ตอนที่ 576 รุดเข้าช่วยฉีฉี
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความวิตกกังวลของทุกคน ไม่นานนักก็ผ่านไปจนถึงอีกวันหนึ่ง
เถาจืออวิ๋นไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน สีหน้าหล่อนดูซีดเซียวมาก
หลินม่ายถอนหายใจ เข้าไปที่ห้องครัวเพื่อทำโจ๊กให้หล่อนชามหนึ่ง แต่แม่เถาปรามไว้ก่อน บอกให้เธอกลับไปพักผ่อน เพราะเมื่อคืนนี้เธออุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนเถาจืออวิ๋นทั้งคืนแล้ว
หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่าเธอยังอายุน้อย นอนดึกบ้างเป็นครั้งคราวคงไม่เป็นไร
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
พ่อเถาเดินไปเปิดประตู พบว่าแขกที่มาใหม่คือฟางจั๋วหราน จึงเชื้อเชิญเขาเข้ามาในบ้านด้วยความกระตือรือร้น
เขายังบอกให้ลูกชายคนโตออกไปข้างนอก เพื่อซื้อนมถั่วเหลืองและปาท่องโก๋มาต้อนรับฟางจั๋วหราน
ตั้งแต่ฉีฉีหายตัวไป ไม่ใช่แค่เถาจืออวิ๋นและพ่อแม่ของหล่อนเท่านั้นที่เป็นกังวลอย่างมาก แม้แต่พี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งสี่คนของหล่อนก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน
เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดนอนค้างอยู่ที่บ้านของพ่อเถาแม่เถาเพื่อเฝ้าเถาจืออวิ๋น
ฟางจั๋วหรานรีบพูด “ไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ ผมแวะมาที่นี่หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว แค่แวะมาส่งเสี่ยวหลงเปากับซุปไก่ให้ม่ายจื่อกับเสี่ยวเถาเท่านั้น”
เขาเห็นหลินม่ายรีบเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็วจากห้องครัว จึงยื่นกระติกน้ำและกล่องบรรจุอาหารให้
เมื่อเห็นว่ารอบดวงตาของเธอมีสีคล้ำเล็กน้อย เขาถึงรู้ว่าเมื่อคืนนี้เธอคงนอนดึกมาก ขยับไปกระซิบข้างหู “ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย” จากนั้นก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ
หลินม่ายเทซุปไก่จากกระติกน้ำ แบ่งเป็นสองชามให้ตัวเองกับเถาจืออวิ๋น รวมถึงพ่อเถาและแม่เถา
ซุปไก่กระติกนี้ฟางจั๋วหรานผู้เป็นคู่หมั้นของหลินม่ายอุตส่าห์ทำมาให้คนรักของเขา ทุกคนจึงไม่อยากรับไว้ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการเสียความตั้งใจของฟางจั๋วหราน
เถาจืออวิ๋นบ่ายเบี่ยงไม่ยอมดื่ม หลินม่ายจึงพยายามเกลี้ยกล่อมขณะจิบซุปไก่ “นี่ไม่ใช่ซุปไก่ทั่วไป แต่เป็นซุปไก่ที่แฟนฉันเคี่ยวด้วยตัวเองเลยนะ ขนาดฉันยังได้ดื่มแค่ปีละสองสามครั้งเท่านั้นเอง ไม่ต้องเกรงใจนักหรอกค่ะ”
พ่อเถาและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้นจึงชักชวนให้เถาจืออวิ๋นดื่มซุปไก่รองท้องสักหน่อย
หลังจากจิบไปสองครั้ง หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา พูดด้วยเสียงสะอื้น “ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉีฉีจะได้กินอะไรแล้วหรือยัง”
ทันใดนั้น ทุกคนก็เงียบเสียงลง แม้แต่หลินม่ายก็รู้สึกหดหู่จนไม่อยากดื่มซุปไก่ต่อ
จังหวะนั้นเอง เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านหลังติดกันก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา พร้อมกับยื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งให้แม่เถา
เขาบอกว่าตัวเองตื่นนอนมาก็เห็นโน้ตแผ่นนี้แล้ว คนส่งอาจยัดมันเข้ามาทางช่องประตู
ทุกคนชะโงกหน้าไปอ่าน พบว่าเป็นโน้ตที่หม่าเทาเขียนไว้
เนื้อหาในนั้นบอกว่า เขาเป็นคนพาตัวฉีฉีไปเอง และต่อไปนี้เขาจะเป็นคนเลี้ยงดู เถาจืออวิ๋นต้องจ่ายค่าดูแลให้พวกเขาเป็นรายเดือนเดือนละหนึ่งร้อยหยวน
ทุกคนตื่นเต้นดีใจ ร้องตะโกนลั่น “เจอตัวฉีฉีซะที!”
พวกเขาหันไปขอบคุณเพื่อนบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า
เถาจืออวิ๋นถึงกับน้ำตาไหลรินด้วยความตื่นเต้น
หลินม่ายเตือน “เราต้องไปรายงานความคืบหน้านี้ให้ทางตำรวจรับรู้ก่อนดีไหมคะ?”
เถาจืออวิ๋นวางซุปไก่ที่แทบไม่ได้แตะลงบนโต๊ะ ขับรถตรงไปที่สถานีตำรวจ
จากกระดาษโน้ตของหม่าเทาที่เขียนถึงเถาจืออวิ๋นและเอามาเสียบไว้ที่ประตูบ้านของเพื่อนบ้าน นอกจากเขาจะเรียกร้องค่าดูแลที่สูงมากแล้ว ยังกำหนดจุดนัดพบเพื่อให้เถาจืออวิ๋นออกไปส่งเงินให้เขาด้วย
ตำรวจจึงแนะนำให้เถาจืออวิ๋นไปหาเขาที่จุดนัดพบ เพื่อล่อหม่าเทาออกมา แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการจับกุมทันที
หลินม่ายแนะนำว่า หลังจากที่หม่าเทายอมปรากฏตัว ให้เถาจืออวิ๋นพยายามเจรจากับเขา เพื่อขอให้เขาคืนเด็กให้กับหล่อน แล้วหล่อนจะมอบเงินจำนวนห้าร้อยหยวนให้เขาทันที
เถาจืออวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แย้งว่า “ถึงเราจะให้เงินสัตว์ร้ายหม่ามากถึงห้าร้อยหยวนก็จริง แต่เขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่ เพราะเขาต้องการขูดรีดเงินจากฉันเป็นรายเดือนตลอดไป คนอย่างเขาจะยอมคืนฉีฉีให้ฉันด้วยค่าไถ่แค่ห้าร้อยหยวนได้ยังไง?”
“เราให้เงินเขาน้อยนั่นแหละดีแล้ว ล่อให้เขาอ้าปากด่ากราดว่าตัวเองต้องการอะไร จากนั้นพี่ก็อัดเสียงไว้ รอให้พวกเราไปช่วยฉีฉีออกมาได้เมื่อไหร่ พี่จะได้ไปขึ้นศาลฟ้องร้องเขาในข้อหาขู่กรรโชก อย่างน้อยเขาจะได้เข้าไปนอนซังเตนานหลายปี จากนี้พี่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้า ตกลงไปตามนัดพร้อมกับซ่อนเครื่องบันทึกเทปขนาดเล็กของหลินม่ายเอาไว้ในเสื้อผ้า
หล่อนมาถึงแผงขายอาหารว่างที่เงียบสงัดซึ่งหม่าเทาเป็นคนนัดหมายแล้ว
หลังกินขนมกุ้ยฮวาหมดไปหนึ่งชาม จนแล้วจนรอดหม่าเทาก็ยังไม่ยอมปรากฏตัว
หล่อนแทบหัวใจสลาย สงสัยว่าหม่าเทาคงจับได้ว่าตนพากำลังตำรวจมาซุ่มอยู่แถวนี้ ถึงไม่ยอมออกมาปรากฏตัวเสียที
ถ้าเป็นแบบนี้ หล่อนจะสูญเสียฉีฉีไปตลอดกาลหรือเปล่า?
ในขณะที่เถาจืออวิ๋นกำลังครุ่นคิดด้วยความฟุ้งซ่าน เงาดำจากข้างหลังก็โอบล้อมหล่อนไว้
หล่อนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของหม่าเทายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับมีใครสักคนเอามีดมาจ้วงแทง
หม่าเทานั่งลงตรงข้ามหล่อน ตะโกนสั่งเจ้าของร้าน “ขอเกี๊ยวสองชาม ขนมจีบอีกสองเข่ง”
พอเจ้าของร้านยกชามเกี๊ยวกับขนมจีบที่เขาสั่งมาเสิร์ฟ เขาก็สวาปามทุกอย่างเข้าปากด้วยความตะกละตะกลาม เหมือนสัมภเวสีอดอยากกลับชาติมาเกิด
ที่ผ่านมาเขาได้เงินประทังชีพจำนวนเล็กน้อยจากพี่สาวทั้งสองคน แต่เงินแค่นั้นแทบไม่เพียงพอให้สมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวพอยาไส้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการกินอาหารดี ๆ แบบนี้
ไม่แปลกที่เขาจะสวาปามเกี๊ยวกับขนมจีบอย่างละสองที่อย่างตายอดตายอยาก
หลังจากกินเสร็จ เถาจืออวิ๋นเป็นคนอาสาจ่ายเงินเอง ซึ่งเขาก็ดูพึงพอใจมาก
หลังจากเถาจืออวิ๋นจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย หล่อนก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามหม่าเทาว่าตอนนี้ฉีฉีสบายดีไหม
หม่าเทาจ้องเขม็งมองหล่อนด้วยสีหน้าคนพาล “ฉีฉีจะสบายดีหรือเปล่า นั่นก็ขึ้นอยู่กับค่าเลี้ยงดูลูกที่เธอให้ ยิ่งเธอจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้ลูกมากเท่าไหร่ ชีวิตความเป็นอยู่ของฉีฉีก็จะยิ่งดี”
ความหมายก็คือ ถ้าเธอจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้เขาน้อยนิด ก็อย่าหวังเลยว่าฉีฉีจะสุขสบาย
เถาจืออวิ๋นเริ่มเจรจากับเขาตามที่หลินม่ายแนะนำ ขอให้เขาไปพาฉีฉีมาคืนตนเสีย แล้วจะจ่ายเงินให้เขาจำนวนห้าร้อยหยวน
หม่าเทาโกรธจัดจนแทบจะพลิกโต๊ะคว่ำ “เธอมีปัญญาหาเงินมาให้ฉันแค่ห้าร้อยหยวนเองเหรอ คิดว่าตัวเองกำลังสงเคราะห์ขอทานอยู่หรือไง?”
เถาจืออวิ๋นโต้กลับด้วยความโกรธ “ก็เพราะฉันไม่อยากให้นายเอาลูกไป ฉันอุตส่าห์เสนอเงินให้นายห้าร้อยหยวนฟรี ๆ แล้วแท้ ๆ นายยังคิดว่ามันน้อยเกินไปอีก อย่าทำตัวโลภไปหน่อยเลย!”
ดวงตาของหม่าเทาฉายแววดุร้าย พ่นถ้อยคำส่อธาตุแท้ออกมาจากปาก “ฉันโลภมากแล้วยังไง คนอย่างเธอจะไปทำอะไรฉันได้? ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้ฉีฉียังอยู่ในมือฉัน!”
เมื่อเห็นว่าตัวเองสามารถรวบรวมหลักฐานได้เพียงพอแล้ว เถาจืออวิ๋นก็ปัดถ้วยร่วงลงพื้น เป็นการส่งสัญญาณตามที่ตกลงไว้กับทางตำรวจก่อนหน้านี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายรีบวิ่งออกมาจากห้องครัวของร้านทันที เข้าควบคุมตัวหม่าเทาอย่างรวดเร็ว
ตำรวจรีบเค้นถามเขาด้วยน้ำเสียงดุดันว่าเขาพาฉีฉีไปซ่อนไว้ที่ไหน
ถึงใบหน้าของหม่าเทาจะซีดเผือดลงด้วยความตื่นตกใจในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์
เขาถามตำรวจกลับ “ผมแค่พาลูกชายไปอยู่ที่บ้านกับผม ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายซะหน่อย พวกคุณมาจับตัวผมทำไม?”
ตำรวจคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่าแสร้งทำเป็นไขสือหน่อยเลย ครั้งล่าสุดนายเพิ่งจะไปดักรอลูกชายตัวเองที่หน้าโรงเรียนอนุบาล ตำรวจเคยพานายไปอบรมพร้อมภาคทัณฑ์แล้ว ผู้ปกครองโดยชอบธรรมของลูกชายนายคืออดีตภรรยาของนายต่างหาก ถ้าหล่อนไม่อนุญาตให้นายพาเด็กไปไหนได้ นายก็ไม่มีสิทธิ์พาตัวเขาไปไหนทั้งนั้น ไม่งั้นจะถือเป็นการละเมิดกฎหมาย ถ้านี่เป็นครั้งแรก แล้วนายอ้างว่าตัวเองไม่เข้าใจกฎหมาย ทางตำรวจก็จะพิจารณาลดโทษให้อยู่หรอก แต่นายพยายามทำความผิดเป็นครั้งที่สอง นี่ไม่ใช่การกระทำผิดแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้ว”
ตำรวจอีกคนหนึ่งสมทบ “ถ้านายอยากติดคุกนักก็ไม่ต้องเชื่อคำพูดของพวกเราก็ได้ เชิญนายขัดขืนได้ตามสบาย จะได้โดนโทษสูงสุดอีกสักสามถึงห้าปี”
พอหม่าเทาได้ยินคำว่าคุก คราวนี้เขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง ในที่สุดก็ยอมพาเจ้าหน้าที่ตำรวจและเถาจืออวิ๋นไปที่บ้านตัวเองเพื่อช่วยพาฉีฉีออกมา
ทันทีที่เขาถูกคุมตัวออกมาจากร้าน หม่าเทาก็เห็นว่าหลินม่ายยืนอยู่ข้างรถเบนซ์ จึงจ้องเขม็งมองเธอด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เขาเชื่อว่าเธอต้องเป็นคนซ้อนแผนตัวเองแน่ ดังนั้นในใจจึงอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งขับรถไปถึงที่พักใหม่ของหม่าเทา พบว่ามันเป็นบ้านสภาพทรุดโทรมที่อยู่ในชุมชนสลัมแห่งหนึ่งของตัวเมือง ทุกคนได้ยินเสียงหญิงชรากำลังทุบตีและดุด่าใครบางคน ตามด้วยเสียงร้องแหบแห้งของเด็กน้อย
เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉีฉี
เถาจืออวิ๋นร้อนรนใจมากจนใจแทบจะสลาย ไม่รอให้รถของหลินม่ายจอดสนิท รีบเปิดประตูรถแล้วกระโจนเข้าไปในบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที
หล่อนร้องไห้พร้อมกับสาปแช่งเสียงดังลั่น “ไอ้พวกคนแก่เดนตาย ฉีฉีเป็นหลานของตระกูลหม่าแท้ ๆ พวกแกยังกล้าเอาเข็มจิ้มเนื้อตัวเขา พวกแกยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม?”
ตำรวจและหลินม่ายรีบวิ่งตามเข้าไปในบ้าน เห็นว่าตอนนี้เถาจืออวิ๋นกำลังต่อสู้กับสองเฒ่าผัวเมียตระกูลหม่า
แต่เพราะอีกฝ่ายมีแรงกำลังมากกว่า หล่อนจึงถูกสองเฒ่าผัวเมียจิกหัวตบแล้วกดลงกับพื้น
ฉีฉีผู้น่าสงสารพยายามจะช่วยแม่ของเขา แต่ถูกพ่อผู้โหดเหี้ยมของหม่าเทากระชากตัวให้ออกห่าง
ทันทีที่หลินม่ายเห็นหน้าอีกฝ่าย เลือดลมก็พลุ่งพล่านทันที รีบวิ่งถาโถมเข้าไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ถีบพ่อหม่าจนกระเด็นไปอีกทาง
เธอเรียนรู้ทักษะการต่อสู้และป้องกันตัวจากโค้ชมาสองสามวันแล้ว ทักษะการต่อยตีคนของเธอพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก ลูกถีบดังกล่าวทำให้พ่อหม่าและแม่หม่าเจ็บจุกจนกรีดร้องลั่น
หลังจากใช้กำลังกับคนชั่วจนสาแก่ใจ หลินม่ายก็หันไปช่วยเถาจืออวิ๋น ก่อนจะอุ้มฉีฉีขึ้นมา พบว่าเด็กชายตัวน้อยหมดสติไปแล้ว
เธอรีบหันไปบอกตำรวจ “เราต้องรีบพาเด็กไปโรงพยาบาลโดยด่วน”
นายตำรวจสองคนวิ่งเข้ามาช่วยอุ้มฉีฉี
ตำรวจคนหนึ่งบอกให้ตำรวจอีกคนช่วยพาหลินม่ายไปโรงพยาบาลเพื่อพาฉีฉีไปหากุมารแพทย์ เพื่อให้เขาทำการประเมินอาการบาดเจ็บของเด็ก
ถ้าไม่มีตำรวจตามไปคุ้มกัน แพทย์ก็ไม่สามารถประเมินการบาดเจ็บให้กับเขาได้
ขณะเดียวกันนั้นเถาจืออวิ๋นก็พยายามลุกขึ้นจากพื้น ขึ้นรถตามลูกชายไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับหลินม่ายและนายตำรวจ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอตัวฉีฉีแล้ว อย่าอยู่เลยไอ้พวกเดรัจฉานตระกูลหม่า
ไหหม่า(海馬)