ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 568 ความสุข (กลาง)

ตอนที่ 568 ความสุข (กลาง)

​จู๋​เซียง​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

​“​บุตร​เขย​มาทำ​ไม​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​หา​เขา​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​ไม่มีใคร​อยู่​ใน​ห้อง​ ​จึง​จับ​หน้านา​งมา​หอม​แก้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เจ้า​หาบุ​ตร​เขย​ที่​ดี​ให้​สกุล​สวี​ของ​เรา​”​ ​พูด​ด้วย​ท่าที​ปิติยินดี​

​สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชำระ

​สือ​อี​เหนียง​จึง​เดินตาม​ไป​ ​ยืน​พิง​ประตู​ห้องน้ำ​แล้ว​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​เจ้า​คะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​ผ้าเช็ดหน้า​เช็ดหน้า​ตัวเอง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ออกมา​ ​เล่าเรื่อง​ที่​ฮ่องเต้​เรียก​เซ่าจ​้ง​หราน​เข้าเฝ้า​ ​แล้วยัง​พระราชทาน​งานแต่ง​ให้​น้องชาย​ของ​เซ่าจ​้ง​หราน​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​“​…​ ​เขา​คิด​ว่า​ข้า​ไม่รู้​ ​จึง​ส่ง​คน​มาบ​อก​ข้า​!​”​ ​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​ ​“​ฮ่องเต้​เรียก​ให้​เขา​ไป​เข้าเฝ้า​นั้น​เป็นเกียรติ​อย่างมาก​ ​บางครั้ง​แค่​คำพูด​ประจบประแจง​แค่​ประโยค​เดียว​ก็​สามารถ​ทำให้​เขา​ประสบความสำเร็จ​ได้​ในทันที​ ​ถึงแม้​เขา​จะ​ยัง​เด็ก​ ​แต่​ยังคง​รักษา​ท่าที​สุขุม​เมื่อ​ฮ่องเต้​ถาม​คำถาม​ได้​ ​ระมัดระวัง​คำพูดคำจา​ ​ตอบโต้​ได้​อย่างเหมาะสม​ ​นับเป็น​เรื่อง​ที่​ยาก​ ​มั่ว​เหยี​ยน​ จ​้ง​หราน​ถือเป็น​บุตร​เขย​ที่​ดี​ของ​สกุล​สวี​!​”

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ในทันที

ดูเหมือนว่า​ ​ฮ่องเต้​ยังคง​ไม่เชื่อใจ​สกุล​สวี​!

ให้​หลานสาว​ของ​ขุนนาง​คนสนิท​อย่าง​ ​โอว​หยาง​หมิง​แต่งงาน​เข้าไป​อยู่​ใน​สกุล​เซ่า​ ​ก็​แค่​อยาก​วาด​เสือ​ให้​วัว​กลัว​ ​เตือน​ให้​สกุล​เซ่า​รักษา​ความเป็นกลาง​ ​แล้วก็​บอก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่า​ทำ​อะไร​บุ่มบ่าม​ใช่​หรือไม่​?

​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ทำให้​คน​เสีย​อา​รณ​์​พวก​นี้​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ก็​ไม่รู้​ว่า​บุตร​เขย​จะ​เฉลียวฉลาด​เช่นนี้​ ​เพียงแค่​รู้สึก​ว่า​สกุล​เซ่า​ค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​สกุล​เรา​ ​ในเมื่อ​บุตร​เขย​คือ​บุตรชาย​ที่​มี​ความสามารถ​ของ​สกุล​เซ่า​ ​คิด​ว่า​เขา​คงจะ​เข้าใจ​เจตนา​ของ​บรรพบุรุษ​สกุล​เซ่า​เป็น​อย่างดี​ ​แล้วก็​จะ​ได้​นึกถึง​สถานการณ์​ของ​สกุล​เรา​ด้วย​เจ้าค่ะ​ ​ดังนั้น​จึง​คิด​ว่า​บุตร​เขย​ดีกว่า​คุณชาย​หลี​่​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​อยาก​หยอกล้อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ไม่เกี่ยว​กับ​ที่​บุตร​เขย​หน้าตา​หล่อเหลา​กว่า​คุณชาย​หลี​่​คน​นั้น​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประหลาดใจ​ ​เขา​หัวเราะ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ข้า​ไม่​ยัก​จะ​รู้​ ​ว่า​เจ้า​ยัง​ตัดสิน​คนอื่น​ด้วย​รูปลักษณ์ภายนอก​”

​สือ​อี​เหนียง​เม้มปาก​ยิ้ม

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กอด​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ปล่อยมือ

​พวกเขา​สอง​คน​มองดู​จิ​่น​เกอ​ที่นอน​หลับสนิท​ ​เห็น​อาจิน​เฝ้า​อยู่​ข้างๆ​ ​ถึง​ได้​สบายใจ​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​ข้างใน​

​“​วันเกิด​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​เรา​จัด​โต๊ะ​สัก​สอง​สาม​โต๊ะ​ให้​คึกคัก​ดี​หรือไม่​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปรึกษา​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ถึง​ตอนนั้น​ทุกคน​จะ​ได้​ครึกครื้น​!​”

​“​วันเกิด​ของ​ลูก​ๆ​ ​ข้าว​่า​แค่​ทาน​บะหมี่​อายุ​ยืน​ก็​พอ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เอ่ย​ปฏิเสธ​ ​“​แม้แต่​ท่าน​โหวก​็​ยัง​ไม่​จัดงาน​เลี้ยง​ ​แค่​วันเกิด​ของ​เขา​ ​ข้า​คิด​ว่า​ไม่ต้อง​ยุ่งยาก​หรอก​กระมัง​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​พูด​อะไร​อีก

​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่ได้​พลิกตัว​ ​แต่​เขา​กลับ​ลืมตา​ไม่ยอม​หลับตา

​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ ​นาง​กอด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตัวเอง​ ​“​ท่าน​โหว​รีบ​นอน​เถิด​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​เขา​ก็​ผลัก​นาง​ออก​ ​“​เจ้า​ทำ​อะไร​น่ะ​…​ ​“

​แต่​มือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​กลับ​โอบ​เอาไว้​แน่น​ ​เขา​ไม่ได้​ออกแรง​มาก​จึง​ผลัก​นาง​ไม่​ออก

​“​ท่าน​โหว​รีบ​นอน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​นาง​ยังคง​ยืนกราน​ ​“​ข้า​จะ​กอด​ท่าน​โหว​อยู่​แบบนี้​!​”

​ถูก​สือ​อี​เหนียง​กอด​อย่าง​อ่อนโยน​ ​ราวกับ​แม่​ที่​กำลัง​กอด​ลูก​ ​เต็มไปด้วย​ความรัก​และ​ความ​เอ็นดู​…​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยน​จาก​ความตกใจ​เป็นความ​แปลกใจ​

​เขา​หลับตา​ ​จมูก​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​กลิ่นหอม​ของ​ดอกกุหลาบ​จางๆ​ ​หัวใจ​ของ​เขา​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​ ​จากนั้น​ก็​ผล็อย​หลับ​ไป​อย่าง​ไม่รู้​ตัว

​*****

​ตื่นขึ้น​ใน​เช้า​วัน​ต่อมา​ ​สิ่ง​ที่อยู่​ตรงหน้า​คือ​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความสงสัย​ของ​จิ​่น​เกอ

​“​ท่าน​พ่อ​ไม่ยอม​ตื่น​!​”​ ​เขา​เอียง​หัว​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

​ทันใดนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อารมณ์ดี​ขึ้น​มาทัน​ที​

​เขา​ลุกขึ้น​นั่ง​แล้ว​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ท่าน​แม่​ของ​เจ้า​เล่า​”

​“​ท่าน​แม่​ไปหา​พี่​หญิง​ ​ข้า​อยู่​ที่นี่​ขอรับ​!​”​ ​ประโยค​ยาว​ๆ​ ​แต่​สอง​สาม​คำ​สุดท้าย​กลับ​กระท่อนกระแท่น​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ฟัง​เข้าใจ

​เขา​ยิ้ม​แล้ว​หอม​แก้ม​จิ​่น​เกอ​ ​พลัน​นึกถึง​งานเลี้ยง​วันเกิด​ที่​ยิ่งใหญ่​ของ​เซิน​เกอ​ ​เขา​คิด​ว่าวัน​เกิด​ของ​บุตรชาย​ของ​ตัวเอง​ทาน​แค่​บะหมี่​อายุ​ยืน​นั้น​ไม่​ค่อย​ยุติธรรม​กับ​เขา​สัก​เท่าไร​ ​จึง​รู้สึก​ไม่​ค่อย​สบายใจ​

​สอง​สาม​วัน​ต่อมา​ ​ไม่รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไปหา​สุนัข​ตัว​ใหญ่​ตัวเล็ก​สอง​สาม​ตัว​มาจาก​ไหน​ ​เขา​นำมา​ให้​จิ​่น​เกอ​เล่น

​จิ​่น​เกอ​ตื่นเต้น​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ลูก​หนัง​ก็​ไม่​เตะ​แล้ว​ ​ลืมตา​ขึ้น​มาก​็​บอกว่า​จะ​ไปหา​สุนัข

​สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​สุนัข​จะ​ไม่​สะอาด​ ​นาง​จึง​เรียก​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​มาช​่ว​ยสุย​เฟิง​ ​ช่วย​อาบน้ำ​ให้​สุนัข​สอง​สาม​ตัว​นั้น

​จิ​่น​เกอ​เห็น​เช่นนี้​ก็​นึก​สนุก​ ​เขา​เดินตาม​สุย​เฟิง​ไปดู​สุนัข​อาบน้ำ​ทุกวัน​

​ไท่ฮู​หยิน​รู้​เช่นนี้​ก็​บอก​ให้​นำ​สุนัข​พวก​นั้น​ออก​ไป​ทันที

​“​…​หาก​มี​เห็บ​จะ​ทำ​เช่นไร​”​ ​นาง​เกลี้ยกล่อม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ประเดี๋ยว​ท่าน​ย่า​จะ​มอบ​แมว​ให้​เจ้าตัว​หนึ่ง​…​ไม่ใช่​ ​มอบ​แมว​ให้​เจ้า​คู่​หนึ่ง​ ​ขน​สีขาว​มีด​วง​ตาสี​เขียว​ ​สวยงาม​เป็นอย่างมาก​ ​ดี​หรือไม่​”

​จิ​่น​เกอ​ส่ายหน้า​ ​“​ลูก​สุนัข​ของ​ข้า​ขอรับ​!​”

​ไท่ฮู​หยิน​เป็นกังวล​ ​นาง​เรียก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​ตำหนิ​ ​“​หาก​มัน​กัด​เขา​เข้า​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​รัก​ลูก​ ​ก็​ต้อง​มี​ขีดจำกัด​ ​จะ​ทำ​เหมือน​เจ้า​ได้​เช่นไร​ ​รีบ​หาวิ​ธี​นำ​สุนัข​พวก​นั้น​ออก​ไป​ประเดี๋ยวนี้​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ก็​คิด​ว่า​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​เกินไป​ ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​สมัยโบราณ​ไม่มี​วัคซีน​ ​แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​สุนัข​พวก​นี้​มาจาก​ไหน​ ​จิ​่น​เกอ​ชอบ​เล่น​กับ​พวก​มัน​ ​หาก​ไป​จับ​โดน​อะไร​เข้า​ทำให้​มัน​โกรธ​คงจะ​ไม่ดี​ ​นาง​จึง​ยืน​เงียบ​อยู่​ข้าง​ไท่ฮู​หยิน​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เลย​บอก​ให้​สุย​เฟิง​นำ​สุนัข​ไป​ไว้​ที่​ไร่

​เมื่อ​จิ​่น​เกอ​ไม่เห็น​สุนัช​ ​เขา​ก็​ร้องไห้​อยู่​ตั้ง​นาน​ ​ร้องไห้​จน​เสียง​แหบ​เสียง​แห้ง​ ​ใคร​ปลอบใจ​ก็​ไม่​ฟัง​

​ไท่ฮู​หยิน​โทษ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อีกครั้ง​ ​“​จะ​รีบร้อน​แบบนี้​ได้​อย่างไร​ ​บอก​ให้​นำ​ออก​ไป​ก็​นำ​ออก​ไป​ทันที​”​ ​จากนั้น​ก็​บอก​ให้​ป้า​ของ​ตู้​ไป​จับ​แมว​ที่​จวน​หย่ง​ชัง​โหว​มาส​อง​ตัว​ ​“​…​พึ่ง​จะ​คลอด​สี่​ตัว​ ​วันนั้น​นาง​ถาม​ข้าว​่า​อยากได้​หรือไม่​ ​ข้า​บอกว่า​มัน​ขน​ร่วง​จึง​ไม่​อยากได้​”

เช่นนี้​คือ​การ​ดื่ม​สุรา​พิษ​ดับ​กระหาย[1]?

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​เอ่ยปาก​ห้ามปราม​ไท่ฮู​หยิน​เอาไว้​ ​“​ท่าน​แม่เจ้า​คะ​ ​ในเมื่อ​แมว​ขน​ร่วง​ ​ไม่​เลี้ยง​ก็ได้​กระมัง​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​แค่​เห็น​ว่า​สุนัข​พวก​นั้น​สนุก​ ​ถึง​ไม่ยอม​ให้​นำ​พวก​มัน​ออก​ไป​ ​เด็กน้อย​ลืม​อะไร​ง่าย​ ​ข้า​คิด​ว่า​ ​อีก​สอง​สาม​วัน​มี​ของเล่น​ใหม่​ๆ​ ​มา​ ​ประเดี๋ยว​เขา​ก็​ลืม​เอง​เจ้าค่ะ​”

​“​ถึงอย่างไร​ก็​จะ​ปล่อย​ให้​เขา​ร้องไห้​เช่นนี้​ต่อไป​ไม่ได้​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ยอม​ฟัง​ ​นาง​บอก​ให้​ป้า​ตู้​ไป​จับ​แมว

​ป้า​ตู้​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​เหนื่อยใจ​ ​จากนั้น​ก็​ขานรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ ​จับ​แมว​สายพันธุ์​ปอ​ซือ​[2]​ตาสี​ฟ้า​สอง​ตัว​ที่พึ่ง​จะ​ครบ​เดือน​กลับมา​ ​จิ​่น​เกอ​เห็น​แล้วก็​ยืน​สะอื้น​พลาง​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​สุนัข​ของ​ข้า​ ​สุนัข​ของ​ข้า​…​”

​ไท่ฮู​หยิน​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​หลาน​รัก​ของ​ย่า​…​”​ ​นาง​สงสาร​เขา​ ​จากนั้น​จึง​บอก​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ยัง​ไม่​ไป​บอก​ให้​บ่าว​รับใช้​ที่​ชื่อ​สุย​เฟิง​ตาม​สุนัข​พวก​นั้น​กลับมา​อีก​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​ ​จากนั้น​ก็​บอก​ให้​คน​ไป​ตาม​สุนัข​พวก​นั้น​กลับมา

​ที่​จวน​จึง​มี​แมว​เพิ่ม​มา​อีก​สอง​ตัว​

​สือ​อี​เหนียง​ยกมือ​ก่าย​หน้าผาก​แล้ว​พูด​กับ​จู๋​เซียง​ ​“​ดูเหมือนว่า​คง​ต้อง​รอ​ให้​จิ​่น​เกอ​โตก​ว่านี​้​อีก​สักหน่อย​ ​รู้ความ​แล้ว​ ​ค่อย​คิด​หาวิ​ธี​แก้​นิสัย​ที่​ไม่ดี​ของ​เขา​!​”

​จู๋​เซียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​เป็น​เด็ก​ร่าเริง​ ​ไท่ฮู​หยิน​และ​ท่าน​โหว​โปรดปราน​เขา​ ​มัน​คือ​วาสนา​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้าค่ะ​ ​แต่​กลัว​แค่​ว่า​จะ​มี​คน​อิจฉา​ ​พา​คุณชาย​น้อย​หก​ทำ​อะไร​ไม่ดี​ ฮู​หยิน​จะ​ใจอ่อน​ไม่ได้​ ​ต้อง​ดูแล​คุณชาย​น้อย​หก​ให้​ดีนะ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​พูดเป็นนัย​

​สือ​อี​เหนียง​เลิก​คิ้ว

​จู๋​เซียง​รีบ​พูด​ ​“​บ่าว​ก็​แค่​เป็นห่วง​เท่านั้น​ ​ไม่ได้​ยิน​ข่าวลือ​อะไร​เจ้าค่ะ​!​”

​“​ไม่​แปลกที่​เจ้า​จะ​เป็นห่วง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ต่อไป​หาก​คุณชาย​น้อย​หก​ทำ​อะไร​ผิด​ ​เจ้า​ต้อง​รายงาน​ให้​ข้า​รู้ทัน​ที​”

​จู๋​เซียง​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”

​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​ ​เฉียนฮู​หยิน​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​มา​เจ้าค่ะ​!​”

เฉียนฮู​หยิน​?​ ​อู่​เหนียง​?

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​ ​นาง​รีบ​บอก​ให้​สาวใช้​เชิญ​นาง​เข้ามา

​อู่​เหนียง​สวม​เสื้อ​สีแดง​สดใส​ ​นาง​ผอม​ลง​ไป​ตั้ง​สิบ​จิน​ ​ทำให้​นาง​ดู​สีหน้า​ซีดเซียว​ ​ตอนแรก​ที่​สือ​อี​เหนียง​เห็น​อู่​เหนียง​ก็​เกือบจะ​จำ​แทบ​ไม่ได้​

​เมื่อ​นาง​เดิน​เข้ามา​สือ​อี​เหนียง​ก็​บอก​ให้​สาวใช้​ยก​ชาร้อน​เข้ามา​ให้​นาง​ ​“​สอง​สาม​วันนี้​ทาน​อะไร​ก็​อาเจียน​ ​ไม่​เหมือน​ตอนที่​ตั้งครรภ์​ซิน​เกอ​ ​ข้า​สงสัย​ว่า​ครั้งนี้​น่าจะเป็น​เด็กผู้หญิง​กระมัง​”

​อู่​เหนียง​จิบ​ชา​แล้ว​ถอนหายใจ

​รู้​ข่าว​กะทันหัน​เช่นนี้

​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​ความตกใจ​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​ ​ท่าน​ท้อง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ราวกับ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​นาง​รีบ​พูด​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​กลับมา​คนเดียว​หรือ​กลับมา​กับ​พี่เขย​ห้า​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​ส่ง​คน​มาบ​อก​ข้า​ก่อน​เล่า​”

​อู่​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พี่เขย​ห้า​ของ​เจ้า​ยังอยู่​ที่​เหวิน​เติง​”​ ​พูด​จบ​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​มืดมน​ลง​ ​“​ที่นั่น​ค่อนข้าง​ลำบาก​ ​เจ้า​ดู​สารรูป​ของ​ข้า​ตอนนี้​สิ​…​พี่เขย​ห้า​ของ​เจ้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​บอก​ให้​ข้า​กลับมา​ดูแล​ครรภ์​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​ข้า​จึง​พาซิน​เกอ​กลับมา​ก่อน​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​แล้วก็​รู้สึก​โล่งใจ

ตน​คิด​ว่า​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้นกับ​เฉียน​หมิง​เสียอีก​!

​“​กลับมา​ก็ดี​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จะ​แต่งงาน​เดือน​สิบ​ ​พี่​หญิง​พาซิน​เกอ​มาร​่ว​มงาน​เถิด​”

​“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้​เหมือนกัน​”​ ​อู่​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อไป​ ​“​เยี​่​ยน​จิง​อุดมสมบูรณ์​ ​เฉียน​เอ้อร​์​ไฉ​สอง​สามีภรรยา​ก็​เป็น​คนซื่อ​สัตย์​ ​แล้วยัง​มี​เจ้า​คอย​ช่วยเหลือ​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีจั​๋ว​เถา​อยู่​ด้วย​ ​ไม่ต้อง​กังวล​ว่า​จะ​ไม่มีใคร​ดูแล​ซิน​เกอ​…​”

​พวก​นาง​สอง​คนพูด​คุย​กัน​อยู่นาน​ ​อู่​เหนียง​อยู่​ทานข้าว​เย็น​ที่​จวน​สกุล​สวี​แล้ว​กลับ​ไป​

​*****

​อากาศ​เริ่ม​เย็น​ลง​เรื่อยๆ​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​กลับมา​จาก​เล่อ​อาน​ ​ทุกคน​เริ่ม​เตรียมการ​งานแต่งงาน​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เป็น​พี่ใหญ่​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​ต้อง​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ ​แต่ว่า​ญาติ​ผู้หญิง​ที่จะ​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ไม่รู้​ว่า​จะ​เลือก​ใคร​ดี

ฮู​หยิน​ห้า​จึง​แนะนำ​ว่า​ ​“​หรือว่า​ ​ให้​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ดี​หรือไม่​ ​เช่นนี้​ฉิน​เกอ​ก็​จะ​ได้​ไป​ด้วย​ ​ส่วน​อวี​้​เกอ​เอง​ก็​จะ​ได้​มี​เพื่อนร่วมทาง​ ​เจอ​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​มี​คน​ช่วย​คิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่านี​่​คือ​ความคิด​ที่​ดี​ ​รีบ​เอ่ยปาก​อย่าง​เห็นด้วย​ ​“​ข้า​ก็​คิด​ว่า​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​เหมาะสม​ที่สุด​ ​ไม่เพียงแต่​เป็น​คน​มี​วาสนา​ ​แล้วยัง​เป็น​คน​ใจกว้าง​และ​เด็ดขาด​ ​ถึงแม้ว่า​สกุล​เซ่า​จะ​เป็น​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​แต่​นาง​ก็​ไม่ใช่​คนขี้ขลาด​ตาขาว​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​ ​บอก​ให้​คน​ไป​เรียก​คุณชาย​สาม​มา​ ​“​…​บอก​ให้​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ไป​ช่วย​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ปู​เตียง​!​”

​คุณชาย​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​มีท​่า​ที​เหมือน​ยกภูเขาออกจากอก​ ​รีบ​พูด​ขึ้น​ ​“​ท่าน​แม่​ให้โอกาส​นาง​ ​นับเป็น​วาสนา​ของ​นาง​ ​ข้า​จะ​ไป​บอก​ฉิน​เกอ​ประเดี๋ยวนี้​ ​ให้​ฉิน​เกอ​ไป​ซัง​โจว​กับ​นาง​ขอรับ​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​ด้วย​ความพอใจ​ ​คุณชาย​สาม​พูดคุย​กับ​นาง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ขันที​ใน​พระราชวัง​ก็​มา​ไถ่ถาม​ถึง​สถานการณ์​เรื่อง​แต่งงาน​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตามคำสั่ง​ของ​ฮองเฮา​ ​เขา​จึง​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา​แล้วไป​หา​สวี​ลิ่ง​อี๋​

​“​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่ใช่​คน​ไม่รู้​ความ​”​ ​สอง​พี่น้อง​ดื่ม​ชา​พูดคุย​กัน​นอก​ห้อง​หนังสือ​ ​“​เหมือนกับ​ครั้งก่อน​ที่​เจี่ยน​เกอ​แต่งงาน​ ​ข้า​พูด​กับ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ด้วย​เหตุผล​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ก็​ไม่ได้​ว่า​อะไร​ ​สุดท้าย​น้อง​สะใภ้​สี่​ก็​นำ​เงิน​ของขวัญ​คืนให้​พี่สะใภ้​สาม​ทั้งหมด​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ปฏิเสธ​อยู่​ตั้ง​นาน​กว่า​จะ​ยอมรับ​มัน​มา​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​สีหน้า​ที่​อม​ทุกข์​ของ​คุณชาย​สาม​ ​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​หรือ​ขอรับ​”

​คุณชาย​สาม​พยักหน้า​ ​“​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่ใช่​คนเลว​ ​เพียงแค่​ว่านาง​เป็น​คน​ใจร้อน​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ก็​เป็น​บุตรสาว​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​จัดการ​อย่างเป็นระเบียบ​ ​แต่​บางครั้ง​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่พอใจ​ ​มี​อะไร​ก็​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ ​พลอย​ทำให้​บรรดา​สาวใช้​พวก​นั้น​เข้าใจ​เจตนา​ของ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ผิด​ ​จึง​ไม่​เคารพ​ยำเกรง​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ ​บางครั้ง​ข้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ตำหนิ​ ​คน​พวก​นั้น​ถึง​ได้​เกรงกลัว​ ​เช่นนี้​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​จึง​คิด​ว่า​ข้า​เข้าไป​ยุ่ง​มากเกินไป​…​ตอนนี้​ ​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ต้อง​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ ​ที่​เรือน​จะ​ได้​สงบสุข​สัก​สอง​สาม​วัน​!​”

[1]​ดื่ม​สุรา​พิษ​ดับ​กระหาย ​ ​คือ​หวัง​แต่​จะ​แก้ปัญหา​ความลำบาก​เฉพาะหน้า​ ​โดย​ไม่สน​ใจ​ผลร้าย​แรง​ที่จะ​ตามมา

[2]​แมว​สายพันธุ์​ปอ​ซือ ​หรือ​ ​แมว​สายพันธุ์​เปอร์เซีย ​จู๋​เซียง​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

​“​บุตร​เขย​มาทำ​ไม​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​หา​เขา​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​ไม่มีใคร​อยู่​ใน​ห้อง​ ​จึง​จับ​หน้านา​งมา​หอม​แก้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เจ้า​หาบุ​ตร​เขย​ที่​ดี​ให้​สกุล​สวี​ของ​เรา​”​ ​พูด​ด้วย​ท่าที​ปิติยินดี​

​สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชำระ

​สือ​อี​เหนียง​จึง​เดินตาม​ไป​ ​ยืน​พิง​ประตู​ห้องน้ำ​แล้ว​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​เจ้า​คะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​ผ้าเช็ดหน้า​เช็ดหน้า​ตัวเอง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ออกมา​ ​เล่าเรื่อง​ที่​ฮ่องเต้​เรียก​เซ่าจ​้ง​หราน​เข้าเฝ้า​ ​แล้วยัง​พระราชทาน​งานแต่ง​ให้​น้องชาย​ของ​เซ่าจ​้ง​หราน​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​“​…​ ​เขา​คิด​ว่า​ข้า​ไม่รู้​ ​จึง​ส่ง​คน​มาบ​อก​ข้า​!​”​ ​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​ ​“​ฮ่องเต้​เรียก​ให้​เขา​ไป​เข้าเฝ้า​นั้น​เป็นเกียรติ​อย่างมาก​ ​บางครั้ง​แค่​คำพูด​ประจบประแจง​แค่​ประโยค​เดียว​ก็​สามารถ​ทำให้​เขา​ประสบความสำเร็จ​ได้​ในทันที​ ​ถึงแม้​เขา​จะ​ยัง​เด็ก​ ​แต่​ยังคง​รักษา​ท่าที​สุขุม​เมื่อ​ฮ่องเต้​ถาม​คำถาม​ได้​ ​ระมัดระวัง​คำพูดคำจา​ ​ตอบโต้​ได้​อย่างเหมาะสม​ ​นับเป็น​เรื่อง​ที่​ยาก​ ​มั่ว​เหยี​ยน​ จ​้ง​หราน​ถือเป็น​บุตร​เขย​ที่​ดี​ของ​สกุล​สวี​!​”

​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ในทันที

ดูเหมือนว่า​ ​ฮ่องเต้​ยังคง​ไม่เชื่อใจ​สกุล​สวี​!

ให้​หลานสาว​ของ​ขุนนาง​คนสนิท​อย่าง​ ​โอว​หยาง​หมิง​แต่งงาน​เข้าไป​อยู่​ใน​สกุล​เซ่า​ ​ก็​แค่​อยาก​วาด​เสือ​ให้​วัว​กลัว​ ​เตือน​ให้​สกุล​เซ่า​รักษา​ความเป็นกลาง​ ​แล้วก็​บอก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่า​ทำ​อะไร​บุ่มบ่าม​ใช่​หรือไม่​?

​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ทำให้​คน​เสีย​อา​รณ​์​พวก​นี้​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ก็​ไม่รู้​ว่า​บุตร​เขย​จะ​เฉลียวฉลาด​เช่นนี้​ ​เพียงแค่​รู้สึก​ว่า​สกุล​เซ่า​ค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​สกุล​เรา​ ​ในเมื่อ​บุตร​เขย​คือ​บุตรชาย​ที่​มี​ความสามารถ​ของ​สกุล​เซ่า​ ​คิด​ว่า​เขา​คงจะ​เข้าใจ​เจตนา​ของ​บรรพบุรุษ​สกุล​เซ่า​เป็น​อย่างดี​ ​แล้วก็​จะ​ได้​นึกถึง​สถานการณ์​ของ​สกุล​เรา​ด้วย​เจ้าค่ะ​ ​ดังนั้น​จึง​คิด​ว่า​บุตร​เขย​ดีกว่า​คุณชาย​หลี​่​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​อยาก​หยอกล้อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ไม่เกี่ยว​กับ​ที่​บุตร​เขย​หน้าตา​หล่อเหลา​กว่า​คุณชาย​หลี​่​คน​นั้น​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประหลาดใจ​ ​เขา​หัวเราะ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ข้า​ไม่​ยัก​จะ​รู้​ ​ว่า​เจ้า​ยัง​ตัดสิน​คนอื่น​ด้วย​รูปลักษณ์ภายนอก​”

​สือ​อี​เหนียง​เม้มปาก​ยิ้ม

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กอด​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ปล่อยมือ

​พวกเขา​สอง​คน​มองดู​จิ​่น​เกอ​ที่นอน​หลับสนิท​ ​เห็น​อาจิน​เฝ้า​อยู่​ข้างๆ​ ​ถึง​ได้​สบายใจ​แล้ว​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​ข้างใน​

​“​วันเกิด​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​เรา​จัด​โต๊ะ​สัก​สอง​สาม​โต๊ะ​ให้​คึกคัก​ดี​หรือไม่​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปรึกษา​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ถึง​ตอนนั้น​ทุกคน​จะ​ได้​ครึกครื้น​!​”

​“​วันเกิด​ของ​ลูก​ๆ​ ​ข้าว​่า​แค่​ทาน​บะหมี่​อายุ​ยืน​ก็​พอ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เอ่ย​ปฏิเสธ​ ​“​แม้แต่​ท่าน​โหวก​็​ยัง​ไม่​จัดงาน​เลี้ยง​ ​แค่​วันเกิด​ของ​เขา​ ​ข้า​คิด​ว่า​ไม่ต้อง​ยุ่งยาก​หรอก​กระมัง​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​พูด​อะไร​อีก

​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่ได้​พลิกตัว​ ​แต่​เขา​กลับ​ลืมตา​ไม่ยอม​หลับตา

​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ ​นาง​กอด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตัวเอง​ ​“​ท่าน​โหว​รีบ​นอน​เถิด​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​เขา​ก็​ผลัก​นาง​ออก​ ​“​เจ้า​ทำ​อะไร​น่ะ​…​ ​“

​แต่​มือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​กลับ​โอบ​เอาไว้​แน่น​ ​เขา​ไม่ได้​ออกแรง​มาก​จึง​ผลัก​นาง​ไม่​ออก

​“​ท่าน​โหว​รีบ​นอน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​นาง​ยังคง​ยืนกราน​ ​“​ข้า​จะ​กอด​ท่าน​โหว​อยู่​แบบนี้​!​”

​ถูก​สือ​อี​เหนียง​กอด​อย่าง​อ่อนโยน​ ​ราวกับ​แม่​ที่​กำลัง​กอด​ลูก​ ​เต็มไปด้วย​ความรัก​และ​ความ​เอ็นดู​…​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยน​จาก​ความตกใจ​เป็นความ​แปลกใจ​

​เขา​หลับตา​ ​จมูก​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​กลิ่นหอม​ของ​ดอกกุหลาบ​จางๆ​ ​หัวใจ​ของ​เขา​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​ ​จากนั้น​ก็​ผล็อย​หลับ​ไป​อย่าง​ไม่รู้​ตัว

​*****

​ตื่นขึ้น​ใน​เช้า​วัน​ต่อมา​ ​สิ่ง​ที่อยู่​ตรงหน้า​คือ​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความสงสัย​ของ​จิ​่น​เกอ

​“​ท่าน​พ่อ​ไม่ยอม​ตื่น​!​”​ ​เขา​เอียง​หัว​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

​ทันใดนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อารมณ์ดี​ขึ้น​มาทัน​ที​

​เขา​ลุกขึ้น​นั่ง​แล้ว​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ท่าน​แม่​ของ​เจ้า​เล่า​”

​“​ท่าน​แม่​ไปหา​พี่​หญิง​ ​ข้า​อยู่​ที่นี่​ขอรับ​!​”​ ​ประโยค​ยาว​ๆ​ ​แต่​สอง​สาม​คำ​สุดท้าย​กลับ​กระท่อนกระแท่น​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ฟัง​เข้าใจ

​เขา​ยิ้ม​แล้ว​หอม​แก้ม​จิ​่น​เกอ​ ​พลัน​นึกถึง​งานเลี้ยง​วันเกิด​ที่​ยิ่งใหญ่​ของ​เซิน​เกอ​ ​เขา​คิด​ว่าวัน​เกิด​ของ​บุตรชาย​ของ​ตัวเอง​ทาน​แค่​บะหมี่​อายุ​ยืน​นั้น​ไม่​ค่อย​ยุติธรรม​กับ​เขา​สัก​เท่าไร​ ​จึง​รู้สึก​ไม่​ค่อย​สบายใจ​

​สอง​สาม​วัน​ต่อมา​ ​ไม่รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไปหา​สุนัข​ตัว​ใหญ่​ตัวเล็ก​สอง​สาม​ตัว​มาจาก​ไหน​ ​เขา​นำมา​ให้​จิ​่น​เกอ​เล่น

​จิ​่น​เกอ​ตื่นเต้น​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ลูก​หนัง​ก็​ไม่​เตะ​แล้ว​ ​ลืมตา​ขึ้น​มาก​็​บอกว่า​จะ​ไปหา​สุนัข

​สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​สุนัข​จะ​ไม่​สะอาด​ ​นาง​จึง​เรียก​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​มาช​่ว​ยสุย​เฟิง​ ​ช่วย​อาบน้ำ​ให้​สุนัข​สอง​สาม​ตัว​นั้น

​จิ​่น​เกอ​เห็น​เช่นนี้​ก็​นึก​สนุก​ ​เขา​เดินตาม​สุย​เฟิง​ไปดู​สุนัข​อาบน้ำ​ทุกวัน​

​ไท่ฮู​หยิน​รู้​เช่นนี้​ก็​บอก​ให้​นำ​สุนัข​พวก​นั้น​ออก​ไป​ทันที

​“​…​หาก​มี​เห็บ​จะ​ทำ​เช่นไร​”​ ​นาง​เกลี้ยกล่อม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ประเดี๋ยว​ท่าน​ย่า​จะ​มอบ​แมว​ให้​เจ้าตัว​หนึ่ง​…​ไม่ใช่​ ​มอบ​แมว​ให้​เจ้า​คู่​หนึ่ง​ ​ขน​สีขาว​มีด​วง​ตาสี​เขียว​ ​สวยงาม​เป็นอย่างมาก​ ​ดี​หรือไม่​”

​จิ​่น​เกอ​ส่ายหน้า​ ​“​ลูก​สุนัข​ของ​ข้า​ขอรับ​!​”

​ไท่ฮู​หยิน​เป็นกังวล​ ​นาง​เรียก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​ตำหนิ​ ​“​หาก​มัน​กัด​เขา​เข้า​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​รัก​ลูก​ ​ก็​ต้อง​มี​ขีดจำกัด​ ​จะ​ทำ​เหมือน​เจ้า​ได้​เช่นไร​ ​รีบ​หาวิ​ธี​นำ​สุนัข​พวก​นั้น​ออก​ไป​ประเดี๋ยวนี้​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ก็​คิด​ว่า​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​เกินไป​ ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​สมัยโบราณ​ไม่มี​วัคซีน​ ​แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​สุนัข​พวก​นี้​มาจาก​ไหน​ ​จิ​่น​เกอ​ชอบ​เล่น​กับ​พวก​มัน​ ​หาก​ไป​จับ​โดน​อะไร​เข้า​ทำให้​มัน​โกรธ​คงจะ​ไม่ดี​ ​นาง​จึง​ยืน​เงียบ​อยู่​ข้าง​ไท่ฮู​หยิน​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เลย​บอก​ให้​สุย​เฟิง​นำ​สุนัข​ไป​ไว้​ที่​ไร่

​เมื่อ​จิ​่น​เกอ​ไม่เห็น​สุนัช​ ​เขา​ก็​ร้องไห้​อยู่​ตั้ง​นาน​ ​ร้องไห้​จน​เสียง​แหบ​เสียง​แห้ง​ ​ใคร​ปลอบใจ​ก็​ไม่​ฟัง​

​ไท่ฮู​หยิน​โทษ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อีกครั้ง​ ​“​จะ​รีบร้อน​แบบนี้​ได้​อย่างไร​ ​บอก​ให้​นำ​ออก​ไป​ก็​นำ​ออก​ไป​ทันที​”​ ​จากนั้น​ก็​บอก​ให้​ป้า​ของ​ตู้​ไป​จับ​แมว​ที่​จวน​หย่ง​ชัง​โหว​มาส​อง​ตัว​ ​“​…​พึ่ง​จะ​คลอด​สี่​ตัว​ ​วันนั้น​นาง​ถาม​ข้าว​่า​อยากได้​หรือไม่​ ​ข้า​บอกว่า​มัน​ขน​ร่วง​จึง​ไม่​อยากได้​”

เช่นนี้​คือ​การ​ดื่ม​สุรา​พิษ​ดับ​กระหาย[1]?

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​เอ่ยปาก​ห้ามปราม​ไท่ฮู​หยิน​เอาไว้​ ​“​ท่าน​แม่เจ้า​คะ​ ​ในเมื่อ​แมว​ขน​ร่วง​ ​ไม่​เลี้ยง​ก็ได้​กระมัง​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​แค่​เห็น​ว่า​สุนัข​พวก​นั้น​สนุก​ ​ถึง​ไม่ยอม​ให้​นำ​พวก​มัน​ออก​ไป​ ​เด็กน้อย​ลืม​อะไร​ง่าย​ ​ข้า​คิด​ว่า​ ​อีก​สอง​สาม​วัน​มี​ของเล่น​ใหม่​ๆ​ ​มา​ ​ประเดี๋ยว​เขา​ก็​ลืม​เอง​เจ้าค่ะ​”

​“​ถึงอย่างไร​ก็​จะ​ปล่อย​ให้​เขา​ร้องไห้​เช่นนี้​ต่อไป​ไม่ได้​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ยอม​ฟัง​ ​นาง​บอก​ให้​ป้า​ตู้​ไป​จับ​แมว

​ป้า​ตู้​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​เหนื่อยใจ​ ​จากนั้น​ก็​ขานรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ ​จับ​แมว​สายพันธุ์​ปอ​ซือ​[2]​ตาสี​ฟ้า​สอง​ตัว​ที่พึ่ง​จะ​ครบ​เดือน​กลับมา​ ​จิ​่น​เกอ​เห็น​แล้วก็​ยืน​สะอื้น​พลาง​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​สุนัข​ของ​ข้า​ ​สุนัข​ของ​ข้า​…​”

​ไท่ฮู​หยิน​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​หลาน​รัก​ของ​ย่า​…​”​ ​นาง​สงสาร​เขา​ ​จากนั้น​จึง​บอก​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ยัง​ไม่​ไป​บอก​ให้​บ่าว​รับใช้​ที่​ชื่อ​สุย​เฟิง​ตาม​สุนัข​พวก​นั้น​กลับมา​อีก​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​ ​จากนั้น​ก็​บอก​ให้​คน​ไป​ตาม​สุนัข​พวก​นั้น​กลับมา

​ที่​จวน​จึง​มี​แมว​เพิ่ม​มา​อีก​สอง​ตัว​

​สือ​อี​เหนียง​ยกมือ​ก่าย​หน้าผาก​แล้ว​พูด​กับ​จู๋​เซียง​ ​“​ดูเหมือนว่า​คง​ต้อง​รอ​ให้​จิ​่น​เกอ​โตก​ว่านี​้​อีก​สักหน่อย​ ​รู้ความ​แล้ว​ ​ค่อย​คิด​หาวิ​ธี​แก้​นิสัย​ที่​ไม่ดี​ของ​เขา​!​”

​จู๋​เซียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​เป็น​เด็ก​ร่าเริง​ ​ไท่ฮู​หยิน​และ​ท่าน​โหว​โปรดปราน​เขา​ ​มัน​คือ​วาสนา​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้าค่ะ​ ​แต่​กลัว​แค่​ว่า​จะ​มี​คน​อิจฉา​ ​พา​คุณชาย​น้อย​หก​ทำ​อะไร​ไม่ดี​ ฮู​หยิน​จะ​ใจอ่อน​ไม่ได้​ ​ต้อง​ดูแล​คุณชาย​น้อย​หก​ให้​ดีนะ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​พูดเป็นนัย​

​สือ​อี​เหนียง​เลิก​คิ้ว

​จู๋​เซียง​รีบ​พูด​ ​“​บ่าว​ก็​แค่​เป็นห่วง​เท่านั้น​ ​ไม่ได้​ยิน​ข่าวลือ​อะไร​เจ้าค่ะ​!​”

​“​ไม่​แปลกที่​เจ้า​จะ​เป็นห่วง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ต่อไป​หาก​คุณชาย​น้อย​หก​ทำ​อะไร​ผิด​ ​เจ้า​ต้อง​รายงาน​ให้​ข้า​รู้ทัน​ที​”

​จู๋​เซียง​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”

​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​ ​เฉียนฮู​หยิน​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​มา​เจ้าค่ะ​!​”

เฉียนฮู​หยิน​?​ ​อู่​เหนียง​?

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​ ​นาง​รีบ​บอก​ให้​สาวใช้​เชิญ​นาง​เข้ามา

​อู่​เหนียง​สวม​เสื้อ​สีแดง​สดใส​ ​นาง​ผอม​ลง​ไป​ตั้ง​สิบ​จิน​ ​ทำให้​นาง​ดู​สีหน้า​ซีดเซียว​ ​ตอนแรก​ที่​สือ​อี​เหนียง​เห็น​อู่​เหนียง​ก็​เกือบจะ​จำ​แทบ​ไม่ได้​

​เมื่อ​นาง​เดิน​เข้ามา​สือ​อี​เหนียง​ก็​บอก​ให้​สาวใช้​ยก​ชาร้อน​เข้ามา​ให้​นาง​ ​“​สอง​สาม​วันนี้​ทาน​อะไร​ก็​อาเจียน​ ​ไม่​เหมือน​ตอนที่​ตั้งครรภ์​ซิน​เกอ​ ​ข้า​สงสัย​ว่า​ครั้งนี้​น่าจะเป็น​เด็กผู้หญิง​กระมัง​”

​อู่​เหนียง​จิบ​ชา​แล้ว​ถอนหายใจ

​รู้​ข่าว​กะทันหัน​เช่นนี้

​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​ความตกใจ​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​ ​ท่าน​ท้อง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ราวกับ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​นาง​รีบ​พูด​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​กลับมา​คนเดียว​หรือ​กลับมา​กับ​พี่เขย​ห้า​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​ส่ง​คน​มาบ​อก​ข้า​ก่อน​เล่า​”

​อู่​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พี่เขย​ห้า​ของ​เจ้า​ยังอยู่​ที่​เหวิน​เติง​”​ ​พูด​จบ​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​มืดมน​ลง​ ​“​ที่นั่น​ค่อนข้าง​ลำบาก​ ​เจ้า​ดู​สารรูป​ของ​ข้า​ตอนนี้​สิ​…​พี่เขย​ห้า​ของ​เจ้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​บอก​ให้​ข้า​กลับมา​ดูแล​ครรภ์​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​ข้า​จึง​พาซิน​เกอ​กลับมา​ก่อน​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​แล้วก็​รู้สึก​โล่งใจ

ตน​คิด​ว่า​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้นกับ​เฉียน​หมิง​เสียอีก​!

​“​กลับมา​ก็ดี​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จะ​แต่งงาน​เดือน​สิบ​ ​พี่​หญิง​พาซิน​เกอ​มาร​่ว​มงาน​เถิด​”

​“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้​เหมือนกัน​”​ ​อู่​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อไป​ ​“​เยี​่​ยน​จิง​อุดมสมบูรณ์​ ​เฉียน​เอ้อร​์​ไฉ​สอง​สามีภรรยา​ก็​เป็น​คนซื่อ​สัตย์​ ​แล้วยัง​มี​เจ้า​คอย​ช่วยเหลือ​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีจั​๋ว​เถา​อยู่​ด้วย​ ​ไม่ต้อง​กังวล​ว่า​จะ​ไม่มีใคร​ดูแล​ซิน​เกอ​…​”

​พวก​นาง​สอง​คนพูด​คุย​กัน​อยู่นาน​ ​อู่​เหนียง​อยู่​ทานข้าว​เย็น​ที่​จวน​สกุล​สวี​แล้ว​กลับ​ไป​

​*****

​อากาศ​เริ่ม​เย็น​ลง​เรื่อยๆ​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​กลับมา​จาก​เล่อ​อาน​ ​ทุกคน​เริ่ม​เตรียมการ​งานแต่งงาน​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เป็น​พี่ใหญ่​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​ต้อง​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ ​แต่ว่า​ญาติ​ผู้หญิง​ที่จะ​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ไม่รู้​ว่า​จะ​เลือก​ใคร​ดี

ฮู​หยิน​ห้า​จึง​แนะนำ​ว่า​ ​“​หรือว่า​ ​ให้​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ดี​หรือไม่​ ​เช่นนี้​ฉิน​เกอ​ก็​จะ​ได้​ไป​ด้วย​ ​ส่วน​อวี​้​เกอ​เอง​ก็​จะ​ได้​มี​เพื่อนร่วมทาง​ ​เจอ​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​มี​คน​ช่วย​คิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่านี​่​คือ​ความคิด​ที่​ดี​ ​รีบ​เอ่ยปาก​อย่าง​เห็นด้วย​ ​“​ข้า​ก็​คิด​ว่า​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​เหมาะสม​ที่สุด​ ​ไม่เพียงแต่​เป็น​คน​มี​วาสนา​ ​แล้วยัง​เป็น​คน​ใจกว้าง​และ​เด็ดขาด​ ​ถึงแม้ว่า​สกุล​เซ่า​จะ​เป็น​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​แต่​นาง​ก็​ไม่ใช่​คนขี้ขลาด​ตาขาว​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​ ​บอก​ให้​คน​ไป​เรียก​คุณชาย​สาม​มา​ ​“​…​บอก​ให้​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ไป​ช่วย​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ปู​เตียง​!​”

​คุณชาย​สาม​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​มีท​่า​ที​เหมือน​ยกภูเขาออกจากอก​ ​รีบ​พูด​ขึ้น​ ​“​ท่าน​แม่​ให้โอกาส​นาง​ ​นับเป็น​วาสนา​ของ​นาง​ ​ข้า​จะ​ไป​บอก​ฉิน​เกอ​ประเดี๋ยวนี้​ ​ให้​ฉิน​เกอ​ไป​ซัง​โจว​กับ​นาง​ขอรับ​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​ด้วย​ความพอใจ​ ​คุณชาย​สาม​พูดคุย​กับ​นาง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ขันที​ใน​พระราชวัง​ก็​มา​ไถ่ถาม​ถึง​สถานการณ์​เรื่อง​แต่งงาน​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตามคำสั่ง​ของ​ฮองเฮา​ ​เขา​จึง​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา​แล้วไป​หา​สวี​ลิ่ง​อี๋​

​“​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่ใช่​คน​ไม่รู้​ความ​”​ ​สอง​พี่น้อง​ดื่ม​ชา​พูดคุย​กัน​นอก​ห้อง​หนังสือ​ ​“​เหมือนกับ​ครั้งก่อน​ที่​เจี่ยน​เกอ​แต่งงาน​ ​ข้า​พูด​กับ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ด้วย​เหตุผล​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ก็​ไม่ได้​ว่า​อะไร​ ​สุดท้าย​น้อง​สะใภ้​สี่​ก็​นำ​เงิน​ของขวัญ​คืนให้​พี่สะใภ้​สาม​ทั้งหมด​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ปฏิเสธ​อยู่​ตั้ง​นาน​กว่า​จะ​ยอมรับ​มัน​มา​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​สีหน้า​ที่​อม​ทุกข์​ของ​คุณชาย​สาม​ ​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​หรือ​ขอรับ​”

​คุณชาย​สาม​พยักหน้า​ ​“​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่ใช่​คนเลว​ ​เพียงแค่​ว่านาง​เป็น​คน​ใจร้อน​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ก็​เป็น​บุตรสาว​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​เรื่อง​อัน​ใด​ก็​จัดการ​อย่างเป็นระเบียบ​ ​แต่​บางครั้ง​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ไม่พอใจ​ ​มี​อะไร​ก็​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ ​พลอย​ทำให้​บรรดา​สาวใช้​พวก​นั้น​เข้าใจ​เจตนา​ของ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​ผิด​ ​จึง​ไม่​เคารพ​ยำเกรง​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ ​บางครั้ง​ข้า​เห็น​เช่นนี้​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ตำหนิ​ ​คน​พวก​นั้น​ถึง​ได้​เกรงกลัว​ ​เช่นนี้​ ​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​จึง​คิด​ว่า​ข้า​เข้าไป​ยุ่ง​มากเกินไป​…​ตอนนี้​ ​ภรรยา​ของ​ฉิน​เกอ​ต้อง​ไป​ส่ง​เจ้าสาว​ออกเรือน​ ​ที่​เรือน​จะ​ได้​สงบสุข​สัก​สอง​สาม​วัน​!​”

[1]​ดื่ม​สุรา​พิษ​ดับ​กระหาย ​ ​คือ​หวัง​แต่​จะ​แก้ปัญหา​ความลำบาก​เฉพาะหน้า​ ​โดย​ไม่สน​ใจ​ผลร้าย​แรง​ที่จะ​ตามมา

[2]​แมว​สายพันธุ์​ปอ​ซือ ​หรือ​ ​แมว​สายพันธุ์​เปอร์เซีย

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท