เหตุผลเดียวที่เจียงขุยคิดว่าตนทำให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋เห็นความสำคัญมากเช่นนี้ ก็คืออาจารย์เซี่ยนอวี๋พึงพอใจมากกับขนมเปี๊ยะไข่แดงที่เธอมอบให้
หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ทำไมเขาถึงเลือกฉันล่ะ
ฉันมีอะไรไปเทียบกับราชาราชินีเพลง
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในตนเอง
ต่อให้เป็นคนที่มั่นใจในตนเอง ก็ต้องขบคิดถึงความแตกต่างบนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยเช่นกัน
หนทางสู่การเป็นนักร้องแถวหน้าของเธอนั้นช่างเลี้ยวลดคดเคี้ยว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงราชาราชินีเพลงที่แข็งแกร่งกว่านักร้องแถวหน้าเสียอีก
“งั้นฉันต้องไปที่นั่นก่อน?”
เจียงขุยเอ่ยปากอย่างอยากลำบาก
ผู้จัดการส่ายหน้า “เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก คุณแค่เตรียมตัวให้ดี ช่วงนี้ก็รักษาเสียงไว้ เพราะเพลงนี้คุณจำเป็นต้องแสดงจุดเด่นของคุณออกมาอย่างเต็มที่ ลองคิดดูว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร ฉันเชื่อว่านี่แหละคือเหตุผลที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกคุณ”
จุดเด่นของฉัน?
เจียงขุยคล้ายกับกำลังใคร่ครวญ
เสียงของเจียงขุยได้รับคำชื่นชมว่ากังวานใสมากที่สุด เนื้อเสียงไพเราะ ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการร้องอันแสนธรรมดา แต่ก็สามารถขับร้องออกมาได้ในรูปแบบเฉพาะตัว
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกคุณแล้ว คุณก็คว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ถ้าคุณเจออาจารย์เซี่ยนอวี๋แล้วยังทำท่าทางหวาดกลัวหรือรู้สึกผิดอย่างในตอนนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะหาคนมาแทนที่คุณโดยไม่ลังเลเลย!”
เจียงขุยสะดุ้งขึ้นมาทันที
เธอเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอยอมไม่กินไม่นอน เพื่อศึกษาความหลากหลายของเสียง ตอนนี้ความดื้อรั้นซึ่งยังคงซ่อนงำอยู่ในกระดูกพลันถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
“ฉันจะไม่ทำให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ผิดหวัง!”
กล่าวกันว่านักรบยอมตายเพื่อสหายรัก เจียงขุยเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณที่เธอมีต่อคนดนตรีระดับแนวหน้าของบลูสตาร์
สิ่งที่เธอหวาดกลัวคืออะไร?
คือความสามารถในการร้องเพลงของราชาราชินีเพลง?
ไม่ใช่สักหน่อย ความสามารถในการร้องเพลงของเจียงขุยนั้นไม่ได้เป็นสองรองใคร
สรุปแล้ว สิ่งที่เธอกลัว ก็คืออิทธิพลและชื่อเสียงของเหล่าราชาราชินีเพลงซึ่งโลดแล่นในวงการเพลงมาหลายปี
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนเกรงขามได้อย่างแท้จริง!
ถ้าอย่างนั้นจะกลัวอะไรล่ะ?
กลัวพ่อเพลงของราชาราชินีเพลง?
หรือว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋สู้พ่อเพลงเหล่านั้นไม่ได้?
ถึงแม้จะได้รับฉายานามจากในวงการว่าเป็นพ่อเพลงตัวน้อย แต่ทุกคนก็รู้อยู่เต็มอกเซี่ยนอวี๋มีความสามารถระดับพ่อเพลง ทั้งยังเอาชนะพ่อเพลงซึ่งมีฝีมือระดับที่น่าสะพรึงกลัวได้มากกว่าหนึ่งคน
ตัวเขายังไม่ได้รับการยอมรับจากทางการว่าเป็นพ่อเพลง เพียงเพราะคุณวุฒิยังไม่มากพอ และอายุยังน้อยก็เท่านั้น
อาจารย์เซี่ยนอวี๋ใช้ตัวตนในฐานะคนที่ยังไม่ใช่พ่อเพลง คว้าชัยชนะเหนือพ่อเพลงมากมายเช่นนี้ได้ แล้วทำไมตนจะใช้สถานะนักร้องธรรมดา เอาชนะราชาราชินีเพลงไม่ได้ล่ะ?
จะบอกว่าตนไม่ใช่นักร้องแถวหน้า ก็เป็นเพียงข้ออ้างจากความขลาดกลัวของตนเท่านั้น
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ตนอยู่ห่างจากการเป็นนักร้องแถวหน้าแค่เพียงกระดาษไขบุหน้าต่างกั้น เพียงแค่จิ้มเบาๆ ก็ทะลุแล้ว
และชั่วขณะนั้น เจียงขุยก็เกิดความกล้าหาญขึ้นมาอย่างยิ่งยวด
ความกล้าหาญนี้ จะว่าไปแล้วก็มาจากอาจารย์เซี่ยนอวี๋
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกฉัน เห็นได้ชัดว่าสำหรับอาจารย์เซี่ยนอวี๋แล้ว ฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาราชินีเพลง การยอมรับและความสำคัญเช่นนี้ ถ้าฉันทำให้ผิดหวังละก็ จะเป็นการทรยศความรักที่ฉันมีต่อดนตรี”
แววตาของเจียงขุยพลันเป็นประกายใสขึ้นมาในชั่วพริบตา
แม้แต่ตัวเธอเองยังนึกไม่ถึงว่าพลังของลูกวัวเพิ่งเกิดที่ไม่กลัวเสือเช่นนี้ จะช่วยผลักดันอนาคตของเธอ และพาเธอเดินต่อไปได้อีกไกลแสนไกล
……
หลินเยวียนไม่ได้เรียกเจียงขุยมาบันทึกเสียงในทันที
เขาเพียงแต่แจ้งไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เจียงขุยเตรียมตัวเตรียมใจ
และหลินเยวียนก็ไม่ได้ต้องการให้เจียงขุยมาพิสูจน์ความสามารถของตน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขาคิดว่าบทเพลงซึ่งเตรียมไว้สำหรับเดือนธันวาคมนั้นเข้ากับเสียงของเจียงขุย
หลินเยวียนให้ความสนใจกับเจียงขุย
เริ่มตั้งแต่ที่เลือกเจียงขุยให้มาขับร้องเพลงปลายักษ์ หลินเยวียนก็ชื่นชมเจียงขุยมากทีเดียว
และเส้นทางในวงการเพลงของเจียงขุยหลังจากนั้น ถึงแม้หลินเยวียนจะไม่ได้เข้าไปมีบทบาทมากนัก แต่เขาก็ได้ฟังว่าเพลงที่เธอร้องเป็นอย่างไรบ้าง
ปรากฏว่าเมื่อเฟิงซั่วเริ่มเขียนเพลงให้เจียงขุยอย่างต่อเนื่อง หลินเยวียนก็สัมผัสถึงพัฒนาการของเจียงขุยได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองจากศักยภาพในการพัฒนาแล้ว หลินเยวียนคิดว่าขีดจำกัดของเจียงขุยนั้นสูงมาก!
เขาถึงขั้นมองเห็นนักร้องหญิงชื่อดังจากโลกเดิมถึงสองคนในตัวเจียงขุยด้วยซ้ำไป…
เดือนพฤศจิกายนไม่ปล่อยเพลง ยังเป็นเพราะนำปัจจัยเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย
ด้วยสถานการณ์ของเจียงขุย ไม่ปล่อยเพลงในเดือนพฤศจิกายนก็ไม่เป็นไร ปล่อยเพลงในเดือนธันวาคมก็เพียงพอให้เจียงขุยได้เป็นนักร้องแถวหน้าแล้ว
สิ่งที่ผู้อื่นมองเห็นก็คือหลินเยวียนกำลังทำเรื่องเสี่ยงอันตราย วางเดิมพันกับเดือนสุดท้าย ถึงขั้นที่คิดจะทอดทิ้งเจียงขุย
มีเพียงหลินเยวียนที่รู้ดีว่า เขาไม่ได้วางเดิมพัน แต่เขาเชื่อมั่นในเพลงที่กำลังจะปล่อยไปต่างหาก
แน่นอน
ไม่เพียงเจียงขุยที่ต้องเตรียมตัว ทางหลินเยวียนก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน
หลังจากที่เขาให้กู้ตงแจ้งให้เจียงขุยเตรียมตัวสำหรับเพลงใหม่ในเดือนธันวาคม ตัวเขาเองก็รีบเข้าไปห้องทำงาน และผลิตเพลงเดโม
ระบบผลิตเพลงมาให้เขาเรียบร้อย
หลังจากทำเพลงเดโมเสร็จ เขาก็เข้าห้องอัดเสียงอีกครั้ง เรียกซาวด์เอนจิเนียร์ที่คุ้นเคยมา และลงมือจัดการในส่วนของการเรียบเรียงเพลง
สิ่งที่เรียกว่าเรียบเรียงเพลง อันที่จริงก็คือการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับบทเพลง
หากใช้การเปรียบเปรยอย่างง่าย ทำนองคือคนซึ่งยังไม่ผ่านการประทินโฉม และการเรียบเรียงเพลงคือการใส่เสื้อผ้าหน้าผม ตามจุดเด่นของรูปลักษณ์คนคนนั้น
ในกระบวนการนี้ ซาวด์เอนจิเนียร์จึงได้เห็นบทเพลงที่หลินเยวียนเตรียมไว้สำหรับเดือนธันวาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลปรากฏว่า
ยามที่เห็นเนื้อเพลงใหม่ของหลินเยวียน ซาวด์เอนจิเนียร์ฝีมือดีซึ่งร่วมงานกับพ่อเพลงอย่างหยางจงหมิงบ่อยครั้ง ถึงกับผงะถอยไปอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเครื่องดนตรีในทันที
เขาเงยหน้าขึ้น แววตาที่มองหลินเยวียนนั้นเปี่ยมไปด้วยความนับถือ
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ เนื้อเพลงนี้ เป็นหนึ่งในเนื้อเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ขอโทษครับ เสียมารยาทไปหน่อย ผมขอลบคำว่าหนึ่งในออก นี่เป็นเนื้อเพลงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ผมเคยเห็นมา”
นี่เป็นแววตายามที่เขามองหยางจงหมิง แม้แต่พ่อเพลงระดับเจิ้งจิงก็ไม่สามารถทำให้ซาวด์เอนจิเนียร์คนนี้ตกตะลึงเช่นนี้ได้
และหลินเยวียน เป็นคนดนตรีคนที่สองในสตาร์ไลท์ซึ่งทำให้เขาเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขา
หลินเยวียนเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ทำนองก็ไม่เลวเหมือนกันนะครับ”
ซาวด์เอนจิเนียร์ยิ้มพลางพยักหน้า “คุณเขียนเนื้อเพลงแบบนี้ เพราะคำวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ พวกเขาบอกว่าคุณเขียนทำนองได้ดีกว่าเนื้อเพลง รวมไปถึงอาจารย์หนีหงอู่ก็ยังพูดแบบนี้ ดังนั้นคุณเลยอดใจไม่ไหว หยิบเนื้อเพลงนี้ออกมาเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด”
“ไม่ใช่ครับ”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ”
ซาวด์เอนจิเนียร์ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ก็แย่แล้วครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋!
เซี่ยนอวี๋เป็นวัยรุ่น แน่นอนว่าวัยรุ่นบางครั้งก็มีพลังชีวิตและความบ้าคลั่งในแบบของตัวเอง
ถ้าหากอาจารย์หนีหงอู่ไม่ได้กล่าวว่าทำนองของเซี่ยนอวี๋เหนือกว่าเนื้อเพลง เซี่ยนอวี๋จะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อหนีหงอู่เห็นเนื้อเพลงของเพลงนี้ เกรงว่าหนึ่งในนักเขียนเพลงระดับแนวหน้าของบลูสตาร์เองก็คงตกตะลึงเช่นกัน
แน่นอน
ที่ซาวด์เอนจิเนียร์ตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือเขารู้สึกว่าเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตบทเพลงเช่นนี้!
สำหรับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการผลิตเพลงแล้ว การได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงของบทเพลงสุดคลาสสิกนั้น นับว่าเป็นเกียรติประวัติในหน้าที่การงานจริงๆ
ชื่อของพวกเขาจะถูกจดจำในอุตสาหกรรมเพลงพร้อมกับบทเพลง
ลำพังจุดนี้ ก็มากเพียงพอให้ผู้คนในอุตสาหกรรมดนตรีแย่งกันไขว่คว้าโอกาสร่วมงานในผลงานสุดคลาสสิกเหล่านี้!
“เจียงขุยโชคดีจริงๆ”
ซาวด์เอนจิเนียร์ชำเลืองมองเนื้อเพลงอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นและตกตะลึงในแววตาไว้ได้
……………………………………………….