บทที่ 555 โมโหแทบบ้า ท่านบอกว่านี่คือหินโกลาหลหรือ?
บรรดาผู้นำมหาตระกูลทั้งหลายมากันพร้อมหน้า ไม่มีทางปฏิเสธได้ ผู้นำตระกูลเซียวตระหนักถึงจุดนี้ดี ทว่า เขาเองก็ไม่ต้องการเสียเปรียบ คิดจะเก็บค่าเข้าชม
“เรื่องนั้นสมควรแล้ว”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
เหล่าผู้นำมหาตระกูลมิได้อิดออด มิได้มัววนกับปัญหานี้ หินโกลาหลมีความหมายใหญ่หลวง พวกเขารู้ว่าผู้นำตระกูลเซียวคงไม่ยอมให้พวกเขาเชยชมง่าย ๆ มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่มากันพร้อมหน้า
“ตรงไปตรงมายิ่ง!”
ผู้นำตระกูลเซียวหัวเราะร่วน ก่อนจะเอ่ยต่อ “วิชาต้นของตระกูลเยี่ยเลื่องชื่อมาแต่โบราณกาล เป็นสุดยอดวิชาในภพเซียน ข้าเลื่อมใสในวิชาต้นตระกูลเยี่ยมานาน ไม่รู้ว่าพอจะมีโอกาสได้ยลคัมภีร์โบราณวิชาต้นของตระกูลเยี่ยหรือไม่ วางใจเถิด ข้าขอยลตำราเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มิได้ต้องการอ่านครบทั้งหมด”
ผู้นำตระกูลเยี่ยหน้าตาโกรธเกรี้ยว คิดไม่ถึงว่าผู้นำตระกูลเซียวจะขอมากเยี่ยงนี้ ถึงกับขออ่านคัมภีร์โบราณวิชาต้นของพวกเขาตระกูลเยี่ย
วิชาต้นเป็นแก่นสำคัญของพวกเขาตระกูลเยี่ย เป็นรากฐานของตระกูล ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แม้กระทั่งในตระกูลเยี่ยของพวกเขาเอง ก็มิใช่ว่าสมาชิกทุกคนล้วนมีสิทธิ์บำเพ็ญ จำต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ฝึกฝน
ทว่าผู้นำตระกูลเซียวมิได้ขอมากจนเกินไป นับว่าหลักแหลมอยู่ที่ยังไว้หน้า เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่าขออ่านคัมภีร์เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
หากคิดจะอ่านคัมภีร์โบราณวิชาต้นให้ครบทุกบทจริง เขาไม่มีทางตอบตกลง ทว่า หากต้องการอ่านคัมภีร์โบราณวิชาต้นเพียงส่วนหนึ่ง เขาพอเก็บไปพิจารณาได้
ท้ายที่สุด เขาพยักหน้าตกลง พร้อมเอ่ย “ได้”
คัมภีร์โบราณวิชาต้นบางส่วนแลกกับโอกาสเข้าชมหินโกลาหล ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า ไม่นับว่าเสียเปรียบ
จากนั้นเขาเรียกกระดาษทองออกมาแผ่นหนึ่ง สลักคัมภีร์โบราณวิชาต้นลงไปบางส่วน แล้วยื่นให้ผู้นำตระกูลเซียว
หลังผู้นำตระกูลเซียวได้อ่าน กระดาษทองแผ่นนั้นก็ลุกไหม้ด้วยตัวเอง กลายเป็นธุลี อันตรธานหายไป
“จักรพรรดิเซียนเยี่ยเก่งกาจยิ่งนัก วิชาแก่นที่คิดค้นนั้นน่านับถือเหลือคณา”
ผู้นำตระกูลเซียวอุทานด้วยความสะท้อนใจ
วิชาต้นของตระกูลเยี่ยน่าทึ่งเป็นหนักหนา สะกดได้ทั้งผืนฟ้าแผ่นดิน เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งได้ทั้งปวง ซ้ำยังบิดเบือนโลกา รวบรวมพลังมหาศาลทั้งหลายมาเป็นกำลังของตน เรียกได้ว่าเป็นวิชาไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
ผู้นำตระกูลอื่นมิได้เอ่ยวาจา พวกเขารอข้อเรียกร้องจากผู้นำตระกูลเซียวอยู่ เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ ผู้นำตระกูลเซียวคิดจะโขกสับพวกเขาอย่างหนัก
กระนั้นพวกเขาก็ไร้หนทางอื่น ได้แต่ยอมรับชะตากรรม ผู้ใดใช้ให้ตระกูลเซียวแย่งชิงหินโกลาหลไปได้เล่า มิหนำซ้ำ หินโกลาหลยังวิเศษสูงส่งถึงเพียงนั้น พวกเขาต่างอยากพินิจพิเคราะห์ให้ละเอียด
ตามคาด หลังจากนั้น ผู้นำตระกูลเซียวมีข้อเรียกร้องต่อพวกเขาทีละคน ล้วนเป็นข้อเรียกร้องยิ่งใหญ่สูงค่า ต่อให้พวกเขามีรากฐานลึกล้ำมั่นคง ก็ยังรู้สึกปวดใจไม่น้อย
“ข้าเฝ้าฝันถึงตาน้ำวิจิตรปรัมปราของตระกูลหลินมาโดยตลอด อยากลองลิ้มรสสักอึก ไม่รู้ว่าพี่หลินพอจะช่วยให้ข้าสมหวังได้หรือไม่”
“ตระกูลกู่มีกายเนื้อไร้เทียมทาน เป็นถึงสายเลือดอันดับหนึ่งในภพเซียน ไม่รู้ว่าพอจะยกโลหิตให้ข้าสักหยดได้หรือไม่”
“สหายชิงเหลียนร่ายรำได้งดงามเป็นหนึ่งในใต้หล้า อนิจจา ท่านไม่ยอมรำอีก ไม่รู้ว่าวันนี้ ข้าจะมีวาสนาได้เชยชมการร่ายรำของสหายชิงเหลียนสักบทเพลงหรือไม่”
…
ผู้นำตระกูลเซียวเอ่ยบอกข้อเรียกร้องต่อทุกคน เขาหลักแหลมยิ่ง แม้ว่าเรียกร้องในสิ่งที่ละลาบละล้วง กระนั้นยังไม่ถึงขั้นรับปากมิได้
ลงท้าย บรรดาผู้นำตระกูลต่างทำตามความต้องการของผู้นำตระกูลเซียว
“พี่เซียวใช้ได้นี่ พวกเราเองก็อยากเชยชมท่วงท่าร่ายรำของสหายชิงเหลียนเช่นกัน ท่านกลับปิดประตูดูอยู่คนเดียว ไม่ยอมให้พวกเราร่วมด้วย!”
ผู้นำตระกูลท่านหนึ่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อคราวผู้นำตระกูลเซียวเอ่ยขอให้สหายชิงเหลียนร่ายรำ พวกเขาทุกคนล้วนตื่นเต้นกันอย่างมาก นึกอยากร่วมชมด้วยกัน
ทว่า ผู้นำตระกูลเซียวกลับพาสหายชิงเหลียนไปยังมุมหนึ่ง ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ดูชม
“ฮ่า ๆ”
ผู้นำตระกูลเซียวหัวเราะ “หากทุกท่านอยากดู เจรจากับสหายชิงเหลียนด้วยตัวเองได้ตามสบาย ข้าอุตส่าห์มีโอกาสนี้แล้ว ย่อมต้องเก็บไว้ชื่นชมตามลำพัง!”
เขาดื่มน้ำจากตาน้ำวิจิตรปรัมปรา เชยชมการร่ายรำของผู้นำตระกูลชิงเหลียน เกษมสำราญยิ่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เขาเคยอยากทำที่สุด
“อย่ามัวพูดมากอยู่ รีบพาพวกเราไปดูหินโกลาหลได้แล้ว!”
ผู้นำตระกูลชิงเหลียนมีสีหน้าเย็นยะเยือก น้ำเสียงฉายชัดถึงความเย็นชา วันนี้นางถูกบีบบังคับให้ร่ายรำ สร้างความโมโหให้นางอย่างยิ่ง หากมิใช่เพื่อหินโกลาหล นางไม่มีทางยอม!
“รีบไปเถิด!”
“อย่ามัวนอกเรื่อง!”
ผู้นำตระกูลท่านอื่นเร่งเร้าเช่นกัน พวกเขาจ่ายไปสมราคาแล้ว ไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้แม้แต่น้อย พวกเขาอยากไปชมหินโกลาหลเดี๋ยวนี้
สรรพสิ่งล้วนถือกำเนิดขึ้นจากโกลาหล หินโกลาหลย่อมน่าทึ่งสะท้านโลกันตร์อย่างแน่นอน พวกเขาอยากพินิจพิเคราะห์หินโกลาหลให้ละเอียด ดูว่ามีประโยชน์ให้เก็บเกี่ยวบ้างหรือไม่
“ได้ ๆๆ ข้าจะพาทุกท่านไปเดี๋ยวนี้”
ผู้นำตระกูลเซียวคลี่ยิ้มพึงใจ จบเรื่องนี้แล้ว เขามิได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย หรืออาจพูดได้ว่ากำไรล้นหลามด้วยซ้ำ
พลังโกลาหลนั้นสูงส่งเกินไป ไฉนเลยจะรู้แจ้งได้ง่ายเยี่ยงนั้น
ตั้งแต่เขามีหินโกลาหลในครอบครอง จวบจนบัดนี้เขายังไม่อาจรู้แจ้งถึงสิ่งใด
จากนั้น เขานำทางเหล่าผู้นำตระกูลมุ่งหน้าไปยังสถานที่กักเก็บหินโกลาหล
หินโกลาหลล้ำค่ายิ่งนัก เขาเก็บหินโกลาหลไว้ในส่วนลึกของตระกูลเซียว ที่นั่นมีบรรพจารย์โบราณแห่งตระกูลเซียวของพวกเขาหลับใหลอยู่ อีกทั้งยังมีผนึกสยดสยองมากมาย ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิด!
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงที่นั่น
ผู้นำตระกูลเซียวพาเหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายข้ามผ่านชั้นผนึกมากมาย จนกระทั่งถึงสถานที่ซึ่งกักเก็บหินโกลาหลไว้
ที่นี่เป็นตำหนักเก่าแก่แห่งหนึ่ง ปราศจากหลังคา ทว่าท้องฟ้าเหนือสถานที่แห่งนี้มีค่ายกลโบราณลึกล้ำเกินหยั่งกางไว้ หากมีผู้ใดบุกรุก แม้กระทั่งผู้นำมหาตระกูลเหล่านี้ก็ไม่อาจต้านไหว ต้องจบชีวิตลงภายใต้ค่ายกลโบราณนี้
และหินโกลาหลตั้งวางอยู่ตรงกึ่งกลางของตำหนักเก่าแก่
“ทุกท่านดูเอาเถิด เชยชมได้ตามสบาย ไม่ต้องเกรงแม้แต่น้อย”
ผู้นำตระกูลเซียวคลี่ยิ้ม ท่าทางใจกว้างเป็นอย่างมาก
ยังต้องให้ผู้นำตระกูลเซียวคอยบอกอีกหรือ
หลังมาอยู่ที่นี่ ผู้นำตระกูลทั้งหลายรีบก้าวเท้าไปยังหินโกลาหล พวกเขาจ่ายราคาไปสูงลิ่วกว่าจะได้มาที่นี่ แน่นอนว่าต้องพินิจให้ดี มิฉะนั้น ไม่คุ้มค่าราคาที่พวกเขาจ่ายไป!
ทว่าหลังพวกเขาได้มาอยู่ตรงหินโกลาหล ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในบัดดล ต่างคนต่างสบตากัน
“นี่คือหินโกลาหลหรือ”
ผู้นำตระกูลท่านหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงชอบกล
ผู้นำตระกูลเซียวยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา หัวเราะออกมาเบา ๆ พลางเอ่ย “เป็นอันใดไป น่าตื่นตะลึงเกินไปหรือ นี่ต้องเป็นหินโกลาหลอยู่แล้ว หินโกลาหลของแท้แน่นอน หินโกลาหลที่ก่อนนี้พวกเราแย่งชิงกันสุดชีวิตอย่างไร”
“จริงรึ?”
เหล่าผู้นำตระกูลมองหน้ากันอีกครั้ง จากนั้น ก็พิจารณา ‘หินโกลาหล’ ตรงหน้านี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
บางทีอาจเพราะ ‘หินโกลาหล’ ก้อนนี้วิเศษสูงส่งเกินไป ขอบเขตพลังของพวกเขายังสูงไม่พอ ถึงสัมผัสความมหัศจรรย์ของ ‘หินโกลาหล’ ก้อนนี้มิได้
ใช่แล้ว ตั้งแต่พวกเขามาอยู่เบื้องหน้า ‘หินโกลาหล’ ก็อึ้งกันไปนิดหน่อย พวกเขาไม่อาจจับสัมผัสถึงความวิเศษของ ‘หินโกลาหล’ ตรงหน้าก้อนนี้ได้เลย ‘หินโกลาหล’ ไม่เห็นแตกต่างจากก้อนหินธรรมดาสักนิด!
เพราะเหตุนี้ สีหน้าเมื่อครู่ของพวกเขาถึงได้แปลกประหลาดชอบกล
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็มีสีหน้าประหลาดยิ่งขึ้น
พินิจและจับสัมผัสมาหลายวิธีก็ยังไม่รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของ ‘หินโกลาหล’ ได้เลยแม้แต่จุดเดียว!
ผู้นำตระกูลท่านหนึ่งเอื้อมมือไปแตะ ‘หินโกลาหล’ ก่อนจะบีบนิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้าเคลือบแคลง
ผลปรากฏว่า จุดที่เขาบีบแหลกเป็นผุยผง!
“ท่านบอกว่านี่คือหินโกลาหลหรือ!?”
เขาหันกลับไปมองผู้นำตระกูลเซียวด้วยความกราดเกรี้ยว โมโหจนแทบบ้า สิ่งนี้จะเป็นหินโกลาหลได้อย่างไร
เห็นพวกเขาเป็นคนโง่หรือไรถึงตบตากันเช่นนี้!?