รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 538 ก็แค่มาจากภพเซียนเทียมมิใช่หรือ น่าลำพองตรงไหน?

บทที่ 538 ก็แค่มาจากภพเซียนเทียมมิใช่หรือ น่าลำพองตรงไหน?

บทที่ 538 ก็แค่มาจากภพเซียนเทียมมิใช่หรือ น่าลำพองตรงไหน?

‘จักรพรรดิชาง’ เชิดศีรษะขึ้น หน้าตาโอหัง เตรียมเล่าภูมิหลังที่มาที่ไปของเขา เอาให้พวกลั่วสุ่ยต้องตกตะลึง

ทว่าประโยคเดียวของลั่วสุ่ยทำให้เขาสลดลงในบัดดล

“ก็แค่มาจากภพเซียนเทียมมิใช่หรือ น่าลำพองตรงไหน?” ลั่วสุ่ยเอ่ยเสียงเรียบ

เมื่อครั้งนางจับสัมผัสร่างจริงของ ‘จักรพรรดิชาง’ ได้ ก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา บัดนี้ นางได้สัมผัสถึงร่างจริงของ ‘จักรพรรดิชาง’ อีกครั้ง ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกคุ้นเคยนี้มาจากไหน

ร่างเดิมของ ‘จักรพรรดิชาง’ มีพลังปราณเหมือนกับปลามังกรตัวนั้น!

บ่งบอกว่า ร่างจริงของ ‘จักรพรรดิชาง’ มาจากที่เดียวกับปลามังกร ซึ่งก็คือภพเซียนเทียม!

“เจ้ารู้ได้อย่างไร!?”

‘จักรพรรดิชาง’ ทั้งคิดไม่ถึง ทั้งเจ็บใจเคียดแค้น

เดิมเขาตั้งใจเล่าประวัติความเป็นมาของตนอย่างละเอียด เพื่อข่มขวัญสิ่งมีชีวิตอาณาจักรระดับล่างอย่างพวกลั่วสุ่ย สุดท้าย ประโยคเดียวของลั่วสุ่ยเปิดโปงปูมหลังของเขาหมด อย่าให้พูดเลยว่ารู้สึกแย่ปานใด!

นอกจากนี้ เขาตะลึงอย่างมากอีกด้วยว่าลั่วสุ่ยทราบปูมหลังของเขาได้อย่างไร

ชั่วขณะนั้น จิตใจของเขาเคร่งเครียดขึ้นอย่างยิ่ง ไม่เหลือท่าทีดูแคลนอย่างก่อน ลั่วสุ่ยไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่เขาคิดไว้อีก นางล่วงรู้อะไรหลายอย่างเหลือเกิน!

“พลังปราณของเซียนเทียม เจ้าคงเป็นหินเซียนเทียมที่ร่วงหล่นจากภพเซียนเทียมใช่หรือไม่”

ลั่วสุ่ยเอ่ยด้วยสายตาวาววาม

“หินเซียนเทียมอันใด! ข้าคือหินเซียนแท้จริง! อีกอย่าง ที่นั่นคือภพเซียนอย่างถ่องแท้ หาใช่ภพเซียนเทียม!”

‘จักรพรรดิชาง’ ตวาดเสียงกราดเกรี้ยว

ในดินแดนพวกเขา ไม่เคยเอ่ยถึงคำว่า ‘เทียม’ พวกเขามองว่า ดินแดนของพวกเขาคือภพเซียนอย่างถ่องแท้ และพวกเขาก็คือเซียนตัวจริง!

“หลอกคนกันเองเท่านั้น เซียนตัวจริง ภพเซียนอย่างถ่องแท้กระไร พวกเจ้าดำรงตนเป็นนิจนิรันดร์ เมินเฉยต่อกาลเวลาได้หรือ ก็แค่มีชีวิตอยู่ได้นานกว่าเท่านั้นเอง”

ลั่วสุ่ยกล่าว

เวลานั้น มัจฉาสัตมายาเสริมขึ้นหนึ่งประโยคจากด้านข้าง “พี่ลั่วสุ่ย ท่านพูดไม่ถูก นี่หาใช่หลอกคนกันเองไม่ หากแต่เป็นหลอกหินกันเองต่างหาก!”

“จริงด้วย ข้าพูดผิดไป” ลั่วสุ่ยหัวเราะ

หลัง ‘จักรพรรดิชาง’ ได้ฟังคำกล่าวนี้ โทสะพลันลุกโชนอยู่ในทรวงอก

“อยากตายรึ!”

เขาลงมือทันที ฟาดฝ่ามือไปหาลั่วสุ่ย ลั่วสุ่ยมิได้ตั้งรับฝ่ามือนี้ แต่เอี้ยวตัวกระโจนขึ้นฟ้า นางไม่ต้องการให้แคว้นโบราณแห่งนี้ได้รับความเสียหาย

“บรรลุขีดจำกัดสูงสุดในใต้หล้า มิใช่เซียนแล้วจะเป็นอันใดอีก”

‘จักรพรรดิชาง’ ทะยานตัวขึ้น บุกโจมตีลั่วสุ่ย แต่ไหนแต่ไร พวกเขามองว่าพวกตนคือเซียน ว่ากันว่า การดำรงตนเป็นนิจนิรันดร์ของเซียนเป็นเพียงจินตนาการของผู้ฝึกตนเท่านั้น ไม่อาจยึดถือเป็นความจริง

ตัวเขาไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังแกร่งกล้าเป็นที่สุด พริบตาที่ลงมือ พลังสยดสยองทะลักทะลวง เหนือกว่าขั้นเทียนตี้ไกลโข

ทว่าลั่วสุ่ยมิได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย นางทอดมอง ‘จักรพรรดิชาง’ ซึ่งกำลังบุกเข้ามาขณะเอ่ย “หวังว่าเจ้าจะช่วยให้ข้าได้ต่อยมวยไทเก๊กจนจบชุด”

จากนั้น นางเหยียดแขนเหยียดขา เริ่มออกลวดลายมวยไทเก๊ก

เมื่อนางต่อยมวยไทเก๊กออกไป กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ปรากฏ ขณะเดียวกัน ยังมีภาพหยินหยางโผล่ให้เห็นเป็นครั้งคราว

‘จักรพรรดิชาง’ บุกเข้ามา ทรงพลังกล้าแกร่งกว่ามู่ขุยมากนัก เขาสามารถต่อกรกับมวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยได้หลายกระบวนท่าทีเดียว

ทว่าเขาทำได้เพียงเท่านั้น ได้เพียงแต่ต่อกรด้วยไม่กี่กระบวนท่า หลังจากนั้น เขาก็สู้ไม่ไหวอีกต่อไป ถูกกำราบโดยกฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ที่สำแดงออกจากมวยไทเก๊ก ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก กลายเป็นฝ่ายถูกจู่โจม!

ปัง! ปัง! ปัง!

เขาได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก ซ้ำยังมีสีหน้าเหลือเชื่อขึ้นเรื่อย ๆ

มวยที่ดู ‘นุ่มนวล’ ถึงเพียงนั้น พลังที่ปะทุออกมากลับน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด จนเขาต้านไม่ไหว ตั้งรับมิได้!

นี่มันมวยอันใดกัน?

เขาตะลึงอย่างยิ่ง มวยไทเก๊กที่ลั่วสุ่ยต่อยออกมามหัศจรรย์เกินไป เหนือกว่าทุกวิชาอภินิหารที่เขาเคยรับรู้

เขาคำรามเสียงยาว มิกล้าต่อสู้กับลั่วสุ่ยด้วยรูปร่างนี้อีก เขาคืนกลับร่างเดิม เป็นหินอัศจรรย์ก้อนนั้นจริงด้วย

จากนั้น เขามีศีรษะหิน มือหิน ขาหินงอกออกมา

“ฆ่า!”

หลังคืนกลับร่างเดิม สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจ ร่างจริงของเขาแข็งแกร่งทนทานไร้ใดเปรียบ ไม่มีทางถูกทลายลงง่าย ๆ

ในส่วนนี้ ลำพังเศษหินที่เขาสะบัดออกไปยังนำไปหลอมเป็นศาสตราเทียนตี้ชั้นเลิศได้ นับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วอย่างสิ้นเชิง!

ทว่า เขายังประเมินตัวเองสูงไป ประเมินมวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยต่ำไป

ภายใต้มวยไทเก๊กที่ลั่วสุ่ยต่อยออกมา เขาไม่อาจแผลงฤทธิ์ได้เลย การป้องกันแข็งแกร่งนั้นราวกับไม่มีอยู่ ทุกหมัดที่ลั่วสุ่ยต่อยออกมาสามารถสร้างความเสียหายให้เขาอย่างสาหัส

“ไม่ได้ ๆ ขืนต่อยต่อไป เจ้าได้แหลกลาญแน่”

เวลานั้นเอง ลั่วสุ่ยรามือ หยุดวิชามวยไทเก๊ก

นางมิกล้าสู้ต่อ ขืนสำแดงมวยไทเก๊กไปมากกว่านี้ พลานุภาพรังแต่จะยิ่งน่ากลัวสยดสยอง นางกลัวจะอัดหินอัศจรรย์จนแหลกลาญ

นางตั้งใจนำหินก้อนนี้กลับไปให้คุณชายใช้สลักเป็นเขามอ

หลังหินอัศจรรย์ได้ยินวาจาของลั่วสุ่ย ก็พิโรธเหลือแสน

นี่เป็นการเหยียดยามเขาโดยไม่ปิดบัง!

กระนั้นเขาไม่อาจโต้เถียงได้เลย เพราะหากสู้กันเช่นนี้ต่อไปจริง ๆ เขาอาจถูกมวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยอัดจนแหลกลาญก็ได้

ฟึ่บ!

แสงประกายวูบไหว ลั่วสุ่ยขัดสมาธิบนนภา ฉินยาวเล่มหนึ่งปรากฏตรงหน้านาง นางบรรเลงลำนำ เสียงฉินไพเราะเสนาะหูเจือไว้ด้วยพลังเกินหยั่งแผ่ซ่านออกมา คลี่ปกคลุมหินอัศจรรย์ไว้ภายใน

ต่อมา มีลำแสงพุ่งออกจากหน้าผากขาวนวลเนียนของลั่วสุ่ย ทิ่มแทงไปหาหินอัศจรรย์!

นางต้องการสังหารญาณของหินอัศจรรย์!

ญาณชั่วร้ายเช่นนี้เก็บไว้มิได้เด็ดขาด

นางไม่ยอมให้ญาณชั่วร้ายเช่นนี้เข้าไปในลานเล็กของคุณชาย ญาณในหินอัศจรรย์ไม่ควรค่า!

“คิดจะสังหารญาณของข้ารึ!?”

หินอัศจรรย์มิได้เกรงกลัว หากแต่หัวเราะออกมา “เหตุใดเจ้าถึงคิดเหมือนข้าเลยเล่า!”

เสียงดังฟึ่บ มีลำแสงพุ่งออกจากหน้าผากของเขาเช่นกัน ญาณหินของเขานั่นเอง มันพุ่งเข้าสังหารร่างย่อวิญญาณของลั่วสุ่ย

ใช่แล้ว เดิมทีเขาตั้งใจเรียกญาณหินออกมาประมือกับลั่วสุ่ย

ฝีมือทรงพลังที่สุดของเขามิใช่ร่างหิน หากแต่เป็นญาณหิน!

ญาณหินของเขาแข็งแกร่งอย่างมหันต์ เหนือกว่าวิชาและพลังด้านอื่นของเขา เขาเคยกินหญ้าวิญญาณต้นหนึ่งในภพเซียน เป็นหญ้าวิญญาณขั้นเซียน และเขาก็ถูกไล่ล่าสังหารอย่างโหดร้ายเพราะเหตุนี้ ถึงจำต้องหนีออกจากภพเซียน

แน่นอนว่า ภพเซียนและหญ้าเซียนที่ว่า เป็นเพียงในความคิดของเขาเท่านั้น แท้จริงแล้วคือภพเซียนเทียม และหญ้าเซียนเทียม

ครานั้น หญ้าวิญญาณขั้นเซียนต้นนี้เพิ่งปรากฏสู่โลก ตกอยู่ในการครอบครองของเขา ทว่าเขาเองก็ถูกยอดฝีมือทั้งหลายตามล่าเพราะเหตุนี้

เขาเกือบถูกสังหาร ด้วยความโชคดีถึงหนีรอดออกมาได้ จนตกมาอยู่ในอาณาจักรอวี้ซวี

ยามนั้น เขาบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์ เหลือญาณหินอยู่เพียงเสี้ยวเดียว และนั่นก็เพราะหญ้าวิญญาณที่เขากินไปก่อนหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับญาณหิน มิฉะนั้น แม้แต่ญาณหินเสี้ยวนี้เขาก็คงรักษาไว้มิได้

อย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ สัตว์ยอมตายเพราะอาหาร มนุษย์ยอมตายเพราะสมบัติ เมื่อครั้งเขายังอยู่ที่ภพเซียน ทำมิดีมิร้ายนางเซียนไปตั้งเท่าไรยังมิเคยถูกไล่ล่าขนาดนี้ เพียงเพราะเขาได้หญ้าวิญญาณมาในครอบครอง ก็ต้องถูกไล่ล่าจากคนทั้งแดนดิน ทุกคนล้วนต้องการฆ่าเขา เพื่อให้ได้มาซึ่งหญ้าวิญญาณ

และเมื่ออยู่ในอาณาจักรอวี้ซวี ผ่านการฟื้นพลังปรับร่างกายมาอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา ญาณหินกลืนคืนสภาพเดิมช้า ๆ

หลังกลับสภาพเดิมได้แล้ว เขาก็ไม่ยอมอยู่เฉยอีก

เขากำราบจักรพรรดิชาง จำแลงกายเป็นจักรพรรดิชาง สวมรอยเป็นจักรพรรดิชาง ใช้ชีวิตในแคว้นโบราณชางเยว่ด้วยความเกษมสำราญ

ขนาดที่เขาไม่อยากกลับไปด้วยซ้ำ

กลับไปเพื่ออะไร?

แม้ว่านางเซียนในภพเซียนเทียมนั้นยอดเยี่ยมกว่า ทว่าอันตรายก็มากกว่าเช่นกัน ด้วยความสามารถเพียงเท่านี้ของเขา ไม่อาจเป็นใหญ่ในภพเซียนเทียมได้เลย มิสู้อยู่ต่อในอาณาจักรอวี้ซวี

เขายังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ก็สามารถทำตามอำเภอใจในอาณาจักรอวี้ซวีได้แล้ว หากพลังเขากลับคืนมาเมื่อใด เขาคงไร้เทียมทานอย่างแท้จริงในอาณาจักรอวี้ซวี!

ถึงเวลานั้น เขาอยากทำสิ่งใดในอาณาจักรอวี้ซวีก็ได้ และบางที เขาสามารถทำอะไรก็ได้ในอาณาจักรทั้งปวง มิดียิ่งกว่าเดิมอีกหรือ?

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรอวี้ซวี หรืออาณาจักรทั้งปวง ทรัพยากรการฝึกตนล้วนต่ำชั้นเกินไป ไม่อาจเทียบเคียงภพเซียนเทียมได้เลย ขอบเขตพลังของเขาก็อาจชะงักงันไม่ก้าวหน้าเพราะเหตุนี้ ไม่สามารถบรรลุขึ้นไปได้อีก

ทว่าเขามิได้ใส่ใจมากนัก คิดไปว่าชะงักงันก็ชะงักงันเถิด ขอให้เขาได้หนำใจก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ถึงอย่างไรเขายังเหลืออายุขัยอีกมาก สาแก่ใจเมื่อใดค่อยกลับไปยังภพเซียนเทียมก็ได้

ทว่ายังไม่ทันได้เกษมสำราญในแคว้นโบราณชางเยว่นานเท่าใด ลั่วสุ่ยก็มาเยือน ที่สำคัญยังมาเยือนในช่วงเปรมปรีดิ์ที่สุดที่เขากำลัง ‘สู้ศึกใหญ่’ กับจักรพรรดินีอวี้เซีย รวมถึงผู้ฝึกตนหญิงคนอื่น ๆ!

อย่าให้พูดเลยว่าเขาโมโหเพียงใด อยากฆ่าลั่วสุ่ยเพียงใด!

และหากผู้เฒ่าคิ้วแดงและคนอื่น ๆ ซึ่งมีหน้าที่เฝ้ายามนอกตำหนักได้ล่วงรู้ความคิดในใจของเขา คงต้องเอ่ยว่า ‘จักรพรรดิชาง’ เอ๋ย หมายความว่าอย่างไร ที่ว่ามาในช่วงเปรมปรีดิ์ที่สุดของท่าน ท่านมีช่วงเวลาใดไม่เปรมปรีดิ์บ้าง ท่านหาได้เคยหยุดไม่!

ญาณหินบุกสังหาร แกร่งกล้าอย่างยิ่ง วิญญาณเทียนตี้ชั้นเลิศเมื่ออยู่เบื้องหน้าญาณหินก็เป็นเพียงเศษสวะ ห่างชั้นกันไกลโข พลังของญาณหินอยู่ในขั้นกึ่งเซียนแล้วแน่ ๆ!

“แข็งแกร่งมากจริง ๆ”

อีกด้าน ร่างย่อวิญญาณของลั่วสุ่ยส่งเสียง มิได้เป็นฝ่ายได้เปรียบในศึกดวลวิญญาณกับญาณหิน

ทว่านางมิใช่ฝ่ายได้เปรียบเพียงเท่านั้น นี่ถือเป็นการต่อสู้อย่างทัดเทียม และมิเคยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เจ้าเป็นใครกันแน่!”

ญาณหินตื่นตระหนก ผลลัพธ์เยี่ยงนี้เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก

เดิมเขาคิดว่า หลังญาณหินบุกโจมตีออกไป เขาสามารถสังหารร่างย่อวิญญาณของลั่วสุ่ยได้แน่นอน ทว่า คล้อยตามการต่อสู้ที่ดำเนินต่อ เขารู้ดีว่าการนี้ยากเย็นเพียงใด!

เขาเปล่งพลังเต็มสูบแล้ว กระนั้นยังไม่อาจกำราบลั่วสุ่ย ทำได้เพียงสู้กับลั่วสุ่ยด้วยฝีมือทัดเทียม สำหรับเขา เรื่องนี้ท่าไม่ดีสุด ๆ!

เพราะเขามิเคยรู้สึกว่าพลังของร่างย่อวิญญาณฝ่ายลั่วสุ่ยลดทอนลงเลย เขายังสัมผัสได้อีกว่าร่างย่อวิญญาณของฝ่ายลั่วสุ่ยค่อย ๆ เพิ่มพูนพลังขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน!

เป็นไปได้อย่างไรกัน!?

ปราศจากทรัพยากรฝึกตนสูงชั้น ลั่วสุ่ยบำเพ็ญอย่างไรให้อยู่ในระดับนี้!?

เขาไม่อาจเชื่อได้เลย!

“ฆ่า!”

อีกด้าน ร่างย่อวิญญาณของลั่วสุ่ยเปล่งพลัง คลื่นปราณและพลังที่สยดสยองยิ่งขึ้นปะทุออกมา สำแดงกระบวนท่าพิฆาตต่อญาณหิน เตรียมขจัดญาณหินให้สิ้นซาก

ญาณหินเปล่งพลังสูงสุดออกมาแล้ว แต่นางไม่เคยใช้พลังทั้งหมดของตน นั่นก็เพราะอยากเห็นว่าความสามารถในศึกวิญญาณของนางในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่

และบัดนี้ ญาณหินไม่เหลือพลังให้ใช้อีก นางไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับญาณหินต่อ ขจัดทิ้งเสียก็พอ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท