ตอนที่ 563 คว้าโอกาส
ขณะกินมื้อกลางวันในตอนเที่ยง คุณย่าฟางก็หยิบซอสพริกออกมาสี่กระปุก บอกว่าเป็นของที่โจวฉายอวิ๋นส่งมาให้พวกเขาลองชิมดู
หลินม่ายลองชิมน้ำพริกเหล่านั้นทั้งหมดทุกรสชาติรอบหนึ่ง รสชาติยอดเยี่ยมมาก อร่อยไม่แพ้ซอสพริกเหล่ามาม่าในชาติก่อนเลย
หลังกินอาหารเที่ยงแล้ว หลินม่ายก็เรียนหนังสือจนถึงบ่ายสองโมง จากนั้นจึงไปที่โรงงานเสื้อผ้า
ยังมีเวลาอีกราว 20 วันก่อนจะถึงวันขึ้นปีใหม่ เถาจืออวิ๋นกำลังก้มหน้าก้มตาออกแบบคอลแลคชั่นใหม่ในวันปีใหญ่อยู่พอดี
ที่เมืองเจียงเฉิง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในช่วงวันปีใหม่ เสื้อผ้าหน้าหนาวในช่วงเวลานี้นั้นแตกต่างจากเสื้อผ้าหนาวในต้นฤดูหนาว
เสื้อผ้าหน้าหนาวของต้นฤดูหนาวจะเน้นเสื้อผ้าที่มีความยาวสั้นถึงปานกลาง ส่วนเสื้อบุนวมเองก็ไม่จำเป็นต้องทำให้หนามากเกินไป
ส่วนเสื้อผ้าหน้าหนาวในช่วงที่หนาวที่สุดจะเน้นเสื้อผ้าตัวยาว และเสื้อบุนวมเองก็ต้องทำให้หนาขึ้นสักหน่อย
หลินม่ายมาถึงห้องทำงานของเถาจืออวิ๋น ก็หยิบกระดาษภาพร่างที่หล่อนวาดเสร็จแล้วขึ้นมาดู
มีแบบเสื้อผ้าต้นฤดูหนาวที่หลินม่ายขโมยความคิดมาจากชาติที่แล้วเมื่อก่อนหน้านี้เป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจ แบบเสื้อผ้าในช่วงหนาวที่จัดที่เถาจืออวิ๋นออกแบบมาจึงล้วนมีความเป็นแฟชั่นและล้ำสมัยอย่างยิ่ง ทั้งยังใช้ได้จริงอีกด้วย
หลินม่ายดูทีละใบจนครบ ก็เสนอข้อแนะนำเล็กน้อยให้กับหล่อน
ชุดปีนเขาความยาวสั้นถึงปานกลางนั้นสามารถทำเป็นแบบถอดซักได้ เพื่อสะดอกต่อการทำความสะอาด
แม้ว่าผ้าที่ใช้ในชุดปีนเขาจะเป็นเส้นใยสังเคราะห์ ไม่ต้องกลัวเปียกน้ำ แต่ในยุคนี้เครื่องซักผ้ายังไม่แพร่หลาย เสื้อผ้าหนาๆ เองก็ยังต้องซักมือ การซักมือนั้นยากที่จะบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าให้แห้งได้ จึงต้องตากแดด
ต้องการจะตากแดดชุดปีนเขาหนาๆ ตัวหนึ่งก็คงไม่ง่ายนัก หากทำเป็นแบบถอดซักได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้แล้ว
ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง เถาจืออวิ๋นก็เงยขึ้นมองหลินม่ายเล็กน้อย และถามว่า “เธอไม่ตั้งใจเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน แล้วตั้งใจวิ่งมาดูฉันออกแบบเสื้อผ้างั้นเหรอ? ต่อไปอย่าเสียเวลาวิ่งไปวิ่งมาเลย เดี๋ยวจะเอาไปให้เธอดูที่บ้านโดยตรงเอง”
หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันไม่ได้วิ่งมาเพื่อดูพี่ออกแบบเสื้อผ้าเสียหน่อย แต่เพราะมีข่าวดีสุดพิเศษจะบอกพี่ต่างหาก”
เถาจืออวิ๋นยิ้มหน้าแป้นพลางถาม “ข่าวดีอะไรเหรอ? เธอกับศาสตราจารย์ของเธอจะแต่งงานกันแล้วเหรอ?”
ใบหน้าของหลินม่ายพลันแดงเรื่อขึ้นมา “ในหัวพี่เอาแต่คิดเรื่องอะไรกันเนี่ย!”
เธอออกแรงจิ้มที่หัวของเถาจืออวิ๋นเล็กน้อย จากนั้นจึงบอกเรื่องที่งานรับรางวัลไก่ทองคำสมัยแรกกำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ และหลิวเหม่ยชิ่งต้องการขอให้เธอสนับสนุนเสื้อผ้าร่วมงานพรมแดงให้เถาจืออวิ๋นฟัง
เธอกำหมัด แสดงท่าทางมุ่งมาดจะเอาชนะ “นี่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง เราจะต้องคว้ามันไว้ให้ได้ ไม่แน่ว่าเราอาจสามารถทำให้ชื่อเสียงของเสื้อผ้าจิ่นซิ่วโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีกผ่านรางวัลไก่ทองคำนี้ก็ได้”
เถาจืออวิ๋นถาม “ต้องออกแบบชุดราตรีให้กับหลิวเหม่ยชิ่งแค่คนเดียวใช่ไหม? บอกสัดส่วนของหล่อนมาสิ ฉันจะออกแบบให้ตอนนี้เลย”
หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันคิดว่าคงจะรวมชุดราตรีของดารานักแสดงหญิงทุกคนที่เข้าร่วมงานรับรางวัลไก่ทองคำทั้งหมด นอกจากนี้ยังเป็นชุดสั่งตัดเฉพาะด้วย”
เถาจืออวิ๋นเงียบไปเล็กน้อย “คนมากมายขนาดนี้ เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำทันหรือเปล่า”
“ใช่ว่าต้องให้พี่ทำคนเดียวทุกชุดเลยเสียหน่อย พวกเราออกแบบชุดเสร็จแล้ว ก็จ้างช่างตัดเย็บเสื้อผ้าฝีมือระดับสูงมาอีกหน่อยก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้า “ก็ได้นะ อย่างนั้นเธอติดต่อผู้จัดงานรางวัลไก่ทองคำเอาไว้ก่อน แล้วขอรายชื่อของดารานักแสดงหญิงมา พวกเราจะได้ตัดชุดสำหรับพวกหล่อนให้โดยเฉพาะ”
แม้แต่ผู้จัดคือใครหลินม่ายก็ยังไม่รู้แน่ชัด จึงได้แต่ติดต่อหาผู้กำกับหวง สืบถามจากเขาว่าผู้จัดงานคือใคร จากนั้นค่อยติดต่อหาผู้จัดงานอีกที
เมื่อออแกไนซ์ผู้รับผิดชอบการจัดงานได้ยินหลินม่ายบอกว่า เธอจะเสนอชุดราตรีให้กับนักแสดงหญิงที่เข้าร่วมงานด้วยตัวเอง ก็ปลื้มปริ่มดีใจอย่างยิ่ง
สิ่งที่ออแกไนซ์กลัวก็คือเขาจะทำงานรางวัลไก่ทองคำสมัยแรกล้มเหลวในมือตัวเอง เพราะเงื่อนไขปัจจัยเลวร้ายเกินไปจริงๆ!
แต่ตอนนี้มีหลินม่ายมาเสนอเครื่องแต่งกายให้ อย่างนั้นเหล่านักแสดงหญิงก็สามารถเฉิดฉายประชันกันในจอได้แล้ว
ต่อให้ทั้งงานจะทำพลาด ก็ยังมีไฮไลท์นี้อยู่อย่างหนึ่ง
ออแกไนซ์เอ่ยขอบคุณเธอไม่หยุด แล้วถามว่าเขาสามารถช่วยอะไรหลินม่ายได้บ้าง
หลินม่ายถือโอกาสพูดขึ้น “ฉันไม่เพียงจะเสนอชุดราตรีให้กับนักแสดงหญิงทั้งหมดที่ร่วมงานรับรางวัลไก่ทองคำเท่านั้นนะคะ แต่ฉันจะจัดเครื่องประดับต่างๆ ให้ด้วย ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่หวังว่าในรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในตอนท้ายของงาน ผู้สนับสนุนชุดราตรีและเครื่องประดับของดารานักแสดงหญิงทั้งหมดนั้นจะเป็นเสื้อผ้าจิ่นซิ่วและเครื่องประดับไป๋เหอก็ได้แล้วล่ะค่ะ”
ในสายตาของออแกไนซ์ นี่เป็นเพียงคำขอที่เล็กน้อยมากแบบไม่อาจจะเล็กไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้รายชื่อของดารานักแสดงหญิงที่จะร่วมงานรับรางวัลไก่ทองคำแล้วก็ยังไม่พอ ยังต้องรู้สัดส่วนของดาราหญิงแต่ละคนด้วย
งานนี้เธอมอบหมายให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ดำเนินการ
เมื่อมอบหมายงานเสร็จสิ้นแล้ว หลินม่ายก็ขี่จักรยานกลับบ้าน
วันนี้เป็นวันตงจื้อ(1) ต้องห่อเกี๊ยวให้คนในครอบครัวกินกันทุกคน
ความจริงแล้วเมืองเจียงเฉิงไม่ได้มีประเพณีนิยมในการกินเกี๊ยวในวันตงจื้อ กลับนิยมดื่มซุปและกินข้าวเหนียวแดง แต่คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่งอยู่นานหลายปี จึงได้รับอิทธิพลมาอย่างมาก
ผู้อาวุโสทั้งสองอยากกินเกี๊ยวในวันตงจื้อ อย่างนั้นก็จัดการให้พวกเขาเถอะ
แน่นอนว่า หลินม่ายเองก็ยังคำนึงถึงประเพณีตงจื้อของเจียงเฉิงด้วยเช่นกัน เธอเตรียมเคี่ยวซุปไก่หนึ่งหม้อแล้ว และหุงข้าวเหนียวแดงอีกหนึ่งหม้อ
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตั้งใจไปซื้อไก่ขาวหนึ่งตัวที่ตลาดสดฝูตัวตัว
ตั้งแต่มีวางจำหน่ายไก่หรือเป็ดที่เชือดถอนขนเสร็จแล้วในวันชาติ ในตอนแรกสุดลูกค้าก็ไม่ค่อยยอมรับกันนัก แต่จนถึงตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
หลินม่ายเลือกไก่ขาวที่หนักประมาณครึ่งกิโลตัวหนึ่งแล้วกลับไปที่บ้าน
คนมณฑลหูมีรูปร่างไม่ใหญ่โต ไก่ที่เลี้ยงเองก็ตัวเล็กกระจิ๊ดริด
พื้นที่ชนบทของเจียงเฉิงล้วนเลี้ยงไก่เจียงฮั่น(2) ไก่ชนิดนี้แม้จะเลี้ยงมาหนึ่งปีแล้ว แต่โดยปกติไก่ตัวเมียจะมีน้ำหนักเพียงประมาณ7-8ขีดเท่านั้น
พอเชือดถอนขนเป็นไก่ขาวแล้วก็มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโล ตัวเล็กก็หนักเพียง3.5-4ขีดเท่านั้นเอง
แต่เอามาเคี่ยวน้ำซุปแล้วอร่อยมากจริงๆ
หากหลินม่ายจะเคี่ยวซุปก็จะเลือกแค่ไก่เจียงฮั่นเท่านั้น
เมื่อซื้อไก่เสร็จแล้ว ก็ซื้อเนื้อขาหลังหมูมาอีกครึ่งกิโล จากนั้นหลินม่ายจึงกลับบ้าน
หลินม่ายไม่ได้หัวไชเท้าที่ต้องใช้ในการเคี่ยวซุปไก่และกุ้ยช่ายที่ใช้ห่อเกี๊ยว ซื้อมาเลย เพราะคุณปู่ฟางปลูกผักสองอย่างนี้เอาไว้หมดแล้ว
หลินม่ายเคลื่อนไหวอย่างฉับไวช่ำชอง ก่อนที่คนในบ้านจะกลับมาเธอก็เคี่ยวซุปไก่เสร็จแล้ว เกี๊ยวเองก็ห่อเสร็จแล้ว รอแค่ให้ทุกคนในบ้านกลับมาแล้วต้มลงหม้อ
มื้อเย็น ทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ดื่มซุปไก่ไปพลาง กินเกี๊ยวไปพลาง โดยไม่มีใครกินข้าวเหนียวแดงแล้ว
นอกบ้านลมหนาวพัดหวีดหวิว ส่วยภายในบ้านนั้นอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ
หลินม่ายกินเกี๊ยวไปพลางบอกกับฟางจั๋วหลานว่า ของต่างๆ เช่นพวกรถเบนซ์ เครื่องทำน้ำอุ่นได้มาถึงทั้งหมดแล้ว
ต่อไปให้เขาขับรถเบนซ์ ส่วนเธอจะขับรถจี๊ปเอง
ฟางจั๋วหรานมองเธออย่างเอ็นดู “แม้แต่ขับรถคุณยังขับไม่เป็นเลย แล้วจะขับรถจี๊ปได้ยังไง?”
หลินม่ายยิ้มอย่างเขินอาย เธอลืมไปว่ากำลังแกล้งทำเป็นขับรถไม่เป็น โชคดีที่ฟางจั๋วหรานไม่ได้ติดใจคิดมาก ไม่อย่างนั้นคงความแตกแน่
เธอพูดอย่างกระเง้ากระงอด “ขับไม่เป็น คุณก็สอนฉันสิคะ”
“ถึงผมจะสอนจนคุณขับเป็นแล้ว แต่คุณขับเบนซ์เถอะ ผมขับรถจี๊ปก็พอแล้ว”
หลินม่ายส่ายตะเกียบไปมา “อย่างนั้นไม่ได้หรอก คุณเป็นผู้ชาย ต้องได้ขับรถดีๆ สิ ฉันขับรถอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างจริงจัง “ใครบอกคุณว่าผู้ชายต้องได้ขับรถดีๆ กัน? รถจี๊ปสูงขนาดนั้น คุณไม่สะดวกปีนขึ้นปีนลง คุณขับรถเบนซ์ ผมจะขับรถจี๊ป”
น้ำเสียงของเขาเฉียบขาดยากที่จะโต้แย้ง หลินม่ายจึงได้แต่ต้องเชื่อฟัง
หลังกินอาหารเย็นเสร็จ หลินม่ายก็เอาเสื้อผ้าที่ซื้อให้คนในบ้านทั้งหมดจากอเมริกาออกมา
มีแจ็คเก็ตขนเป็ดและเสื้อโค้ทขนเป็ดคนละหนึ่งตัว
แม้ว่าอุณหภูมิฤดูหนาวของเจียงเฉิงจะไม่ได้ต่ำเท่าทางเหนือ แต่ก็หนาวมากเหมือนกัน หากสวมแจ็คเก็ตขนเป็ดหรือเสื้อโค้ทขนเป็ดก็จะไม่หนาวแล้ว
คุณย่าฟางหยิบแจ็คเก็ตขนเป็ดที่ซื้อให้เธอมาลองสวม “แจ็คเก็ตขนเป็ดตัวนี้ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
หลินม่ายยื่นนิ้วมือออกไปสามนิ้ว “สามพันดอลล่าร์ค่ะ”
คุณย่าฟางพลันรู้สึกไม่เริงร่าขึ้นมา “สามพันดอลลาร์ แพงเกินไปแล้ว! ฟุ่มเฟือยจริงๆ เชียว ชุดปีนเขาจากโรงงานเสื้อผ้าของเธอทั้งหนาทั้งเบา ใส่สบายมากอีกด้วย จะซื้อสินค้าต่างประเทศมาทำไม!”
แต่เมื่อลองสวมใส่ดูแล้ว นางก็เงียบกริบ แจ็คเก็ตขนเป็ดเบาและอุ่นกว่าชุดปีนเขาเสียอีก
แต่หญิงชราก็ยังไม่สบายใจนัก ว่าทำไมเสื้อขนเป็ดตัวหนึ่งถึงได้ขายแพงนัก
หลินม่ายบอกเธอว่า เพราะเสื้อขนเป็ดนั้นทำมาจากขนอ่อนของหงส์
คุณย่าฟางบ่นพึมพำ “ขนหงส์ก็ขนนกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!”
ฟางจั๋วเยวี่ยติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเสร็จหมดแล้ว
ตอนกลางคืนทุกคนต่างก็อาบน้ำด้วยเครื่องน้ำอุ่น ทั้งสะดวกทั้งสบายมากจริงๆ
………………………………………………………………………………………………………………………
(1)วันตงจื้อ วันตังโจ่ย หรือ วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) เป็นวันที่ซีกโลกเหนือเส้นศูนย์สูตรมีกลางคืนยาวที่สุดและกลางวันสั้นที่สุด เป็นเทศกาลฤดูหนาวของจีน ซึ่งชาวจีนให้ความสำคัญกับเทศกาลตงจื้อไม่แพ้วันตรุษจีน เพราะถือว่าเป็นเสมือนเทศกาลปีใหม่ทางดาราศาสตร์
(2)ไก่เจียงฮั่น คือไก่พันธุ์ดีที่เพาะเลี้ยงในมณฑลเสฉวนมาเป็นเวลากว่า 300 ปี
สารจากผู้แปล
แบรนด์ได้โอกาสดังแล้ว ทีนี้เป็นสปอนเซอร์งานใหญ่ระดับประเทศได้สบายเลย
ไหหม่า(海馬)