หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1358 เผชิญปรารถนาเสียง

บทที่ 1358 เผชิญปรารถนาเสียง
ท่วงทำนองนี้มาอย่างกะทันหันมาก แต่เพียงชั่วอึดใจก็ก้องกังวานอยู่ในใจชาวเมืองปรารถนารส ทำให้ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่มึนงงไปในทันที
และในชั่วอึดใจที่ตกตะลึงอยู่นี้ เสียงคำรามหนึ่งก็ส่งมาจากที่ที่เจ้าสวาปามผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ เสียงดังสะท้อนก้องเทียมฟ้าคล้ายอสนีสวรรค์น่าตระหนก พริบตาที่ระเบิดออก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่คลื่นเสียง แต่เป็นพลังแห่งปรารถนารสที่มาจากภายในร่างผู้ฝึกตน
ด้วยปรารถนารสต่อต้านปรารถนาเสียง
แม้ระดับกฎเกณฑ์จะเท่าเทียมกัน แต่ลำดับชั้นต่างกันของผู้ที่ใช้ย่อมเป็นตัวกำหนดความแข็งอ่อน เพียงชั่วพริบตาผู้ฝึกตนที่อยู่ในอารามก็ตื่นตระหนกทั่วทั้งเมืองปรารถนารส ส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมา แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ระหว่างที่ท่วงทำนองโศกสลดบรรเลง ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มประหลาด เลือกที่จะยกมือขึ้น แล้วทุบไปที่หว่างคิ้วของตน ส่งผลให้หน้าผากแหลกละเอียด จิตใจแตกสลาย
ขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็นั่งขัดสมาธิลงกับที่ เขาลืมตาขึ้นมองไปทางท้องฟ้ามืดสนิทยามราตรีกาลอย่างเย็นชาด้านนอกโลกภายนอกเมืองปรารถนารส
บนท้องฟ้ามีผู้ฝึกตนสวมชุดยาวสีขาวนับหมื่นลอยอยู่ ผู้ฝึกตนเหล่านี้ ล้วนอยู่ในภาพมายาทั้งสิ้น บ้างก็กลายเป็นเสียงดนตรี บ้างก็กลายเป็นร่างคน
บนพื้นแผ่นดิน เวลานี้มีร่างสูงใหญ่ 12 ตน กำลังสืบเท้าเข้ามาช้าๆ ร่างแต่ละร่างเป็นราวกับนักแสดงในตอนแรก เวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ต่างมีเครื่องดนตรีเต็มยศ รอบด้านยังมีผู้ฝึกตนจำนวนมากราวกับกำลังไปสนับสนุนวงดนตรี
ไกลออกไป ระหว่างฟ้าดิน ความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว
หวังเป่าเล่อเพียงเหลือบมองรูปร่างบิดเบี้ยวเหล่านี้ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น เสียงร้องไห้ และเสียงกรีดร้องตามมา เสียงทั้งหมดมาจากสรรพชีวิตในจิตใจ มีเสียงดนตรีและเสียงคำรามก้องดังอยู่ในนั้น ราวกับเสียงที่มีอยู่ในกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง รวมตัวอยู่ในรูปร่างบิดเบี้ยวทั้งหมด
ผู้คนพวกนี้ มาจากเมืองปรารถนาเสียง!
และรูปร่างบิดเบี้ยวใหญ่โตนั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงสถานะได้ มันคือ…เจ้าปรารถนาของเมืองปรารถนาเสียงผู้นั้น
ในเวลาเดียวกัน ด้านเมืองปรารถนารสก็ตอบโต้อย่างรวดเร็ว ร่างของเจ้าสวาปามขยายออกร่างแล้วร่างเล่า กลายเป็นภูเขาเนื้อทะยานขึ้นฟ้า แม้สาวกเนื้อจะมีจำนวนน้อยมาก แต่ผู้ฝึกตนเมืองปรารถนารสบนแผ่นดิน ต่างพากันคำรามเสียงเซ็งแซ่ ดวงตาแดงก่ำ คล้ายกับหิวโหยอย่างที่สุด กระจายกลิ่นอายปรารถนารสอันแรงกล้าออกมา
ยิ่งหม้อสัมฤทธิ์ยักษ์ที่อยู่ในตำหนักของเจ้าเมืองแล้ว มันค่อยเปลี่ยนรูปร่างช้าๆ ปรากฏร่างของเจ้าปรารถนาแห่งเมืองปรารถนารส…ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนหม้อยักษ์
“ปรารถนารส กลิ่นอายของผู้มาจากภายนอก ก็อยู่กับเจ้าที่นี่ ส่งมันมาให้ข้า เจ้ากับข้าแบ่งกัน!” ตอนที่หวังเป่าเล่อหรี่ตา ดูเหมือนเสียงสรรพชีวิตที่รวมตัวอยู่ได้กระจายออกไปทั่วสารทิศจากกลุ่มบิดเบี้ยวนั้นแล้ว
“แบ่งกันหรือ เจ้าก็คู่ควร!” เสียงที่ตอบกลับรูปร่างบิดเบี้ยวนั้น เป็นเสียงเย้ยหยันจากเจ้าปรารถนาเมืองปรารถนารสที่อยู่บนหม้อยักษ์
เสียงนี้ราวกับจะไปกระตุ้นรูปร่างบิดเบี้ยวนั้นเข้า ทำให้มันแผดเสียงแหลมเล็กออกมาจากภายใน พริบตาต่อมากองทัพผู้ฝึกตนจากเมืองปรารถนาเสียงที่อยู่นอกคูเมือง เสียงดนตรีแต่ละชิ้นก็ดังก้องมายังเมืองปรารถนารส
ผู้ที่ตอบโต้พวกเขาคือผู้ฝึกตนในเมืองปรารถนารส คนเหล่านั้นทะยานขึ้นฟ้าคนแล้วคนเล่า โรมรันคำรามก้อง ส่วนร่างที่มีเครื่องดนตรีครบถ้วนนับสิบกว่าคนเหล่านั้น ผู้ที่ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้คือเจ้าสวาปาม
โจวฮั่วก็ดี ถัวหลิงจื่อก็ช่าง เวลานี้ต่างคำรามก้องทะยานออกมา และเจ้าสวาปามผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้นั้น ยิ่งตรงเข้าไปต่อกรแบบหนี่งต่อสาม ตอนนั้นเองที่ด้านนอกคูเมืองก็เข่นฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง
หวังเป่าเล่อไม่ได้ลงมือ เขากำลังรอเวลา
รอให้เจ้าปรารถนาของเมืองปรารถนารส ให้คำตอบแก่เขา
และการรอคอยของเขาก็ไม่ได้นานเกินไป เมื่อการต่อสู้เริ่มต้น ขณะที่กลุ่มเสียงโห่ร้องแห่งความบิดเบี้ยว ปะทะเข้ามาในเมืองปรารถนารสโดยตรง มุ่งตรงไปที่หม้อยักษ์
เจ้าปรารถนาเมืองปรารถนารสที่อยู่บนหม้อยักษ์ ร่างที่ราวกับภูเขาเนื้อก็ทะยานขึ้น จากนั้นก็ปะทะเข้าด้วยกันกับรูปร่างบิดเบี้ยว ขณะที่เสียงคำรามสะท้อนก้อง พลังแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองก็ระเบิดอยู่บนร่างพวกเขาอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ร่างกายของหวังเป่าเล่อก็เลือนรางหายไปจากที่เดิม และปรากฏตัวอยู่นอกเมืองทันที ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งด้านหน้าคือผู้ฝึกตนท่าทางเหมือนนักปราชญ์ รอบตัวเต็มไปด้วยด้วยเด็กนักเรียนจำนวนมาก เครื่องดนตรีของเขาใกล้เคียงกับคัมภีร์ เมื่องสะท้อนก้องไปทั่วทิศ จึงคงเหลือไว้ด้วยพลังผนึกปราบปราม
หลังจากเห็นหวังเป่าเล่อ ขณะที่นักปราชญ์โบกมือ เสียงคัมภีร์เทียมฟ้าก็ดังสะท้าน แต่หวังเป่าเล่อกลับหัวเราะเยาะ ร่างกายพลันขยายอย่างต่อเนื่อง หลังจากขยายถึง 500 กว่าจั้งแล้ว ก็ส่งหมัดไปที่อีกฝ่าย
หมัดนี้ต่อยเข้าไปในอากาศ ระเบิดไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้ติดตามรอบด้านนักปราชญ์ ต่างหน้าเปลี่ยนสี แสดงความดุร้าย ดูเหมือนจะหิวโหยมานาน แล้วหันกลับไปทางนักปราชญ์กัดกินอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกัน ร่างของหวังเป่าเล่อไม่ได้ชะงักเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าไปทันที ร่างขนาด 500 กว่าจั้งกลายเป็นวังวนขนาดใหญ่ คล้ายต้องการกลืนกิน เป็นดังคาดมันกลืนนักปราชญ์เข้าไปในพริบตา
เหตุการณ์นี้ทำให้นักปราชญ์หน้าถอดสี ไม่ใช่ไม่เคยต่อสู้กับเจ้าสวาปามมาก่อน แต่เจ้าสวาปามแปลกหน้าที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ดูไม่ค่อยเหมือนเจ้าสวาปามอื่นๆ เท่าไรนัก ท่าทางดูแล้วดุร้ายยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายหายวับกลายเป็นเครื่องดนตรีไร้ร่าง คล้ายต้องการหลบหลีกด้วยความรวดเร็ว
พริบตาต่อมา สถานที่ที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ก็ปรากฏหวังเป่าเล่อที่กลายเป็นวังวน กำลังกลืนกินความว่างเปล่ารอบตัวเขาเข้าไป
“คิดจะหนีงั้นหรือ” ภายในวังวน ใบหน้าหวังเป่าเล่อก็ปรากฎออกมา ดวงตาฉายประกายประหลาด เขาเลียริมฝีปาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะหนีไป แต่ก็ยังถูกเขากลืนกินกลิ่นอายของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงมาแล้วบางส่วน เขาค้นพบอย่างยินดีว่า กลิ่นอายนี้เข้ากับภายในร่างตน ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสได้รับการหล่อหลอมลมหายใจกฎแห่งความปรารถนา หวังเป่าเล่อรู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่าลมหายใจในร่างของเขาตอนนี้ กฎความอยากอาหารนั้นได้รับการหล่อเลี้ยงในระดับดีแล้ว
ดังนั้นเพียงวูบเดียว หวังเป่าเล่อจึงไล่ตามไปอีกครั้ง
เหตุการณ์เช่นเดียวกันอาจพบได้ทุกที่ในสนามต่อสู้นี้ เพียงแต่ว่ามีบางที่ที่กฎเกณฑ์ปรารถนารสได้เปรียบ และมีบางที่กลับตรงกันข้าม ทว่าเรื่องการหล่อเลี้ยงกฎเกณฑ์ของอีกฝ่าย ไม่เพียงมีเฉพาะหวังเป่าเล่อเท่านั้น
นี่เป็นกฎเวท บนร่างของคนผู้หนึ่งไม่อาจมีกฎเกณฑ์ปรารถนาทั้งสองชนิดได้ หากปรากฎกฎเกณฑ์ชนิดที่สองแล้ว ก็จะต้องถูกฝ่ายที่แกร่งกว่ากลืนกิน
ด้วยประการฉะนี้ การเข่นฆ่าที่สนามรบจึงดุเดือดตั้งแต่เริ่มแรก ในเวลาเดียวกันบนท้องนภา การต่อสู้ระหว่างสองเจ้าปรารถนาก็ส่งเสียงคำรามก้องไปทั้งฟ้าดินตั้งแต่เริ่มลงมือ
ทว่า เห็นได้ชัดว่าท่าทีของเจ้าปรารถนารสในตอนนี้ เป็นไปตามที่หวังเป่าเล่อเคยกล่าว เขาเป็นเพียงร่างแยก ดังนั้นในไม่ช้าขณะที่ทางหวังเป่าเล่อไล่ตามนักปราชญ์ผู้นั้นและลงมือกลืนกินอีกครั้ง ก็เกิดเสียงคำรามส่งมาจากท้องนภา ร่างของเจ้าเมืองปรารถนารสที่อยู่บนอากาศ เวลานี้ถูกรูปร่างบิดเบี้ยวนั้นพันธนาการ ก่อนจะพังทลายลงทันที
การพังทลายนี้ ทำให้จิตใจของผู้คนเมืองปรารถนารสสั่นสะท้านไปตามๆ กัน หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงเล็กน้อย ความรู้สึกวิกฤตที่รุนแรง ปะทุขึ้นในใจทันที
เพราะว่า…ตอนนี้เขาสังเกตเห็นแล้วว่าภายในรูปร่างบิดเบี้ยวกลางอากาศนั้น ได้ปรากฏใบหน้าของสตรีงามหมดจดอยู่ด้วย เวลานี้นางกำลังกวาดสายตาไปทางสนาม กวาดสายตาผ่านไปทั่วเมือง และสุดท้ายสายตาคู่นั้นก็มาหยุดลงที่ร่างของหวังเป่าเล่อ
“เจอตัวแล้ว!”
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท