“ฝ่าบาท คนของกระหม่อมเห็นชุดสีทองอยู่ในตำหนักจิ่วฉงจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมไม่เข้าใจว่าห่อผ้านั้นถูกสับเปลี่ยนเป็นเนื้อแดดเดียวพวกนี้ได้อย่างไร กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” มาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้อาวุโสอู่ย่อมรู้ว่าเขาไม่มีทางให้ถอยกลับได้ ดังนั้นเขาจึงคิดจะโยนความผิดให้กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”ฝ่าบาท! ข้างนอกนั่นยังมีทหารสู้กันอยู่ แต่ในสถานการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ องค์ชายสามกลับยังอยู่ในท้องพระโรง และดูเหมือนไม่มีความตั้งใจแม้แต่น้อยที่จะหยุดยั้งการก่อกบฏในครั้งนี้! หลักฐานที่กระหม่อมหามาด้วยความยากลำบากก็ถูกอีกฝ่ายจงใจสับเปลี่ยนให้กลายเป็นแค่ขนมทานเล่น! ฝ่าบาท ท่านย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้ เพราะเรื่องทุกอย่างอยู่ต่อหน้าสายตาของท่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
มือข้างซ้ายของฮ่องเต้กุมที่เท้าแขนของบัลลังก์มังกรแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไร ความเคลือบแคลงใจที่อยู่ในดวงตาของเขายามมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่ได้ลดน้อยลงเช่นกัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยช้าๆ ว่า ”ผู้อาวุโสอู่ ฝีมือในการโยนความผิดให้คนอื่นของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เจ้าอ้างว่าคนของเจ้าเห็นชุดสีทองอยู่ในตำหนักจิ่วฉง แต่ผู้อาวุโสอู่ ข้าต้องเตือนให้เจ้านึกออกหรือว่าจวนผู้อาวุโสตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของวังหลวง แต่ตำหนักจิ่วฉงนั้นตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง คนของท่านมองทะลุผ่านห้องและตำหนักตั้งมากมายในวังหลวงจนสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ในตำหนักจิ่วฉงได้อย่างไรหรือ”
หลังจากได้ยินที่เขาพูด ฝูงชนก็หันหน้าไปมองผู้อาวุโสอู่
“กระหม่อม…” ผู้อาวุโสอู่หน้าซีด และพยายามที่จะปกป้องตัวเอง
น้ำเสียงอันเย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขัดจังหวะเขาขึ้นอีกครั้ง ”เจ้าส่งคนของตัวเองลอบเข้ามาในห้องขององค์ชายเช่นข้าหรือ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงส่งคนของเจ้ามาอยู่ข้างข้า ผู้อาวุโสอู่! อย่าลืมว่าที่นี่คือที่ไหน! ที่นี่คือวังหลวง! ผู้อาวุโสอู่ ท่านเคยเคารพเกียรติของราชวงศ์และกฎหมายบ้านเมืองบ้างหรือเปล่า เจ้ากล้าดีถึงกับเที่ยวส่งคนของตัวเองไปอยู่ข้างคนอื่นตามอำเภอใจได้เชียวหรือ เช่นนั้นแล้วฮ่องเต้กับอดีตฮ่องเต้ล่ะ เจ้าส่งคนของตัวเองไปอยู่กับพวกเขาเหมือนกันหรือเปล่า”
ฮ่องเต้หรี่ตาลงมองผู้อาวุโสอู่ พร้อมกับแผ่บรรยากาศไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสอู่เอ่ยออกมาเสียงดังว่า ”ที่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ! กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! กระหม่อมเป็นผู้อาวุโสมาถึงสามสมัย กระหม่อมย่อมรู้ว่าสิ่งใดที่ควรหรือไม่ควรทำ ส่วนเรื่องที่มีคนเห็นชุดสีทองที่ตำหนักจิ่วฉงนั้น กระหม่อมก็เพียงแค่ได้ยินมาด้วยความบังเอิญพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาที่จะสอดรู้สอดเห็นแต่อย่างใด! ต่อให้มีคนมอบความกล้าให้ กระหม่อมก็ไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงกับเรื่องในราชวงศ์หรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่ในเมื่อองค์ชายสามให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นข่าวที่ได้มาย่อมเป็นความจริงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
“อาเจวี๋ย ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” ฮ่องเต้เดินเข้าไปแล้วมองห่อผ้าสีดำนั้น จากนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า ”บอกข้ามา เดิมทีแล้วในห่อนี้มีอะไรอยู่”
ใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเย็นชาราวกับน้ำแข็งตอนที่เขาเลิกคิ้วขึ้น ”เสด็จพ่อ แทนที่จะถามนอกประเด็นเช่นนี้ ทำไมไม่ถามผู้อาวุโสอู่ว่าบทลงโทษสำหรับการกล่าวหาว่าองค์ชายเป็นกบฏคืออะไร และเขาสมควรจะได้รับโทษในความผิดของตนเองอย่างไร”
“องค์ชายสาม!” ผู้อาวุโสอู่ขึ้นเสียง เขาดูโมโหเป็นอย่างยิ่ง ”ฝ่าบาทใจกว้างถึงขนาดยอมมอบโอกาสให้ท่านอีกครั้งเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ แต่ทำไมท่านกลับไม่ถนอมมันเอาไว้ให้ดี กระหม่อมมีเหตุผลอะไรที่จะต้องใส่ความท่านหรือ กระหม่อมเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น! ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมท่านถึงไม่ส่งกองกำลังออกไปต่อสู้กับพวกกบฏที่อยู่นอกวังล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น สายตาสุขุมเยือกเย็นของเขาจับจ้องอยู่ที่ผู้อาวุโสอู่ ก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความสง่างาม แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาอันไร้ที่สิ้นสุด ”ใครบอกว่าข้าไม่ได้ทำอะไรกับกบฏเหล่านั้นหรือ”
เขาหมายความว่าอย่างไร
ผู้อาวุโสอู่ตกใจจนตัวแข็ง หัวใจของเขาดิ่งวูบ จากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็เริ่มที่จะอ่อนแรง
ไม่มีทาง!
มันเป็นไปไม่ได้!
เขาอยู่ที่นี่ อยู่ที่ตำหนักเจาหยางมาตลอด เขาจะเรียกกำลังเสริมไปช่วยคนพวกนั้นได้อย่างไร
แต่… ทำไมเขาถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีถึงเพียงนี้
ทันทีที่ผู้อาวุโสอู่กะพริบตา ก็มีเสียงดังปังดังขึ้นจากด้านนอก!
เสียงนั้นฟังดูเหมือนเสียงระเบิดก็ไม่ปาน!
แม้พวกเขาจะอยู่ในท้องพระโรง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเปลวไฟและกลุ่มควันที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน!
ผู้อาวุโสอู่หันกลับไปมองในทันที แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกมา เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
ระเบิดลูกที่สองดังก้องไปทั่วฟ้า!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันนั้นพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แสงที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาคมกริบราวกับเพชรที่แตกละเอียด มันคมมากเสียจนสามารถแทงเข้าไปในหัวใจของคนที่เห็นได้เลยทีเดียว!
“ทูลฝ่าบาท!” หัวหน้าของกองกำลังรักษาพระองค์ที่อยู่นอกท้องพระโรงรีบวิ่งเข้ามา และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมทั้งแสดงความเคารพอีกฝ่ายด้วยการชนกำปั้นเข้ากับฝ่ามือ ”ฝ่าบาท กำลังเสริมมาด้านนอกของท้องพระโรงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาล้อมกลุ่มกบฏพวกนั้นเอาไว้และต้อนพวกเขาจนจนมุมแล้ว พวกเขาจะถูกกำจัดจนสิ้นซากเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มีกองกำลังเสริมมาจริงๆ หรือ?!
ผู้อาวุโสอู่ตาโต ร่างของเขาสั่นระริก ริมฝีปากของเขาซีดราวกับกระดาษขาว
ไม่ได้การ เขาจะตื่นตระหนกไม่ได้เด็ดขาด!
อีกอย่าง มันก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องตื่นตระหนกด้วย!
ในเมื่อองค์ชายสามส่งกำลังเสริมไปช่วยคนพวกนั้นแล้ว เช่นนั้นเขาคงต้องใช้แผนสอง!
แม้มันจะไม่ราบรื่นเท่ากับแผนการแรก แต่มันก็ยังเป็นจุดจบของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ดี!
กบฏเหล่านั้นถูกปราบจนราบคาบ
ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขาก็รู้สึกไม่พอใจในเวลาเดียวกัน เขาเลิกคิ้วและถามว่า ”กำลังเสริมพวกนั้นมาจากไหนหรือ”
“เอ่อ… ทูลฝ่าบาท กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ลังเล เขามองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่อยู่ข้างเขา ก่อนจะเอ่ยว่า ”แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาจะมาที่นี่เพราะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ”เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าดูเหมือนพวกเขาจะมาที่นี่เพราะองค์ชายสาม เจ้าไม่เห็นหรือว่าธงที่กองกำลังเสริมนั้นถืออยู่เป็นธงของใคร”
“กระ… กระหม่อม…” หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ไม่รู้ว่าเขาควรจะบอกกับฮ่องเต้อย่างไร กำลังเสริมที่มาช่วยนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วและจัดการทุกอย่างได้อย่างหมดจดงดงามราวกับสายลม ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดก็มีการต่อสู้เกิดขึ้นเสมอ พวกเขามีจำนวนไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนแต่ถืออาวุธหน้าตาประหลาด อาวุธชิ้นเดียวสามารถเทียบกับทหารรักษาพระองค์สิบสองคนได้เลยทีเดียว และที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาไม่มีธงทัพ ดังนั้นกองกำลังรักษาพระองค์ของเขาจึงไม่รู้ว่ากำลังเสริมพวกนั้นมาจากไหน
ผู้อาวุโสอู่รีบอาศัยจังหวะนี้เอ่ยขึ้นว่า ”ฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าหัวหน้าจางอาจจะให้คำตอบกับท่านไม่ได้ แต่กองกำลังเดียวที่อยู่ใกล้กับวังหลวงที่สุดก็คือกองกำลังทหารรักษาการณ์ที่ขึ้นตรงกับท่าน แต่หัวหน้าจางกลับบอกว่ากำลังเสริมนั้นปรากฏตัวขึ้นเพราะองค์ชายสาม เอ่อ… กระหม่อมก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่ล่ะพ่ะย่ะค่ะว่าองค์ชายที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์มีอำนาจสั่งการทหารรักษาการณ์เหล่านั้นด้วย ยิ่งกระหม่อมคิดเรื่องขององค์ชายสามมากเพียงใด กระหม่อมก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นเท่านั้น เขาสามารถบงการได้แม้กระทั่งทหารรักษาการณ์เชียวนะพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทย่อมมองสถานการณ์ในเวลานี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วแม้จะไม่มีคำพูดของข้า ควรต้องกล่าวว่าองค์ชายสามเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาเพื่อปกป้องตัวเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสอู่หันกลับไปสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”องค์ชายสาม ท่านสั่งทหารรักษาการณ์ตามใจตัวเองได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านมิควรอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือ”
ในที่สุดหนานกงเลี่ยก็เข้าใจแผนการของผู้อาวุโสอู่ ไม่ว่าอาเจวี๋ยจะส่งกำลังเสริมมาหรือไม่ แต่ผู้อาวุโสแซ่อู่ผู้นี้ก็เตรียมคำพูดสำหรับการก่อกบฏครั้งนี้เอาไว้แล้ว!
เพราะทหารรักษาการณ์เป็นกองกำลังที่รับคำสั่งจากฮ่องเต้เพียงผู้เดียว
แม้จะเป็นอดีตฮ่องเต้ก็ไม่สามารถสั่งการได้ นับประสาอะไรกับองค์ชายที่มีฐานะไม่ชัดเจนเช่นเขา
หากองค์ชายเป็นผู้ออกคำสั่งกับบรรดาทหารรักษาการณ์เหล่านี้จริงๆ เขาก็จบสิ้นแล้ว!