รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 562 ชอบอ่านหนังสือหรือ ข้ามีหนังสืออยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าลองดูเถิด!

บทที่ 562 ชอบอ่านหนังสือหรือ ข้ามีหนังสืออยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าลองดูเถิด!

บทที่ 562 ชอบอ่านหนังสือหรือ ข้ามีหนังสืออยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าลองดูเถิด!

ยังเหลือเวลา หลี่จิ่วเต้ามิได้รีบร้อนต้มบะหมี่ พวกเขาเข้ามานั่งที่ศาลา

ส่วนลั่วสุ่ยยกชาเข้ามา พร้อมรินให้คนละถ้วย

“อย่ามัววุ่นวายอยู่เลย เจ้ามานั่งด้วยกันเถิด”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ พึงพอใจในตัวลั่วสุ่ยขึ้นเรื่อย ๆ

“จริงสิ ลืมแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก”

หลี่จิ่วเต้าหันมองพวกหลิงอิน “นางคือลั่วสุ่ย หรือก็คือเสี่ยวไป๋ เป็นแมวน้อยสีขาวที่ข้าเคยเลี้ยง บัดนี้อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว”

คุณชายกำลังแนะนำให้พวกนางรู้จักกันอย่างเป็นทางการหรือ

หลิงอินและเสี่ยวหยาคิดในใจ รู้สึกว่าคุณชายดีต่อลั่วสุ่ยจริง ๆ

พวกนางรู้ตัวตนของลั่วสุ่ยอยู่แล้ว และแน่นอนว่าคุณชายตระหนักถึงข้อนี้ดี

กระนั้นคุณชายก็ยังแนะนำให้พวกนางรู้จักกันอย่างเป็นทางการเยี่ยงนี้ บ่งบอกว่าคุณชายดีกับลั่วสุ่ยจริง ๆ ให้ความสำคัญกับลั่วสุ่ยมาก และประกาศให้พวกนางทราบว่าลั่วสุ่ยมิได้อยู่ในฐานะแมวเลี้ยงอีกแล้ว

พวกนางพากันทักทายลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ และลั่วสุ่ยก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“ชอบอ่านหนังสือหรือ”

ระหว่างสนทนาสัพเพเหระ หลี่จิ่วเต้าได้รู้ว่าพี่ชายเสี่ยวหยาชอบการอ่านหนังสือที่สุด

เขาดูออกอยู่แล้ว พี่ชายเสี่ยวหยามีกลิ่นอายความเป็นบัณฑิตอยู่สูง ดูเหมือนผู้มีความรู้คนหนึ่ง

“ใช่แล้วคุณชาย”

พี่ชายเสี่ยวหยาตอบ สายตาทอประกายแห่งความทรงจำ

เขาชื่นชอบการอ่านหนังสือตั้งแต่ยังเยาว์ อนิจจา ภายหลังเกิดเรื่องกับบุพการีของเขา ตายลงด้วยอุบัติเหตุ เพื่อดูแลเสี่ยวหยา เขาล้มเลิกการเรียน ลาออกจากสถานศึกษา คอยทำงานรับใช้ผู้อื่นเพื่อเลี้ยงดูเสี่ยวหยา

และแม้ว่าต่อมา เขาจะถูกขายให้กับกองกำลังมืด ต้องรับใช้กองกำลังมืดด้วยชีวิต เขาก็มิเคยเลิกอ่านหนังสือ

ในหนังสือมีเรื่องราวมากมาย ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป เขาถูกกองกำลังมืดควบคุม ไร้ซึ่งอิสรภาพ การอ่านหนังสือปลอบประโลมเขาได้ และยังช่วยให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น

“ข้ามีหนังสืออยู่จำนวนหนึ่ง รับรองว่าเจ้าไม่เคยอ่านแน่!”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เอ่ยกับพี่ชายเสี่ยวหยา “ข้าจะไปหยิบหนังสือเหล่านั้นมาให้”

จากนั้นเขาก็ลุกเดินไปที่ห้องเก็บหนังสือ นำหนังสือมาจำนวนหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนังสือขึ้นชื่อในดาวเคราะห์สีฟ้า หลังมาอยู่ในโลกนี้ ยามเขาอยู่ว่าง ๆ จึงได้เขียนเรื่องราวในหนังสือเหล่านั้นออกมา

“เจ้าลองดูเถิด”

หลี่จิ่วเต้าวางหนังสือบนโต๊ะ บอกให้พี่ชายเสี่ยวหยาลองอ่านหนังสือเหล่านี้ดู ดูว่าพี่ชายเสี่ยวหยาชอบหรือไม่

“ขอบคุณคุณชาย!”

พี่ชายเสี่ยวหยาตอบเสียงตื้นตัน หนังสือที่คุณชายหยิบมาให้นั้นไฉนเลยจะเป็นหนังสือสามัญ เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาพลิกอ่าน

“หืม อยู่เหนือสามภพ ไม่อยู่ในห้าธาตุ ข้าซุนหงอคงมาแล้ว!”

เขาอ่านประโยคหนึ่งจากหนังสือ

“เรื่องนี้ข้ารู้จัก ตำนานไซอิ๋วใช่หรือไม่”

หลิงอินตาเป็นประกาย ฟังปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือวจีติดปากของผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน

พี่ชายเสี่ยวหยาปิดหนังสือ ก็ได้เห็นคำว่า ‘ตำราไซอิ๋ว’ ที่เขียนอยู่บนปก จึงพยักหน้าพลางเอ่ย “ใช่แล้ว ตำนานไซอิ๋ว!”

“เล่มนี้ไม่เลวเลย คุ้มค่าแก่การอ่าน!”

หลิงอินกล่าว่จากใจจริง นางเคยได้ยินคุณชายเล่าตำนานไซอิ๋วมาก่อน หรรษาเป็นที่สุด!

“จริงหรือ”

เสี่ยวหยาเกิดความสนใจขึ้นมาบ้าง นางไม่เคยได้ยินคุณชายเล่าตำนานไซอิ๋วมาก่อน

พี่ชายเสี่ยวหยายื่นหนังสือไซอิ๋วให้เสี่ยวหยา แล้วหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมา

“สหายโปรดรอก่อน ข้ามีเรื่องหารือกับสหาย!”

พี่ชายเสี่ยวหยาพลิกหน้าหนังสือ อ่านออกเสียง

“ตำนานสถาปนาเทวดา!”

หลิงอินตาเป็นประกายอีกครั้ง ฟังปราดเดียวก็รู้เช่นเดิม นี่คือวลีติดปากของเซินกงเป้าในเรื่องสถาปนาเทวดา

จะว่าไป วลีติดปากประโยคนี้ของเซินกงเป้า ไม่รู้ทำร้าย ‘สหาย’ ไปตั้งเท่าใด!

“เล่มนี้ก็ไม่เลว! แนะนำให้อ่านอย่างยิ่ง!”

นางกล่าวต่อ เคยได้ยินคุณชายเล่าตำนานสถาปนาเทวดาด้วย

“ได้!”

พี่ชายเสี่ยวหยาวาง ‘ตำนานสถาปนาเทวดา’ ลง แล้วหยิบขึ้นมาอีกเล่ม

“สุสานนานัปการในใต้หล้านี้ มิมีหลุมใดที่ข้าขุดไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมหาจักรพรรดิ เซียนแห่งโลกมนุษย์ บรรพจารย์เต๋า อย่าได้แหยมกับข้า มิฉะนั้น หลังเจ้าตายไป ข้าจักขุดหลุมศพของเจ้า! และจะไม่ยอมปล่อยลูกหลานของเจ้าไป! รอจนลูกหลานเจ้าตายไปแล้ว ข้าจักให้ลูกหลานของข้าไปขุดหลุมศพพวกเจ้า!”

พี่ชายเสี่ยวหยาอ่านใจความท่อนหนึ่งในหนังสือแล้วต้องเบิกตากว้าง

สุดยอด!

มีวิธีข่มขู่ผู้อื่นเช่นนี้ด้วยหรือ!?

รอให้เจ้าตายก่อนแล้วค่อยไปขุดหลุมศพเจ้า!

ช่างเป็นคำขู่ที่ประหลาดทว่าองอาจ!

เขาพลิกอ่านด้านหลัง ยังมีอีกท่อนหนึ่ง

“เมื่อเจอสุนัขดำอย่าได้ใจอ่อน ต้องตีให้ตายในคราเดียว มิฉะนั้น ต้องถูกสุนัขดำกัดแน่ ซ้ำยังต้องถูกสุนัขดำช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไป! นับแต่โบราณกาล สุนัขดำนิสัยไม่ดีมาโดยตลอด!”

เขาอ่านไป นึกในใจไปว่าคนผู้นี้ต้องโกรธแค้นสุนัขดำอย่างมหันต์แน่ มิฉะนั้น ไยจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้!

ชั่วขณะนั้น เขาสนอกสนใจในเนื้อหาหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างมาก อยากรู้เหลือเกินว่าคนผู้นี้มีข้อพิพาทใดกับสุนัขดำ

เขาปิดหนังสือเล่มนั้น มองชื่อหนังสือซึ่งมีนามว่า ‘ตำนานอู๋เลี่ยงเทียนจุน’

‘ตำนานอู๋เลี่ยงเทียนจุน’ เขาพอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนังสือเล่มนี้ถึงได้มีชื่อเช่นนี้ เพราะหลังเขาพลิกอ่านคร่าว ๆ ก็ได้เห็นประโยค ‘อู๋เลี่ยงเทียนจุน…เวรตะไล’!

คงเป็นวลีติดปากของตัวเอกหนังสือกระมัง

เขาวางหนังสือเล่มนั้น หยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมาพลิกอ่าน

“มีรุ่งเรือง มีตกต่ำ อย่าได้รังแกผู้เยาว์วัยเพราะความจน! ขอถอนหมั้น!”

เขาอ่านไปท่อนหนึ่งสั้น ๆ เพียงท่อนสั้น ๆ นี้ก็ทำให้เขาเลือดร้อนพลุ่งพล่าน จิตใจลุกโชนอย่างอดไม่ไหว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ต้องเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความระห่ำเลือดร้อนแน่นอน!

เขาปิดหนังสือเล่มนั้น หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า ‘คัมภีร์เพลิงแผก’

“เรื่องพวกนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”

หลิงอินเพียงได้ฟังท่อนสั้น ๆ ในหนังสือที่พี่ชายเสี่ยวหยาอ่าน ก็รู้สึกอยากอ่านแทบทนไม่ไหว อยากรู้เหลือเกินว่าในหนังสือนั้นบอกเล่าเรื่องราวอันใดบ้าง

“ณ ทะเลแดนเหนือ มีมัจฉานามคุน ร่างใหญ่โตไม่รู้กี่พันลี้ หนึ่งคำกลืนมังกร หนึ่งคำกลืนพญาเผิง…”

พี่ชายเสี่ยวหยาหยิบหนังสือขึ้นมาอีกเล่ม และเริ่มอ่าน

เล่มนี้แตกต่างจากหนังสือก่อนหน้าทั้งหมด หนังสือเล่มนี้มีภาพวาดประกอบมากมาย เป็นภาพวาดของอสูรประหลาด ทิวทัศน์พิสดาร!

และข้อความที่เขาอ่านนั้น เป็นหมายเหตุใต้ภาพอันมีนามว่า ‘คุน’

สิ่งเหล่านี้คือสัตว์ประหลาดเช่นไรกัน?

แล้วภูเขาสายน้ำเหล่านี้คือที่ไหน?

เขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาด และทิวทัศน์ในนี้เลย!

ทว่าเขาสัมผัสได้ว่าสัตว์ประหลาด ทิวทัศน์ภูเขาสายน้ำในหนังสือเล่มนี้ สูงส่งและน่ากลัวเป็นอย่างมาก!

แดนบรรพโกลาหลหรือ!?

เขาคิดในใจอย่างอดมิได้ เคยได้ยินหลิงอินและเสี่ยวหยาเล่าเรื่องแดนบรรพโกลาหลมาก่อน เขารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้อาจบันทึกสัตว์ประหลาด และภูเขาสายน้ำในแดนบรรพโกลาหลก็เป็นได้!

จากนั้นเขาปิดหนังสือ หนังสือเล่มนี้มีนามว่า ‘คัมภีร์ซานไห่’

บุ๋งบุ๋ง!

มัจฉา?

คุน!?

ภายในบ่อน้ำ มัจฉาสัตมายาได้ยินถ้อยคำใน ‘คัมภีร์ซานไห่’ ที่พี่ชายเสี่ยวหยาอ่าน มันเต็มตื้นขึ้นมาทันใด

หนึ่งคำกลืนมังกร หนึ่งคำกลืนพญาเผิง!

นี่คือเป้าหมายสูงสุดในการวิวัฒนาการของเผ่ามัจฉาอย่างพวกมันหรือ!?

“ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! คุน คุน คุน…นี่คือเป้าหมายของข้า ข้าต้องวิวัฒนาเป็นคุนให้ได้!”

มันเอ่ยในใจ จ้องมองพี่ชายเสี่ยวหยาตาละห้อย อยากเห็นภาพคุนใน ‘คัมภีร์ซานไห่’ เหลือเกิน

มันอยากวิวัฒนาการเป็นคุนตัวหนึ่ง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท