หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1390 เจ้าทั้งสามแห่งเจ็ดอารมณ์

บทที่ 1390 เจ้าทั้งสามแห่งเจ็ดอารมณ์
พลังเคลื่อนย้ายถูกใช้งาน คืนมืดมิดสลายหายไป เจ้าแห่งสุขไม่ได้รอคำตอบจากหวังเป่าเล่อ แต่นางเชื่อว่าอีกฝ่ายจะรอแน่ เพราะวิกฤตครั้งนี้ไม่อาจหลบเลี่ยง เว้นแต่ว่าจะจากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากไม่กระตือรือร้นจัดการ ผลลัพธ์ก็สามารถคาดเดาได้เลย
และตราบใดที่คลี่คลายปัญหาความจริงใจและความเชื่อใจระหว่างพวกเขาได้ ทุกอย่างที่ตามมาก็จะเป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ความจริงเป็นเช่นที่เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์คาดเดาไว้จริงๆ กลับไปที่หวังเป่าเล่อในโรงเตี๊ยม หลังจากนั่งลงขัดสมาธิแล้วเขาก็ครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เขาเหมือนจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา แต่ความจริงในใจไม่ใช่อย่างนั้น
เพียงแต่ว่าความเสี่ยงที่ต้องแบกรับนั้นใหญ่มากนัก ถ้าหากได้กำไรแค่นั้น เขารู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้ม อีกอย่างที่สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อใจ
เขาไม่เชื่อใจเจ้าแห่งสุข
แต่กับเรื่องนี้ เส้นทางที่อยู่ข้างหน้าเขามีจำกัดมาก มันทำให้เวลาคิดพิจารณาของหวังเป่าเล่อยืดยาวไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เขาเคยคิดถึงการหนีจากไป
ถึงอย่างไร แม้ว่ากฎเกณฑ์แห่งปรารถนาเสียงของเขาในปัจจุบันจะไม่ได้ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่พลังแห่งท่วงทำนองหลักก็น่าตะลึงอย่างยิ่ง ต่อให้ออกไปจากที่นี่ก็สามารถไปฝึกต่อข้างนอกได้ ทั้งยังพอจะให้เวลาเขาได้ฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงจนบรรลุถึงระดับล้ำลึกได้บ้าง
แต่…โอกาสหนึ่งก้าวในการขึ้นสู่สวรรค์มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ความเย้ายวนของการกลืนกินร่างแปลงหนึ่งร่างของเจ้าปรารถนาเสียงมีมากเกินไปจริงๆ
ดังนั้นหลังจากหวังเป่าเล่อครุ่นคิด เขาก็ตัดสินใจจะรออีกเจ็ดวันเพื่อไปดูความจริงใจที่เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์พูดไว้ จากนั้นค่อยตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ถ้าจริงใจไม่พอ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เดิมพันกับเรื่องนี้ และจะรีบออกจากเมืองปรารถนาเสียงโดยเร็ว” หวังเป่าเล่อลอบตัดสินใจ ไม่กังวลกับเรื่องนี้อีก แต่ใช้เวลาไปตระหนักรู้ท่วงทำนองแทน
ไม่นานเจ็ดวันก็ผ่านไป เมื่อถึงวันที่เจ้าแห่งสุขนัดกับหวังเป่าเล่อไว้ก่อนหน้านี้ ในยามพลบค่ำของวัน หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้นมาโดยเร็ว แววตาเปล่งประกายสดใส
สิ่งที่จะได้ในคืนนี้จะตัดสินว่าเขาจะอยู่หรือไป ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เขาชั่งน้ำหนักอยู่ในใจอีกครั้งเงียบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้พลาดอะไรไปแล้ว ทันทีที่ยามค่ำคืนมาถึง เขาก็บีบแผ่นหยกที่ได้รับมาจนแตกเป็นอันดับแรก แล้วไปยังจวนที่ประตูสำนักเหอเสียน หลังจากหยิบของที่อยู่ในนั้นไปแล้ว เขาก็จากไป พุ่งทะยานอยู่ในค่ำคืนมืดมิด
กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามหลังมา หวังเป่าเล่อก็กำลังจะแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดเข้าสู่โลกแห่งเสียง แต่ในตอนนี้เอง ดวงตาของเขากลับหรี่ลงเล็กน้อย เขามองเห็นเกี้ยวแดงปรากฏขึ้นในค่ำคืนเบื้องหน้า
เกี้ยวหลังนี้คล้ายตรงมาหาหวังเป่าเล่อโดยเฉพาะ มองแวบแรกยังอยู่ไกลๆ พริบตาต่อมาก็มาถึงตรงหน้าหวังเป่าเล่อแล้ว ที่ม่านของเกี้ยวบุปมีมือของเจ้าแห่งสุข ซึ่งตอนนี้มันกำลังโบกมือให้กับหวังเป่าเล่อเบาๆ จากนั้นเกี้ยวสีเลือดหลังนี้ก็เดินทางต่อ
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ครุ่นคิดดู แล้วตัดสินใจตามไป
การติดตามครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม คิ้วของหวังเป่าเล่อค่อยๆ ขมวดมุ่น แต่ขณะที่เขาเริ่มจะทนไม่ไหว ทันใดนั้น ในยามค่ำคืนเบื้องหน้าเกี้ยวกลับมีบ้านไม้หลังหนึ่งปรากฏขึ้นมา!
“บ้านไม้?!” ดวงตาของหวังเป่าเล่อหดเกร็ง นี่เป็นครั้งแรกในยามค่ำคืนที่เขามองเห็นสิ่งก่อสร้าง ต้องรู้ว่าถึงแม้เมืองปรารถนาเสียงจะขยายใหญ่ขึ้นเมื่อถึงตอนกลางคืน แต่ความจริงเมื่อมองมาจากภายนอก จะมองไม่เห็นสิ่งก่อสร้างเลย
มีเพียงการแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดเท่านั้นถึงจะมองเห็นลวดลายเส้นสายได้ ดังนั้นเมื่อไม่ได้แปลงกายเป็นสัตว์ประหลาด นี่จึงเป็นครั้งแรกของหวังเป่าเล่อที่มองเห็นบ้านไม้ในคืนมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนี้
ส่วนเกี้ยวบุปผาก็มาหยุดลงอยู่ข้างบ้านไม้หลังนั้น มือขวาที่ม่านค่อยๆ ชี้ไปที่บ้านไม้ จากนั้นก็เดินทางต่อ แล้วค่อยๆ หายไปในความมืด ราวกับมันปรากฏตัวขึ้นเพื่อพาหวังเป่าเล่อมาที่นี่
หวังเป่าเล่อมองไปที่บ้านไม้ ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไป จนมาถึงประตูของบ้านไม้ แววตาของเขาก็เปล่งประกาย ยกมือขึ้นเคาะเบาๆ
ทันใดนั้นเสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น ประตูบ้านไม้ถูกผลักออกมาจากข้างใน เผยให้เห็นภาพภายในบ้าน
ในบ้านมีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว ข้างโต๊ะมีคนสองคนนั่งอยู่ ทั้งสองเป็นสตรี นอกจากนั้นยังมีชายคนหนึ่งกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง
สตรีสองคนนี้ คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน ใบหน้างดงามเรือนร่างอรชร ขณะเดียวกันในแววตาของนางกลับมีความโศกเศร้า แม้แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของนางก็เป็นเช่นเดียวกัน
ส่วนสตรีอีกคนก้มหน้าอยู่ มองไม่เห็นหน้าตา แต่มีความเยือกเย็นแรงกล้าเป็นพิเศษอยู่บนร่าง
ส่วนชายที่เดินไปเดินมาผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่มาก ราวกับว่าการให้เขามาอยู่ในบ้านไม้หลังนี้ช่างทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ขณะเคลื่อนไหวก็สะกดกลั้นความโกรธเกรี้ยวไม่ได้ เท้าเหยียบลงพื้นทีไรก็ระเบิดอารมณ์ตามทุกครั้ง
ชั่วขณะที่มองเห็นคนสามคนนี้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หดเกร็งอย่างรุนแรง กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสภายในร่างอยู่ในสภาวะปลดผนึกทันที บทเพลงหลักที่มีทำนองเพลงสามหมื่นท่อนทับซ้อนกันก็เตรียมเริ่มบรรเลง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะทันทีที่หวังเป่าเล่อมองเห็นคนทั้งสาม พวกเขาก็หันหน้ามามองหวังเป่าเล่อเช่นกัน
ชายร่างสูงใหญ่ที่เดินไปมาหยุดเคลื่อนที่ แต่ดวงตาแดงก่ำและแววตาที่มีเพลิงโทสะแผดเผาอยู่นั้นจ้องเขม็งมาที่หวังเป่าเล่อ ราวกับว่าชั่วขณะต่อมาเขาจะระเบิดอารมณ์จนสิ้น และเมื่อระเบิดออกมาแล้ว เพลิงโทสะย่อมโหมกระหน่ำเทียมฟ้าแน่นอน
อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ก็คล้ายส่งอิทธิพลต่อหวังเป่าเล่อ ทำให้ในใจของหวังเป่าเล่อเกิดความโกรธเกรี้ยวไร้ที่สิ้นสุดขึ้นมาทันใด
และในชั่วขณะที่สตรีชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินหันหน้ามามองหวังเป่าเล่อ ก็ให้ความรู้สึกโจมตีแก่หวังเป่าเล่ออย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ความโศกเศร้าผุดขึ้นในใจของเขา ความเศร้าเช่นนี้เหมือนกับท้องทะเลที่จะกดเขาจมน้ำให้ได้
นอกจากนั้น ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือสตรีผู้ที่เดิมยังก้มหน้าอยู่ผู้นั้น ตอนนี้เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองมาที่หวังเป่าเล่อ ในใจของหวังเป่าเล่อก็สั่นสะเท้าน ความเคียดแค้นอาฆาตรุนแรงแพร่กระจายออกมาจากร่างของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ ความคับแค้น การกล่าวโทษ ความพยาบาท อารมณ์ทั้งหลายคล้ายกับเส้นสายมากมายที่พันธนาการตัวเขาไว้
และการระเบิดของอารมณ์สามอย่างนี้ก็ทำให้หวังเป่าเล่อคล้ายกลายเป็นสามส่วน หอบหายใจเร็วรี่ราวกับถูกแบ่งแยก แต่โชคดีที่คุณสมบัติร่างจริงของเขาไม่ธรรมดาสามัญ ขณะที่เขากำลังจะทรุดตัวลง หวังเป่าเล่อก็แผ่พลังออกมาข้างนอกอย่างไม่ลังเล เข้าไปต้านกับทั้งสามคนตรงๆ โดยพลัน
ทันทีที่กลิ่นอายของคุณสมบัตินี้แผ่ออกมา สีหน้าของคนทั้งสามในบ้านก็ตกตะลึงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ควบคุมการปลดปล่อยอารมณ์ของตน นับว่ายอมรับตัวตนของหวังเป่าเล่อแล้ว
ส่วนทางหวังเป่าเล่อ เขายืนอยู่นอกบ้าน จ้องมองคนทั้งสาม ในใจเดาได้ถึงฐานะของพวกเขาแล้ว เพราะตัวตนที่สามารถทำให้กลิ่นอายคุณสมบัติของร่างจริงแผ่ออกมาแล้วยังต้านทานได้นั้น จะต้องเป็นจอมพลังระดับห้า
และระดับห้าที่มีอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ ตัวตนของพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้หวังเป่าเล่อจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าแห่งโกรธ เจ้าแห่งโศก และเจ้าแห่งแค้นจากเจ็ดอารมณ์!”
สามเจ้าจากเจ็ดอารมณ์รวมกันอยู่ที่นี่ เรื่องนี้ต่อให้เป็นหวังเป่าเล่อในอดีตก็คาดไม่ถึง แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าความตั้งใจอยากจะหลุดพ้นที่อยู่ในคำพูดของเจ้าแห่งสุขก่อนหน้านี้มีที่มาจากที่ใด
ในยามที่ร่างแปลงเต๋าแห่งดนตรีของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากเจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสามคนเข้ามาลงมือทันที เช่นนั้นต่อให้เจ้าแห่งปรารถนาเสียงจะมีวิชาลับหรือไพ่ตายอยู่ โอกาสที่เจ้าแห่งสุขจะได้รับความช่วยเหลือให้หลบหนีได้สำเร็จก็ยังมีมากอยู่ดี
นี่ก็คือความจริงใจของเจ้าแห่งสุข ไม่เสียใจที่จะเปิดเผยเรื่องเจ้าสามอารมณ์ให้หวังเป่าเล่อรู้ ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเอง
………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท