อเจ้าก็จะถูกพวกเราแก้ไข”
นางสามารถมองเห็นความจริงของเรื่องนี้ได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ทั้งยังมั่นใจว่าสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ได้
“จริงหรือ?” ชางเหยาอดถามขึ้นมาไม่ได้
มัจฉายาสัตมายาตอบกลับ “วางใจได้ หากพี่ลั่วสุ่ยกล่าวว่าทำได้ก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน อีกทั้งพวกเราก็ไม่ได้เอาชีวิตของพวกเรามาล้อเล่น”
ชางเหยายังคงกังวลอยู่เล็กน้อย นางยังคงต้องการให้มัจฉาสัตมายาและลั่วสุ่ยจากไป ลั่วสุ่ยเห็นเช่นนั้นจึงพูดให้ความมั่นใจกับนาง
“ไม่เป็นไร ‘เสด็จพ่อ‘ ของเจ้ายังคงอยู่ในเมืองหลวง ทว่ากลับไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ‘เสด็จพ่อ‘ ของเจ้าไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้” ลั่วสุ่ยกล่าว
ชางเหยาลองตรองดู แล้วก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริง
ด้วยขอบเขตของเสด็จพ่อนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นยังที่แห่งนี้ และถ้าหากเสด็จพ่อรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง เสด็จพ่อจะไม่มีทางเพิกเฉยแต่จะยื่นมือเข้ามาจัดการอย่างแน่นอน
ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้กลับยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดแม้แต่น้อย ไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือหญิงชราเลย แสดงให้เห็นว่าเสด็จพ่อของนางไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ!
“พี่ลั่วสุ่ยแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
นางมองไปที่ลั่วสุ่ยด้วยความชื่นชม ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง สามารถทำให้พ่อของนางไม่รับรู้เรื่องนี้ได้ พี่ลั่วสุ่ยแข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่?
“พี่ลั่วสุ่ยได้โปรดช่วยเหลือเสด็จพ่อของข้าด้วย ได้โปรดทำให้เสด็จพ่อกลับมาเป็นเช่นเดิม!”
นางอ้อนวอนหวังว่าลั่วสุ่ยจะช่วยเหลือพ่อของนาง
“ไม่จำเป็นต้องขอร้อง อย่างไรเสียเจ้าก็มีความสัมพันธ์กับเสี่ยวชี ข้าย่อมต้องช่วยเหลือ” ลั่วสุ่ยยิ้ม
“พี่สาว อย่าได้เห็นด้วยกับนางเช่นนี้!”
สีหน้าของมัจฉาสัตมายาขมฝาด “ไม่มีความสัมพันธ์อันใด พวกเราสองคนเป็นเพียงแค่สหายธรรมดา!”
“ไม่มีความสัมพันธ์อย่างนั้นหรือ? ไม่มีความสัมพันธ์แล้วเหตุใดจึงเร่งร้อนช่วยชางเหยาขนาดนั้น?”
ลั่วสุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังตอบสนองไม่ได้เร็วเท่าเจ้าเลย เจ้าลงมือก่อนที่ข้าจะทันได้ทำอะไรเสียอีก”
มัจฉาสัตมายาหุบปากเงียบทันที เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเหตุใดตนเองในยามนั้นจึงโกรธและโมโหเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น พวกเขาก็พากันเดินเข้าไปในเมือง
อาคารด้านในล้วนสูงตระหง่าน ทั้งยังให้ความรู้สึกขลังด้วยกลิ่นอายความเก่าแก่ ทัศนียภาพโดดเด่นไม่เหมือนที่อื่น
นอกจากอาคารเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งกว่า
หญิงสาวงดงามแต่ละคนที่เดินอยู่บนถนนสวมใส่เสื้อผ้าบางและน้อยชิ้น ดวงตาของมัจฉาสัตมายาเกือบจะพร่ามัว ไม่รู้ควรจะมองไปทางใดดี
เขาพึมพำออกมาหนึ่งประโยค “ยังดีที่จักรพรรดิชางไม่ได้สั่งให้ผู้ฝึกตนหญิงทุกคนต้องสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น หากเป็นหญิงชราสวมใส่คงจะทำร้ายสายตาเป็นอย่างมาก!”
“ฮึ่ม! พี่ชวน ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้มองพวกนาง!”
เมื่อชางเหยาเห็นว่า สายตาของมัจฉาสัตมายามองดูผู้หญิงเหล่านั้นที่สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้นบนถนน นางก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ไม่มองพวกนาง แล้วให้มองที่เจ้าหรือ!” มัจฉาสัตมายาหันไปจับจ้องชางเหยา
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง ก่อนเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว “หากพี่ชวนต้องการจะเห็น ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้…”
“ช่างมันเสีย! ข้าไม่ดูผู้ใดทั้งนั้น!”
มัจฉาสัตมายากล่าวออกมาหนึ่งประโยค ก่อนจะวิ่งหนีหายไปในพริบตา
ชางเหยาตกตะลึง ก่อนจะมองสำรวจร่างกายตัวเองที่ ‘เกินมาตรฐาน’ แล้วเอ่ยกับตัวเอง “หรือว่าข้าจะดูแย่จนเกินไป?”
“เจ้าไม่ได้แย่หรอก ทั้งยังดีมากด้วย อย่าได้คิดมากไป เขาเพียงแค่ไม่มีความกล้าเท่านั้นเอง” ลั่วสุ่ยกล่าว