หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1374 เสียงขั้นสุดยอด

บทที่ 1374 เสียงขั้นสุดยอด
ภูเขายังเหมือนเดิม แต่ไม่ได้โล่งเช่นก่อน เห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อไม่ใช่คนเดียวที่กลับมายังภูเขาไฟในคืนนี้
รอบตัวเขาทยอยปรากฏร่างออกมาทีละร่าง บนภูเขาที่อยู่ไกลออกไปก็มองเห็นเงาร่างเลือนรางนับไม่ถ้วนกะพริบวาบผ่าน
แต่ถึงแม้จะมีคนมามากกว่าเมื่อวาน ทว่าผู้ฝึกตนของสำนักเหอเสียนส่วนใหญ่ล้วนปลีกวิเวก ไม่ค่อยพูดคุยกัน หลังจากปรากฏตัวแล้วก็จากไปทีละคนด้วยสีหน้าเฉยเมย
หวังเป่าเล่อก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน เขาเดินไปยังถ้ำของตัวเองและศึกษากฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของตนต่อ
ขณะที่หวังเป่าเล่อฝึกตนและรู้แจ้ง เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่าน พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
ในหนึ่งเดือนนี้หวังเป่าเล่อไม่ได้อยู่แต่ในถ้ำตลอดเวลา เขายังเดินไปรอบภูเขา แม้ผู้ฝึกตนสำนักเหอเสียนจะเฉยเมย แต่ด้วยกฎแห่งสุขของหวังเป่าเล่อเขาจึงได้ไปมาหาสู่กับถ้ำข้างๆ อยู่บ้าง
เพื่อนบ้านคนนี้มีนามว่าเฉินหลิง
ในกระบวนการฝึกกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเขาอยู่ในระดับกลางถึงล่างของสำนัก
จากที่ได้พูดคุยกับเฉินหลิง ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เข้าใจสำนักเหอเสียนในระดับที่เรียกว่าลึกซึ้งแล้ว เขารู้แล้วว่าในสำนักเหอเสียนมีบุตรสองคน
หนึ่งคือเยว่หลิงจื่อ อีกหนึ่งคือสือหลิงจื่อ
คนแรกนั้นหวังเป่าเล่อเคยชมการแสดงของเขาในเมืองปรารถนาเสียงมาแล้ว ส่วนคนหลังก็คือผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่เลือดไหลเต็มกายที่เขาเคยเห็นหลังจากเข้าร่วมสำนัก
ทั้งสองคนคือบุตรแห่งสวรรค์ของสำนักเหอเสียน พวกเขาฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงจนถึงระดับบทประพันธ์แห่งท่วงทำนองซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก และยังมีชื่อเสียงไปทั่วเมืองปรารถนาเสียงด้วย
เหนือพวกเขาขึ้นไปก็คือเจ้าสำนักเหอเสียน กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของเจ้าสำนักผู้นี้ถึงระดับเสียงมวลมหาธรรมชาติซึ่งเป็นระดับสุดยอดแล้ว เพียงแต่เขาถือสันโดษตลอดทั้งปีและไม่ค่อยปรากฏให้เห็น เรื่องทั่วไปในสำนักล้วนเป็นเยว่หลิงจื่อคอยจัดการ
ทั้งสำนักเหอเสียน สามคนนี้นับเป็นระดับสูง รองจากพวกเขาก็คือผู้อาวุโสชั้นสูงทั้งห้าซึ่งแต่ละคนล้วนมีบทเพลงที่สมบูรณ์แล้ว และทุกคนล้วนเป็นอำนาจส่วนหนึ่งของสำนักเหอเสียน
นักทำนองที่รองจากพวกเขาถือเป็นศิษย์สืบทอด มีจำนวนหลักร้อย ในขณะที่นักอักขระเสียงถือว่าเป็นเพียงศิษย์ระดับเริ่มต้นและมีจำนวนมากที่สุด มากกว่าเก้าในสิบส่วน
อย่างหวังเป่าเล่อกับเฉินหลิงต่างก็อยู่ระดับนี้ ส่วนนักพึมพำ…พบได้น้อยมากในสำนักเหอเสียน คนกลุ่มนี้มักจะเลื่อนขั้นเป็นนักอักขระเสียงอย่างรวดเร็วหรือไม่ก็ไร้คุณสมบัติพอจะเดินผ่านราตรีกาลมาเข้าร่วมสำนักได้
แม้การรู้โครงสร้างของสำนักจะไม่ค่อยช่วยอะไรกับการฝึกฝน แต่การเข้าใจระดับในสำนักก็ทำให้หวังเป่าเล่อกำหนดแนวทางได้ดีขึ้น
แต่ที่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจคือการฝึกฝนตลอดหนึ่งเดือนนี้ แม้เขาจะรู้แจ้งอักขระเสียงมาอีก 14 ตัว รวมกับก่อนหน้านี้ก็เกือบ 30 ตัวแล้ว ทว่านอกจากเสียงตุ้บตัวแรกสุด ตัวอื่นล้วนเป็นเสียงฟู่ทั้งหมด
นั่นทำให้หวังเป่าเล่อจนปัญญาและสับสนไปพร้อมกัน เขารู้สึกว่าตนควรนับว่ามีคุณสมบัติระดับสูงในการรู้แจ้งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง มิเช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีอักขระเสียงมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ
แต่คุณสมบัตินี้ดูจะบิดเบี้ยวหน่อยๆ
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย!”
หวังเป่าเล่อสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาดื้อรั้น
“อยากจะได้อักขระเสียงมากกว่านี้ก็ต้องเข้าไปสู่โลกแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง” หลังจากครุ่นคิดเขาก็ไม่รอช้ารีบเดินออกจากถ้ำที่พักในตอนกลางคืน และเหาะออกจากอาณาเขตภูเขาไฟหายไปในความมืดทันที
โลกแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงคือความหวังสุดท้ายของหวังเป่าเล่อ เขากำลังตรึกตรองอยู่ว่าในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนั่นจะต้องทำให้เขารู้แจ้งอักขระเสียงอื่นๆ ได้แน่
หวังเป่าเล่อพุ่งไปในความมืดด้วยความดื้อรั้นเช่นนี้เป็นเวลานาน จนกระทั่งออกห่างจากสำนักอย่างสิ้นเชิงและเห็นว่าไม่มีผู้ฝึกตนคนใดอยู่รอบตัวแล้วจึงใช้วิธีเดิมที่เคยทำ ดึงดูดสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหล่านั้นเข้ามาหาและกลืนกินในพริบตา
เมื่อกฎเกณฑ์ปรารถนารสถูกผนึกอีกครั้ง กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงก็ได้รับการหล่อเลี้ยงจนดูเหมือนว่าอักขระเสียงใหม่กำลังก่อตัวขึ้น
เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน การกลืนกินของหวังเป่าเล่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง เมื่อพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น อักขระเสียงใหม่ๆ ก็ก่อตัวขึ้นในร่างกายเขาทีละตัว
แต่สีหน้าเขากลับยิ่งน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นทุกวัน กระทั่งเวลาล่วงผ่านไปหนึ่งเดือนครึ่ง ขณะที่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดหายไปจำนวนมาก หวังเป่าเล่อยืนอยู่บนที่ราบหนึ่ง เขากำลังใช้ดวงจิตเทพสัมผัสถึงอักขระเสียงตัวที่ 67 ที่ปรากฏในร่างกายอย่างมึนงง
ฟู่…
เมื่อเสียงคุ้นเคยดังก้องในหัว หวังเป่าเล่อก็หน้ากระตุกยิกๆ เขาเงียบไปนาน สายตาแน่วแน่
“มันต้องเกี่ยวข้องกับร่างต้นแบบแน่!”
“ในเมื่อไม่มีทางรู้แจ้งอักขระเสียงอื่น…อักขระเสียงตัวนี้ก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้!” หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นคว้าความว่างเปล่าข้างๆ ตัวเอง
ทันใดนั้นในมือก็เกิดความรู้สึกลื่นๆ เหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายปลา แม้จะมองไม่เห็น แต่มันถูกเขาจับอยู่ในมือจริงๆ
ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากเงื้อมมือหวังเป่าเล่อได้ ส่วนหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจวัตถุในมือ ตอนนี้เขากำลังขยับอักขระเสียงตัวหนึ่งในร่างกาย ทำให้มันส่งเสียงออกมาก่อตัวเป็นพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเข้าไปในตัวสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ในมือ
ขณะที่เสียงฟู่ดังก้อง สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในมือหวังเป่าเล่อก็สั่นสะท้านคล้ายกับร่างแข็งเกร็งไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ นั่นทำให้หวังเป่าเล่อหน้าตาบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ลองใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงจากอักขระเสียงของตน แต่เขาก็ยังผิดหวังอยู่หน่อยๆ ช่วงเวลาที่เข้าร่วมสำนักเหอเสียนนี้ โดยเฉพาะการพูดคุยกับเฉินหลิงทำให้เขารู้ว่าผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญอักขระเสียงหลักมักจะใช้อักขระเสียงหนึ่งตัวส่งพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงออกมาก็สามารถสังหารสิ่งแปลกประหลาดในมือได้แล้ว
แต่เขาล่ะ ส่งเสียงออกไปก็ทำได้แค่ให้อีกฝ่ายตัวแข็งทื่อเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ท่ามกลางความเงียบหวังเป่าเล่อเลิกเพ้อฝันเรื่องอุดมคติของการรู้แจ้งอักขระเสียงประเภทต่างๆ แต่เมื่อแสงเย็นวาบผ่านดวงตา อักขระเสียง 60 กว่าตัวในร่างกายก็เริ่มซ้อนทับและบีบอัดกัน!
พลังของตัวเดียวไม่เพียงพอก็เพิ่มเข้าไปอีกหนึ่ง ถ้ายังไม่พอก็เพิ่มเข้าไปอีกสิบหรือร้อย…
หวังเป่าเล่อละทิ้งเส้นทางแห่งทำนองปกติไปหมดแล้ว เขาอยากจะดูว่าอักขระเสียงเพียงตัวเดียว หากซ้อนทับกันเป็นร้อยเป็นพันตัวจะสามารถสร้างพลังระเบิดที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าได้หรือไม่
คิดถึงตรงนี้ อักขระเสียงสองตัวในร่างกายหวังเป่าเล่อก็ซ้อนทับกันทันที ตามด้วยอีกสิบตัว ในไม่ช้าอักขระเสียงในร่างกายเขาก็เหลือเพียงสองตัวเท่านั้น
ตัวหนึ่งคือตุ้บ
ตัวหนึ่งคืออักขระเสียงผิดรูปที่เกิดจากเสียงแบบเดียวกัน 66 ตัวซ้อนทับกัน
“ไหนดูสิว่าตอนนี้พลังจะเป็นอย่างไร!” หวังเป่าเล่อหรี่ตาก้มหน้ามองสิ่งแปลกประหลาดที่ดิ้นไปมาอยู่ในมือ ก่อนจะนำเสียงที่เกิดจากอักขระเสียง 66 ตัวซ้อนทับกันสัมผัสมันเบาๆ
ฟู่!
ยังคงเป็นเสียงเดิม แต่ดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ พริบตาที่มันเล็ดลอดออกไป หวังเป่าเล่อก็เห็นชัดเจนว่าตรงจุดที่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในมือตนอยู่นั้น จากเดิมที่แค่สัมผัสได้แต่มองไม่เห็น บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นปลาน่าเกลียดสีดำมะเมื่อมทั้งตัวถูกจับอยู่ในมือจริงๆ
พริบตาถัดมาเจ้าปลาตัวนี้ก็เบิกตากว้าง และ…ระเบิดตัวทันที!
เสียงระเบิดนั่นก็คือเสียง…ฟู่!
เลือดเนื้อกระจาย
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท