Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 379 ผลกระทบจากสามทวีป

ตอนที่ 379 ผลกระทบจากสามทวีป

แน่นอนว่ายังมีเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเดือนธันวาคม แม้แต่สงครามขนาดย่อส่วนในเดือนพฤศจิกายนยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ หลินเยวียนสามารถค่อยๆ เรียบเรียงเพลงและทำดนตรีเรื่อยๆ โดยไม่ต้องรีบร้อน

หยิบเพลง ‘จันทร์แจ่มเมื่อไรมี’ ออกมาในมหาสงครามเทพเซียน หลินเยวียนไม่คิดจะชนะด้วยเพลงเพียงอย่างเดียว!

บนโลกที่พ่อเพลงเป็นใหญ่ การแข่งขันด้านทำนองเพลงจะแข่งได้สักเท่าไหร่กันเชียว?

เนื้อเพลงสิถึงจะเป็นไม้ตายสุดยอด

นอกเสียจากว่ายุคปัจจุบันของบลูสตาร์จะมีซินชี่จี๋และซูซื่อร่วมขึ้นประลอง

แน่นอนว่าเงื่อนไขสำหรับกรณีที่ใช้เนื้อเพลงเป็นไพ่ตายก็คือเนื้อเพลงจะต้องไม่ย่ำแย่ ถ้าหากเนื้อเพลงย่ำแย่จนเหลือรับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

และทำนองของเพลงจันทร์แจ่มเมื่อไรมีก็มีศักยภาพในตัวเองอยู่แล้ว

ความคิดเห็นโดยทั่วไปของผู้คนในแดนมังกรคือเพลงนี้ยิ่งฟังยิ่งไพเราะ ผลงานของเติ้งลี่จวินที่ผู้คนนับไม่ถ้วนในวงการเพลงนำไปร้องคัฟเวอร์ คุณภาพจะย่ำแย่ไปได้อย่างไร

นี่คือแหล่งที่มาของความเชื่อมั่นของหลินเยวียน

เวลานอกเหนือจากทำดนตรีและเรียบเรียงเพลง หลินเยวียนเองก็ยังเข้าไปสังเกตการณ์ขั้นตอนโพสต์โพรดักชันเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู

ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว บลูสตาร์ได้ปรับเวลาของฤดูใบไม้ผลิ ให้ฤดูใบไม้ผลิอยู่ในเดือนมกราคม

และจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตารางฉายภาพยนตร์ช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิก็ย่อมถูกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ

ปัจจุบันนี้เดือนมกราคมกลายเป็นตารางฉายช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่การแข่งขันในตลาดภาพยนตร์ดุเดือดที่สุด!

แม้แต่ช่วงปิดภาคเรียนฤดูหนาวก็ถูกเลื่อนเข้ามา!

ตอนนี้อยู่ในเดือนตุลาคม ยังไม่ถึงกลางเดือน ชั้นปีที่ห้าของวิทยาลัยศิลปะฉินโจวซึ่งหลินเยวียนเรียนนั้นเริ่มปิดภาคเรียนฤดูหนาวแล้ว

สำหรับหลินเยวียน นั่นหมายความว่าภาคเรียนที่หนึ่งของชั้นปีที่ห้าสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์

รอให้ภาคเรียนที่สองจบลง หลินเยวียนก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ

หากนี่เป็นแดนมังกร โดยทั่วไปมหาวิทยาลัยจะเรียนเพียงสี่ปี เพราะฉะนั้นในตอนนี้หลินเยวียนจะนับว่าเรียนจบแล้ว อย่างไรก็ดี ที่นี่คือบลูสตาร์ เขาจึงต้องทำตามกฎเกณฑ์ของบลูสตาร์ ถึงอย่างไรช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชั้นปีที่ห้าก็มีไม่มาก ภาคเรียนที่สองก็ไม่มีคาบเรียนแล้ว

ไม่ว่าจะมีเรียนหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน เพราะปีห้าทั้งปี หลินเยวียนไปเรียนอยู่เพียงไม่กี่ครั้ง

ตอนนี้ประเด็นสำคัญที่หลินเยวียนสนใจไม่ใช่เรื่องปิดเทอมฤดูหนาว แต่เป็นการเลือกตารางเข้าฉายภาพยนตร์ต่างหาก

เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขา นี่ก็คือตารางเข้าฉายที่ยั่วยวนใจเหลือเกิน

หลินเยวียนอยากเข้าไปร่วมสงครามยอดบ็อกซ์ออฟฟิศในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิให้ได้สักครั้ง

เพราะเทศกาลฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชมมากที่สุด เพราะเป็นวันหยุดของทั้งนักเรียนและบรรดาชาวออฟฟิศ

คนกลุ่มนี้คือกำลังหลักของยอดบ็อกซ์ออฟฟิศภาพยนตร์

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิมีคนมาก มีภาพยนตร์ก็มาก ถึงอย่างไรทุกคนต่างก็อยากช่วงชิงยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ งั้นหลินเยวียนก็ไม่อยากเข้าไปร่วมประสมโรงด้วย

ตารางเข้าฉายแบ่งไม่พอหรอก

ถ้าต้องเข้าไปเบียดในรถไฟใต้ดินในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำไมไม่ออกจากบ้านเร็วกว่าเดิมสักหน่อยล่ะ?

เมื่อคิดไว้เช่นนี้ หลินเยวียนจึงเล็งเดือนหน้า ซึ่งก็คือเดือนพฤศจิกายน!

เพราะความพิเศษในการถ่ายทำภาพยนตร์ของหลินเยวียน ฉากจึงถูกตัดตามลำดับ และไม่มีฉากที่ไม่จำเป็น บวกกับเทคนิคการผลิตภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยของบลูสตาร์ ดังนั้นช่วงโพสต์โพรดักชันจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หากคิดจะเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายน ก็ย่อมสามารถทำภารกิจได้สำเร็จทันเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น ตารางเข้าฉายช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ภาพยนตร์ซึ่งเข้ากับบรรยากาศนั้นได้รับความนิยมมาก ถ้าเป็นภาพยนตร์ครอบครัวก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก

แล้วหลินเยวียนปล่อยเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูเข้าฉายในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้คนร้องไห้ตาบวมในช่วงปีใหม่เนี่ยนะ?

ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า

ช่วงเทศกาสฤดูใบไม้ผลิควรมีความสุข ไม่ใช่หดหู่ถึงเพียงนั้น และการทำให้ผู้คนร้องไห้ในช่วงปีใหม่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่หลินเยวียนจะทำได้ลงคอ

……

หลินเยวียนจึงนำความคิดของตนไปบอกกับเหล่าโจว

เหล่าโจวเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่บริษัทจะเมินเฉยภาพยนตร์ที่หลินเยวียนถ่ายทำเสร็จอีกต่อไป

ผู้บริหารระดับสูงของสตาร์ไลท์ไม่ได้โง่ เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเยวียนซึ่งประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์สองเรื่องติดต่อกัน จะให้มีท่าทีไม่ยี่หระเฉกเช่นก่อนหน้านี้ได้อย่างไร?

เพราะฉะนั้นเหล่าโจวจึงจริงจังมากกับการเลือกช่วงเวลาเข้าฉายของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู

เขาติดต่อไปยังเครือโรงภาพยนตร์ในทันที หลังจากยืนยันแล้ว ในวันรุ่งขึ้นจึงเดินเข้าไปยังห้องทำงานของหลินเยวียน

“วันที่ 11 พฤศจิกาเป็นไง?”

“วันสิบเอ็ดคู่?”

“สิบเอ็ดคู่อะไร?”

“ผมหมายถึงวันคนโสด”

“มีคนเรียกวันที่ 11 พฤศจิกาว่าวันคนโสดก็จริง แต่ก็มีคนบอกว่าวันนี้หมายถึงชั่วชีวิตหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่พวกเราเลือกเข้าฉายวันที่ 11 พฤศจิกา”

“แล้วประเด็นสำคัญคืออะไรครับ?”

“ตารางเข้าฉายวันนี้ค่อนข้างว่าง บวกกับในช่วงเวลาเดียวกันไม่มีหนังฟอร์มยักษ์​ เรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูจะไม่ต้องเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือดเกินไป”

“งั้นเลือกเป็นวันนี้ก็แล้วกันครับ”

หลินเยวียนไม่ได้มีความเห็นมากนัก เพราะภาพยนตร์ผลิตได้ทันเวลา

เหล่าโจวพยักหน้า “งั้นขอเล่าสภาพการณ์ของตลาดภาพยนตร์ตอนนี้ให้นายฟังด้วยเลยแล้วกัน”

“หืม?”

“นายอาจไม่รู้ ตอนนี้สามทวีปผนวกรวม ตลาดภาพยนตร์ใหญ่ขึ้น ถึงขั้นที่แม้แต่รูปแบบการเข้าฉายของภาพยนตร์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่…”

เหล่าโจวอธิบายรายละเอียดให้หลินเยวียนฟังรอบหนึ่ง

ที่แท้เรื่องก็มีอยู่ว่า เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากหลังจากทั้งสามทวีปผนวกรวม พื้นที่มีขนาดเทียบเท่ากับหลายสิบประเทศบนโลกแล้ว เพราะฉะนั้นตลาดนี้จึงมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เครือโรงภาพยนตร์เมื่อรวมกันแล้วสามารถกระจายภาพยนตร์หลายสิบเรื่องในช่วงเวลาเดียวกันได้อย่างง่ายดาย

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนบริษัทภาพยนตร์ หรือเครือโรงภาพยนตร์ ก็ล้วนมีมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจินตนาการไว้

และสำหรับเครือโรงภาพยนตร์หลายแห่ง เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน หากมีภาพยนตร์เป็นสิบหรือร้อยเรื่องในช่วงเวลาเดียวกันพวกเขาจะจัดสรรเวลาอย่างไร

จะให้ใส่ทั้งหมดในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงคงไม่พอหรอก!

นี่ยังไม่ได้นับรวมเวลาทำความสะอาดต่างๆ หลังจากโรงภาพยนตร์ฉายจบหนึ่งรอบ

หรือว่าจะให้ฉายเรื่องเดียวไปหลายวัน?

ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ว่ากันว่าไม่ควรใส่ไข่ไก่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน แต่ก็จะให้แยกไข่ไก่ใส่ตะกร้าละหนึ่งใบก็คงไม่ได้เหมือนกัน บ้านใครจะไปมีตะกร้ามากมายขนาดนั้น?

เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงปัญหาเรื่องการเลือกโรงภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย

มีภาพยนตร์มากมายที่รอคิวเข้าฉายในแต่ละวัน คงเป็นไปไม่ได้ที่โรงภาพยนตร์จะมีครบทุกเรื่อง ดังนั้นโรงภาพยนตร์จะคัดจากคุณภาพของภาพยนตร์

ภาพยนตร์ที่เครือโรงภาพยนตร์คิดว่าดี พวกเขาจะจัดสรรตารางเข้าฉายให้

ภาพยนตร์ที่เครือโรงภาพยนตร์ไม่ชอบ ก็ปัดทิ้งไป มีภาพยนตร์ให้เลือกตั้งมากมาย พลาดเรื่องดีๆ ไปบ้างก็ไม่ได้น่าเสียดาย ไม่แน่ว่าอาจมีภาพยนตร์คุณภาพดีเรื่องอื่นๆ เข้ามาทดแทน

ด้วยสภาวการณ์เช่นนี้

ภาพยนตร์ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่นิยมในอนาคต จะกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจเครือภาพยนตร์ร้อยละเก้าสิบ พร้อมทั้งได้เซ็นสัญญาพร้อมกันในคราวเดียว

ส่วนภาพยนตร์ที่เครือโรงภาพยนตร์ไม่ได้สนใจ…

มีเครือโรงภาพยนตร์ตั้งหลายแห่ง อย่างไรก็ต้องมีคนสนใจบ้าง นอกเสียจากว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นระยำตำบอนเสียจนไม่มีใครต้องการ

ภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋ไม่มีทางหล่นไปถึงขั้นที่ไม่มีใครต้องการ ทว่าอาจแตะไม่ถึงจุดที่สามารถมัดใจเครือโรงภาพยนตร์ได้เกินร้อยละเก้าสิบ

ด้วยเหตุนี้ เหล่าโจวจึงจัดการประชุมภาพยนตร์ ครั้งนี้จะมีตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์มาไม่น้อย

ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเสนอสัญญามาให้เซ็นภายในไม่กี่วันหลังจากการประชุมจบลง

ผู้ที่ไม่ชอบ ย่อมไม่ติดต่อกลับมาอีก

รูปแบบเช่นนี้ แตกต่างจากบนโลกโดยสิ้นเชิง เรียกว่าต่างกันราวฟ้ากับดินก็คงได้

เนื่องจากบนโลกจะแบ่งเป็นประเทศ​ แต่ละประเทศต่างมีตลาดภาพยนตร์ของตนเอง

แต่ละประเทศเสพภาพยนตร์ และมีฐานผู้ชมของตนเอง อย่างมากก็เพียงนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงพอในการแข่งขัน

ทว่าบลูสตาร์กลับพูดภาษาเดียวกันทั้งหมด ไม่ได้มีกำแพงภาษามากนัก กอปรกับจำนวนประชากรมาก มีตลาดขนาดยักษ์ใหญ่ ตัวเลือกของผู้ชมจึงมีหลากหลายเหลือเกิน

ภายใต้การแข่งขันเช่นนี้ จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่พร้อมกัน

เพราะฉะนั้นในการประชุมภาพยนตร์ ท่าทีของเครือโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด!

หลินเยวียนรู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าง

เป็นอีกครั้งที่เขาสัมผัสได้โดยตรงถึงความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับการผนวกรวมของทั้งสามทวีป ปีหน้าจะมีเยี่ยนโจวเข้ามาเพิ่ม เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีสี่ทวีป

จำนวนประชากรและขนาดของตลาดจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจของแต่ละทวีป ก็คงทำได้เพียงคลำหินข้ามธาร แต่ผืนป่าแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้

“งั้นหัวหน้าโจวรับผิดชอบเรื่องการประชุมภาพยนตร์เลยครับ”

เรื่องที่หลินเยวียนไม่สันทัด จำเป็นต้องให้เหล่าโจวออกโรง นี่เป็นข้อดีของการมีบริษัทคอยหนุนหลัง หลินเยวียนไม่มีความสามารถในการรวบรวมตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์​ นี่คือเส้นสายของสตาร์ไลท์ซึ่งเห็นได้เป็นประจักษ์ และไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้โดยลำพัง

“ได้ ฉันจะพยายามโน้มน้าวเครือโรงหนังให้ได้มากที่สุด”

เหล่าโจวผุดยิ้ม เขาเองก็ตั้งตารอดูว่าคุณภาพของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะเป็นอย่างไร และเรื่องนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะพิชิตใจโรงภาพยนตร์ได้กี่แห่ง!

…………………………………………..

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท